รีวิวญี่ปุ่น :: 9 Best Place to Visit “Tokyo and Around” 🇯🇵

แจกโพย Tokyo และเมืองรอบ ๆ สำหรับคนที่อยากปล่อยใจเที่ยวจอย ๆ ส่งท้ายปี เน้นใช้เวลาช้า ๆ ชิล ๆ ดื่มด่ำไปกับ 9 สปอตฮีลใจแบบครบรส ทั้งความสดใสท่ามกลางบรรยากาศเฟสทีฟในสวนสนุกระดับโลก ทั้งย่านเมืองเก่าสไตล์เรโทร-เอโดะ อันแสนสงบ ทั้งจุดชมพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติก ทั้งวิวโตเกียวมุมสูงแบบปัง ๆ อีกทั้งวิวธรรมชาติริมทะเลสาบเคียงคู่ฟูจิซัง ที่ชวนให้ปั่นจักรยานรับลมหนาว แบบฟิน ๆ

ก่อนจะเริ่มลัดเลาะแต่ละสถานที่เรามาทำความรู้จักกับอุปกรณ์จัดเก็บความทรงจำครั้งนี้กันก่อน กับ ‘OPPO Find X8’ สมาร์ทโฟนดีไซน์เรียบหรูที่เน้นความเพรียวบางพร้อมขอบแบนและโค้งมนให้เราจับถนัดมือ  ชูโรงมาด้วยกล้องที่มีระบบ HasselbladMaster ใช้เซ็นเซอร์ Sony LYT600 มอบความละเอียดสูงสุด 50MP ถึง 3 ตัว 3 ระยะ ตั้งแต่ Ultra-Wide (15mm) / Wide (24mm) / Telephoto (73mm) สอดแทรกฟีเจอร์ใหม่ ๆ ตอบโจทย์การใช้งานเพิ่มขึ้นมากมาย ประมวลผลผ่าน Dimensity9400 โปรเซสเซอร์ตัวใหม่ล่าสุดที่มีประสิทธิภาพและความเร็วที่มากขึ้น ทำให้ทุกการใช้งานไม่มีสะดุด แถมมาพร้อมตัวเลือกถึง 3 สี คือ Star Grey / Space Black / Shell Pink

01 Shibamata

ย่านของหนุ่มสาวชาวเรโทรที่ชอบเดินทอดน่องไปกับบรรยากาศย้อนยุค ประหนึ่งได้นั่งไทม์แมชชีนกลับไปชมเมืองญี่ปุ่นในสมัยโชวะ ‘Shibamata’ ตั้งอยู่ในเขต Shitamachi (ชิตามาจิ) ที่มีความหมายว่าย่านกลางเมือง นั่นก็หมายความว่าบริเวณนี้เดิมทีเคยเป็นแหล่งเศรษฐกิจ เต็มไปด้วยเหล่าพ่อค้า ช่างฝีมืออาศัยอยู่ เราจึงได้กลิ่นอายความเจริญแสนคลาสสิกจวบจนปัจจุบัน จุดเช็กอินแรกของที่นี่คือรูปปั้นผู้ชายสุดสมาร์ทที่ยืนอยู่หน้าสถานีรถไฟ นามว่าโทระ (Tora San) ตัวเอกของซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง ‘Otoko wa Tsurai yo’ ขึ้นชื่อว่าเป็นซีรีส์ที่ยาวนานที่สุดในโลก ตั้งแต่ปี 1960-1995 ถ่ายทำในย่านนี้ทำให้เมืองกลับมาโด่งดังอีกครั้งนั่นเอง

มีเมืองเก่าอยู่ที่ใดก็ต้องมี Shopping Street อยู่ที่นั่น ซึ่งถนนเส้นหลักของที่นี่มีชื่อว่า ‘Taishakuten Sando’ เป็นถนนคนเดินความยาว 200 เมตร ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือเก่าแก่สไตล์ญี่ปุ่น อัดแน่นไปด้วยร้านค้า บางร้านก็เปิดมานานกว่า 100 ปี  โชคดีที่ย่านนี้รอดพ้นจากระเบิดเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาได้ สถาปัตยกรรมที่เห็นจึงเป็นแบบออริจินัล ทำจากไม้โบราณ ที่ถูกใช้งานและดูแลรักษาอย่างดี

ใครที่หลงใหลในขนมญี่ปุ่นบอกเลยว่าไม่ควรพลาด Kasu dango เป็นของขึ้นชื้อ ซึ่งเขาจะทำแป้งสดใหม่วันต่อวัน มีให้เลือกทั้งสีขาวเบสิก และสีเขียว ด้านบนโบกทับด้วยถั่วแดง มันม่วง ซุนดะ สาหร่าย เกาลัด งาดำ ฯลฯ มาช่วยเพิ่มความหวาน ความนัว เคล้าไปกับแป้งหนึบหนับ กินคู่กับชาเขียวที่มาช่วยตัดรสหวาน เคล้ากลิ่นชาหอม ๆ แล้วฟินสุด จริง ๆ มีหลายหลายให้เลือกชิม แต่ถ้าให้แนะนำต้องนี่เลย Kameya Honpo 亀家本舗 ร้านชื่อดังที่คนต่อแถวยาวสุดในย่าน

เมื่อเดินมาจนสุดถนนเราจะเจอกับแลนด์มาร์กสำคัญประจำพื้นที่ เป็นวัดเก่าแก่อายุเกือบ 400 ปีนามว่า Shibamata Taishakuten มีความสวยงามเป็นที่ประจักษ์จนได้เป็นหนึ่งในฉากของซีรีส์เรื่อง Otoko wa Tsurai yo และอยู่ในหนังสือนิยายอีกหลายเล่ม ผู้คนส่วนใหญ่มักมาที่นี่เพื่อขอพรด้านสุขภาพ มีความโดดเด่นเรื่องการแกะสลักไม้เป็นลวดลายแสนวิจิตรที่แอบซ่อนอยู่ตามเสา หนังคา คาน ฯลฯ จนได้สมญานามว่า ‘วัดแห่งการแกะสลัก’ ผสานกับสวนญี่ปุ่นอันงดงาม ดื่มด่ำเคล้าไปกับขนมญี่ปุ่นโบราณ ก็ช่วยสร้างไวบ์เที่ยวเมืองเก่าได้แบบเต็มสิบ

เดินอยู่หน้าวัด หางตามองไปเห็นเสาหินวางเรียงรายเป็นตีปให้เราครีเอทมุมเท่ ๆ ได้ สำหรับมุมลึกแบบนี้แนะนำให้ใช้โหมด Hasselblad Portrait ที่ซูมได้หลายระยะ ตามความชอบของช่างภาพ แต่เพื่อให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจน เราเลือกซูมเทียบเป็นระยะ 1x 1.4x 2x และ 3x จะเห็นว่ายิ่งซูมใกล้พื้นหลังก็จะยิ่งละลายอย่างเป็นธรรมชาติ พอได้แสงแฟร์จากพระอาทิตย์แล้วยิ่งละมุนเข้าไปใหญ่

สำหรับการมาเที่ยวย่านนี้สามารถแพลนได้ทั้งแบบครึ่งวันและเต็มวันเลยนะ นอกเหนือจากที่เราพาไปชมแล้ว เขายังมีร้านขนมย้อนยุคยอดฮิต Haikara Yokocho, พิพิธภัณฑ์ของเล่น Shibamata Toy Museum, Tora-Sam Museum ที่เหมาะกับคนรักการทำหนังให้เราใช้เวลากันอย่างเพลินเพลิน หรือจะไปฮอปคาเฟ่หลากสไตล์ หาร้านอาหารท้องถิ่นระดับตำนาน ดื่มด่ำกับบรรยากาศเมืองเก่าได้ไม่อั้น จะกลับเข้าเมืองค่ำมืดก็ไม่หวั่นเพราะสามารถนั่งรถไฟสาย Keisei-Kanamachi Line ตรงดิ่งไป Ueno ได้เลยในเวลาไม่เกิน 40 นาที

02 Lake Kawaguchiko

เมื่อคิดถึง Kawaguchiko ทุกคนอาจจะโฟกัสไปที่ภูเขาไฟฟูจิ แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่ชูโรงให้วิวฟูจิของพื้นที่นี้สวยจนชาวโลกต้องพุ่งตรงมาคือ ‘Lake Kawaguchiko’ ผืนน้ำอันยิ่งใหญ่ตรงหน้าเราเป็น 1 ใน 5 ทะเลสาบที่ล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิ และมีความเก่าแก่ที่สุดอย่างน้อยก็ราว ๆ 50,000 – 60,000 ปีมาแล้ว เกิดขึ้นจากลาวาที่หลั่งไหลจากการปะทุของภูเขาไฟ เมื่อแข็งตัวลงก็กลายเป็นแอ่งขนาดใหญ่ มีน้ำพุใต้น้ำมากมาย เป็นผลมาจากปฎิกริยาทางธรณีวิทยา จึงมีน้ำเต็มทะเลสาบตลอดปีส่งผลให้สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ กลายเป็นวิวชวนจึ้งอย่างที่เห็น

การเที่ยวรอบ ๆ ทะเลสาบแห่งนี้สามารถเลือกได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเดินชิลตั้งแต่เช้าจรดเย็น นั่งรถบัสที่เขาทำเป็น Loop ไว้เลือกขึ้น-ลงไปตามจุดเช็กอินรอบทะเลสาบได้ตลอดวัน หรือจะเช่าจักรยานปั่นก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว เพราะนอกจากจะได้ชมวิวงาม ๆ แล้วยังได้รับลมรับอากาศเย็นสบายตลอดทางด้วย โดยเส้นทางยอดนิยมจะเป็น Shinobi No Sato Ninja Village – Kawaguchiko Bridge – Kawaguchi Asama Shrine – Oishi Park – Momiji Corridor ก็จะครบรอบพอดี และถ้าใครเป็นนักปั่นน่องเหล็กเขาก็มีรูทปั่นไปถึงทะเลสาบทั้ง 5 เลยนะ อยากฟินแบบไหนเลือกได้ตามชอบ

แน่นอนว่าสายชิลไม่เน้นทำเวลาแต่เน้นทำคอนเทนต์แบบเรา ต้องเลือกการปั่นจักรยานอยู่แล้ว ปั่นแบบเรื่อย ๆ ปล่อย ๆ พักใจไปกับไอแดดและสายลม โดยปักหมุดไว้ที่เดียวเลยคือ Oishi Park สวนสาธารณะโออิชิที่แสนครบครัน ตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบมีการปลูกสวนดอกสลับหมุนเวียนไม่ซ้ำแต่ละฤดู เกิดเป็นภาพภูเขาไฟฟูจิที่แตกต่างกัน พร้อมร้านขายของที่มีทั้งของที่ระลึก ของกินเล่น ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ สามารถเทคไทม์ชิล ๆ ได้เป็นชั่วโมงเลย

จากมุมนี้ถ้าใครอยากเห็นยอดภูเขาไฟฟูจิแบบชัดเต็ม ๆ ตา นอกจากมาวันที่ท้องฟ้าเปิดแล้ว ลองหยิบ OPPO Find X8 ขึ้นมา แล้วใช้โหมด AI Telescope Zoom มันซูมได้ไกลชวนตะลึงมาก สูงสุดถึง 120x พร้อมประมวลภาพผ่าน AI นอกจากความคมชัด ยังได้รายละเอียดครบจากความละเอียด 50MP อีกด้วย ทำถึงมาก!!!

03 Kawagoe

เมืองเก่าใกล้โตเกียวที่เราชอบมามากที่สุด ใช้เวลาเดินทางจากกลางเมืองราว 30 นาที ก็ได้เปลี่ยนบรรยากาศอันวุ่นวายกลายเป็นเมืองโบราณแสนสงบสุข ‘Kawagoe’ สถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Litle Edo ขนานแท้แห่งเมืองไซตามะ เต็มไปด้วยโกดังสินค้าที่ทำจากไม้สีเข้ม บางหลังทำจากดินเหนียว เป็นชั้นเตี้ย ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมในยุคนั้น ๆ มีบทบาทสำคัญในการส่งเสบียงมายังโตเกียวเมื่อครั้งอดีต โดยอาคารเหล่านี้ก็ยังถูกอนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์ เหมาะแก่การเช่าชุดกิโมโนคิวท์ ๆ มาเดินถ่ายรูปสุด ๆ

ด้วยร้านค้าในนี้ค่อนข้างวาไรตี้ ขายของไม่ค่อยซ้ำกันทำให้เราสนุกไปกับการเดินเล่น บวกกับโครงสร้างอาคารอันทรงคุณค่า มีเสน่ห์ไม่เหมือนที่ไหน ก็ยิ่งสนุกไปกับการถ่ายภาพเข้าไปอีก แนะนำให้เริ่มเดินจากถนนคุระซุคุริ ซึ่งเป็นด่านหน้าของเอโดะขนาดย่อม ที่ตั้งไฮไลต์ประจำเมือง Toki no kne หอระฆังไม้อายุกว่า 400 ปี โดดเด่นสูงตระหง่านกว่า 16 เมตร ที่ยังคงส่งเสียงบอกเวลาอยู่ทุกวัน อีกสปอตที่คคือ Candy Alley ย่านน่ารักจนใจฟูไปกับความละลานตาของก้อนน้ำตาลหลากสี

สิ่งที่คอยชูใจเราในย่านนี้ไม่ใช่แค่เรื่องมุมถ่ายรูปเท่านั้น ยังมีเหล่าสตรีทฟู้ดของกินเล่นอีกด้วย เด่น ๆ เลยจะเป็นร้าน ‘Koedo Osatsuan’ กับเมนู Osatsu Chips มันหวานญี่ปุ่นสไลด์แผ่นบางทอดด้วยน้ำมันจนกรอบกรุบกินเพลินจนมีคนมาต่อแถวรอยาวเหยียด  ต่อมาเป็นร้าน ‘Kashou Umon’ เจ้าของเมนูซอฟต์รสมันม่วงกับกิมมิกกระชากใจที่ทางร้านนำแครกเกอร์รูปหัวใจมาปักอยู่ตรงยอด ทำให้ไอศกรีมแสนธรรมดาดูน่ารักขึ้นอีกสิบเท่า นอกจากนี้ยังมีของหากินยากอย่าง Takosen ลูกผสมของทาโกยากิก้อนโต ประกบด้วยเซมเบ้กุ้งกรอบ ๆ ของร้าน ‘Kanon かのん’ บอกเลยว่าละลานตาแบบสายกินจะต้องกรี๊ด

ก่อนจะอำลาจากเมืองนี้ไป ขอเก็บภาพใบไม้เปลี่ยนสีที่ยังพอหลงเหลือเห็นบ้างแบบใกล้ ๆ เอาไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย และแน่นอนว่าแม้ใบไม้จะอยู่สูงขนาดไหนแต่เราก็ซูมได้ด้วยกล้อง OPPO Find X8 พร้อมการละลายหลังอัตโนมัติ ด้วยความที่เขามี HyperTone Image Engine นวัตกรรมล่าสุดของแบรนด์ ทำให้เราได้ภาพที่คมชัดสวยงาม เกลี่ยแสงเงาได้อย่างมีไดนามิก และมีนอยซ์ที่ลดลง

ญี่ปุ่นก็คือญี่ปุ่น ไม่ว่าจะกวาดตามองไปทางไหนก็มีแต่ความน่ารัก สะอาดน่าอยู่ แค่เฟรมถนนธรรมดาที่มีบ้านคน ป้ายจราจร ก็กลายเป็นเฟรมภาพสุดละมุน ยิ่งปัดนิ้วไปที่โหมด Hasselblad Portrait ก็ยิ่งได้ภาพละลายหลังเพิ่มความฟุ้งของพื้นหลังได้เนียนกริบ เรียกว่ามือถือเครื่องเดียวเอาอยู่ทุกสถานการณ์จริง ๆ

04 Odaiba

วิวริมทะเลที่เท่ที่สุดในโตเกียว ‘Odaiba Beach’ ชายหาดบนเกาะโอไดบะ ผืนแผ่นดินที่เกิดขึ้นโดยน้ำมือมนุษย์ สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก ด้วยการนำขยะมาถมทะเลตั้งแต่ปี 1990 ค่อย ๆ ทำเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นเกาะแห่งความบันเทิงอย่างทุกวันนี้ โดยที่นี่มีตั้งแต่ธีมพาร์ก ห้างสรรพสินค้า มิวเซียม จุดนั่งชิล ชมวิว ปิกนิกมากมาย หน่ึงในนั้นคือชายหาดยาว 800 เมตร ที่มีทรายขาวให้เราได้เหยียบย่ำอย่างผ่อนคลายในหน้าร้อน รับลมทะเลหอม ๆ เย็น ๆ ในหน้าหนาว ทอดมองไปยังวิวเมืองใหญ่ที่มี Rainbow Bridge พาดผ่าน อีกด้านยังมีรูปปั้นจำลองของเทพีเสรีภาพขนาดใหญ่ที่กลายเป็นภาพ Iconic ประจำเกาะอีกด้วย

เราลองซูมสุดกันสักแมตช์ระหว่าง 20x และ 30x เห็นได้ชัดเลยว่าแม้จะซูมใกล้ขนาดไหนภาพก็ไม่แตก มีการ generate ด้วย AI ให้มีความคมชัดปรับปรุงรายละเอียดให้ชัดเจนและสมจริงมากยิ่งขึ้น

ถ้าถามถึงความงาม.. เราว่าที่นี่สวยทุกช่วงเวลาเลยล่ะ ตอนกลางวันของช่วงปลายปีจะเป็นลมหนาวกับแดดอุ่น ๆ ท้องฟ้าเปิดโล่งเป็นสีสันสดใส ส่วนตอนพระอาทิตย์ตกก็จะได้ไวบ์โรแมนติก จากการทอแสงสีทองของพระอาทิตย์ที่ฉาบไปทั่วท้องฟ้า ผิวน้ำ และผืนทราย แปลเปลี่ยนเป็นวานิลลาสกาย แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนเฉดสีเข้มขึ้นเรื่อย ๆ จนดำมืดสนิท จากนั้นดาวบนดินก็จะเริ่มฉายแสง ทั้งบนสะพาน ตามตึกและท้องถนน ส่องแสงระยิบระยับ เป็นวิวที่เลอค่า ควรค่าแก่การจับใส่แพลนโตเกียวที่สุด

ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกแบบนี้ก็ขอมาถ่ายรูป portrait กันอีกสักรอบ แม้สภาพแสงจะเปลี่ยนไปแต่คุณภาพของกล้อง OPPO Find X8 ก็ไม่เคยดรอป เขาสามารถชดเชยแสงขึ้นมาเองอัตโนมัติ แต่แสงสะท้อนสีทองจากพระอาทิตย์ยังคงอยู่ ลองเทียบให้ดูทั้ง 3 ระยะ ที่สร้างมิติและมอบฟีลลิงที่แตกต่างกัน อยากได้ระยะไหนก็ใช้นิ้วปัดได้ ไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์ให้ยุ่งยาก

05 Shibuya Sky

ตึกชมวิวใหม่ล่าสุดใจกลางชิบุยะ ณ เวลานี้คงไม่มีใครมาแรงเท่า ‘Shibuya Sky’ ตั้งอยู่บนชั้น 47 ของตึกชิบุยะสครัมเบิลสแควร์ ที่มีความสูงกว่า 299 เมตร บนนี้เราจะเห็นเมืองโตเกียวได้ทั้ง 360 องศา ตะโกนความเป็นป่าคอนกรีตอันศิวิไลซ์ได้อย่างชัดเจน มองเห็นทั้งโตเกียวสกายทรี โตเกียวทาวเวอร์ และภูเขาไฟ(ในวันฟ้าเปิด) ได้ในคราเดียว พร้อมกิจกรรมมากมายที่มีมาเสิร์ฟเราไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะถ่ายรูปกับบันไดเลื่อนลอยฟ้า ชมการแสดงไฟ “CROSSING LIGHT” แฉกไฟที่พวงพุ่งสู่ท้องฟ้าอย่างยิ่งใหญ่ เที่ยวได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แนะนำให้จองตั๋วจองล่วงหน้ามาก่อนราคาจะอยู่ที่ 2,200 เยน แต่หากมาซื้อหน้าเคาน์เตอร์ราคาจะอยู่ที่ 2,500 เยน

นอกจากวิวรอบนอกจะงดงามแบบไม่มีอะไรมากั้นแล้ว ช่วงที่เรามาเขายังมีงาน decorate พิเศษ ‘Spakling View’ จัดวางลูกบอลสีเงินมากมายรอบตึก อย่างตรงมุมโตเกียวทาวเวอร์ถ้าถ่ายโดยมีบอลเป็นกรอบก็จะได้เฟรมที่ไม่เหมือนใคร ยิ่งตอนกลางคืนจะมีแสงเงินสะท้อนจากบอลก็ยิ่งดูล้ำเข้าไปใหญ่ และบางมุมเขาได้ห้อยลูกบอลไว้เป็นทรงต้นคริสต์มาสพร้อมฉายไฟระยิบระยับด้วย ซึ่งงานตกแต่งนี้จะมีเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ใครมาช่วงนี้พลาดไม่ได้เลย

ขออวยยศให้แก่ความคมชัดอีกสักครั้งกับภาพซูมเซ็ตนี้ จะเห็นว่าเขาเก็บรายละเอียดได้เนียนกริบไม่ว่าจะเป็นระยะไหน ทั้งแสงเงา ความคมของเส้นตึก ไปจนถึงดีเทลของป้ายอาคารถ่ายเสร็จซูมภาพดูก็ยังเป๊ะ ใครเป็นสายคอนเสิร์ตเอาเครื่องนี้ไปถ่ายได้รูปไอดอลที่ชอบแบบไม่โป๊ะแน่นอน

06 Azabudai Hills Mori JP Tower

พิกัดนี้เอาใจแฟนคลับโตเกียวทาวเวอร์โดยเฉพาะกับวิวบน ‘Azabudai Hills Mori JP Tower’ ที่เผยให้เราเห็นโตเกียวทาวเวอร์ในระยะประชิดที่สุด โดยที่นี่เป็นกลุ่มอาคารที่เป็นตัวแทนแห่งความล้ำยุคของโตเกียว มาพร้อมโครงสร้างตึกที่มีปราดเปรียวโมเดิร์น สูงกว่า 330 เมตร กลายเป็นอาคารที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น สร้างเพื่อเป็นชุมชน Green & Wellness แห่งศตวรรษที่ 21 ให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตได้อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ นอกจากเป็นจุดชมวิวแล้ว ในนี้ยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ แกลลอรี่ teamLab ให้เราได้ใช้เวลาตลอดวันด้วย

หากใครเคยมาที่นี่สมัยแรก ๆ เขาจะเปิดให้เราเข้าชมฟรี แต่สำหรับปัจจุบันจะมีการเก็บค่าเข้าเล็กน้อย พร้อมกับสั่งกาแฟคนละแก้ว โดยขึ้นไปบนชั้น 33 Sky Lobby มีที่นั่งฟีลคาเฟ่ รอบด้านเป็นกระจกที่เผยวิวเมือง พร้อมฟ้าคลีน ๆ แต่งแต้มด้วยก้อนเมฆลอยเป็นกระจุกเล็ก ๆ อย่างน่ารัก มีแสงบ่ายที่สาดส่องมาสร้างความอบอุ่น ทอดสายตาไปไกล ๆ ก็จะเจอสีแดงโดดเด่นของโตเกียวทาวเวอร์พอดิบพอดี เป็นการสัมผัสไอคอนแห่งโตเกียวที่แสนจะตราตรึง

อีกความสามารถพิเศษของ OPPO Find X8 ที่สายเที่ยวอย่างเราชอบสุด ๆ คือ AI Reflection Remover ฟีเจอร์ที่ช่วยลบแสงสะท้อนและเงาในกระจก มอบภาพถ่ายที่คมชัดแบบที่เราไม่ต้องมานั่งลบในโปรแกรมให้เสียเวลา สมมงรุ่นเรือธงของแบรนด์จริง ๆ

07 Tokyo Disneyland

ดินแดนของชาวมุ้งมิ้งที่ตัวโตแต่ใจยังอยากเป็นเด็กน้อย ‘Tokyo Disneyland’ ธีมปาร์กยอดนิยมตลอดกาลที่มากี่ครั้งแถวก็ยาวเหยียดอยู่เสมอ ยิ่งถ้าได้มาช่วงเทศกาลก็จะยิ่งสเปเชียลขึ้นไปใหญ่ อย่างตอนนี้เป็นธีมคริสต์มาส เราก็จะได้เจอต้นคริสต์มาสยักษ์ที่สูงเท่าตึก พร้อมการประดับไฟ การเปิดเพลงที่สร้างบรรยากาศเฟสทีฟชวนยิ้ม โดยที่นี่เขาจะแบ่งออกเป็น 7 โซน สามารถเดินวนได้เป็นวงกลมเริ่มจากตรงกลาง WORLD BAZAAR เมืองสีลูกกวาดที่มีสถาปัตยกรรมวิตอเรียทอดยาวสู่ปราสาทสูงใหญ่ จากนั้นวนไปทางซ้ายจะเจอกับ ADVENTURELAND, WESTERNLAND, CRITTER COUNTRY, FANTASYLAND, TOONTOWN และ TOMORROWLAND ทุกโซนจะมีกิมมิกการตกแต่ง เครื่องเล่น ร้านอาหารที่แตกต่างกันไป เพลินตั้งแต่เช้ายันดึกไปเลย

ไม่เพียงแค่เครื่องเล่น บรรยากาศที่เราชอบเท่านั้น อีกอย่างที่ทำเราหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้นคือเหล่าขนม สตรีทฟู้ด ของฝากของเขา สามารถเชิญชวนให้เข้าร้านนั้นแวะร้านนี้ได้ไม่หยุด ควักบัตรจ่ายเงินแบบไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ซึ่งถ้าใครเป็นนักสะสมเขาก็จะชอบมีคอลเลกชันพิเศษเฉพาะซีซันให้เราไปตามเก็บ อย่างช่วงที่เราไปเจอคนที่กำลังสะสมเข็มกลัด เขาจะติดมาเต็มตัวเลย ถ้าเราอยากได้อันไหน ก็สามารถเอาเข็มกลัดที่เรามีไปแลกกับเขาได้ ถือเป็นโซไซตีที่น่ารักสุด ๆ เฉพาะแฟนคลับดิสนีย์เท่านั้นที่รู้

ช่วงเวลาที่หลายคนรอคอยคงหนีไม่พ้น Disney Character Greetings ที่เราจะได้เจอตัวการ์ตูนไอดอลที่ตัวเองรักใกล้ ๆ ได้ทั้งกอด จับมือ และถ่ายภาพร่วมกัน โดยสามารถเข้าไปเช็กคิวได้ในเว็บไซต์ แต่ถ้าอยากเจอแบบรวบตึงครบทุกตัวแนะนำให้ไปยืนรอเป็นแถวแรกของริมขบวนพาเหรด ที่จะถูกปรับเปลี่ยนไปตามเทศกาล อย่างช่วงนี้ขบวนตอนกลางวันจะเป็น Disney Harmony in Color ธีมที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใส ช่วงเย็น ๆ ก่อนพระอาทิตย์ตกมาในธีม Disney Christmas Stories “Fond Farewell” ทำขึ้นพิเศษเฉพาะปลายปีนี้เท่านั้น ฟินเว่อร์

แกแล้วฉันอยู่ไกลจากพี่มิกกี้มาก มองไปแล้วเห็นเป็นตัวจิ๋ว ๆ แต่พอใช้ OPPO Find X8 ซูมเข้าไปดูก็ได้รูปเต็มตัวเขาแบบชัดแจ๋ว แถมยังมีการประมวลผลแบบ Off-Peak แม้พี่มิกกี้จะขยับตัวไวขนาดไหน กล้องก็จะจับจังหวะท่วงท่าเดียวกับที่เรากดชัตเตอร์เป๊ะ เป็นสมาร์ทโฟนที่สร้างมาเพื่อเก็บทุกชอตประทับใจจริง ๆ ไอเลิฟมาก

เป็นสถานที่ที่เราสามารถอยู่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำได้แบบไม่เคยเบื่อเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Disneyland สาขาไหนก็ดึงดูดคนนอนเร็วอย่างเราให้อยู่ชมจนหยดสุดท้ายจริง ๆ ยิ่งขบวนพาเหรดตอนกลางคืนคืออลังการงานไฟม๊ากก ประทับใจสุด ๆ แล้วกล้องของ OPPO ก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้ดีแม้ในสภาพแสงน้อย ก็ชดเชยแสงจนเห็นดวงไฟเป็นคาแรกเตอร์ต่าง ๆ ได้อย่างเด่นชัด

08 Fujiko · F · Fujio Museum

พิกัดนี้ค่อนข้างจะสนองนีดวัยเด็กของเรานิดนึงกับ ‘Fujiko · F · Fujio Museum’ พิพิธภัณฑ์ ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ ที่เก็บรวบรวมผลงานเกี่ยวกับโดราเอมอนและงานของคุณฟูจิโอะไว้ทั้งหมด เพราะเมืองนี้เป็นสถานที่ที่เขาใช้เป็นแหล่งผลิตผลงาน กลายเป็นชิ้นมาสเตอร์พีชระดับตำนานและสร้างชื่อเสียงให้แก่เมืองคาวาซากิ ส่งผลให้โดเรมอนกลายเป็นอีกสัญลักษณ์ประจำเมืองไปด้วยนั่นเอง ที่นี่จะแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ชั้นที่ 1-2 จะจัดแสดงผลงานและประวัติของคุณฟูจิโอะ เห็นทั้งการขึ้นโครง การวาดภาพลงบนต้นฉบับ จำลองห้องทำงาน พร้อมขั้นตอนการขึ้น animation ต่าง ๆ ซึ่งทาพิพิธภัณฑ์ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปออกมา แต่บอกเลยว่าการได้มาเห็นลายเส้นออริจินอลด้วยตาตัวเอง มันทำให้ติ่งอย่างเราตื้นตันสุด ๆ

ส่วนไฮไลต์ของสายคอนเทนต์ยกให้ชั้น 3 ซึ่งเป็นโซนสวนบนดาดฟ้าแบบเอาท์ดอร์ ที่มีตัวการ์ตูนจากเรื่องต่าง ๆ ตั้งกระจายอยู่รอบ ๆ ด้วยอิริยาบถต่าง ๆ ราวกับมีชีวิตอยู่จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโดเรมอนเดินร่าเริงอยู่หน้าท่อคอนกรีตอันเป็นฉากสำคัญในการ์ตูน โดเรมียืนชูมือรอเราเข้าไปร่วมเฟรม หรือจะเป็นปาร์แมนคนคูลที่นอนชิลทักทายเราอยู่ก็น่ารักไม่แพ้กัน

และถ้าใครเป็นสายขี้เกียจเดิน ไม่อยากเดินเยอะแต่อยากถ่ายทุกอย่างได้ครบ ก็สามารถใช้กล้องยกขึ้นมาถ่ายได้เลย เริ่มที่ระยะ 1x เป็นกล้องพื้นฐานก็จะได้องค์ประกอบกว้าง ๆ ครบ พอกด 6x ก็จะตัดขอบที่ไม่จำเป็น เล่าเรื่องของอีกฉากได้อย่างชัดเจนขึ้นทันที

ส่วนสายคาเฟ่ฮอปปิงเขายังมีร้านอาหารธีมฟูจิโอะคอยให้บริการด้วย หน้าตาร้านอาจจะธรรมดาแต่การจัดเสิร์ฟนั้นบอกเลยว่าสวยงามอลังการ ทาสโดเรมอนมีกรี๊ดแน่นอน เมนูตัวตึงที่ต้องสั่งเลยคือ Doraemonja Curry ข้าวแกงกะหรี่หน้าโดเรมอนในจานที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 129.3 ซม. ซึ่งเป็นตัวเลขของความสูง น้ำหนัก และความกว้างหัวของโดเรมอนจริง ๆ ถ้าให้คำนวณก็คือ 3 คนกินอิ่มได้เลย ถือเป็นเมนูสเปเชียลที่เชื่อมโยงทุกอย่างของตัวละครนี้เอาไว้ เพื่อเฉลิมฉลองช่วงที่พิพิธภัณฑ์เปิดครบรอบ 10 ปี สั่งมาคู่กับโดรายากิที่ทำหน้าตาออกมาเหมือนในการ์ตูนเป๊ะ น้ำบลูโซดาสีโดเรมอนแล้วถ่ายรูปออกมาได้น่ารักสุด ๆ แถมรสชาติก็อร่อยใช้ได้เลยล่ะ

09 Blue Bottle Coffee Sangenjaya

สปอตปิดท้ายที่เราไม่อยากให้คอกาแฟพลาดไป ‘Blue Bottle Coffee Sangenjaya’ แบรนด์กาแฟชื่อดังถือกำเนิดจากเมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ก่อตั้งมานานกว่า 22 ปี สามารถเปิดสาขามากมายมีทั้งในอเมริกา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น สำหรับสาขานี้มีความพิเศษตรงที่เขานำอาคารแบบ low-rise อายุมากกว่า 50 ปีมารีโนเวทใหม่ ใส่ความลอฟต์สุดเท่ด้วยสีโทนขาวเทา เน้นปูนเปลือย แฝงความแกรมไว้ในวัสดุตกแต่ง จัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้ดูน่านั่ง ตัดอารมณ์ความเข้มให้ซอฟต์ลง กลายเป็นความลงตัวที่เห็นถึงความพิถีพิถัน

เรื่องกาแฟของร้านก็ไม่ธรรมดา เรียกว่าเป็นบ้านหลังที่ 2 ของคอกาแฟได้เลยล่ะ กับการวางตัวตนให้เป็น Specialty Coffee เน้นความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟ พร้อมขั้นตอนการชงหลายรูปแบบให้ได้รสชาติกาแฟที่ลูกค้าต้องการ พร้อมเมล็ดซิกเนเจอร์เบลนให้เราเลือกอีกมากมาย มากินคู่กับของหวานที่มีทั้งคุกกี้ พาย ชีสเค้ก วาฟเฟิล ฯลฯ และถ้าใครอยากหาของฝากก็สามารถเลือกซื้อสินค้าของที่นี่ได้เช่นกัน มีทั้งอุปกรณ์ทำกาแฟ แก้ว เสื้อผ้า กระเป๋า ถุงเถ้า ลายโลโก้ขวดสีฟ้ามินิมอลสุด ๆ

สำหรับคนที่ตั้งคำถามใส่เราว่าไปโตเกียวบ่อย ๆ ไม่เบื่อเหรอ? โพสต์นี้คงจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดว่าบินลงโตเกียวที่เดียวเราเที่ยวอะไรได้บ้าง ด้วยการเดินทางที่สะดวก นั่งรถไฟไม่ถึงชั่วโมงเราก็ได้เจอกับวิวธรรมชาติสุดอลัง เมืองเก่าแสนสงบ พิพิธภัณฑ์การ์ตูนสุดคิวท์ เกาะกลางทะเลแสนคูล ในเมืองก็อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมให้เราได้ทำไม่หยุดหย่อน จนไม่รู้ว่าจะเอาคำว่าเบื่อมาวางไว้ตรงไหนของชีวิตเลย ใครยังไม่เคยเที่ยวโตเกียวและเมืองรอบ ๆ แบบนี้แนะนำให้มาตามรอยกันได้ รับรองว่าจะติดใจ แต่ถ้าให้ดีลองสอย OPPO Find X8 แล้วมาถ่ายรูปตาม จะรู้ว่าที่เราอวย ๆ มาทั้งหมดคือไม่เกินจริงเลย