รอบนี้จะพาไปอินไซด์ Taiwan เดินทางตั้งแต่เหนือจรดใต้ใน 9 วัน เอาให้รู้ไปเลยว่านอกจากไทเปแล้ว เมืองอื่นเขาก็มีอะไรดีงามให้ค้นหามากมาย
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เราจะกลับมาไต้หวัน … เพื่อทำมหากาพย์ที่เที่ยวมากถึง 45 โลเคชัน จาก 7 เมือง ไล่มาตั้งแต่เถาหยวน, จีหลง, นิวไทเป, ซินจู๋, ไถจง, ไถหนาน ก่อนจะไปจบลงฟิน ๆ ที่เกาสง เรียงรายมาด้วยอาร์ตสเปซ มิวเซียม อะควาเลียมเจ๋ง ๆ ร้านกาแฟคูล ๆ ชมทั้งสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ทางรถไฟเก่าเก็บ พร้อมชมอลังการธรรมชาติอันสมบูรณ์ที่มีทั้งภูเขาและทะเล ถือเป็นการเดินทางที่ครบรสสำหรับคนเก๋ ชอบเที่ยวแบบสบาย ๆ ชิล ๆ ออกสายแต่ได้คอนเทนต์เพียบ เอาเป็นว่าใครอยากไปเที่ยวไต้หวันแบบคุ้ม ๆ ก็เตี๊ยมแท็กเพื่อนที่พร้อมลุยมากที่สุดแล้วกดตั๋วจองตามเรามาได้เลย
สำหรับการเดินทางในไต้หวันบอกเลยว่าสะดวก ง่าย มีช้อยส์ให้เลือกหลากหลาย
การเดินทางระหว่างเมือง :
ถ้าไกลหน่อยแนะนำรถไฟความเร็วสูงไปเลย ( THSR ) จะประหยัดเวลา ทำให้มีเวลาเที่ยวเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเป็นเมืองใกล้กัน รถไฟโลคอล ( TRA ) ถือเป็นทางเลือกที่ดีมาก เพราะราคาไม่แรง เอฟวายไอ. สถานีรถไฟความสูงกับรถไฟโลคอลบางทีคนละสถานีกัน ใด ๆ ก่อนจะเดินทางเช็คกันให้ดีนะเพื่อน ๆ
การเดินทางภายในเมือง :
หากเป็นเมืองใหญ่ ๆ อย่างเกาสง ไถจง เถาหยวน ไทเป รถไฟฟ้าใต้ดินถือว่าครอบคลุม ส่วนเมืองอื่น ๆ อย่างไถหนาน จีหลง ซินจู๋ ก็จะมีรถบัสให้บริการอย่างทั่วถึง แต่ใด ๆ คือไม่ว่าเมืองไหนเขาก็มี Uber ไว้ให้สายขี้เกียจเรียกใช้อย่างทั่วถึง
สำหรับคนที่หมดไอเดียเที่ยวไต้หวัน รอบนี้ขอให้ทุกคนแกล้ง ๆ ลืมไทเป… แล้วมาลองปักรูทเที่ยวตามเราดู เพราะทริปสุดคุ้มล่าสุดนี้เราจะพาเดินทางข้ามประเทศ ไป-กลับ ต่างเมือง กับสุดยอดสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก 15 ปีซ้อน AirAsia โดยเริ่มต้นด้วยการบินตรงสู่เถาหยวนที่เขามีไฟลต์ทุกวัน ออกจากดอนเมือง (DMK) เวลา 07:25 น. ถึงเถาหยวน (TPE) เวลา 12:20 น. และเหมือนเคย เราไม่ลืมที่จะกดจองพร้อมแพ็กสุดคุ้ม มีทั้งน้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้เครื่องมาให้จุก ๆ 20 กิโลกรัม สามารถเลือกที่นั่ง และรับอาหารอุ่นร้อนได้ 1 เมนูในราคาที่ถูกกว่าการแยกซื้อหรือไปซื้อหน้าเคาน์เตอร์ ช่วยเซฟเงินไว้ชอปปิง หาของอร่อย ๆ กินได้เยอะเลย ส่วนขากลับเราบินตรงจากเกาสง (KHH) มายังดอนเมือง (DMK) รายละเอียดเที่ยวบินขากลับดูได้ในท้ายรีวิวนะ สำหรับคนที่บินกลับจากไทเปตอนนี้เขาเปลี่ยเวลาใหม่ ให้เราชิลได้มากขึ้น โดยออกกจากเถาหยวน (TPE) เวลา 18:30 น. ถึดอนเมือง (DMK) เวลา 21:15 น.
Day 1
001 Xpark
โลเคชันแรกในเถาหยวนหลังเครื่องแลนดิ้งเราเลือกมาเย็นตาเย็นใจกันที่ Xpark พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไต้หวันที่เพิ่งเปิดได้ 4 ปี ด้วยความใหม่ล่าสุดและดำเนินงานโดยสวนน้ำญี่ปุ่น Yokohama Hakkeijima การจัดแสดงของเขาจึงล้ำยุคกว่าเขากว่าใคร มอบทั้งความรู้ ความบันเทิงให้กับเราได้แบบเต็มสิบ โดยในนี้มีทั้งหมด 3 ชั้น แบ่งโซนจัดแสดงออกเป็น 11 โซน จำแนกเป็นแหล่งที่อยู่ วิวัฒนาการ พันธุ์สัตว์ทั้งในน้ำและบนบก ผ่านกระจกใสแบบพาโนรามา 360 องศา ประกอบแสงสี เดินแล้วเหมือนอยู่โลกใต้ทะเลจริง ๆ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/CmjrQzZ3vQC2BT7d9
ไฮไลต์หลักอยู่ตรงทางเข้า ‘Formosa’ โซนแทงก์น้ำขนาดใหญ่ที่มีนานาสัตว์ใต้ท้องทะเลแหวกว่ายหลายพันตัว รวมกว่า 420 สายพันธุ์เป็นซีนต้อนรับที่ชวนจึ้ง อีกส่วนที่เราชอบเป็นพิเศษคือ Healing Jellyfish ห้องของน้องแมงกระพรุน ใช้ตู้จัดแสดงทั้งทรงกลม ทรงหลอด ทรงหน้าต่างน่ารักน่าหยิก ติดตั้งอยู่ในห้องกระจกที่สะท้อนให้ดูกว้างขึ้น ฉายแสงสีสลับไปเรื่อย ๆ สร้างความตื่นตาตื่นใจตลอดการเข้าชม เรียกว่า Jellyfish Lover จะต้องดำดิ่งกับโซนนี้ได้นานแสนนานเลย
โซนอินดอร์จะสิ้นสุดตรงอาณาจักรแพนกวินที่มาอวดโฉมกิจวัตรอันแสนตุ๊ต๊ะ กระโดดลงน้ำโฉบไปมาให้เราได้เห็น จากนั้นก็ตรงสู่เอาต์ดอร์ พื้นที่จัดแสดงสัตว์บกที่ทางพิพิธพัณฑ์ก็คัดเฉพาะพันธุ์เล็ก ๆ พอหอมปากหอมคอ ส่วนชั้นหนึ่งจะเป็นโซนของร้านขายของที่ระลึกและคาเฟ่ ที่เขาจัดเสิร์ฟเครื่องดื่ม-ขนมเป็นธีมแพนกวินแสนคิวต์ มีทั้งภาพบนลาเต้อาร์ต โดนัทรูป King Penguin ส่วนในถุงจะเป็นมันฝรั่งทอดสีดำสีเดียวกับขนแพนกวินนั่นเอง เห็นแพ็กเกจแล้วมันน่ารักจนกินไม่ลงเลยทีเดียว
002 minimalism cafe 巴斯克 可麗露 專賣店
ผุดตัวขึ้นจากใต้ทะเลเราก็มาปิดจบวันชิล ๆ กันกับคาเฟ่มินิมอลที่ดีต่อใจ minimalism cafe ฝังตัวอยู่ในอาคารสีเทาสุดคูล ติดป้ายร้านสีขาวดำสุดเท่ หน้าร้านถูกแบ่งออกเป็น 2 ห้อง แต่เมื่อเดินเข้าไปจะเป็นร้านที่ถูกตีโปร่ง ดูเรียบง่ายสมชื่อร้าน เน้นสีขาวเป็นหลักตัดกับสีดำและงานไม้ มีความเรโทรนิด ๆ จากชุดเก้าอี้ฟอร์มแตกต่างกันไป เมนูหลักของร้านที่ขายดีจะเป็น Canele จนมีกล่องแพ็กเกจขายเป็นเซ็ตอย่างสวยงาม และ Basque Cheese Cake รสชาติต่าง ๆ ซึ่งเป็นสูตรโฮมเมดที่ร้านทำเอง เรียกว่าจะสั่งเมนูไหนมากินคู่กับแฟดำขม ๆ ก็เข้ากันแบบเต็ม 10 ไม่หักเลย
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/q4oQcBh33vDTVdaM6
Day 2
003 Taoyuan City Public Main Library
นอกจากคาเฟ่ พิพิธภัณฑ์ แลนด์มาร์กต่าง ๆ แล้ว อีกอย่างที่เราชอบ คือการได้แวะไปชมการออกแบบห้องสมุดในต่างประเทศ เช้านี้เลยมาเริ่มต้นวันกันที่ Taoyuan City Public Main Library บอกเลยว่าเขาทำดี ทำถึง มีการออกแบบมาได้เหมาะกับการอ่านหนังสือมาก ด้วยการใช้อาคารโล่งโปร่ง ตรงกลางเป็นโถงทะลุตั้งแต่ชั้นล่างจนถึงชั้นบน จัดวางตู้หนังสืออย่างเป็นระเบียบ พร้อมมุมอ่านหนังสือที่ค่อนข้างไพรเวท มีผู้คนมาใช้บริการค่อนข้างเยอะ แต่กลับเงียบสงบ เลยรู้สึกว่าเป็นที่ที่ประชาชนสามารถมาใช้ประโยชน์ได้จริง ส่วนนักท่องเที่ยวอย่างเรายังสามารถมาร่วมแจม หาสมุดภาพน่ารัก ๆ นั่งดูเพลิน ๆ หรือใครมาเพื่อถ่ายรูปกับอาคารด้านหน้าก็ปังไม่แพ้กัน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/F2tbioj2GDcnW9XB9
004 Hutoushan Environmental Park
ทิ้งท้ายพิกัดสุดชิลของเถาหยวนไว้ที่ Hutoushan Environmental Park สวนสาธารณะที่มีสิ่งปลูกสร้างเจ๋ง ๆ ให้เราเข้าไปหามุมร่วมเฟรม สวนแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขา Hutou สถานที่ชมวิวพาโนราม่าของเมืองเถาหยวน กวาดตามองได้กว่า 180 องศา ล่าสุดได้มีการปรับปรุงพื้นที่ โดยสร้างโครงเหล็กรูปร่างคล้ายเครื่องบิน ผนังรอบด้านเป็นรู ๆ เหมือนตาข่าย ประดับด้วยภาพถ่ายของสถานที่ต่าง ๆ เป็นไอจีสปอตที่ใคร ๆ ก็ต้องมาถ่ายรูป บริเวณใกล้เคียงยังมีศาลเจ้าญี่ปุ่น สนามเด็กเล่น เรียกว่าเป็นอีกที่หย่อนใจของชาวเมืองที่สามารถมาได้ตั้งแต่วิ่งออกกำลังตอนเช้า ชิลตอนพระอาทิตย์ตก และนอนดูดาวยามค่ำคืนได้เลย ใครมีเวลา เราแนะนำให้ซื้อขนม เครื่องดื่มมานั่งปิกนิกสักกรุบ รับรองว่าฟิน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/TM5ncf8RVt3nqcfq9
005 Heping Island Park
จาก Taoyuan Station ด้วย Local Train ราว 1.30 ชั่วโมง เราก็เดินทางมาถึง Keelung Station ซึ่งพอหลังเช็คอินเข้าที่พักเราก็มุ่งตรงมาสัมผัสความ Unseen ที่มั่นใจว่าหลายคนอาจไม่เคยเห็นหรือเคยได้ยินมาก่อนกับ Heping Island Park อุทยานริมทะเลที่อยู่บนเกาะเหอผิง เกาะเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของไต้หวัน เป็นสปอตที่เราชอบที่สุดในทริป เพราะมีสระว่ายน้ำกลางทะเล ที่สร้างโดยการนำหินมากั้น สร้างบันไดทางลงให้เป็นเหมือนสระว่ายน้ำธรรมชาติสุดเท่ ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำเงินเข้มนุ่มลึกของน้ำทะเล คลื่นบนผิวน้ำที่ซัดมาเบา ๆ ไม่ขาดช่วง ขอบหินที่ใช้กั้นเป็นแนวยาวสุดมินิมอล ถ่ายรูปออกมาแล้วเหมือนเป็นผลงานศิลปะเลยทีเดียว
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/D8unLDYMajuMvnFL7
006 Zhengbin Fishing Port
พิกัดต่อมาถือว่าเป็นแลนด์มาร์คที่ป๊อปปูล่าสุด ๆ ของเมือง Keelung กับ Zhengbin Fishing Port ท่าเรือประมงที่มีอายุมากถึง 80 ปี สร้างโดยชาวญี่ปุ่น เป็นท่าเรือประมงที่ใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น ปัจจุบันอาคารที่ขึ้นเรียงรายอยู่ริมน้ำนั้นถูกฉาบสีสันสุดคัลเลอร์ฟูล คล้ายกับที่ยุโรป แต่แน่นอนว่าเราจะได้เห็นวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้คน ร้านรวง อาหาร ฯลฯ เอาจริง ๆ พอแสงแดดตกกระทบสร้างเงาสี ๆ สะท้อนในน้ำ มันยิ่งน่ารักขึ้นแบบทวีคูณเลย เชื่อว่าใครได้มาจะต้องได้รูปไปอีกเป็นร้อยแน่ ๆ นอกจากนี้เขายังมีพิพิธภัณฑ์เรือประมงแห่งแรกบนทะเล ที่จัดแสดงเรือศิลปะพื้นบ้านให้เราได้ชมด้วย
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/PZ6MZWtCqAH78ZT17
007 Keelung Night Market
และเมื่อมาเยือนเมืองริมเลเราจึงไม่พลาดที่จะมาลิ้มลองอาหารสตรีทฟู้ดที่ Keelung Night Market ตลาดของกินที่ฮอตสุดในเมืองนี้ อยู่ใกล้ ๆ กับวัด Dianji ซึ่งมีประวัติมาอย่างยาวนาน ร้านที่เก่าแก่ที่สุดก็มีอายุเกือบ 80 ปีเลยทีเดียว พร้อมกับร้านค้าหลายร้อยร้านส่งกลิ่นหอมอบอวลไปด้วยอาหารทะเลต้ม ผัด ทอด ย่าง ของกินท้องถิ่นทั้งคาว หวาน เครื่องดื่ม จนขึ้นชื่อว่าเป็น ‘the largest variety of dishes in the whole of Taiwan’ ถึงจะยังไม่หิวก็คงอดใจไม่กินไม่ได้จริง ๆ เราลองกินกุ้งย่าง หอยเผาที่มีความสดหวานฉ่ำจนไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้ม ซุปปูหอม ๆ ช่วยให้อุ่นท้อง ก่อนตบท้ายกับถังหูลู่ ผลไม้เชื่อมกรุบ ๆ รสหวานเปรี้ยว ที่มีส่วนช่วยเมดมายเดย์ให้สมบูรณ์สุด ๆ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/8jq2vJdtZHaCA4s3A
Day 3
008 Bitoujiao Trail
เช้าวันนี้เรามายืดเส้นยืดสายด้วยการขึ้นเขากันสักนิดกับ Bitoujiao Trail แลนด์มาร์กแห่งนิวไทเป ให้เราได้เดินเทรลไปบนสันเขาเลียบไปตามแนวชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวัน เป็นทางเดินปูพื้นหิน สลับบันได มีระเบียงกั้นเดินง่ายเป็นระยะทางราว ๆ 3.5 กิโลเมตร อาจจะมีทางชันให้เลือดพอสูบฉีด แต่วิวที่ได้นั้นสวยอลังการคุ้มค่าเหนื่อยแน่นอน โดยสุดแหลมปี๋โถวจะเป็นที่ตั้งของประภาคารสีขาวที่เคยใช้เป็นจุดส่งสัญญาณแก่เรือเดินสมุทร ก่อนถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกอันโด่งดังของนิวไทเป นอกจากนี้กลางเส้นทางยังมีจุดแวะพัก จุดชมวิวอีกมากมายให้เราเพลิดเพลิน แนะนำว่าให้เตรียมน้ำขึ้นไปด้วย หรือจะเอาของว่างไปนั่งกินเล่นก็ได้ไม่ว่ากัน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/JXt9qp8WD4F7Vyb6A
009 Shen’ao Rail Bike
จากนั้นก็มาเติมเต็มความสดใสกันต่อกับพิกัดที่จะมาสร้างรอยยิ้ม และทำให้เราเห็นไต้หวันในมุมที่แตกต่าง คือ Shen’ao Rail Bike การปั่นจักรยานปักเป้าบนรางรถไฟเก่าสาย Shen’ao ที่แต่ก่อนใช้ในการลำเลียงแร่ธาตุ ถ่านหินส่งออกไปยังต่างประเทศ การปั่นจักรบนเส้นนี้จะนำทางเราไปชมความงามของทะเล ภูเขาตามแนวชายฝั่ง เข้าอุโมงค์ที่ประดับไปด้วยไฟหลากสี สวยงาม เรียกเสียงฮือฮาจากเราและผู้ร่วมทริปได้อย่างดี โดยหนึ่งคันจะสามารถนั่งได้ 2 คน จะมาเป็นคู่ช่วยกันปั่น หรือมาเป็นครอบครัวกับลูกตัวน้อย ก็น่ารักไม่เบา
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/fDLqUHyXbHuuis5B9
010 i OCEAN
ช่วงบ่ายนี้เราขอมาหลบร้อนที่ i OCEAN แหล่งการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล ที่เน้นไปในด้านของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้วยการจัดแสดงภาพธรรมชาติชายฝั่งและใต้น้ำผ่านนวัตกรรม 5G ตื่นตากับการเคลื่อนไหวอันงดงามของปะการังผ่านโปรเจกเตอร์ พร้อมตื่นเต้นผจญภัยในถ้ำใต้มหาสมุทรด้วย VR และยังมีสัตว์น้ำตัวเป็น ๆ จัดแสดงมากถึง 320 ชนิด แบ่งการเข้าชมเป็นโซน A-D ตามกิจกรรมที่จัดไว้ เป็นอีกอะควาเลียมที่ทำถึงมอบประสบการณ์อันแตกต่างได้ดีมาก ๆ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/eopWhGKxsrcHxgPZ6
พอเดินชมโลกใต้ทะลเจนเต็มอิ่ม เราก็มานั่งพักกันที่ 小隱茶庵 潮境 ห้องชาในอาคารทรงกล่องสุดโมเดิร์นที่พาดอยู่เหนือเนินสูง ประหนึ่งลอยอยู่บนอากาศ วิวด้านหน้าเผยให้เห็นทะเลแบบพาโนรามา พร้อมการตกแต่งที่คลาสสิกโฮมมีสบายตา มีแสงธรรมชาติสาดส่องดูโปร่งสบาย มีทั้งที่นั่งแบบเสื่อทาทามิ และที่นั่งโต๊ะไม้ฟอร์มคลาสสิก จัดเสิร์ฟชุดชาขนมที่มีความ traditional แต่ก็ยังถ่ายรูปได้อย่างสวยงาม หลังจากนั้นก็ออกไปเดินเล่นที่สวนริมทะเลที่อยู่ด้านล่าง Huanbao Repopulation Park และ Chaojing Park ที่เขาได้จัดวางงานอาร์ตกระจัดกระจายให้เราไปตามถ่ายรูปเช็กอิน
Day 4 :: One day in Hsinchu City
011 Hsinchu City Glass Museum
เช้าวันที่ 4 เราเริ่มต้นด้วยความวิบวับสดใส ณ เมืองแห่งสายลมนามว่า Hsinchu (ซินจู๋) พิกัดแรกที่เราขอภูมิใจเสนอคือ Hsinchu City Glass Museum พิพิธภัณฑ์แก้วที่เปิดมาได้ 25 ปี ภายในอาคารที่เคยเป็นคลับเฮาส์สไตล์ยุโรป ใช้เป็นที่ประทับของราชวงศ์ญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1936 ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบประหนึ่งบ้านพักตากอากาศ ที่นี่จึงเหมาะสำหรับการเดินทอดน่องยามเช้า เมื่อเข้าไปด้านในเราจะพบกับพื้นที่อันกว้างขวาง มีชิ้นงานที่ทำจากแก้วฟอร์มต่าง ๆ จัดแสดง ทั้งรูปสัตว์ ช่อดอกไม้ ของกิน จนไปถึงงานรูปทรงนามธรรมที่เล่นแสงเงางดงาม
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/4sXZyvQuX6iEX2XF7
012 春室 SPRING POOL GLASS STUDIO + The POOL
ขยับมาอีกนิดเราจะพบกับ 春室 SPRING POOL GLASS STUDIO + The POOL แกลลอรีที่เน้นงานแก้วเช่นกันแต่จะออกมาในรูปแบบที่เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ทั้งโครงสร้างอาคารสูง 3 ชั้นที่ติดตั้งกระจกทั้งแผง ตัดกับโครงสีขาว-เทา มีงานไม้แซมเข้ามาทำให้ดูเป็นมิตร หากสังเกตดี ๆ วัสดุที่ใช้ก่อสร้างนี้ทำมาจากการรีไซเคิลแก้ว ทั้งปูนที่มิกซ์กับเศษแก้ว ราวบันไดจากบล็อกแก้ว และสินค้าที่วางขายก็ยังเป็นการนำเศษแก้วกลับมาใช้ เข้ากับธีมของแบรนด์ที่เน้นสร้างผลงานจากทรัพยากรที่มีจำกัด สมกับที่ได้รางวัล Outline of Good Design Award winners 2021 โดยเขาก็มีการจัดแสดงผลงาน สร้างสตูดิโอเวิร์กช็อป และร้านขายของดีไซน์น่ารัก เหมาะเป็นของฝากที่ไม่ซ้ำใครสุด ๆ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/e36LPHsN2xGx2zDu5
จุดที่ไม่อยากให้พลาดอยู่ที่ชั้น 3 ของแกลลอรี เป็นที่ตั้งของ The Pool Cafe คาเฟ่สีขาวสะอาดเปิดโล่งด้วยกระจกใสเผยวิวของยอดไม้สีเขียวชอุ่มเย็นสบายตา จัดวางโต๊ะห่างกันมอบความเป็นส่วนตัว กาแฟถือว่ารสชาติดีกินคู่กับน้องโทสต์หน้าตาคูล ๆ เห็นขนมบางเมนูเขาก็ตกแต่งประหนึ่งงานศิลปะเลยทีเดียว แถมบนนี้ยังเป็นที่จัดงานนิทรรศการหมุนเวียนให้เราได้เสพศิลป์ระหว่างจิบกาแฟไปเพลิน ๆ อีกด้วย
013 Deja vu即視感咖啡店
ลัคกี้นัมเบอร์ในทริปนี้เราขอสลัดภาพคนชิล สวมจริตคนเก๋แล้วมาที่คาเฟ่ธีมเลิศประจำเมือง Deja vu即視感咖啡店 ร้านใต้อาคารเก่าสุดเก๋า โดดเด่นด้วยผนังร้านสีขาว ผ้าใบสีดำ และประตูหน้าต่างกรอบไม้ คุมโทนไปถึงด้านในที่เน้นกั้นฉากด้วยไม้สีเข้ม-อ่อนสลับกันไป จัดวางของสไตล์แคมปิงเป็นมุมนั่งชิล พร้อมบีนแบ็กริมหน้าต่างนุ่ม ๆ ให้นั่งมองคนเดินผ่านไปมา ทุกอณูในการตกแต่งนั้นมาจากไลฟ์สไตล์ของเจ้าของ จึงให้ฟีลเหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อน ตรงกับชื่อร้านเดจาวู ที่แม้เราจะมาครั้งแรกแต่กลับรู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/pGaSBzgpJnLADxit6
ส่วนเมนูของร้านมีทั้งของกินเล่น ขนมที่สามารถเข้าคู่กับกาแฟได้อย่างดี แต่ที่เพอร์เฟ็กต์ที่สุดเราขอยกให้เซ็ตคุกกี้ที่ทำเป็นสัญลักษณ์ร้าน รสชาติหวานหอมจับคู่ดูโอ้กับโอ๊ตลาเต้นัวละไมแล้วลงตัวสุด ๆ จากที่เรานั่งดูถือเป็นร้านที่วัยรุ่นย่านนี้เดินเข้าเดินออกอยู่เรื่อย ๆ ทั้งมาซื้อแบบ Take away และมานั่งชิล สมแล้วที่เป็นตัวท็อปของเมือง ก่อนกลับเราก็ไม่ลืมที่จะเลือกชอปสติกเกอร์ลายเดียวกับคุกกี้ที่กินติดไม้ติดมือกลับมาด้วย
014 National Hsinchu Living Arts Center
ตามมาดูแหล่งแสดงศิลปะที่ดูจริงจังขึ้นมาอีกสเต็ป National Hsinchu Living Arts Center อาคารอิฐแดงที่ออกแบบผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นและตะวันตก ตั้งแต่ 104 ปีก่อน ยุคที่ญี่ปุ่นเข้ามามีบทบาท ถือเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ล้ำยุคมากในสมัยนั้นและหาชมได้ยากในปัจจุบัน ที่นี่เคยได้รับความเสียหายจากระเบิด ได้รับการปรับปรุงหลายครั้งให้คล้ายเดิมมากที่สุด จนปัจจุบันทำหน้าที่เป็นเหมือน Hall จัดงานสำคัญของเมือง รวมถึงที่จัดงานอาร์ตสลับหมุนเวียนกันไป เอาจริง ๆ แค่มาชมโครงสร้างอาคารนี่ก็ว่าคุ้มแล้ว หากมาวันเสาร์อาทิตย์ รอบ ๆ ก็จะยิ่งคึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นไปอีก เพราะชาวเมืองจะชอบมาพักผ่อนหย่อนใจกันนั่นเอง
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/fg469uDSreUjz65h8
15 Cover Studio & Cafe
เดินออกจากอาร์ตเซ็นเตอร์มาไม่เท่าไหร่ เราก็สะดุดตากับตึกที่เหมือนหลุดมาจากประเทศซีกโลกตะวันตก Cover Studio & Cafe กับการตกแต่งสไตล์ Contemporary ผสมผสานทั้งความคราฟต์และโมเดิร์นเข้าด้วยกัน ร้านแยกออกเป็น 2 ส่วน ชั้นล่างเป็นร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงแบรนด์ COVER__COM เปิดเข้าไปมีความเกาหลีเกาใจแบบ 300% ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่เน้นสีขาวน้ำตาล ผ้า cotton ดูใส่สบาย ดีไซน์ที่เน้นความแคชชวลมินิมอล สาว ๆ ที่ชอบชอบแนวนี้รับรองว่าได้ละลายทรัพย์แน่นอน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/VMEXZ1h9acwVy1me8
ส่วนคาเฟ่จะอยู่ที่ชั้น 2 ที่จะมีไวบ์ความโฮมมี่แบบเต็มเปี่ยม มีที่นั่งรองรับจนไปถึงชั้น 4 การจัดวางของร้านนั้นดูสบาย ๆ ทั้งชุดโต๊ะโซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้องคล้ายห้องรับแขก จัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม้วินเทจ รอบ ๆ ติดตั้งเคาน์เตอร์ไม้หันหน้าเข้ากำแพง ตามชั้นวางก็มีของสะสมคลาสสิกจัดอย่างเป็นระเบียบ เรียกว่ามีมุมสำหรับสายคอนเทนต์ได้ถ่ายรูปเยอะทีเดียว ด้านเบเกอรีของร้านตะโกนความโฮมเมดตั้งแต่หน้าตาไปจนถึงรสชาติ เป็นอีกร้านที่คุมคอนเซปต์ได้ดีจริง ๆ
16 Yin Hsi East Gate
ปิดท้ายเมืองนี้ด้วยการไปชมสถาปัตยกรรมโบราณของซินจู๋ที่ Yin Hsi East Gate ประตูเมืองที่ตั้งอยู่กลางถนน หากย้อนไปเมื่อ 290 กว่าปีก่อน ประตูเมืองของที่นี่สร้างด้วยไม้ไผ่รอบด้าน จน 93 ปีต่อมาได้มีการเสนอให้จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิงสร้างประตูหินขึ้นใหม่ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการปกป้องเมือง เมื่อเวลาผ่านไปประตูอื่น ๆ ได้ถูกรื้อถอนเพื่อสร้างถนนจนเหลือประตูนี้ประตูเดียว จึงถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของเมืองซินจู๋สมัยก่อน ฐานทำจากหินที่มีรัศมีเส้นรอบวงกว้างถึง 2,838 เมตร สูง 4.6 เมตร และกว้าง 4.9 เมตร ด้านบนเป็นอาคารทรงจีนทำจากไม้ มีหลังคาสีแดง 2 ชั้น พร้อมศิลปะโบราณที่ยังคงฉายแววความงดงาม เรียกว่าเดินทางมาดูได้ไม่เสียเที่ยวแน่นอน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/UjatKYsvSqH8EWaq9
Day 5 :: Taichung City
017 Taichung Station Railway Cultural Park
ครึ่งทางของทริปเราย้ายมาที่เมืองไถจง เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไต้หวัน ความตื่นตาแรกเริ่มตั้งแต่ลงจากรถไฟกับ Taichung Station Railway Cultural Park อาคารยุโรปหลังใหญ่ เคยทำหน้าที่เป็นสถานีรถไฟไทจงเก่า สร้างขึ้นในช่วงล่าอาณานิคมของญี่ปุ่นเมื่อ 107 ปีก่อน ตัวอาคารฉาบไปด้วยอิฐสีแดงมีร่องรอยตามกาลเวลาทำให้ยิ่งดูน่าเกรงขาม ปัจจุบันที่นี่ถูกใช้เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมในตัวเมือง จัดกิจกรรมในงานสำคัญ มีนิทรรศการศิลปะ เป็นแหล่งที่ให้ผู้คนมาเติมแรงบันดาลใจได้เรื่อย ๆ ส่วนกิมมิกที่เราชอบคือ การเอารถไฟเก่ามาตกแต่งเป็นร้านกาแฟ บิวต์อินได้น่ารักม๊ากก ไม่เชื่อลองมาดูกันเอง
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/CevzgWsxSx8cxhro7
018 Miyahara Ice Cream
ต่อมาเป็นร้านไอศกรีมที่เหมือนเราได้เดินทางข้ามมิติมาสู่โลกเวทมนตร์ Miyahara Ice Cream ร้านลึกแต่ไม่ลับแอบซ่อนอยู่ในอาคารเก่าแก่ ในอดีตเคยเป็นคลีนิกจักษุที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทจง สร้างโดยนายแพทย์มิยาฮาระ ทาเคโอะ เมื่อ 97 ปีก่อน จากนั้นปรับเป็นสำนักงานสาธารณสุข จนถูกเทคโอเวอร์และสร้างเป็นร้านอย่างที่เห็นนี้ ภายในถูกออกแบบใหม่โดยมีแรงบันดาลใจจากฮอกวอตส์ใน Harry Potter ความงดงามอยู่ที่ชั้นหนังสือที่สูงจากพื้นจรดเพดาน จัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่มีงานสลักไม้แสนละเมียด คัดเลือกโคมไฟของตกแต่งที่ดูหรูหรา ทำเราหลงมัวเมาไปกับความสวยจนแทบลืมสั่งขนมเลยทีเดียว
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/YdWkKtvG1mfWHnz38
เรื่องเมนูของเขาก็เด็ดไม่แพ้การตกแต่ง เพราะนอกจากนักท่องเที่ยวแล้ว ชาวเมืองเองก็มาต่อแถวเพื่อรอซื้อไอศกรีมเช่นกัน ซึ่งเขามีให้เลือกมากถึง 50 รสชาติ แยกประเภทเป็นชา ผลไม้ทั่วไป โยเกิร์ต รสสเปเชียล ผลไม้ตาลฤดูกาล และทีเด็ดคือช็อกโกแลตที่มีทั้งของแอฟริกา ยูกันดา เวเนซุเอลา ฯลฯ พร้อมบอกเปอร์เซ็นต์ความเข้ม นอกจากเลือกเป็นสกู๊ปได้แล้วเขายังมี วาฟเฟิล ท็อปปิงที่เป็นขนมชิ้นเล็ก ไปจนถึงเครื่องดื่มอย่างชานมไข่มุกก็เป็นอีกอย่างที่ขายดี ถือเป็นร้านที่ตอบโจทย์สายหวานกันแบบฉ่ำ ๆ ไปเลย
019 National Taichung Theater
ต่อมาเป็นพิกัดที่เราเห็นผ่านตาในไอจีถึงกับต้องกดเซฟ กับรูปทรงสถาปัตยกรรมล้ำยุคเกินต้าน ณ National Taichung Theater ออกแบบโดย Toyo Ito สถาปนิกชาวญี่ปุ่น ที่ต้องการให้อาคารนี้มีการไหลเวียนของศิลปะอย่างอิสระ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน พยายามใช้เส้นความโค้งมนที่ไม่เป็นตามฟอร์มเรขาคณิต เพื่อให้หลุดจากกรอบเดิม ๆ เพิ่มจินตนาการแก่ผู้พบเห็น ด้านหน้าอาคารยังทำเป็นสวนสวยที่ปลูกต้นไม้ใหญ่ แซมด้วยดอกไม้น่ารัก ๆ เป็นการตัดให้บรรยากาศโดยรอบดูผ่อนคลายขึ้นอีกหลายเท่าตัว
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ieBfayo8Hx5vy8cP8
เดินเข้ามาด้านในเราจะเห็นความนอกกรอบของสถาปนิกคนนี้ได้อย่างชัดเจน ด้วยความโค้งเว้าของโถงที่เหมือนเรามุดเข้าไปอยู่ในถ้ำ มีทางแยกออกไปหลายทาง ไหนจะบันไดวนฟอร์มแปลกตา การติดตั้งไฟเป็นรูตามกำแพง แต่ละดีเทลมันชวนตื่นตาสุด ๆ โดยในนี้เขามีทั้งโรงละคร 3 แห่ง สามารถจุคนได้ตั้งแต่ 200-2,007 คน, Corner Salon ครีเอทีฟสเปซสำหรับจัดงานนิทรรศการต่าง ๆ, Tutu Gallery พื้นที่จัดงานที่มีความยืนหยุ่นตอบโจทย์กับอีเวนต์แทบทุกรูปแบบ และพีคสุดคือ Sky Garden สวนสาธารณะฟอร์มเก๋ที่ตั้งอยู่บนชั้น 6 มีปล่องสีขาวเล็ก ๆ แซมกับรูปปั้นไดโนเสาร์น่ารัก ๆ แถมคนน้อยด้วย เราสามารถนั่งเล่นเทควิวเมืองที่ล้อมรอบด้วยป่าคอนกรีตได้อย่างสบายอารมณ์เลย
020 Rainbow Village
อีกแลนด์มาร์กประจำไต้หวันที่หลาย ๆ คนอาจจะเคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้ว Rainbow Village หมู่บ้านเก่าแก่ของทหารผู้ลี้ภัยตั้งแต่สมัยสงครามกลางเมืองในประเทศจีนที่กำลังจะถูกรื้อ กลายเป็นอีกหนึ่งไอคอนของไต้หวันได้ด้วยฝีมือของคุณปู่หวง หย่ง ฟู่ นายทหารวัยชราที่ยังคงมีความผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ เขากลั่นกรองความทรงจำเป็นภาพจินตนาการ แล้วค่อย ๆ แต่งแต้มสีสันตั้งแต่ตัวบ้าน ผนัง พื้น ไปจนถึงหลังคา ด้วยสีอันฉูดฉาด เมื่อแต้มจนเต็ม ที่นี่ก็กลายเป็นผลงานมาสเตอร์พีซ ส่งเสียงเรียกให้ผู้คนรวมถึงเราอยากเดินทางมาชม จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดท็อป จากที่ต้องถูกรื้อถอนก็เป็นพื้นที่อนุรักษ์ จากบ้านที่รกร้างทรุดโทรมได้ถูกซ่อมแซมเปิดเป็นร้านค้าอันคึกคัก ประหนึ่งถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/rB94me2Q2RvPryaw7
021 Gaomei Wetlands
ขอตัดเลี่ยนบรรยากาศเมือง ๆ ด้วยการเดินเข้าหาธรรมชาติให้หายคิดถึงกันบ้างที่ Gaomei Wetlands พื้นที่ชุ่มน้ำอันกว้างใหญ่กินพื้นที่กว่า 1,500 เอเคอร์ ตั้งอยู่ทางใต้ของแม่น้ำต้าเจี๋ย ลักษณะเป็นที่ราบมีทางเดินไม้ทอดยาวให้เราเดินทอดน่อง ดื่มด่ำความสงบนี้ได้อย่างสะดวกสบาย ที่นี่โดดเด่นเรื่องระบบนิเวศน์อันสมบูรณ์ ด้วยพื้นที่เป็นทรายและดินคล้ายป่าชายเลน เราจึงจะเห็นปูก้ามดาบ ปลาตีน มาเดินหาอาหารอย่างอาจหาญ อีกไฮไลต์อยู่ตรงที่เขามี Bolboschoenus planieulmis พืชตระกูลเดียวกับต้นกกเยอะที่สุดในไต้หวัน และหากคุณเป็นนักล่าภาพพระอาทิตย์ตกดิน เราแนะนำให้มาที่นี่ในวันฟ้าเปิด จะได้พบกับแสงทองทออยู่บนท้องทุ่ง พร้อมกลุ่มกังหันลมที่ยืนในสภาพย้อนแสง ต้องเป็นโมเมนต์ที่สวยตะลึงอย่างแน่นอน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/GJFj3fJYy9JMZk7j7
022 Fengchia Night Market
สูดอากาศแสนสะอาดจนฉ่ำปอดแล้ว เราก็หิ้วท้องเข้าเมือง กอบเก็บความหิวโซมาระเบิดที่ Fengchia Night Market แหล่งร้านค้าอันโด่งดังของเมืองที่ครอบคลุมทั้งตลาดกลางคืนฝงเจี่ย-เหวินหัว ถนนผงเจี่ย และถนนฝูซิง จากที่เคยเป็นเพียงตลาดเล็ก ๆ ขายของหน้าวัดหน้าโรงเรียนเมื่อ 60 กว่าปีก่อน จนกลายเป็นตลาดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน มีระยะทางทั้งหมด 1.5 กิโลเมตร รวบตึงทั้งร้านอาหารสตรีทฟู้ด ของโลคอล อาหารต่างชาติ ของทะเล มีร้านค้าขายรองเท้าแบรนด์สตรีท เสื้อผ้า เครื่องประดับ ไปจนถึงตู้คีบตุ๊กตา หากใครมาเป็นกลุ่มบอกเลยว่ากระจายตัวไปตามล่าหาฝันตัวเอง แล้วนัดเจอกันอีกทีก่อนกลับได้เลย
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/LDDSdjvTsTisBXH37
Day 6 :: Taichung City
023 National Taiwan Museum of Fine Arts (NTMoFA)
สถานที่ที่ส่งเสริมศิลปะของไต้หวันให้กลายเป็นแหล่งผลิตศิลปินหน้าใหม่มากมายบนโลกใบนี้ National Taiwan Museum of Fine Arts (NTMoFA) อาร์ตมิวเซียมที่เปิดมานานถึง 36 ปี บนพื้นที่กว้างกว่า 102,000 ตารางเมตร รวมสวนด้านนอกที่มีการจัดวางประติมากรรมทั้งแบบนามธรรม และรูปธรรมกระจายตามจุดต่าง โดยที่นี่กลายเป็นแหล่งทำวิจัย เก็บข้อมูลด้านประวัติศาสตร์วิจิตรศิลป์ในไต้หวัน จนรวบรวมชิ้นงานได้มากกว่า 19,000 ชิ้น รวมไปถึงของสะสมทางประวัติศาสตร์ สมัยราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง จนถึงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ke1axUDnUxkJGoYM7
หากต้องพูดถึงความใหญ่ให้เห็นภาพได้ชัด ๆ ในนี้สามารถแบ่งฮอลล์จัดแสดงงานได้มากถึง 24 ห้อง จึ้งม๊ากกกก ซึ่งมีทั้งนิทรรศการถาวรและหมุนเวียนตลอดทั้งปี แต่ด้วยเวลาจำกัดเราจึงเลือกดูที่ห้อง ’The Museum’s Collection of Early Taiwanese Painting’ จุดเริ่มต้นของห้องนี้เปิดมาด้วยงานจิตรกรรมแบบจีนซึ่งเป็นรากฐานของงานอาร์ตไต้หวัน ในยุคล่าอาณานิคมก็จะเริ่มมีงานศิลปะแบบญี่ปุ่นเข้ามาร่วมจนได้รับความนิยมมากกว่าแบบเก่า จากห้องนี้เราจะเห็นการพัฒนาด้านศิลปะของไต้หวันทีละขั้น บางงานที่ดูเก่าแก่ก็มีความเป็น Contemporary คล้ายศิลปินระดับโลกเลย แถมเข้าชมฟรีด้วยเลิฟมากกกก
024 柳川屋麵包店~柳川 や
บ้านอายุ 50 ปี ที่ถูกปรับหน้าตาให้ดูคาวาอี้ญี่ปุ่นญี่ใจสุด ๆ 柳川屋麵包店~柳川 や ร้านเบเกอรีที่ขายแบบ Take away เท่านั้น นอกจากกลิ่นที่หอมมาแต่ไกลแล้ว หน้าร้านยังมีก้อนขนม 2 ชิ้นโต ๆ วางอยู่บนหลังคา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเราถึงร้านแล้ว!! แค่เปิดประตูกลิ่นขนมอบอุ่น ๆ ก็ลอยปะทะหน้าเราแบบจัง ๆ พร้อมกับบรรดาขนมที่วางเรียงอย่างสวยงาม แต่ละชิ้นมันดูนุ่มฟู สดใหม่ อย่างกับหลุดออกมาจากอนิเมะเลยทีเดียว เมนูเด็ดของร้านนี้คงหนีไม่พ้น ‘pineapple bun’ กัดเข้าไปคำแรกรู้เลยว่าเขาใช้วัตถุดิบดีมาก เนื้อสัมผัสที่เหมือนกินขนมปังญี่ปุ่นพร้อมกลิ่นหอมจากเนยฝรั่งเศส รสชาติเค็มนิด ๆ ใครชอบหวานลองกินคู่กับไอศกรีมได้เลย รับรองว่าเลิศ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/xruRmGbn2Y17iYZw7
025 Bugcat Capoo Shop 咖波屋
นาทีทองของแฟนตัวยง Bugcat Capoo กับการได้มากวาดของที่ระลึกในร้าน Bugcat Capoo Shop 咖波屋 น้องเป็นคาแรกเตอร์การ์ตูนอันโด่งดังของไต้หวัน ผลงานจาก illustrator Yara (亞拉) ที่มีผู้ติดตามผลงานมากกว่า 1.6 ล้านคน และยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี ความน่ารักของน้องอยู่ตรงรูปทรงแมวตัวกลมดิ๊กพร้อมหน้าตาอมยิ้มตลอดเวลา มีผองเพื่อนที่มาเรียกรอยยิ้มอีกมากมาย ซึ่งนอกจากเขาจะขายของแล้ว เขายังมีฉากน่ารัก ๆ ให้เราเข้าไปร่วมเฟรมด้วย นี่ขนาดไม่ได้เป็นแฟนคลับยังโดนตก แอบซื้อโปสการ์ดพวงกุญแจกลับบ้านอยู่หลายอันเลย
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/M6G3W3ZHyWkJpn47A
026 Foam cat café
ถ้าความน่ารักของพิกัดก่อนหน้ายังไม่สาแก่ใจ เราแนะนำให้เหล่าทาสคาแรกเตอร์อาร์ตมาดื่มด่ำกันต่อที่ Foam cat café ซึ่งที่นี่ก็ยังคงเป็นธีมของ Bugcat Capoo แต่เปลี่ยนจากสินค้าเป็นขนม!! ใช่แล้ว.. ขนมแต่ละเมนูของที่นี่จัดเสิร์ฟมาเป็นรูปการ์ตูน หน้าตาน่ารักน่าหยิกน่าทำคอนเทนต์สุด ๆ เราชอบตั้งแต่การตกแต่งร้านที่เน้นสีขาวสะอาด ด้านหน้าเป็นกระจกทั้งแถบ สูงโปร่งเห็นภายในทั้ง 2 ชั้น มีมุมถ่ายรูปกับรถออสตินสีขาวที่อยู่ด้านหน้า เดินเข้ามาเราจะเจอกับชั้นวางของวางโชว์ภาพน้อง เครื่องถ้วยออกแบบพิเศษ เป็นการเก็บรายละเอียดที่ชวนใจเหลวสุด ๆ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/FvbawYUNN8LVDMfG7
แน่นอนว่าคะแนนการจัดเสิร์ฟเราต้องยกให้เต็ม 10 แบบไม่มีข้อกังขา ซิกเนเจอร์อยู่ที่เมนู Tiramisu ที่มีโฟมนมรูป Bugcat Capoo โผล่ขึ้นมาแบบน่ารักจนไม่กล้าตักให้เสียรูป ส่วนใครที่เลือกจิบเครื่องดื่มเย็นก็สามารถสั่ง Foamcat Pancake มาวางทับบนแก้วถ่ายรูปน่ารัก ๆ แบบเราได้เช่นกัน ขนมที่เราเลือกเป็น Capoo’s friend pancakes แป้งแพนเค้กที่ถูกอัดพิมพ์เป็นรูปการ์ตูน ดูธรรมดาแต่รสชาติมันเดอะเบสต์มาก เท็กซ์เจอร์มีความกรอบนอกหนึบใน หอมกลิ่นเนยฟุ้งขึ้นจมูก และมีรสชาติหวานกำลังดีปลายเค็มนิด ๆ ยิ่งกินร้อน ๆ ยิ่งฟิน ฉะนั้นเรื่องรสชาติเราก็ให้คะแนนเต็ม 10 ด้วยเช่นกัน
027 Park2 & COFFEE AND JOHN
คอมมิวนิตีเอาต์ดอร์ที่รวมทุกความปังไว้ที่เดียว Park2 ที่เขาตั้งใจจะทำเป็นสวนสาธารณะรูปแบบใหม่ สร้างความประทับใจแรกกับโลโก้ฟอนต์อันแสนสะดุดตา ตัดกับโครงสร้างสีขาวรูปทรงโค้งไปมา พร้อมทั้งพยายามเน้นพื้นที่สีเขียวแบบไม่ซ้ำใครด้วยการปลูกพืชทะเลทราย สาดกล้องไปตรงไหนก็เจอแต่มุมสวย ๆ ในนี้จะมี 17 แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เผยตัวตนแสนเก๋ของชาวไถจงให้ชาวโลกได้รับรู้ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ ร้านจัดดอกไม้ บางช่วงก็จะมีจัดตลาดงานคราฟต์ มีคอนเสิร์ตเล็ก ๆ จัดกิจกรรมรวมกลุ่มคนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน เรียกว่าเป็นฮับในการแฮงเอาต์ของวัยรุ่นไต้หวันก็ไม่ผิด
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/zwmcedFxUM1VXtFD8
หนึ่งในคาเฟ่ที่เรียกให้เรามาที่นี่คือ ‘COFFEE AND JOHN’ คาเฟ่ที่เผยความสตรีทได้มินิมอลโดนใจสุด ๆ ตั้งแต่โลโก้ร้านที่เป็นน้องหมาเล่นสเก็ต ลายเส้นง่าย ๆ แต่น่ารักชะมัด ตัวร้านจะอยู่ในห้องเล็ก ๆ stand alone มีที่นั่งเอาต์ดอร์ ส่วนด้านในนอกจากเคาน์เตอร์กาแฟแล้วก็มีผลิตภัณฑ์ดีไซน์พิเศษเฉพาะของแบรนด์วางขาย โดย JOHN เป็นผลงานของ Masada Shibata นัดวาดภาพประกอบชาวญี่ปุ่น ที่วางคาแรกเตอร์ให้ JOHN เป็นแฟนทีมแยงกี้จาก NYC ชื่นชอบทั้งการเล่นสเก็ต โต้คลื่น ฟังฮิปฮอป แถมยังป็อปในหมู่สาว ๆ งานที่ออกมาจึงเป็นการผสานวัฒนธรรมญี่ปุ่นและอเมริกาเข้าด้วยกัน มีความขี้เล่นน่าหยิกมากเป็นพิเศษ
028 綠光+marüte
หนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราตกหลุมรักไถจงได้อย่างไม่มีข้อกังขา คือเราสามารถเข้าถึงศิลปะได้อย่างง่ายดาย นอกเหนือจากมิวเซียม อาร์ตแกลลอรีชื่อดังแล้ว ตามถนน-ซอกซอยยังมีพื้นที่จัดแสดงผลงานขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่ว อย่าง 綠光+marüte ซึ่งเรามาเดินเจอโดยบังเอิญ ถึงกับต้องปักหมุดให้ทุกคนได้ตามรอย เพราะที่นี่ได้รับการดูแลโดยคนญี่ปุ่น เน้นจัดแสดงผลงานของศิลปินชาวญี่ปุ่นหมุนเวียนกันไป อย่างช่วงที่เรามาเป็นงาน ‘PEACEFUL‘ ของ koka junichi โดยคอนเซปต์งานนี้คือศิลปินจะสร้างผลงานเฉพาะตอนที่รู้สึกสงบและผ่อนคลายเท่านั้น เพื่อสื่อความรู้สึกไปถึงคนดูด้วยนั่นเอง
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/y5gQL4EvDPwfA4Xd6
029 Shenji New Village
จากบ้านพักเก่าแก่อันรกร้างกลายเป็นแหล่งรวมนักสร้างสรรค์ผลงาน มาแลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจ Shenji New Village เอาจริง ๆ เราว่าไต้หวันเขาเก่งเรื่องการทำ Urban Regeneration มาก ๆ เพราะไม่ว่าจะไปเมืองไหนเราก็มักเห็นเขานำกลุ่มอาคารเก่าแก่ โกดังเก่าเก็บมาแปลงโฉมเป็นแหล่งรวมงานอาร์ต อย่างบ้านพักพนักงานตรวจสอบบัญชีไถจง ที่มีอายุมากกว่า 55 ปีนี้ก็เช่นกัน ผู้ประกอบการหลาย ๆ คนได้เข้ามาช่วยกันฟื้นฟูรีโนเวตภายในให้กลายเป็นสตูดิโอ ร้านค้าสำหรับศิลปินรุ่นใหม่ได้มีพื้นที่ในการโชว์ผลงาน และเช่าเป็นร้านค้าของตัวเอง
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/M5PLJQTfytCfCU3x8
ด้วยการใช้โครงสร้างเดิมและยังมีร่องรอยตามกาลเวลาจึงทำให้ที่นี่มีมนต์ขลังของความผสมผสานระหว่างยุค สร้างความตื่นเต้นให้เราเป็นอย่างยิ่งเพราะประตูแต่ละบานก็จะเป็นงานศิลปะที่แตกต่างกันไป เหมือนกำลังเปิดห่อของขวัญเลยล่ะ บ้างเป็นร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร ไฮไตล์อยู่ที่ช่วงบ่าย จะเริ่มมีพ่อค้าแม่ค้ามากางผ้าใบสีขาวแผ่สินค้าแฮนเมดเต็มโต๊ะตลอดสองข้างทาง พร้อมเปิดเพลงครื้นเครง ฟีลลิงเราตอนนั้นเหมือนอยู่ในฝันเลย.. ชอบมากของกระจุกกระจิกแบบนี้
030 National Taiwan Museum of Comics
มิวเซียมสำหรับเหล่าโอตะของแทร่ National Taiwan Museum of Comics ซึ่งใกล้จะครบรอบ 1 ขวบช่วงปลายปีนี้ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ประกอบด้วยกลุ่มอาคารเก่าแก่สไตล์ญี่ปุ่น 19 หลัง เคยเป็นสถานที่ฝึกยูโด-เคนโด้ของตำรวจในยุคอาณานิคมญี่ปุ่นเมื่อ 87 ปีก่อน ซึ่งบางอาคารได้เริ่มจัดแสดงงานแล้ว ส่วนใหญ่เป็นของศิลปินชาวญี่ปุ่นและไต้หวัน นำคาแรกเตอร์ต่าง ๆ มาแอบตามมุม วางตามห้องด้วยอิริยาบถน่ารัก ๆ ถ่ายรูปเพลินมาก ซึ่งตอนนี้เขาเปิดให้เข้าชมบางหลังเท่านั้น คาดว่าจะเปิดได้แบบ full scale ช่วงปี 2029 เดี๋ยวได้กลับมาอีกทีแน่นอน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/M1jGoDC5tfdBUX5q7
นอกจากไอเดียการตกแต่งบ้านแต่ละหลังจะดีแล้ว ในนี้ยังมีอีก 2 ร้านคาเฟ่บรรยากาศดีให้เราได้ฮอปกันด้วย ร้านแรกขอเอาใจสายชา 喫茶花覓 HANAMI|第九宿舍之二 ร้านในบ้านญี่ปุ่นโบราณ ที่เปิดประตูมาก็เจอความหอมของกลิ่นชาและเสื่อทาทามิ การตกแต่งนั้นผสานความโมเดิร์นได้เข้ากับยุคสมัย รวมไปถึงการจัดเสิร์ฟชุดชาและขนมที่สวยเป๊ะทุกระเบียดนิ้ว เราสั่ง ‘茶盛典三味’ ชุดชาสามรสเกิดจากการหมักที่แตกต่างกัน มีชาเขียว 2 แก้วและชาดำ 1 แก้ว ซึ่งแต่ละแก้วมอบอะโรมาไม่เหมือนกัน พอกินคู่กับขนมก็จะมอบความรู้สึกที่ต่างกันด้วย แต่ที่แน่ ๆ คือขั้นตอนการทำชาเขาเก่งระดับมาสเตอร์จริง ๆ ใครสายชาต้องมาลองนะทุกคน
อีกร้านเป็นวิมานของคนรักเจลาโต 吳甜 WuSweet แพ้ทางตั้งแต่เห็นโลโก้ร้าน กับการใช้สีสันพาสเทลชวนฝัน พร้อมกิมมิกที่สามารถเพิ่มขนมไข่สไตล์ไต้หวันชิ้นจิ๋วโป๊ะเพิ่มในถ้วยด้วย ส่วนไอศกรีมเขามีให้เลือกมากกว่า 10 รสชาติ คัดสรรวัตถุดิบอย่างดีไม่ว่าจะเป็นรสชา ช็อกโกแลต ผลไม้ตามฤดูกาล โยเกิร์ต ฯลฯ ซึ่งเราสามารถชิมก่อนเลือกได้ รสชาติเข้มข้นครีมมี่ แผ่ความเย็นซ่านสดชื่นไปทั่วร่างได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็นขนมที่เหมาะช่วงหน้าร้อนสุด ๆ
Day 7 : Tainan City
031 早餐俱樂部 The breakfast club
เปิดโลเคชั่นแรก ณ เมืองไถหนาน ด้วยร้านใหม่ที่เพิ่งคลอดเมื่อปลายปีที่แล้ว 早餐俱樂部 The breakfast club เปิดโลกอาหารเช้าให้ดูคลาสสิกน่าหยิก สไตล์อเมริกันย้อนยุค ที่เปิดตั้งแต่เช้าจรดเย็น มอบความสดใสอารมณ์ดีด้วยโลโก้ร้านสไตล์ป็อปอาร์ตลายน้องหมา ร่างแบบมาจาก Bobi หมาตัวน้อยที่มานั่งรอต้อนรับเราอยู่ภายในร้าน เมนูที่เราสั่งคือ Scrambled egg with truffle croissant sandwich และ sauteed mushrooms จิบคู่กับอเมริกาโน่เย็นแก้วโปรด ถือเป็นเซตที่กินเพลิน อิ่มยาวพร้อมเดินลุยไถหนานต่อปัง ๆ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/vF5oGJEJVDdZyakS7?g_st=ic
032 Tainan Art Museum Building 1
อีกอาคารเก่าแก่ของไต้หวันที่ถูกเปลี่ยนโฉมให้เป็นอาร์ตมิวเซียม ซึ่งจะมีอยู่ 2 อาคาร อาคารแรกคือ ‘Tainan Art Museum Building 1’ อดีตเมื่อ 90 กว่าปีก่อนที่นี่เคยเป็นกรมตำรวจ ในช่วงที่ถูกปกครองโดยญี่ปุ่น สร้างในสไตล์ Art Deco โดดเด่นด้วยอิฐแดง เป็นอาคารสถานีตำรวจญี่ปุ่นเพียงไม่กี่แห่งที่ไต้หวันยังอนุรักษ์ไว้ จึงถือเป็นโบราณสถานที่สำคัญ ปัจจุบันภายในเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ ตั้งใจไว้ว่าให้เป็นสถานที่รวมงานศิลปะแห่งเมืองไถหนาน ชิ้นงานบางส่วนเป็นมรดกทางวัฒนธรรม บางส่วนเป็นนิทรรศการหมุนเวียน มีราคาค่าเข้าชมอยู่ที่ 200 NT สามารถเข้าชมได้ทั้ง 2 อาคาร
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/cCe6nKgT7y1nzq417?g_st=ic
จากที่เดินสำรวจ อาคารแรกนี้สามารถแบ่งเป็นห้องได้มากถึง 10 ห้อง ส่วนงานที่คัดมาจัดแสดงนั้นมีรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งภาพวาดแแบบร่วมสมัย ทั้งแบบรูปธรรม นามธรรม ร้อยเรียงบอกเล่าเรื่องราวการฟื้นฟูเมืองที่น่าติดตาม อีกห้องเป็นงานปั้นเซรามิกรูปทรงน่ารัก งานประดิษฐ์จากแก้ว ถือเป็นโลเคชั่นเปิดตัวงานศิลปะแห่งเมืองไถหนานที่ทำเราประทับใจตั้งแต่สิบนาทีแรกเลยทีเดียว
033 Tainan Confucius Temple
เดินข้ามถนนมาอีกฝั่งเราจะเจอกับวัดสีแดงสะดุดตา Tainan Confucius Temple เป็นต้นแบบวัดขงจื๊อที่เกิดขึ้นมากมายในไต้หวัน โดยก่อตั้งมานานกว่า 357 ปี เชื่อว่าเป็นโรงเรียนแห่งแรกของเกาะ มีความวิจิตรด้านงานปั้น แกะสลัก การจัดวางองค์ประกอบที่งดงามไม่แพ้ใคร ซึ่งในทุก ๆ วันที่ 28 กันยายน เวลาตี 5 ของทุกปีจะมีงานฉลองวันเกิดของขงจื๊ออันยิ่งใหญ่ กิมมิกที่น่าสนใจคือหลังเสร็จพิธีผู้คนจะรีบไปดึง ‘ขนแห่งปัญญา’ จากวัว ซึ่งถือเป็นเครื่องรางให้เราได้มีปัญญาที่ดีตลอดปี ตามความเชื่อแล้วน้อง ๆ หนู ๆ คนไหนกำลังสอบเข้าแข่งขันก็ลองมามูกันได้
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/kmh6VwYjecJ1Kmsw8?g_st=ic
034 Tainan Art Museum Building 2
ออกจากตัววัดเราเดินทะลุมาอีกฝั่งจะเจอกับ Tainan Art Museum Building 2 อาคาร 2 ที่ถูกออกแบบสมัยใหม่ ร่วมมือกันระหว่าง Joe Shih Architects & Associates ของไต้หวัน และ Shigeru Ban Architects ประเทศญี่ปุ่น พื้นที่ประมาณ 2,500 ตารางเมตร เป็นโครงสร้างสีขาวสบายตา ด้านบนมีหลังคาทรงห้าเหลี่ยมปกคลุม ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก Royal Poinciana ต้นไม้ประจำเมืองไถหนาน ที่เมื่อโตเต็มวัยจะแผ่นกิ่งก้านอย่างกว้างขวาง ด้านในนั้นแบ่งออกเป็นห้องจัดนิทรรศการ ห้องเวิร์กช็อป โรงละคร ศูนย์ศิลปะสำหรับเด็ก คาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึก เอาจริง ๆ แค่เดินดูตัวอาคารก็จึ้งตาแตกแล้ว
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Ru8WPXAYeuu3oUZMA?g_st=ic
ยิ่งมาเจอความละลานตาของงานที่จัดแสดงก็ทำเราตาลายไปหมด เรียกว่ามีเยอะที่สุดในไถหนานก็ไม่ผิด ถ้าจะเดินให้ครบทุกห้องอาจจะต้องใช้เวลาเป็นวัน เราเลยเลือกเข้าเฉพาะแนวอาร์ตที่สนใจ กับงานนิทรรศรวมดาวศิลปินไต้หวัน ผลงานศิลปะแนวร่วมสมัย โดดเด่นด้วยเทคนิคเฉพาะของแต่ละคน บอกเลยว่าคุ้มค่าตั๋วสุด ๆ เพราะบางงานไม่ใช่แค่ใช้พู่กันวาดตามจินตนาการ มันจะมีความซับซ้อนมากกว่านั้น ส่วนใครมาแล้วกลัวงงเรื่องภาษา ที่นี่เขามีป้ายภาษาอังกฤษแทบทั้งหมด เรียกว่าเสพกันได้จุก ๆ เตรียมสมองมาให้พร้อมแล้วกัน
อีกไฮไลต์ที่เราชอบมาก ๆ สำหรับตึกนี้อยู่ที่ชั้นบนสุด เป็นที่ตั้งของ 南美春室 The POOL คาเฟ่แสนชิล ที่มีวิวเมืองไถหนานเป็นอาหารตา ส่วนอาหารรองท้องก็มีกาแฟ ขนม นมเนยให้เลือกเยอะพอสมควร แน่นอนว่าหลังจากที่ใช้พลังสมองในการชมศิลปะอย่างบ้าคลั่ง เราก็ต้องจัดอเมริกาโน่ร้อน นั่งนิ่ง ๆ เรียกสติสงบจิตสงบใจกันสักแมตช์ พอได้นั่งมองรอบ ๆ จริง ๆ เรากลับชอบแสงเงาจากเพดานที่พาดทับตัวร้านมากกว่าวิวเมืองเสียอีก ดูโปร่ง แสงนวลสบายตา เหมือนอยู่ในร้านกาแฟในฝันเลย
035 Chimei Museum
จากนั้นเราก็มาใช้เวลาที่เหลือช่วงบ่ายทั้งหมดกันที่ Chimei Museum พิพิธภัณฑ์ฉีเหม่ย ที่สร้างไวบ์การท่องเที่ยวเหมือนเราวาร์ปมาอยู่ยุโรป สถานที่แห่งนี้มีอายุ 32 ปี สร้างโดยมหาเศรษฐี Shi Wen – long ผู้ก่อตั้งบริษัท Chi Mei Corporation บริษัทด้านวัสดุรายใหญ่ของโลก ซึ่งรายได้ทั้งหมดของพิพิธภัณฑ์ได้มอบให้กับองค์กรการกุศลของเมืองไถหนาน ความหรูหราของที่นี่ตะโกนให้เรารับรู้ได้แต่ไกล ตั้งแต่สวนอันกว้างใหญ่ที่มีประติมากรรมสไตล์ยุโรปจัดวางอยู่มากมาย จุดเด่นคือน้ำพุอะพอลโล ตรงกลางเป็นเทพอะพอลโลที่กำลังควบม้า รูปทรงน้ำพุคล้ายของพระราชวังแวร์ซายส์ ตรงสะพานที่เชื่อมสู่พิพิธภัณฑ์มีรูปปั้นเทพกรีก-โรมันที่ทำจากหินอ่อน ถูกจัดเรียงเป็นคู่ ๆ ตลอดแนว ถ้าไม่บอกก็จะไม่รู้เลยว่าที่นี่คือไต้หวัน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/xT1FTSo7zYPGwXR5A?g_st=ic
ก้าวเท้าเข้าสู่ตัวอาคาร ถึงกับต้องขยี้ตาเคลียร์ความพร่ามัวให้เบิกกว้างยลความตระการตากับโถงกลาง พื้นที่กว้างเพดานสูงดูอันโอ่อ่า สว่างขาวโพลนไปด้วยแสงธรรมชาติที่ทะลุผ่านกระจกใสด้านบน ตกกระทบลงพื้นหินอ่อนขัดเงา จนสร้างแสงเงาบนงานแกะสลักรูปปั้นโรมันที่ตั้งกระจายอยู่มากมาย โดยอาคารนี้มีทั้งหมด 2 ชั้น มีงานนิทรรศการทั้งแบบ Permanent Exhibition และ Temporary Exhibition ที่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
เราเน้นดูเฉพาะ Permanent Exhibition ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 โซน สิ่งที่นำมาจัดวาง ล้วนแล้วแต่เป็นของสะสม นับรวมแล้วมีมากถึง 4,000 ชิ้น รวมศิลปะทุกยุค ทุกแขนงที่มาจากชาติตะวันตก ซึ่งเป็นความชอบส่วนตัวของเจ้าของพิพิธภัณฑ์ จัดวางให้ดูมีชีวิตชีวาตั้งแต่ห้องสัตว์ดึกดำบรรพ์ ห้องเก็บอาวุธ จำลองการประลองฝีมือรูปแบบต่าง ๆ ห้องสะสมงานศิลปะช่วงศตวรรษที่ 12-13 และไฮไลต์ที่ห้ามพลาดคือที่ห้องเก็บเครื่องดนตรี จัดแสดงไวโอลินที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Day 8 Kaohsiung City
036 Cijin island
เร่ิมต้นเช้าวันที่ 8 ณ เมืองสุดท้าย Kaohsiung กับการเบิร์นพลังงานด้วยการออกเรือเที่ยวเกาะแบบฉ่ำ ๆ สักหน่อย ใช้เวลาเดินทางข้ามเรือเพียง 5 นาที ก็มาถึง Cijin island เกาะแคบ ๆ ทอดยาวไปตามชายฝั่งราว 15 กิโลเมตร ถึงแม้จะเป็นเกาะแต่บนนี้มีความเจริญเทียบเท่าตัวเมืองได้เลย เนื่องจากเป็นเกาะที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี จึงเต็มไปด้วยวัดวา แหล่งที่อยู่อาศัยอันจอแจ มีทั้งตลาดอาหารทะเล อุโมงค์ พิพิธภัณฑ์ ร้านค้ามากมาย แต่ก็ยังมีมุมสงบที่เต็มไปด้วยงานศิลป์ให้เราได้ปลีกวิเวกด้วยเช่นกัน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ZcbStLYcjXhFJhJQA?g_st=ic
ด้วยความที่เป็นเกาะขนาดเล็ก เราเลยสามารถสำรวจเกาะได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินเท้า ปั่นจักรยาน เช่าสกูตเตอร์ไฟฟ้าขับชมได้อย่างอิสระ ซึ่งเราเลือกอย่างหลังสุด เช่าไว้สัก 2 ชม. ก็สามารถเก็บแลนด์มาร์กหลัก ๆ ที่ต้องการได้ครบไม่ว่าจะเป็น Windmill Park, เปลือกหอยยักษ์ ที่ตั้งตระหง่านเคียงข้าง Shell Museum ตลอดจน Rainbow Arch ซุ้มประตูสี่เหลี่ยมสีสดใส จัดวางอยู่ริมชายหาดให้มองทะลุไปเห็นทะเลตัดกับเส้นขอบฟ้า เป็นสิ่งที่ช่วยเติมสีสันให้แก่หาดทรายแสนสงบนี้ได้เป็นอย่างดี เป็นการเที่ยวเกาะที่กู้ดไวบ์แบบตัวไม่ต้องแตะน้ำก็สดชื่นสุด ๆ ไปเลย
ก่อนกลับสู่อ้อมอกแผ่นดินหลัก เราขอแวบมาแลนด์มาร์กสำคัญอีกแห่งก่อน Kaohsiung Lighthouse ประภาคารสีขาวอายุ 141 ปี โดดเด่นด้วยความสูงราว 15.2 เมตร โดมด้านบนเป็นสีดำแสนเท่พร้อมระเบียงที่มอบวิวทะเลแบบพาโนรามาอย่างชัดเจน ข้าง ๆ กันมีอีกคาเฟ่น่าเช็กอิน horeline Coffee & Roaster ร้านในอาคารสีขาวเล็ก ๆ มีชานระเบียงแบบโอเพ่นแอร์ให้เราไปนั่งเทควิวทะเล วิวเมืองได้ชิล ๆ เน้นขายกาแฟแบบสเปเชียลตี้ พร้อมขนม ของว่างให้กินกรุบกริบ แนะนำให้มาช่วงพระอาทิตย์ตก เพราะวิวตรงนี้จะจึ้งสุด
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/D8YBVAd91njsgk9F9?g_st=ic
037 The Pier2 Art Center
ช่วงบ่าย ๆ หลังทานมื้อเที่ยงอิ่ม ๆ เราจะพาทุกคนเดินย่อยอย่างเพลิดเพลินกับศิลปะแห่งเกาสงกันที่ The Pier2 Art Center กลุ่มโกดังเก่าอายุ 50 ปี ที่ถูกจับปัดฝุ่นบูรณะให้ดูสะอาด แต่ยังคงไว้ซึ่งร่องรอยตามกาลเวลา เปลี่ยนโฉมให้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะริมทะเลขนาดใหญ่ ใช้ทุกพื้นที่ระเบิดจินตนาการของเหล่าศิลปิน มีทั้งงานเพ้นต์ผนังลายกราฟฟิกหลากสไตล์ งาน installation ทั้งอินดอร์ เอาท์ดอร์ พร้อมทั้งร้านค้าร้านกาแฟของคนวัยใกล้ ๆ เรา ทำให้ทุกอย่างดูเทสต์ดีเข้ากับยุคสมัยไปซะหมด
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/PK6Ghycj7FaNCZRJ8?g_st=ic
ด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้าง มีโกดังอยู่หลายหลังให้ได้เลือกใช้สอย เขาจึงแบ่งโซนไว้ตามรูปแบบและขนาดของงานที่จะมาจัดแสดง ส่วนใหญ่จะเป็นงานนิทรรศการหมุนเวียน ทั้งแบบเข้าชมฟรี แบบเสียเงินค่าเข้า สามารถเข้าไปอัพเดทงานได้ที่เว็บไซต์ The Pier2 Art Center ส่วนกลุ่มโกดังที่เรามาเดินจะเน้นงานอาร์ตเล็ก ๆ แซมด้วยร้านค้าขายของดีไซน์ ถือเป็นสถานที่ที่ทำให้เกาสงกลายเป็นตัวพ่อด้านศิลปะไปโดยปริยาย
038 Shuang Fei Milk Tea
จากนั้นเราเดินรับไอทะเลเย็น ๆ ต่อมาประมาณ 10 นาที เพื่อมาจิบชาที่ร้าน Shuang Fei Milk Tea เป็นร้านเก่าแก่ของชาวเกาสง หากพลาดร้านนี้ก็เหมือนพลาดการได้พบอีกบรรพบุรุษชานมแห่งไต้หวัน ความถูกต้องของชานมร้านนี้ยกให้กลิ่นชาที่หอมเป็นเอกลักษณ์ เป็นชานมที่นุ่มทุกมิติไม่มีกลิ่นนมมาแย่งซีน พร้อมรสชาติหวานอ่อน ๆ ตัวไข่มุกนุ่มหนึบหนับเหมือนเพิ่งต้มมาสด ๆ ร้อน ๆ ช่วยเสริมทัพกับชาได้อย่างดี แถมราคายังอยู่ที่ราว ๆ 50 บาทไทยเท่านั้น
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/fSCrEXynfhEZMrAA7?g_st=ic
039 Gao Xiong Po Po Shaved Ice
เติมความหวานกันแบบคลาสสิกอีกสักนิดที่ Gao Xiong Po Po Shaved Ice ซึ่งอยู่ถัดจากร้านชานมไปไม่กี่ก้าว กับขนมที่เหมาะสมกับเมืองแห่งท้องทะเลเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือน้ำแข็งไส เริ่มเปิดขายมานานกว่า 90 ปี คู่ควรเป็นของกินช่วงเที่ยงแดดแยงหัวแบบนี้เป็นที่สุด เราชอบตรงความหลากหลายของเมนูเย็น ตั้งแต่น้ำแข็งไสสาดมาด้วยไซรัปรสหวานเจี๊ยบ, bao bing นมเกล็ดน้ำแข็งคล้ายบิงซู, น้ำผลไม้ปั่น, หวานเย็นจำพวกเผือก เต้าทึง เฉาก๊วย ฯลฯ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BsqWnstTfJx93eWo8?g_st=ic
ส่วนเมนูที่เราเลือกนั้นคือ Baobing เกล็ดน้ำแข็งที่ทำจากนมแสนกลมกล่อมพอกพูนมาเต็มถ้วย รสชาติหวาน ๆ เย็น ๆ ชื่นใจ โบกทับด้วยไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี สตรอว์เบอร์รีสด มาช่วยตัดเลี่ยนสร้างเท็กซ์เจอร์กรุบกรอบ อีกอย่างที่พลาดไม่ได้คือมะเขือเทศหั่นชิ้น ยืนหนึ่งเรื่องความเฟรช ระดับที่กัดไปยังกรอบเนื้อแน่น จิ้มกินกับซอสหวานที่มีส่วนผสมของขิง มอบทั้งความสดชื่นและกลิ่นที่ชวนตื่น กินตัดสลับกันได้ไม่เบื่อ
040 Great Harbor Bridge
ส่งท้ายวันดี ๆ ด้วยการพาทุกคนมายืนเหม่อสงบจิตสงบใจกันสักพักที่ Great Harbor Bridge สะพานรูปทรงสุดล้ำ เหมือนหลุดมาอยู่โลกอนาคตเพียงพริบตา ลักษณะเป็นสะพานสีขาวที่มียอดปลายแหลม ขึงเชือกกางแฉก พร้อมหลังคาทรงโค้งมนซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากหอยและปลาโลมา ที่ปังกว่านั้นเขาเป็นสะพานหมุนได้แห่งแรกของไต้หวัน และเป็นสะพานหมุนได้ที่มีความยาวที่สุดในเอเชีย ด้วยความยาวราว 110 เมตร ความกว้างตั้งแต่ 5-11 เมตร เปิดให้ผู้คนสามารถสัญจรข้ามฝั่งได้ทั้งการเดินเท้า-ปั่นจักรยาน ส่วนตัวที่ชอบมาก ๆ ขณะที่ยืนอยู่บนสะพานคงจะเป็นภาพวิวเมืองสุดแสนศิวิไลซ์ตรงหน้า ที่มีตึก Kaohsiung Music Center กับ 85 Sky Tower มาเติมเต็มให้วิวโดดเด่นดูล้ำสมัยแบบคูณสามคูณสี่เท่าไปเลย
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ve6yovKqHp6g3QFy9?g_st=ic
ตลอดช่วงบ่ายที่เราเริ่มเดินสำรวจ The Pier2 Art Center ไล่เรียงมาเรื่อย ๆ จนมาจบที่ Great Harbor Bridge ในยามพระอาทิตย์ใกล้ตก ก็ยังไม่หลุดจากแอเรียนี้เลย หากใครมีเวลา เน้นอัพเดทเทรนด์ ชมอาร์ตเก๋ ๆ แนะนำให้เผื่อเวลาไว้อย่างน้อยสักครึ่งวันนะ ยิ่งเป็นช่วงบ่ายยิ่งดีเพราะตกเย็นเธอจะเจอฟ้าเปลี่ยนสีสะท้อนน้ำ โดยมีสะพานทรงสวยเป็นองค์ประกอบหลัก รูปออกมาสวยจนแทบไม่ต้องแต่งเพิ่มเลย เป็นการจบวันที่ made my day สุด ๆ
041 Sanfong Temple
แลนด์มาร์กประจำเมืองอันยิ่งใหญ่ Sanfong Temple ศาสเทพนาจาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 300 ปี มีการย้ายที่ตั้งและสร้างขึ้นใหม่ให้สง่างามขึ้น โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมของจีนทางตอนเหนือ ที่มีงานสลักแสนวิจิตรบรรจงทั้งผนัง เสา เพดาน และภาพเทพเจ้าผู้คุ้มครองประตู ด้วยฝีมือจิตรกรชั้นครู Pan Lu-Shui ตระการตาด้วยโคมไฟสีแดงหลายร้อยดวง ที่ถูกติดตั้งคลุมไปทั่วลานกลางวัด แนะนำให้มาช่วงพลบค่ำที่ฟ้ากำลังจะมืด เมื่อเปิดไฟเต็มสตรีมจะได้ภาพสวยอลังมาก สำหรับที่นี่ส่วนมากคนจะนิยมมาขอลูก, ขอพรให้คุ้มครองลูก ให้เลี้ยงง่าย, หรือขอเรื่องธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/s4jJLKWYXioLExER6?g_st=ic
042 Liouhe Night Market
ไม่ว่าจะอยู่เมืองไหนของไต้หวัน สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการออกมาฝากท้องบนถนนสายกินยามค่ำคืน สำหรับวันแรกเรามาที่ Liouhe Night Market ตลาดเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองมานานกว่า 70 ปี ทั้งสองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านค้ารถเข็นมากกว่า 130 ร้าน ทุกร้านมีทีเด็ดน่าเจี๊ยะสุด ๆ โดยเฉพาะอาหารทะเลท้องถิ่นอย่างกุ้งนึ่ง ปลาหมึกทอด หนวดปลาหมึกยักษ์ย่าง เป็นเมนูที่สมมงเมืองริมทะเลสุด ๆ และถ้าอยากหาของฝาก เสื้อผ้า เครื่องประดับน่ารัก ๆ ที่นี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นกัน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/JZH84Lk3ncLYgN456?g_st=ic
Day 9 Kaohsiung City
043 老江紅茶牛奶 南台門市 (Lao Chiang Nantai)
มื้อเช้าวันสุดท้ายแบบชิล ๆ เรามาฝากท้องที่ Lao Chiang Nantai ร้านอาหารอายุ 71 ปี ความพิเศษคือเปิดตลอด 24 ชม. จัดเสิร์ฟอาหารเช้าสไตล์ไต้หวัน พร้อมเครื่องดื่ม ของกินเล่น และขนม โดยร้านจะอยู่บริเวณหัวมุม หาไม่ยากเพราะมีป้ายอลูมิเนียมใหญ่ยักษ์โค้งครอบทั้งตัวตึก ภายในร้านจัดวางโต๊ะเก้าอี้แบบง่าย ๆ แม้จะผ่านการตกแต่งใหม่แต่ก็ยังมีกลิ่นอายความคลาสสิกมิคลาย เมนูเด็ดของร้านจะเป็นแซนด์วิช และขนมปังสอดไส้แฮม ไข่ เท็กซ์เจอร์คริสปี้ กินคู่กับชานมแล้วเพลินระดับเบรกแตกเลยทีเดียว
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/z48H38SypHu92x8b8?g_st=ic
044 二雄 (bog tea shop)
พิกัดนี้บอกเลยว่าเราตั้งใจมามากกว่าเขากว่าใคร bog tea shop บ้านไม้สีดำสูง 2 ชั้น ความโบราณของโครงสร้างขับให้ตัวร้านโดดเด่นจากตึกสมัยใหม่รอบ ๆ อย่างมาก มองเผิน ๆ จะเรียกว่าเป็นบ้านทรงญี่ปุ่นย้อนยุคก็ไม่ผิด ส่วนภายในร้านนั้นมีการบุผนังให้ดูใหม่ สะอาดสะอ้าน จัดวางชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้ฟอร์มต่าง ๆ ตู้ นาฬิกา กระดาน โคมไฟ ชั้นวาง เครื่องใช้โบราณสไตล์ของสะสมอยู่ทั่ว ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มมนต์ขลังสร้างรายละเอียดน่าค้นหา แถมยังถ่ายรูปออกมาได้คูลไม่ซ้ำใครด้วย
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/7E7v1DCC2M86FzWk9?g_st=ic
รายการอาหารของร้านนั้นเรียกว่าหลากหลาย สวนทางกับขนาดร้านสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าว พาสตา แซนด์วิช เค้ก ขนมอบ วาฟเฟิล พุดดิ้ง เครื่องดื่มนานาชนิด ตอบโจทย์ทุกความชอบ พร้อมเสิร์ฟมาในหน้าตาแสนจะโฮมเมด ส่วนเมนูที่เราเห็นปุ๊บถึงกับต้องรีบสับขามาที่นี่คือ Doraemon Set ประกอบด้วยนมบราวน์ชูการ์นุ่ม ๆ กินคู่กับโดรายากิของโปรด ที่เขาเปลี่ยนจากไส้ถั่วแดงเป็นช็อกโกแลต เข้ากับเครื่องดื่มสุด ๆ ส่วนชุด Doraemie จะเป็นนมหวาน เสิร์ฟคู่โมจินุ่มหนึบ ถือเปนการจิบชายามบ่ายที่ชวนอารมณ์ดีจริง ๆ
045 Dome of Ligh
ก่อนลากกระเป๋าไปสนามบิน ขอแวะกดชัตเตอร์กันที่แลนด์มาร์กสุดท้ายของเกาสงซะก่อน ที่นี่มีชื่อว่า Dome of Light งานศิลปะโดมกระจกสีกลางแจ้ง ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยเส้นผ่าศูนย์กลาง 30 เมตร กินพื้นที่ราว ๆ 660 ตารางเมตร ตั้งอยู่ภายใน MRT สถานี Formosa Boulevard สร้างสรรค์โดย Narcissus Quagliata ศิลปินชื่อดังชาวอิตาลี เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของมนุษย์ แบ่งเป็น 4 ธีมคือ Water สื่อถึงการเกิด, Earth การเจริญเติบโต, Light จิตวิญญาณและความสร้างสรรค์, Fire การทำลายล้าง-ก่อเกิดใหม่ ใช้กระจกกว่า 4,500 แผ่น งดงามจนหลายคนยกให้เป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก เป็นโลเคชั่นจบทริปที่คอมพลีทสุด ๆ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/GVGLPoVJpq1tQ3DQ8?g_st=ic
เที่ยวเหนือจรดใต้ขากลับเพื่อเป๊ะปังเราจึงเลือกบินกลับจากเกาสง เพราะสะดวกตรงที่เส้นทางนี้ แอร์เอเชียเขาก็มีบินตรงถึง 4 วัน/สัปดาห์ ขาไปออกจากดอนเมือง (DMK) เวลา 2:45 น. ถึงเกาสง (KHH) เวลา 07:15 น. ต่อรถไฟใต้ดินเข้าเมือง ฝากกระเป๋าที่โรงแรม ก็ออกเที่ยวได้ทันที ส่วนขากลับ(ไฟล์ทเราวันนี้) ออกจากเกาสง (KHH) 17:50 น. ถึงดอนเมือง (DMK) 20:15 น. ช่วงเวลาดีงาม ได้พักผ่อนก่อนไปทำงานอีกวันได้อย่างเต็มที่ เห็นไหมว่าไต้หวันมีอะไรมากว่าที่คิด มีอะไรมากกว่าไทเป ลองมาเปลี่ยนภาพจำเดิน เลือกบินไปกลับต่างสนามบินกับ AirAsia จะเที่ยวชิค ๆ ตามเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสลับ Local Train แบบเรา หรือจะหาเส้นทางธรรมชาติเพียว ๆ หรือจะเที่ยวผสมผสานยำทุกแนวรวมกัน ไต้หวันก็พร้อมให้ทุกคนมาฟินได้ตลอดทั้งปี … แล้วนอกจากกรุงเทพฯ แอร์เอเชียเขาก็มีบินตรงจากเชียงใหม่ไปไทเปทุกวันด้วยนะพี่น้องจาวเหนือ ^^
ไม่อยากจะเชื่อว่าไต้หวันที่เราเคยมองข้าม เคยโฟกัสแต่ที่ไทเป ความจริงแล้วเมืองอื่น ๆ ของเขาก็มีความเก๋าไม่แพ้กันเลย เพียงแค่ยังไม่มีคนมาค้นหามากนัก ทริปนี้เราได้เจอกับอะไรใหม่ ๆ มากมาย โดยเฉพาะงานศิลปะที่ทุกเมืองจะมีศิลปินที่ช่วยแต่งแต้มความสดใสชวนอมยิ้ม ไหนจะธรรมชาติอันงดงามที่ได้รับการดูแลอย่างดี โบราณสถานแม้จะมีไม่เยอะแต่ทุกที่นั้นมีความผสมผสานงานออกแบบจากหลายประเทศ เกิดเป็นเอกลักษณ์ที่มีเฉพาะไต้หวันเท่านั้น ปลายปีนี้ใครกำลังอยากเที่ยวที่ใหม่ ๆ รับรองว่ารูทนี้ตอบโจทย์แน่นอน