พอหมดฝนปุ๊บ ทะเลบ้านเราก็พร้อมใจกลับมาสวยงามอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากเพื่อน ๆ กำลังมองหาที่เที่ยวไม่ไกลมาก แต่ครบเครื่องที่สุด เราต้องขอยกให้กับ ระยอง อีกหนึ่งจังหวัดที่ทำให้คนรักทะเลฟินได้เสมอ ทริปนี้เลยชวนทุกคนออกเดินทางกันชิล ๆ ฟีลโร้ดทริป มาอัพเดทที่เที่ยว 6 พิกัด ที่รวมมาให้ครบตั้งแต่เดินเล่นริมหาดเคล้าเสียงคลื่น ขับสกู๊ตเตอร์ขึ้นเขาไปสูดอากาศดีให้เต็มปอด เช็คอินคาเฟ่ดีไซน์เก๋หลากสไตล์ พร้อมจุดถ่ายรูปมุมงาม ๆ ที่ใครเห็นจะต้องรีบหยิบกล้องตามมาอย่างแน่นอน และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เราออกเดินทางพร้อมกับรถทรงเท่ MADISON150 สกู๊ตเตอร์คันโปรดจาก Malaguti แบรนด์อิตาลีเลือดบริสุทธิ์ ที่มีประวัติยืนหนึ่งด้านการขับขี่มาอย่างยาวนาน
หลังจากที่ได้เดินทางร่วมกันมาหลายทริปก่อนหน้า รอบนี้เรารู้สึกคุ้นชินกับ Madison150 มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยความที่เป็นสกู๊ตเตอร์ทรงสปอร์ตพรีเมียมในคลาส 150 ซีซี รูปทรงปราดเปรียว มีฟังก์ชั่นที่เข้าใจง่ายขับได้ทั้งมือใหม่และมือโปร ยิ่งทำให้เรามั่นใจตลอดการขับขี่ แถมมี STORAGE BOX ช่องเก็บของที่ค่อนข้างใหญ่ จะเก็บพร็อพ เสื้อผ้า สำหรับสองวันก็ทำได้สบาย เข้ากับคอนเซปต์ ‘The Spirit in Motion’ สุด ๆ บอกเลยว่าช่วนให้เราเดินทางได้อย่างโฉบเฉี่ยว ดูสมาร์ทได้ในทุกที่ที่ไปแน่นอน
DAY 1
01 : Happy Camper Rayong
ออกจากเมืองกรุงเรามุ่งตรงมาเช็คอินพิกัดแรกกับ Happy Camper Rayong คาเฟ่ริมคลองใจกลางเมืองระยอง ที่เปิดมานานแล้วแต่ได้รับการรีโนเวทใหม่ให้สดใสกว่าเดิม คุมโทนด้วยสีขาวฉาบทับสิ่งปลูกสร้างทรงน่ารักในสวนสีเขียวและฟ้าสดใส กลายเป็นความลงตัวจนต้องขอพา MADISON150 มาถ่ายหน้าร้านสักหน่อย ซึ่งรอบนี้มากับสี EMPTINESS FORCE WHITE สีขาวตัดดำและแดงกล่ำโทนเข้ม ดูโดดเด่นเปี่ยมเสน่ห์จนละสายตาไม่ได้เลยจริง ๆ
เข้าร้านมาปุ๊บ เราก็จะเจอกับโซนที่ใคร ๆ ก็พากันวิ่งมาถ่ายรูปจับจองหาที่นั่ง โดยทางร้านดีไซน์เป็นโดมขาวที่เป็นเหมือนฟองอากาศขนาดใหญ่ อย่างกับหลุดเข้าไปอยู่ในโลกนิทานยังไงอย่างนั้น ในแต่ละโพรงจะเป็นที่นั่งขนาดต่าง ๆ เพื่อรองรับลูกค้าทั้งกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ บางโพรงบรรจุทรายสำหรับเด็กเล่น มีรูระบายอากาศให้ลมโกรกอยู่ตลอดเวลา พอเอาต้นปาล์มว่าจัดวางไว้ด้วยก็ยิ่งทำให้สีสันรูปทรงโดยร่วมน่ารักขึ้นทวีคูณเลย
ส่วนมุมไฮไลต์ที่แสนจะเกาหลีเกาใจ ต้องยกให้บ้านสีขาวสะอาดหลังคาสูงเหมือนบ้านการ์ตูน ที่เห็นทุกคนมาถ่ายรูปลงไอจีเช็คอินกันเป็นร้อย ทางเราก็ไม่น้อยหน้าขอจัดมุมเท่ ๆ แบบอบป้าร่วมเฟรมด้วยสักใบก็แล้วกัน
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเลยขอจัดหนัก ๆ เป็นมื้ออาหารเลยแล้วกัน กับสปาเกตตี้พริกไทยดำไส้กรอกแฮมรมควัน, ชีสเค้ก, Orange Americano และอีกจานซิกเนอเจอร์ที่เราประทับใจ ข้าวปุ๊กมันม่วง ขนมพื้นเมืองทางภาคเหนือนำมาทอดให้กรอบกำลังดี ข้างในมีเท็กเจอร์หนุบหนับ นิยมกินกับนมข้นหวานหรือน้ำผึ้ง ซึ่งเขาทำได้อร่อยหอมมันม่วง มีรสหวานอ่อน ๆ เป็นธรรมชาติมาก ๆ
02 : Haus Café Laem Charoen Beach
ขับต่อมายังหาดแหมเจริญ อีกหาดอันเงียบสงบของระยอง ที่ตอนนี้กลายเป็นฮับรวมวัยรุ่นแห่งใหม่ เพราะตลอดทั้งแนวชายหาดจะมี food truck ทรงน่ารักมาจอดเปิดร้านให้เราจิ้มเลือกมากมาย ชอบมุมไหนก็เลี้ยวเข้าไปร้านนั้นได้เลย หน้าหาดคลีนสะอาดตามาก รู้เลยว่าร้านต่าง ๆ ต้องช่วยกันทำความสะอาดอย่างดีแน่นอน ส่วนรอบนี้เราเลือกมาปักหลักอยู่ที่ร้าน HAUS CAFÉ เพราะสะดุดตาด้วยรถบ้านสีเหลืองมัสตาร์ดสีน่ารัก ที่เข้ากับร่มสีขาวใต้เงาไม้พอดิบพอดี เล็งแล้วว่าเป็นมุมที่ต้องถ่ายรูปออกมาเท่ไม่ไหวแน่นอน
แต่ก่อนจะไปนั่งกินลมชมคลื่น เราขอเล่าถึงความสะดวกสบายอีกอย่างของสกู๊ตเตอร์ทรงสปอร์ตคันนี้กับเบาะนั่งดีไซน์พิเศษที่เน้น COMFORTABLE SEAT ให้เรานั่งได้สบายทั้งผู้ขับและคนซ้อน ทางจะไกลขนาดไหนก็ไม่เมื่อย ความสูงกับที่พักเท้าสำหรับคนซ้อนก็กำลังดีเหมาะกับทุกสรีระ จะขับเที่ยวคนเดียวหรือซ้อนมากับคนพิเศษก็ฟิน
จอดรถสั่งเครื่องดื่มเสร็จสรรพ เราก็ลากโต๊ะเก้าอี้หามุมที่ชอบแล้วนั่งทอดเวลาไปกับเสียงคลื่นริมทะเลได้เลย ซึ่งทางร้านจะมีเก้าอี้พับไว้ให้เราเลือกหามุมที่อยากชิลได้ตามสะดวก ฟีลลิ่งเหมือนมาปิกนิกริมทะเลแต่ไม่ต้องเตรียมของมาเองให้ลำบาก มันดีอยู่นะจะว่าไป นั่งอยู่สักพักพี่เจ้าของก็เอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ โดยเมนูของทางร้านจะค่อนข้างเบสิกตรงตัวเลย มีทั้ง coffee, non-coffee และเมนูโซดาต่าง ๆ เราสั่งลาเต้เย็นจัดเสิร์ฟเป็นเลเยอร์ กับพีชโซดาหอมหวานซาบซ่าเอามาจัดวางกับหนังสือ กล้องฟิล์ม ฉากหลังเป็นหาดทรายและขอบฟ้า เท่านี้ก็ได้รูปว้าว ๆ ไปอัพโซเชียลแล้ว
ระหว่างที่นั่งชิลอยู่นั้นตาเราก็ไปสะดุดกับประภาคารสีขาวที่ยื่นออกไปกลางทะเล อดใจไม่ไหวเลยตัดสินใจออกไปขับรถเล่นอีกสักหน่อย ยิ่งขับไปใกล้ใจก็ยิ่งฟูเพราะแดดฤดูหนาวมันเหมือนมีฟิลเตอร์ท้องฟ้าเป็นฟ้าจาง ๆ บรรยากาศคล้ายที่ปูซานเลย บวกกับรถคู่ใจที่เป็นได้ทั้งเพื่อน เป็นได้ทั้งพร็อพลงตัวจนต้องขอถ่ายรูปเก็บความทรงจำอีกสักอีกหนึ่งคอลเลคชั่น
03 : หาดแสงจันทร์
ใกล้กันกับหาดแหลมเจริญ เราขับต่อจะมาถึง หาดแสงจันทร์ หาดที่มีลักษณะพิเศษ เพราะหากมองจากมุมบนเราจะเห็นแนวหาดทรายที่มีความโค้งเว้าเข้ามาเป็นทรงเกือกม้าตลอดทางยาวกว่า 10 กิโลเมตร มีแนวหินกั้นอยู่ตรงปลายโค้งเพื่อลดแรงกระแทกของคลื่น บรรยากาศค่อนข้างสงบเงียบมาก มีร้านค้าร้านอาหารอยู่บ้างเหมาะสำหรับคนที่อยากหนีความวุ่นวายมานั่งฟังเสียงธรรมชาติเงียบ ๆ ส่วนใครอยากมาเล่นน้ำก็สามารถทำได้ แต่แนะนำให้อยู่ตามหน้าหาด เพราะไกลกว่านั้นคลื่นจะแรงมาก ๆ
ช่วงเวลาที่เหมาะจะมาเยือนที่สุดคือยามอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า แสงส่องแสงสีทองกระทบผิวน้ำระยิบระยับสวยมาก ให้ฟีลเหงาปนอบอุ่นไปพร้อม ๆ กัน เป็นโมเม้นต์ที่เรารอคอยมาตลอดวันเลยก็ว่าได้ สวยจนอยากยืดเวลาให้เดินช้ากว่านี้อีกหน่อย เพิ่งรู้ว่าทะเลหน้าหนาวมันดีแบบนี้นี่เอง และแน่นอนว่าแม้จะต้องขับขี่ยามค่ำคืนกลับที่พักหลังเต็มอิ่มกับพระอาทิตย์ตกดินแล้ว เราก็ไม่หวั่น เพราะไฟหน้าและไฟสัญญาณท้ายที่ออกแบบในลุคสปอร์ตส่องสว่างนำทางได้อย่างดีเยี่ยม ให้สัญญาณได้อย่างชัดเจน และยังมี Day Time Running light ไฟตอนกลางวันที่ให้คนอื่น ๆ บนท้องถนนมองเห็นเราได้อย่างชัดเจนด้วย
DAY 2
04 : บ้านสวนลำใย
วันแรกได้อิ่มเอมไปกับบรรยากาศทะเลกันแบบจุก ๆ ไปแล้ว เช้าวันใหม่นี้เราตื่นแต่เช้าตรู่ หยิบแจ็คเก็ตมาสวมแบบหนุ่มเท่ แล้วบิด Malaguti คู่ใจขึ้นมาเสพธรรมชาติที่ลานกางเต็นท์บ้านสวนลำใย ซึ่งตั้งอยู่บนเขาจุก ในอำเภอแกลง ซึ่งระหว่างทางก็มีทางลาดชันเล็กน้อย แต่เรายังขับขี่ได้อย่างสบายอารมณ์เพราะสกู๊ตเตอร์สปอร์ตพรีเมียมคู่ใจคันนี้ เขาใช้เครื่องยนต์พิกัด 150 ซีซี 4 จังหวะ 4 วาล์ว พร้อมเทคโนโลยีหัวฉีด (Bosch EFI) และระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ (Liquid cool) มั่นใจในทุกเบรกด้วยดิสก์เบรกหน้าและหลัง พร้อมระบบเบรกแบบ CBS ตัวถังน้ำมันยังมีขนาดใหญ่จุได้ถึง 10 ลิตร เติมตุนไว้เผื่อออกเดินทางไกลได้แบบไม่หวั่นเรื่องเชื้อเพลิง ตอบโจทย์ทุกการใช้งานจริง ๆ
โชคดีมากที่เช้าวันนี้คนไม่เยอะ เราเลยได้จับจองพื้นที่วิวเขาที่เห็นแอ่งน้ำสวย ๆ แต่แบบไม่ต้องรีบร้อน ค่อย ๆ บรรจงวางพร็อพ กางเก้าอี้ เตรียมปิกนิกรับอากาศเย็นยามเช้าได้ฟิน ๆ แต่ลมวันนี้ค่อนข้างแรงมาก เราเลยไม่เจอหมอกมาทักทาย พี่เจ้าของบอกว่าถ้าวันไหนอากาศชื้น ๆ จะมีหมอกค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากป่าฝั่งตรงข้ามด้วย เอาเป็นว่าต้องมาซ้ำอีกสักรอบแล้วละ
05 : Passione X Zuper Sonic
นั่งดีท็อกซ์ปอดกันสมใจ ก็ถึงเวลามาเติมคาเฟอีนเข้าร่างกายให้ตื่นเต็มที่อีกสักหน่อยที่ Passione x zuper sonic คาเฟ่ยืนหนึ่งในอำเภอเดียวกัน บอกตรง ๆ ที่เลือกร้านนี้เพราะความเท่ของการออกแบบตกแต่งร้าน และก็ต้องเลิฟยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าทางร้านเสิร์ฟกาแฟแบบ Specialty โดยด้านนอกจะเป็นอาคารทรงมินิมอลสีขาวตัดน้ำตาลส้มดูอบอุ่น มีกระจกบานใหญ่อยู่รอบร้านพร้อมเผยปูนเปลือยให้เห็นความดิบเหมาะกับหนุ่มชิคแบบเรา ที่เอาจริงแค่หน้าร้านก็โดนใจจนใช้เวลาถ่ายรูปไปหลายนาทีเลย
เดินเข้ามาในร้านก็ได้กลิ่นกาแฟหอมโดดก่อนเลย ซึ่งสร้างมู้ดการเริ่มต้นได้ดีมาก ภายในร้านใช้วัสดุในการตกแต่งร้านที่หลากหลาย มีทั้งโซนนุ่ม ๆ แนวเอิร์ธโทน ขาว ครีม น้ำตาล มีต้นไม้แซมอยู่เล็กน้อย หรือจะเอาฟีลเท่ ๆ สีโทนร้อนส้ม แดง ปูนเปลือยก็ไม่ติด พร้อมแสงธรรมชาติที่ส่องสว่างทั่วทั้งร้าน ทำให้ไม่ว่าเลือกนั่งมุมไหนก็ได้รูปสวยคอนทราสดีอย่างแน่นอน
อย่างที่บอกว่ากาแฟของทางร้านเป็นแบบ Specialty ทางเราก็จัดมาเลย 2 แก้วจุก ๆ ซึ่งเราสามารถรีเควสได้ว่าอยากได้เมล็ดไทยหรือเมล็ดนอก มาเป็นเบส espresso ในเมนูที่เราเลือก บอกเลยว่าทุกเมนูที่เราสั่งคือดีงามทั้งหมด ชอบสุดคือ Honolulu ในแก้วทรงสูงที่เห็น เป็นกาแฟเชคผสมกับสัปปะรด ให้ความเปรี้ยวหวานเข้ากับกาแฟคั่วอ่อนที่เราเลือกเป็นอย่างดี เสิร์ฟมาพร้อมครัวซองต์ชาโคลอบร้อนไส้ชาไทยแน่น ๆ กินคู่กันแล้วมันหอมหวานลงตัวไปหมด
06 : Dool.cafe 둘
ถ้าใครอยากได้คาเฟ่ฟีลเกาหลีเกาใจ เราก็สรรหามาให้เพิ่มเติมอีกสักหนึ่งกับร้าน ’ทุล’ (둘) เป็นภาษาเกาหลีแปลว่าสอง ซึ่งถ้าแอบเข้าไปดูในหน้าเพจของร้าน ก็คือแยกไม่ออกแล้วว่าอยู่ระยองหรืออยู่อินชอนกันแน่ สไตล์ร้านดีงามโดดเด่นตั้งแต่หน้าร้าน กับลานหินกว้างสีขาวกลืนไปกับตัวอาคารที่สะท้อนแดดจนแสบตา แต่พอถ่ายรูปออกแบบก็ต้องยอมรับในความสวยจึ้งจนหยุดถ่ายไม่ได้เลย
ครีเอทมุมถ่ายรูปคู่กับรถครบทุกมุม เลยลองถ่ายสะท้อนกระจกข้างรถให้ได้รูปที่มีกิมมิกไม่ซ้ำใครดูบ้าง ด้วยการดีไซน์หน้าเรือนไมล์แบบสปอร์ตเน้นความเท่โฉบเฉี่ยวทำให้มุมนี้เรายิ่งคูลขึ้นอีก นอกจากลุคดีแล้วฟังก์ชั่นยังเจ๋งด้วย LCD Display Dynamic Motion แสดงข้อมูลครบถ้วน และดีไซน์กุญแจรีโมทระดับพรีเมียม ที่เพิ่มความปลอดภัยด้วยการปลดล็อกอีกขั้นก่อนสตาร์ท ทำให้เราดูเป็นหนุ่มสมาร์ทไฮเทคโนโลยีไปในตัว
เปิดประเข้ามา เจอบรรยากาศภายในร้านที่ยังคงคอนเซ็ปต์ความนิมิมอลไว้อย่างดี แสงค่อนข้างน้อย เพราะมีกระจกอยู่ไม่มากนัก แต่ก็ยังมีทางแสงลอดเข้ามาให้มีมุม vibe ดี ๆ เหมาะนั่งจิบกาแฟอยู่ นอกจากสีขาวแล้ว ทางร้านจะเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สีดำ ครีม พร้อมภาพกราฟฟิกสีเขียวเข้มเพื่อตัดให้ร้านดูไม่น่าเบื่อแถมดูเก๋ขึ้นอีกด้วย
แก้วที่เราสั่งทั้งหมดจะเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน เริ่มที่ Snow Field กาแฟแก้วสวยที่บรรจุ Espresso เข้มหอมท็อปบนนมกลมกล่อมมีครีมโปะอยู่ด้านบน เหมาะกับคนชอบกาแฟนมเข้มข้น ส่วนแก้วสวยหลากสีที่เห็นอีกอันคือ Spring เป็น sparking menu ที่มีส่วนผสมของแตงกวา เลม่อน และไซรัป Cherry Blossom ที่เน้นสร้างความสดชื่น ส่วนขนมของทางร้านนั้น จะเน้นเสิร์ฟในขวดโหลกลม ๆ ทรงน่ารัก ทีเด็ดแต่อยากให้ลองอยู่ที่บลูเบอร์รี่ชีสพายรสชาติเลิศมาก ถือเป็นสวรรค์ของคนรักชีสเค้กสุด ๆ เพราะทั้งชีสและเนยเขาใช้ของพรีเมียมแบบรู้สึกได้ แถมยังใส่ผลไม้สดมาแบบจัดเต็มอีกต่างหาก บอกเลยว่าเป็นเซ็ทปิดทริปที่ฟินนาเล่สุด ๆ
ครบแล้วกับ 6 โลเคชั่นที่เราเลือกมาให้เที่ยวเบา ๆ ละเมียดโมเม้นต์ดี ๆ ได้ใช้เวลาเพียง 2 วัน 1 คืน จะออกจากบ้านสาย ๆ เน้นความชิลหรือจะออกแต่เช้ามืดกางเต็นท์สักคืนแล้วค่อยไปตามเช็คอินคาเฟ่ก็ได้หมด รับรองว่าเที่ยวระยองครั้งนี้ทุกคนจะต้องฟินจิกเบาะ ใจสั่นกับความคิ้วท์ของทุกที่ที่ไปแน่นอน อย่าลืมแทกเพื่อนชวนแฟนป้ายยาแฟมิลี่ให้มาตามรอยกันนะทุกคน
และถ้าใครยังไม่มีเพื่อนคู่ใจออกเดินทาง หรืออยากเปลี่ยนให้มีความโฉบเฉี่ยวคล่องตัว เราขอฝาก MEDISON150 จาก Malaguti นี้ไว้เป็นตัวเลือกหลักในใจเอาไว้หน่อย มีโอกาสก็แวะไปลูบไปชมกันสักนิด เชื่อว่าแค่ได้สัมผัสก็จะต้องตกหลุมรักเหมือนที่เราโดนตกแน่นอน