รีวิวเขาใหญ่ :: How to Spend a Rainy Season in Khoa Yai

พอกลิ่นความชุ่มชื้นของไอฝนมาเยือน ใจก็พลอยอยากออกเดินทางไปสูดอากาศเสพความสดชื่นของต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวชอุ่มให้ฉ่ำปอด แน่นอนว่าช้อยส์แรกที่คนกรุงฯ อย่างเรานึกก็คงหนีไม่พ้น เขาใหญ่  เมืองตากอากาศที่ตอบโจทย์การพักผ่อนในวันหยุด แต่เขาใหญ่รอบนี้เราขอมาในธีม feel like ยุโรป ครีเอทมุมเดิมให้ดูคูล พร้อมเสริมความสมาร์ทแบบหนุ่มอิตาเลี่ยนด้วยสกู๊ตเตอร์สปอร์ตสุดพรีเมียม MADISON150 จาก MALAGUTI แบรนด์ดังส่งตรงจากอิตาลี ที่จะพาลัดเลาะเช็คอินฟิน ๆ กับ 7 โลเคชั่น แบบครบรสราวกับได้วาร์ปไปเที่ยวยุโรปจริง ๆ งานนี้บอกเลยว่าภาพทริปนี้ต้องทำให้หลายคนใจละลายจนต้องปักจุดหมาย พร้อมหาคอสตูมหนาว ๆ ไปตามรอยกันแน่นอน!

แน่นอนว่าหากจะคีพลุคให้ดูเท่ทุกองศาแบบหนุ่มอิตาเลี่ยน เราก็ต้องออกเดินทางพร้อมสกู๊ตเตอร์สปอร์ตสุดพรีเมียม MADISON150 จาก MALAGUTI แบรนด์ดังส่งตรงจากอิตาลีที่มีเรื่องราวเล่าขานมายาวนานกว่า 100 ปี ณ เมืองโบโลญญา เมืองประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวของอิตาลี โดยจุดกำเนิดของแบรนด์ MALAGUTI เค้าเริ่มมาจากผู้ก่อตั้ง ANTONINO MALAGUTI ซึ่งมีชื่อเสียงในวงการรถยนต์และรถจักรยานในสมัยนั้น โดยได้เริ่มทดลองติดตั้งเครื่องยนต์เข้ากับรถจักรยาน จนภายหลังได้พัฒนามาเป็นรถมอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์สุดพรีเมียมที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ และฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานได้รอบคัน แถมยังหน้าตาหล่อเหลาจนสาวเหลียว มีให้เลือกถึง 4 เฉดสี 4 สไตล์ โฉบเฉี่ยวดูดีทุกเส้นทางแบบคันนี้เลย

01 : Fairy’s Scone House Khao Yai

สตาร์ทโลเคชั่นแรกแบบเท่ ๆ กันที่ Fairy’s Scone House Khao Yai คาเฟ่สไตล์ยุโรป ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบในสไตล์ทัสคานี โอบล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ให้ชวนสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น มีที่นั่งให้เลือกทั้งแบบ indoor และ outdoor ทุกมุมล้วนถ่ายรูปสวยในทุกสภาพแสง จะมาช่วงเช้าก็ดี บ่ายก็เลิศ เย็น ๆ หน่อยก็โรแมนติก ส่วนตัวชอบดีเทลไม้เลื้อยตามช่องประตูและหน้าต่างของที่นี่มาก ซึ่งมองดูก็ช่างเข้ากันดีกับ MADISON150 สกู๊ตเตอร์สปอร์ตสุดพรีเมียมอย่าง MALAGUTI ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็ออกอกมาเท่ลงตัวทั้งคนและรถแบบอิตาเลี่ยนบอยสุด ๆ

เราสามารถขอดมกลิ่นชาหอม ๆ ที่มีให้เลือกแบบละลานตาและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ก่อนที่จะนำไป Blend tea แบบ Loose tea ที่เป็นการใช้ที่ชงชาจากธรรมชาติได้ด้วย เพราะงั้นรสชาติของชาที่นี่จึงอร่อยสดใหม่และมีความหอมมาก อย่างวันนี้เราสั่งเซ็ตซิกเนเจอร์ High Tea ที่เสิร์ฟน้ำชาหอมกรุ่นคู่กับอาหารคาวหวานพอดีคำ และยังมีเมนู Cloud Eggs ไข่ปุยเมฆที่ท็อปบนขนมปัง เสิร์ฟพร้อมเบคอน ทานคู่กับซอสสูตรพิเศษของร้าน แต่ถ้าใครชอบเบอเกอรี่แนะนำให้สั่งสโคนและแยมโฮมเมดต้นตำรับจากอังกฤษที่ยิ่งทานคู่กันยิ่งฟินคูณร้อยจนอยากเบิ้ลอีกหลายชิ้น

และก่อนจะมูฟตัวออกไปเที่ยวต่อยังโลเคชั่นถัดไป ขอเล่าสิ่งที่ประทับใจในตัวสกู๊ตเตอร์ปอร์ตพรีเมียมคันนี้อีกหน่อย นอกจากหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว ยังมีหน้าจอแสดงผลแบบ LCD DISPLAY DYNAMIC MOTION ที่แสดงข้อมูลชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นอัตราความเร็ว ปริมาณเชื้อเพลิงที่ยังเหลือ เวลาก็มีบอกครบถ้วน บอกเลยไม่ว่าจะขับในเมืองหรือจะลุยท่องเที่ยวขึ้นเขาลงเนินก็ได้หมดไม่ติดเลย

02 : Embrace Brunch & Moment

ปักหมุดฝากท้องมื้อกลางวันกันต่อยังโลเคชั่นถัดไป ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของเขาใหญ่ Embrace Brunch & Moment คาเฟ่กึ่งร้านอาหารสไตล์โรงนาที่มียังมีกลิ่นอายความโมเดิร์นผสมอยู่ ตัวร้านเน้นโทนสีขาว ดำ น้ำตาล โดดเด่นอยู่กลางลานหญ้าและทิวเขาเขียวฉ่ำสบายตา ตัดกับท้องฟ้าสดใส ให้เราได้สูดอากาศบริสุทธิ์พร้อมเราเดินเล่นชมนกชมไม้ และเก็บภาพเท่ ๆ

เมื่อเดินเข้ามาในตัวร้าน ก็รู้สึกเหมือนว่าได้วาร์ปไปเที่ยวต่างประเทศในทันที ซึ่งความดีงามจะอยู่ที่เพดานสูง ดูโปร่งสบาย มีแสงสว่างและสายลมเข้าถึงตลอด จัดสรรที่นั่งไว้หลากหลายมุม อีกทั้งยังเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้มาจัดวางได้อย่างน่ารักลงตัว ไม่ว่ามุมหน้าต่าง มุมบันได หรือแม้แต่มุมด้านหน้าร้าน ก็สามารถหยิบกล้องออกมาถ่ายได้ปังทุกมุมเลย

สำหรับเมนูอาหารของที่นี่ จะเป็นสไตล์อิตาเลี่ยนโฮมเมดเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าขนมปัง เส้นพาสต้า เราลองสั่งเป็น Tomato Toast โทสต์มะเขือเทศที่อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบคุณภาพ ยิ่งได้ทานคู่กับ Amatriciana พาสต้าสุดอร่อยที่ทางร้านใช้เส้น Pappardelle มาผัดกับซอสมะเขือเทศ รสชาติกลมกล่อมมีความเผ็ดที่ปลายลิ้นเบา ๆ ยิ่งอร่อยดีงามลงตัว ส่วนขนมทางร้านก็มีให้เลือกมากมายหลายเมนู แต่ถ้าเป็นเครื่องดื่มเราแนะนำให้สั่ง Play With Me ชาเบลนด์ใส่บูลเบอรี่ ท็อปด้วยครีมและครัมเบิ้ล ให้ฟีลสดชื่นเบา ๆ

นอกจากอาหารจะดีฟิน บรรยากาศจะดีต่อสายตามองไปทางไหนก็สดชื่นแล้ว สกู๊ตเตอร์ MADISON150 คันนี้ก็ยังดีต่อใจด้วย ไม่ใช่แค่การออกแบบที่สวยงามเท่านั้น แต่รูปทรงยังดูสปอร์ตพรีเมียมเบอร์แรงชนิดที่ใครเห็นก็ต้องร้องว้าว ฟังก์ชันใช้งานก็สะดวก ตัวเบาะนั่งสบาย COMFORTABLE SEAT 150 cc ให้ขับไกลแค่ไหนก็ไม่รู้สึกเมื่อย

03 : Toscana Valley

ขับลัดเลาะรับลมชมวิวความเขียวสดชื่นของเขาใหญ่มาเรื่อย ๆ เราก็มาจอดหยุดเพื่อเช็คอินกันที่ Toscana Valley ที่พักสไตล์ Tuscan บรรยากาศเมืองชนบทของประเทศอิตาลีที่มาพร้อมความปังอลังทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบ ทุ่งหญ้า เนินเขาสลับทับซ้อน รวมไปถึงลานน้ำพุสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งที่นี่ทุกคนสามารถใช้เวลาได้อย่างเพลิดเพลินเต็มอิ่ม และจุใจกับมุมถ่ายรูปที่เยอะมาก นอกจากที่พักแล้วที่นี่ก็ยังมีทั้งร้านอาหาร บาร์ สปา สนามกอล์ฟ รวมถึงสระว่ายน้ำที่มองเห็นวิวทิวเขาใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุด ๆ เรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านอิตาลีก็คงไม่เว่อร์เกินจริง

ในส่วนของที่พักจะมีให้เลือกด้วยกัน 3 โซน โดยเราเลือกพักโซน Toscana Piazza ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งมหัศจรรย์ของโลกชื่อดังอย่างหอเอนปิซ่า ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกเรียบหรูดูแพงทุกอณู อีกทั้งยังมีความเป็นส่วนตัวสุด ๆ เพราะมีจำนวนห้องพักเพียง 26 ห้อง แบ่งเป็นชั้นละ 2 ห้องเท่านั้น ซึ่งไฮไลท์นอกจากวิวมุมสูงแบบพาโนรามาของเขาใหญ่ที่มองเห็นหมู่บ้านอิตาลีบนเนินเขาแล้ว ตัวห้องพักยังดีไซน์ทรงโค้งตามรูปอาคาร ภายในห้องกว้างขวาง แบ่งพื้นที่ใช้งานได้เป็นสัดส่วน ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น โซนรับประทานอาหาร พร้อมหน้าต่างบานใหญ่ที่สามารถชมวิวสวย ๆ ได้ตลอดทั้งวัน 

หลังจากเช็คอินเข้าห้อง พักผ่อนชิล ๆ จนแดดร่มลมตก ก็ถึงเวลาผ่อนคลายกับมื้อเย็นสุดแสนโรแมนติกกันที่โซน Town square ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถานที่ใจกลางชุมชนบริเวณจัตุรัสของหมู่บ้านในอิตาลี แต่ที่นี่มีความเป็นส่วนตัวและเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คาเฟ่ บาร์ และร้านอาหารที่มีให้เลือกหลากหลาย เราชอบบรรยากาศช่วงพระอาทิตย์เริ่มเคลื่อนคล้อยลาลับขอบฟ้าไปเรื่อย ๆ แล้วไฟประดับสีส้มตามจุดต่าง ๆ ค่อย ๆ เปิดขึ้น มันทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นละมุนขึ้นไปอีก

DAY 2

วิวตรงหน้าของเช้านี้ที่มีไอหมอกลอยทักทายยอดเขาในยามเช้าและปกคลุมหมู่บ้านทอสคาน่าแห่งนี้เป็นภาพที่อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสสักครั้งจริง ๆ  หลังจากทานมื้อเช้าเราเลยแวะมาเดินเล่นกับอีกโซนที่ชื่อว่า Hotel La Casetta ที่ถูกออกแบบให้คล้ายกับหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมเขา อบอวลไปด้วยบรรยากาศของอาคารบ้านเรือนสไตล์ทัสคานี พร้อมมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ให้เราถ่ายรูป feel like ต่างประเทศอัพรูปลงไอจีปัง ๆ ก่อนจะไปเพลิดเพลินกับกิจกรรมมากมายที่ชวนให้แฮปปี้

เราชอบบรรยากาศของที่นี่มาก มากจนไม่อยากมูฟไปไหน ยิ่งได้ขับสกู๊ตเตอร์สปอร์ตสุดพรีเมียมอย่าง MADISON150 เที่ยวไปในแต่ละโซนด้วยแล้ว ยิ่งทำให้อินกับบรรยากาศมากขึ้น พอได้มาขับขึ้นเขาลงเนินน้อยใหญ่ที่ Toscana Valley ก็รู้สึกเลยว่าสมรรถภาพรถดีมาก มีความคล่องตัวสูง เกาะถนน พอได้ลองขับในช่วงกลางคืนระบบไฟ F/R, FULL LED LIGHTING SYSTEM ก็สว่างเห็นทางชัดเจน และที่ตอบโจทย์สำหรับคนชอบเที่ยวแบบเรา คือฟังก์ชันการใช้งานที่สะดวกสบายอย่าง STORAGE BOX ช่องเก็บของใต้เบาะที่สามารถใส่พร็อพเท่ ๆ อย่างหมวกแก๊ป กล้องฟิล์ม หรือเสื้อผ้าสำหรับออกมาเที่ยวทริปสั้น ๆ 2 วัน 1 คืนได้สบาย

04 : วัดบุญราศี นิโคลาส

เรียกได้ว่าประทับใจสุด ๆ สำหรับเราเลยจริง ๆ กับโบสถ์คาทอลิกสีขาว ฟีลยุโรปแห่งแรกแห่งเดียวในเขาใหญ่อย่าง วัดบุญราศี นิโคลาส ที่อยู่ไม่ไกลจาก Toscana valley บริเวณด้านหน้าจัดเป็นสวนเล็ก ๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้หลากสี ทำให้บรรยากาศดูสดชื่น ร่มรื่นและยังเข้ากันดีกับสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามเหมือนดั่งปราสาทในเทพนิยาย คุมโทนด้วยสีขาวสะอาดตา ที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่เหมือนอยู่ในไทยเลยสักนิด ไม่ต่างจากสกู๊ตเตอร์ของเราที่มาในโทนสี White โฉบเฉี่ยว โดดเด่นเป็นที่หนึ่งเข้ากันดีกับทุกโลเคชั่น

ด้วยความที่เป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนิกชนท้องถิ่นในย่านนี้ ที่นี่จึงถูกออกแบบและตกแต่งมาเป็นอย่างดี ตัวอาคารกรุกระจกสีรายล้อมอยู่โดยรอบ ทำให้มีแสงธรรมชาติลอดเข้ามาเต็ม ๆ ภายในโบสถ์เป็นห้องโถงใหญ่เพดานสูง มีแท่นยืนสำหรับบาทหลวง ด้านหลังมีรูปปั้นพระเยซูถูกตรึงกางเขน มีบรรยากาศที่อบอุ่น สบายตา และยังเต็มไปด้วยเรื่องราวของคริสตจักรที่เล่าผ่านภาพเขียนที่ซุกซ่อนความสวยงามของศิลปะเอาไว้ให้เราได้เชยชม

พื้นที่ด้านนอกจัดเป็นสวนสวยรองรับนักท่องเที่ยวและชาวคาทอลิกที่เดินเข้าออกได้ตลอดวัน จุดที่เราชอบสุดคือบริเวณระเบียงที่สามารถยืนชมวิวภูเขาที่สวยงามของเขาใหญ่ได้อย่างกว้างสุดสายตา แถมยังมีน้ำพุให้เราได้ฟังเสียงน้ำไหล นอกจากจะช่วยปลอบประโลมจิตใจให้สงบแล้ว ยังได้รูปสวย ๆ และสูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มปอดอีกด้วย

05 : Lago di Khao Yai

ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่โบสถ์คริสต์อย่างหนำใจ ช่วงสายเราขอมาฮอปต่อกันที่ Lago di Khao Yai คาเฟ่สไตล์ยุโรปบนพื้นที่กว่า 22 ไร่ ด้านในแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 โซน คือโซนคาเฟ่และโซนสวนที่มีค่าเข้าชมคนละ 100 บาท แต่ถ่ายรูปเพลินสุด ๆ สำหรับคาเฟ่จะตั้งอยู่บนทะเลสาบส่วนตัว ออกแบบอย่างพิถีพิถันใช้ไม้นำเข้าจากสแกนดิเนเวียทั้งหลังเลยทีเดียว

เปิดประตูก้าวเข้าไปภายในร้านสัมผัสได้ถึงแอร์เย็นฉ่ำ และบรรยากาศที่ดูโปร่งโล่งสบาย ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ไม่หลุดคอนเซ็ปสไตล์สแกนดิเนเวีย เสริมแสงไฟส้มอบอุ่นยิ่งทำให้ภายในมีบรรยากาศที่อบอุ่น แถมยังมีกระจกรอบด้านให้แสงสาดมาตามช่วงเวลาทำให้ถ่ายรูปสวยตลอดวัน โซน Outdoor เหมาะสำหรับคนอยากดื่มด่ำธรรมชาติเพิ่มความสดชื่น ส่วน Indoor ก็ให้เราหลบร้อนในมื้อเที่ยงได้สบาย ๆ ยิ่งได้นั่งโต๊ะติดหน้าต่างมองเห็นวิวก็ยิ่งฟินขึ้นไปอีก

ได้ทำเลที่ชอบมุมที่ใช่กับโต๊ะริมกระจกบานใหญ่มองเห็นวิวน้ำตกและทะเลสาบ เป็นมุมห้ามพลาดต้องถ่ายคู่พร้อมกับเซ็ตเครื่องดื่มขนมเลยก็ว่าได้ ซึ่งที่นี่มีเค้กให้เลือกเยอะ เครื่องดื่มก็มีครบทั้งร้อนเย็น แต่ที่เราขอยกนิ้วให้เลยก็คือเมนู Latte กาแฟนมที่ใช้เมล็ดแบบคั่วกลาง รสชาติหวานอมเปรี้ยวและขมปลายลิ้นเล็กน้อย และ Iced Americano กาแฟเข้มขึ้นแต่ใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพดี ยิ่งทานคู่กับขนมปังทรัฟเฟิลชีสสุดนุ่ม ชีสเยิ้ม ๆ รสชาติกลมกล่อม หรือจะ Red Velvet Cake ที่รสชาติลงตัวระหว่างครีมชีสและเนื้อเค้กสีแดงกำมะหยี่ ก็จัดว่าดีงามตามแบบฉบับคาเฟ่เลย

06 :  La Purinee Khao Yai

แดดเริ่มอ่อน ลมเย็นเริ่มพัดมา ถึงเวลาขับมายังโลเคชั่นต่อไปที่เห็นแว๊บแรกแล้วทำให้นึกหมู่บ้านในแถบชนบทแบบตะวันตก สำหรับ La Purinee Khao Yai โรงแรมบูทีคแห่งนี้เราชอบโครงสร้างอาคารที่ได้กลิ่นอายเหมือนร้านค้าตามข้างทางย่านชนบทยุโรปที่ดูสมจริง ตั้งแต่การจัด Display สินค้า ไปจนถึงอิฐที่เรียงลวดลายเป็นถนนไล่ระดับความสูงแบบสโลป ด้านหน้าจัดสวนสวยพร้อมสระว่ายน้ำรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกะทัดรัดท่ามกลางธรรมชาติที่เข้ากับวิวทิวสนและภูเขาสดชื่นสบายตาจนอยากร้องว้าวแล้วถ่ายรูปลงสตอรี่เป็นจุดไข่ปลารัว ๆ

ถ้าจะมาเช็คอินที่นี่แนะนำให้เตรียมท่าโพสกันไปให้พร้อม เพราะเค้ามีบริการเซ็ทปิกนิกด้วย ซึ่งเราสามารถสั่งชุดชาหอมกรุ่นเสิร์ฟคู่กับขนมรสชาติอร่อยถูกใจ ส่วนพร็อพนั้นไม่ต้องแบกมาให้หนักเพราะทางที่พักมีให้เราหยิบยืมกันได้หมด ทั้งผ้าปู ตระกร้าหวาย หมอนอิง กีตาร์ อุปกรณ์วาดภาพและอีกมากมาย ซึ่งฟีลลิ่งมันก็จะเขียว ๆ ชุ่มฉ่ำ ๆ ตอบโจทย์สายโซเชียลที่ต้องหาทำทุกโลเคชั่นให้เป็นคอนเทนต์เก๋ ๆ แถมมองออกไปเจอธรรมชาติทอดยาวสุดสายตา ยิ่งมีลมเย็นพัดกลิ่นดิน กลิ่นหญ้า เข้ามาก็เพิ่มความสดชื่นขึ้นได้เยอะมาก

ถ่ายรูปจัดเต็มจนครบทุกมุมที่เล็งไว้ ก็ถึงเวลามานั่งบรรเลงเพลงโปรดชิล ๆ พร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศเบื้องหน้า ก่อนจะทำการมูฟสู่โลเคชั่นถัดไปอยากบอกว่าสกู๊ตเตอร์สปอร์ตสุดพรีเมียมรุ่น MADISON150 จาก MALAGUTI มาพร้อมกุญแจแบบรถแบบ Keyless ที่ใช้งานง่ายและสะดวกสบายโดยไม่ต้องเสียบไข ทันสมัย ล็อกได้เหมือนรถยนต์แถมยังเพิ่มความปลอดภัยในการโดนโจรกรรมได้เป็นอย่างดี

07 : Pirom Cafe

ช่วงบ่ายแก่ ๆ ก่อนกลับกรุงเทพฯ เราขอไปเติมคาเฟอีนกันต่อกับร้าน Pirom Cafe คาเฟ่ชื่อดังของเขาใหญ่ที่เรามักแวะเวียนมาเป็นประจำในวันหยุด เพราะชอบบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยขุนเขาเขียวขจีและทะเลสาบชนิดที่เดินเล่นถ่ายรูปได้เป็นชั่วโมงแบบไม่มีเบื่อ ด้านนอกร้านตัดแต่งต้นไม้ให้ดูละม้ายคล้ายกับไร่ชา ตัวร้านถูกออกแบบเป็นอาคารเปิดโล่งสไตล์โรงบ่มไวน์ภายใต้คอนเซปต์ Freshness begins here ส่วนภายในร้านตกแต่งเป็นโทนน้ำตาล เน้นโต๊ะและเก้าอี้สีไม้ธรรมชาติ มีเพดานสูงทำให้เรารู้สึกภิรมย์สมกับชื่อร้านจริง ๆ

ในส่วนของเมนูของร้านมีครบทั้งอาหารคาวหวานและเครื่องดื่มที่ทางร้านจะคิดค้นสูตรและเมนูขึ้นมาเอง ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี ส่วนเบเกอรี่ก็ทำแบบโฮมเมดสดใหม่ รายชื่อเมนูที่เราสั่งวันนี้คือ Sakura Soda อิตาเลี่ยนโซดาที่มีความหอมปนหวานอมเปรี้ยว ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดี อีกเมนูเมนูซิกเนเจอร์ Must try คือ Pirom Passion Bana เมนูที่ผสมผสานอย่างลงตัวของน้ำเสาวรสสุดจี๊ดจากไร่ PB Valley เข้ากันดีกับความเข้มของกาแฟช็อต ก่อนจะตบท้ายด้วยความหอมของ Banana Syrup อีกหนึ่งกรุบ หอมนุ่มละมุนลิ้น

2 วัน 1 คืน ที่เขาใหญ่คราวนี้ จบทริปไปแบบหัวใจพองโตเต็มไปด้วยความสุข ที่สามารถเปลี่ยนวันหยุดสุดสัปดาห์ของเราให้สดชื่นจนสาแก่ใจและลืมไปเลยว่าอยู่ประเทศไทย เพราะแต่ละโลเคชั่น feel like ยุโรปมาก ทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร ที่พัก แม้แต่สกู๊ตเตอร์สปอร์ตสุดพรีเมียมคู่ใจรุ่น MADISON150 จาก MALAGUTI ก็ดูเท่ตามแบบฉบับหนุ่มอิตาเลี่ยน แถมยังทำให้เราอุ่นใจไปกับสมรรถนะที่ดีพร้อมฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานได้รอบคัน จะใกล้ไกล ขึ้นเขา กี่โค้ง กี่เส้นทางก็ลุยได้ไม่มีหวั่น รับรองว่าขับสนุกตอบโจทย์ทั้งในเมืองและต่างจังหวัด แถมยังถ่ายรูปสวยเท่เข้าง่ายกับทุกสถานที่แน่นอน