ขอต้อนรับเดือนกุมภาฯ ด้วยการกุมมือคนรักออกเดินทางสัก 3 วัน 2 คืน สู่เมืองที่ทั้งหวานทั้งเก๋อย่าง เชียงใหม่ ให้ชุ่มชื่นหัวใจแบบคะแนนความรักพุ่งเต็มสิบ คะแนนรูปสวยพุ่งเต็มร้อย เพราะรอบนี้เราได้จัด 8 โลเคชั่นมาเพิ่มความหวานไว้ให้ทุกคนเลือกหลายแนว ทั้งที่พักสุดมินิมอล คาเฟ่แสนชิค สวนดอกไม้นานาชนิด และไร่ชาสวย ๆ และขอบอกตรงนี้เลยว่าทุกพิกัดฉบับไม่ลับนี้เต็มไปด้วยมุมฟาด มุมสับ รับรองได้รูปถูกใจ จะกดมุมไหนก็ไลค์กระหน่ำ นอกจากจะกุมมือกุมใจคนรักแล้ว เราก็ยังกุมสมาร์ทโฟนคู่ใจรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง vivo V23 5G ไปเป็นตัวหลักในการบันทึกทุกความทรงจำให้เลิศเว่อร์เพื่อเธอคนเดียว
ตามมาให้ไว … เพราะวาเลนไทน์นี้จะได้ความประทับจิตประทับใจเก็บไว้ในความทรงจำอีกยาว ๆ แน่นอน
นอกจากจะกุมมือกุมใจไปร่วมกันสร้างความทรงจำในทริปเชียงใหม่แล้ว อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ Smartphone รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง vivo V23 5G ที่จัดเต็มมากขึ้นกับฟังก์ชั่นการใช้งาน และความสามารถในการเก็บภาพที่คมชัดสมจริงทุกโมเมนต์มากขึ้น รวมถึงดีไซน์เรียบหรูรูปทรงบางเบาจับถนัดมือ มาพร้อมกับ 2 สี ได้แก่สีดำ Stardust Black และสีทอง Sunshine Gold ที่เราใช้ ซึ่งน้องโดดเด่นกว่าใคร เพราะฝาหลังผลิตจากชั้นของ Crystal เคลือบด้วยพื้นผิวกระจกที่ใช้เทคโนโลยี Fluorite AG ทำให้สีสันเป็นประกายเล่นแสง แถมเปลี่ยนสีได้ตามองศาของแสงที่ต่างกัน ส่วนด้านข้างคือผิวสัมผัสแบบ Matte ช่วยลดรอยนิ้วมือ จับได้ถนัดและกระชับมากยิ่งขึ้น
001 Mon Jodd
โลเคชั่นแรกบอกได้เลยว่าดีกรีความฮอตสูงสวนทางกับอากาศเย็น ๆ ของเชียงใหม่เป็นที่สุด เพราะ Mon Jodd เค้าได้เนรมิตพื้นที่เขียวขจีอันกว้างใหญ่จนเกือบสุดลูกหูลูกตานี้ให้กลายเป็นมุมถ่ายรูปสุดอลังการงานสร้างที่สามารถอยู่ได้แทบทั้งวัน ด้วยการยกทัพจัดเต็มทั้งรถยุโรปสุดคลาสสิค เรือใบสีขาวที่ทอดตัวเอื่อย ๆ อยู่กลางอ่างเก็บน้ำ บ้านทรงยุโรปสไตล์วินเทจ และทุ่งดอกไม้สีสันสดใสที่ปลูกไล่เรียงบนเนินเขา มาให้เราเข้าชมแบบฟรี ๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้เท่านั้น งานนี้เราการันตีได้เลยว่า ม่อนจ๊อด…..นายยอดมาก
ใครมีเวลาก็สามารถอยู่ได้ทั้งวัน แต่ถ้าเวลาจำกัดแต่อยากได้มุมสับ ๆ เราก็ขอแนะนำ 2 มุม ที่ถ่ายรูปสวยฟาด เริ่มเลย … กับมุมแรกที่ Alone Tree มุมต้นไม้เปลือกแข็งสีเข้มที่แผ่กิ่งก้านใบสีเขียวเข้มเป็นพุ่มทรงกลม ผู้ยืนตระหง่านโดดเด่นเดียวดายอยู่ท่ามกลางดอกมากาเร็ตต้นเล็กสีม่วงอ่อน ตัวแทนแห่งรักแท้และความจริงใจที่ไหวลู่ลม เรียงรายจนแทบจะสุดสายตา ใครพาแฟนมาก็รับรองได้ว่าสามารถเก็บทั้งรอยยิ้มและรูปภาพกลับไปแบบจุก ๆ แน่นอน
ถัดมาก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะนี่คือ มุมสะพานไม้สีขาว ที่ทอดยาวสู่กลางน้ำแบบเฉิดฉันท์ มีเรือใบสีขาวลำใหญ่จอดเทียบท่าเป็น Background สุดหรูหรา หรือใครอยากนั่งเรือกลางทะเลสาบฟีลสาวยุโรป เค้าก็มีเรือสีขาวให้เราลงไปนั่งถ่ายรูปได้ ใด ๆ ต้องบอกไว้เลยว่าเธอควร Save this Place ไว้ใน List แล้วมารีบมาเช็คอินลงรูปวาเลนไทน์นี้ให้ไวเลย
002 Araksa Tea Garden
โลเคชั่นถัดมาเป็นจุดที่สามารถมาเพิ่มสตอรี่ให้การเดินทางของเราสองคนดูน่าอิจฉาได้อีกหนึ่งกรุบ เพราะภายในไร่ชา Araksa Tea Garden ที่แปลจากภาษาสันสกฤตให้เป็นไทยได้ว่า “รักษาให้คงอยู่” แห่งนี้นั้น นอกจากจะสามารถเข้ามาแวะถ่ายรูป หรือชิมชาอัสสัมที่ได้รับการดูแลมายาวนานกว่า 50 ปี แบบชิว ๆ แล้ว เราก็ยังสามารถทำการจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน แล้วเข้าร่วมทัวร์ไร่ชาแบบส่วนตัวเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ในราคา 650 บาท โดยเขาจะให้ความรู้เรื่องชา สอนเด็ดชาจากต้นแบบถูกวิธี ต่อด้วยพาเข้าชมกรรมวิธีการทำชาแบบดั้งเดิม ก่อนจะปิดท้ายด้วยการชิมชารสชาติดี เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่คุ้มค่าและควรพาแฟนมาในวันวาเลนไทน์นี้อย่างยิ่ง
หลังเก็บชาพร้อมเก็บภาพน่ารัก ๆ แล้ว ไกด์ก็จะพาเรามาชมวิธีการคั่วชาเขียวแบบโบราณโดยการคั่วมือบนกระทะเตาถ่านเพื่อลดความขม และดึงความชื้นออกจากใบชาสด ซึ่งไม่เหมือนใครที่ไหน บอกเลยว่าในขั้นตอนนี้เราจะได้กลิ่นอโรม่าหอมหอมจากใบชาคั่วลอยมาแตะจมูกตลอดขั้นตอนอันแสนพิถีพิถันนี้
ตามองเห็นแล้ว จมูกก็ได้สูดดมแล้ว หากไม่ได้ชิม ลิ้นก็คงจะน้อยใจ ทางไร่จึงจัด Preserve Green Tea ทั้งแบบร้อนและแบบเย็นมาให้เราได้ลองจิบคู่กับข้าวแต๋นออแกนิค เป็นการปิดท้ายแบบเลอค่ามากมากเว่อร์ ส่วนใครที่อยากลองลิ้มเมนูออแกนิคอื่น ๆ เขาก็มีเมนูอาหารกลางวันให้เลือกสั่งทาน ทั้งเมนูชาจากไร่และอาหารเหนือลำ ๆ อย่างเราเลือกเมนูไฮไลท์อย่างยำใบชา ที่เขานำใบชาไปทอดกรอบ และเสิร์ฟพร้อมน้ำยำรสจัดจ้าน มาทานคู่กับข้าวยำสมุนไพรเครื่องแน่น ก่อนจะสั่งแกงฮังเล และไก่ย่างตะไคร้ มาทานคู่กัน คือฟินอร่อยลงตัวมากกก
ถ้าหากติดใจในรสชาติของ Araksa Tea Garden ก็อย่าลืมแวะมุมของฝาก ที่มีให้เลือกทั้งชาเขียว ชาขาว ชาดำ รวมถึงชาประกวดที่ได้รับรางวัลในแต่ละปี และผลิตภัณฑ์ชาคั่วโบราณอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกหลายชิ้นให้ซื้อกลับไปเป็นที่ระลึกหรือของฝากแทนใจ ซึ่งหากใครได้ไปก็รับรู้ถึงความใส่ใจได้แน่นอน
003 Raya Heritage
ใช้เวลาเต็มอิ่มเติมเต็มความสดชื่นให้หัวใจไปถึง 2 โลเคชั่น ก็ได้เวลาที่เราจะพาตัวเองมาพักผ่อนแบบชิว ๆ ณ Raya Heritage ที่พักสไตล์โมเดิร์นริมแม่น้ำปิงสุดอบอุ่นที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายและมนต์เสน่ห์แบบพื้นเมือง แต่ยังคงความร่วมสมัย และให้สัมผัสที่หรูหราสง่างาม อีกทั้งสอดรับกับธรรมชาติโดยรอบได้โดยไม่ทำให้เสียบรรยากาศ เพราะไม่ว่าจะเป็นความใส่ใจในการออกแบบ หรือความพิถีพิถันในการเลือกวัสดุตกแต่ง ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ ต่างก็ทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
ห้องพักของที่นี่จะถูกแบ่งเป็น 3 ชั้น 3 แบบด้วยกัน โดยชั้นแรกสุดเป็น ครามพูลสวีท ห้องพัก ที่มาพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว, ถัดขึ้นมาบนชั้น 2 จะเป็น ริน เทอเรสสวีท ห้องพักที่ถูกออกแบบตกแต่งโทนสีขาวดำ มาพร้อมระเบียงชมวิวแม่น้ำปิง และห้องรูปแบบสุดท้ายบนชั้น 3 ที่เป็นห้องพักของเราในค่ำคืนนี้ เฮือนบน สวีท ห้องพักเพดานสูงโปร่งขนาดใหญ่สีเอิร์ธโทน ที่มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์งานไม้สีอ่อนชวนอบอุ่น งานคราฟต์ พื้นเมือง รูปแบบต่าง ๆ เช่น ผ้าทอสีอ่อน ตะกร้าสานงานแฮนด์เมด หรืองานไม้สัก โดยไม่ลืมเพิ่มความสวีตด้วยอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ และอ่างล้างหน้าแบบคู่ พี่จะช่วยเพิ่มความหวานให้ทุกคู่รัก ส่วนด้านนอกคือระเบียงที่สามารถนั่งรับลมชมวิวแม่น้ำปิงได้แบบเต็มสายตา
หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย ก็พร้อมเข้าสู่กิจกรรมถัดไปที่ถูกจัดเตรียมไว้บนระเบียงชั้น 2 ของโรงแรม กับมุมที่มีชื่อว่า ลานชา ที เทอเรส มุมรับชายามบ่ายที่จัดเสิร์ฟอาหารทานเล่นตามฤดูกาล มาให้เราบนถาดไม้ 3 ชั้นสุดอีโค่ พร้อมกับชาหอมหอมอีกหนึ่งกา อร่อยด้วยได้รูปด้วยแบบนี้จะพลาดได้ไง
DAY 2
การได้เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการดื่มชาหอม ๆ ริมระเบียงพร้อมกับแสงแดดอ่อน ๆ และอากาศที่แสนจะเย็นสบายในยามเช้าก็นับเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์สุดแสนพิเศษ เราจึงไม่อยากพลาดเก็บภาพโอกาสอันดีงามนี้ด้วย vivo V23 5G ที่กล้องหลังมาพร้อมกันถึง 3 เลนส์ ประกอบด้วย เลนส์ระยะปกติ คมชัดสูงสุดถึง 64 ล้านพิกเซล เลนส์ Wide-Angle 8 ล้านพิกเซล และเลนส์มาโครที่มอบความคมชัด 2 ล้านพิกเซล ทำให้แม้จะถ่ายภาพย้อนแสงก็ยังคงความคมชัดและมอบสีสันที่สวยงาม เพราะเขามี HDR ดังนั้นจะกี่ความประทับใจก็ไว้ใจได้
จิบชายามเช้าและถ่ายรูปสวย ๆ ลงโซเชียลให้คนหมั่นไส้เรียบร้อย กระเพาะน้อย ๆ ของเราก็เริ่มส่งเสียงทักท้วงอยากทานอะไรที่มากกว่าชา ก็ได้เวลาควงแขนคุณแฟนเดินลงมาชั้นล่าง ณ ห้องอาหารคุเข้าที่ตกแต่งสไตล์ล้านนา สะท้อนกลิ่นอายและสถาปัตยกรรมของเมืองเหนือแบบดั้งเดิม ที่เสิร์ฟอาหารเช้าหลากหลายเมนู มีให้เราเลือกทั้งอาหารเช้าสไตล์ฝรั่ง อาหารลำ ๆ แบบทางเหนือ
004 Koffandthings.th
มาเที่ยวเชียงใหม่แต่ไม่ได้เช็คอินร้านกาแฟก็เหมือนขาดอะไรที่สำคัญไปอย่างยิ่ง คาเฟ่แรกที่เราเลือกมาในวันนี้ คือ Koffandthings.th คาเฟ่สไตล์มินิมอลเจแปนนิส ที่เหมือนยกเอาร้านคาเฟ่น่ารัก ๆ แถบเกียวโตประเทศญี่ปุ่นมาให้เราได้โพสท่าถ่ายรูป จิบกาแฟ ดื่มชา ให้คลายความคิดถึงญี่ปุ่นไปได้หลายเปอร์เซ็นต์
เมื่อเปิดประตูเข้าไปตรงกลางชั้น 1 เราจะพบกับเคาน์เตอร์กาแฟและเบเกอรี่สำหรับสั่งเครื่องดื่มและขนม ส่วนชั้น 2 ยังคงเน้นสไตล์ญี่ปุ่นและการใช้ไม้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อมาถึงชั้นนี้ ก็ทำให้เราเริ่มไม่แน่ใจว่านี่เป็นการช่วยลดความคิดถึงหรือยิ่งทำให้เราอยากกลับไปญี่ปุ่นให้เร็วที่สุดมากยิ่งขึ้นกันแน่ เพราะมันสวยมาก ปรานีตมาก ส่วนจุดที่ห้ามพลาดคือ มุมดวงจันทร์ ริมบันได ที่ให้ทั้งความเก๋และความอบอุ่นไปพร้อม ๆ กัน
สำหรับเมนูชูโรงของทางร้านที่พลาดไม่ได้ก็คือเครื่องดื่มเพิ่มเอเนอจี้อย่างกาแฟ ซึ่งที่นี่เลือกใช้เมล็ดพันธุ์อย่างดีที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน โดยเราสามารถเลือกระดับการคั่วของเมล็ดกาแฟได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะชอบแบบคั่วเข้ม คั่วกลาง หรือคั่วอ่อน บาริสต้าของที่นี่ก็สามารถจัดให้ได้ ส่วนใครไม่เน้นกาแฟเขาก็มีเครื่องดื่มอื่น ๆ ให้เลือกอีกหลากหลาย และสายขนมก็คงถูกใจไปกับของหวานโฮมเมดหน้าตาน่ารักรสชาติลงตัวได้ไม่ยาก
บอกแล้วว่าที่นี่เหมือนยกคาเฟ่จากญี่ปุ่นมาไว้ที่หัวมุมถนนก็ไม่ปาน เพราะนอกจากการตกแต่งข้างในจะเนี๊ยบทุกกระเบียดนิ้วแล้ว ด้านนอกก็ยังจัดเต็มกับสไตล์ญี่ปุ่น ตั้งแต่หลังคาจรดพื้นหน้าร้าน ควรค่าที่จะเก็บภาพคู่ของเรากับร้านแบบเต็ม ๆ ซัก 1 ใบ และ vivo V23 5G ที่มาพร้อมกับ Wide-Angle 120 องศา ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง ทั้งสามารถเก็บภาพได้ครบโดยไม่ต้องถอยไกล ทั้งคมชัดและยังให้สีสันที่สวยงามด้วย แค่กดแชะเดียวก็ได้ภาพถูกใจเรียกไลค์ได้มากเว่อร์
005 Mini Hana Bakery
ฮอปปิ้งต่อมายังอีกหนึ่งคาเฟ่ที่น่ารักไม่ไหวใจกลางเชียงใหม่ ตรงข้ามกับที่ทำการมูลนิธิศิษย์เก่ายุพราชวิทยาลัย ณ Mini Hana Bakery ที่น่ารักชวนกรี๊ดตั้งแต่กระจกรูปทรงขนมปังสุดคิ้วท์ และบรรยากาศวินเทจสุดอบอุ่นอันชวนให้ถ่ายภาพไปซะทุกมุม แถมด้านในก็ยังอบอวลไปด้วยความหอมกรุ่นของกลิ่นขนมปังอบใหม่
ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านเบเกอรี่แน่นอนว่าที่ร้านย่อมต้องมีขนมปังหลากหลายชนิดให้เลือกอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นครัวซองต์ชิ้นใหญ่หลากรส ขนมปังหน้าน้องหมีสุดคิ้วท์ เค้กแครอท ที่ทั้งหอมทั้งนุ่มละลายในปาก รวมทั้งคุกกี้ช็อคโกแลตชิพที่กรอบนอกนุ่มในหวานกำลังดี จะสั่งทานเป็นชิ้น หรือเลือกแบบเป็น Package ไว้มอบให้คนพิเศษในวันสำคัญก็มีให้สั่ง
006 GIN UDON
พักเบรคจากความหวานมาเติมความอุ่นร้อนให้อบอุ่นทั้งร่างกายและหัวใจกันที่ Gin Udon ร้านอุด้งสไตล์ญี่ปุ่นที่แยกตัวมาจาก Sushi Umai ตัวร้านตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นเจแปนนีส เหมือนยกญี่ปุ่นมาไว้ที่เชียงใหม่เลยจริง ๆ ทั้งบรรยากาศและสไตล์การตกแต่งร้านที่ได้กลิ่นอายของความละเมียดละมัยไปทุกอณู เริ่มตั้งแต่บริเวณหน้าร้านไปจนถึงภายในที่คุมโทนสีเรียบ ๆ แต่ดูอบอุ่น พร้อมจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม้ไว้หลากหลายมุม รองรับทั้งคนที่มาเป็นคู่ ครอบครัว หรือใครมาคนเดียวก็สามารถนั่งบริเวณเคาน์เตอร์บาร์ได้ด้วย
อาหารหน้าตาดีกับคนที่ใช่เป็นอะไรที่เยี่ยมที่สุดแล้ว ช่วงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ที่ไม่ควรพลาดเก็บภาพความประทับใจ และแม้จะแสงน้อยหรือมือไม่นิ่งแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวไป เพราะ vivo V23 5G มีโหมดกลางคืนที่ถ่ายภาพออกมาคมชัดด้วยเทคโนโลยี AI ความละเอียดสูง ที่ช่วยให้ภาพถ่ายกลางคืนสว่างกว่าเดิมแถมยังสามารถจับภาพใบหน้าได้คมชัด โดยไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้องเลยทีเดียว
เก็บเกี่ยวความประทับใจเรียบร้อยก็ได้เวลามาเก็บเกี่ยวความอร่อยตรงหน้า เมนูหลักในร้าน คือเมนูอุด้งและทงคัตสึ ที่ทุกชามทำมาจากเส้นสดใหม่ จนออกมาเป็นเส้นอุด้งเหนียวหนึบกำลังดี มื้อนี้เราเลือกสั่ง Tongkatsu หมูชุบเกล็ดขนมปังทอดที่เสิร์ฟพร้อมกะหล่ำปลีซอยเส้นบางมาทานคู่กับ Mentaiko Udon อุด้งไข่ปลาเมนไทโกะราดซอสครีมเข้มข้น และเพิ่มเติมให้จุก ๆ ด้วย Mentaiko Onikiri โอนิกิริไส้ไข่ปลาเมนไทโกะ และ Ebi Tempura Udon อุด้งกุ้งเทมปุระที่เสิร์ฟมาในน้ำซุปสุดกลมกล่อมอีกสักชาม
007 One Nimman
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วแต่ในเมืองของเชียงใหม่ยังคงสว่างสดใส โดยเฉพาะที่ One Nimmam สถานที่ที่รวบรวมร้านค้า ร้านอาหาร การแสดงศิลปวัฒนธรรม และความร่วมสมัยที่โดดเด่นที่สุดบนถนนนิมมานเหมินทร์ เพราะที่นี่ได้ผสมผสานเอกลักษณ์ล้านนาให้เข้ากับสถาปัตยกรรมแบบยุโรปได้อย่างลงตัว จะมาเดินเล่น เดินชิค เดินชิว จิบกาแฟ ทานอาหาร หรือรอชมกิจกรรมและการแสดงบริเวณลานกิจกรรม ท่ามกลางอากาศดี ๆ ของเชียงใหม่ก็ดีทั้งหมด
ส่วนมุมสุดฮอตที่ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูปตรงนี้ ก็คือลานกิจกรรมที่มีทั้งหอนาฬิกา และการประดับไฟ ทั่วทั้งหลังคา เราจึงต้องขอแบ่งเวลาพาคนรักมาถ่ายรูปให้ไม่ธรรมดาด้วยการจิ้ม vivo V23 5G ที่สามารถถ่ายภาพได้แบบหน้าชัดหลังเบลอ แล้วเลือกปรับแต่ง Bokeh จากที่เป็นทรง ๆ กลม ๆ ให้กลายเป็นทรงหัวใจหวาน ๆ รับวาเลนไทน์แบบสุดสวีตไปเลย
รูปคู่ก็ดูดีแต่รูปเซลฟี่ก็ขาดไม่ได้ vivo V23 5G ตัวนี้ก็เหมาะมาก ๆ ที่จะถ่ายเซลฟี่ในตอนกลางคืน เพราะกล้องหน้ามาพร้อมไฟแฟลชที่เรียกว่า Dual-Tone Spotlight Selfie ที่ขนาบข้างอยู่บริเวณเหนือลำโพง ทำให้เราสามารถถ่ายภาพเซลฟี่ตอนกลางคืน ได้แบบไม่ต้องกลัวโป๊ะ แถมยังสุดปัง เพราะสามารถเลือกปรับอุณหภูมิของแสง เหมือนกับการปรับ White Balance ให้ส้มขึ้นหรือฟ้าขึ้นได้ดั่งใจอีกด้วย
008 I Love Flower Farm
วันสุดท้ายของทริปก็ยังคงเต็มไปด้วยความสดใสและอากาศที่เย็นสบาย การันตีได้จากท้องฟ้าที่ไร้เมฆและสายลมอ่อน ๆ ที่กระทบกับหน้าของเรา โลเคชั่นสุดท้ายนี้เราไปกันที่ I Love Flower Farm สวนดอกไม้ขนาด 8 ไร่ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีค่าเข้าชม รวมค่ารถรับส่งและขนม สนนราคาเพียงคนละ 90 บาท ก็สามารถเข้ามาเดินเล่นถ่ายรูปทุ่งเดซี่ได้แบบสุดฟิน เสมือนหลุดเข้าไปในโลกของ Pinterest แบบจุก ๆ
เพราะความรักคือความใส่ใจไม่ว่าเรื่องเล็กใหญ่ก็ต้องใส่ใจเท่า ๆ กัน เหมือนกับ vivo V23 5G ที่มาพร้อมกับโหมด Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ช่วยให้เราถ่ายภาพวัตถุและความทรงจำขนาดจิ๋วได้ชัดเจนและมีมิติมากขึ้น อย่างเจ้าผึ้งที่กำลังจีบน้ำหวานจากดอกเดซี่นี้เราก็เก็บภาพมาได้แบบสบาย ๆ ชิล ๆ
ท่ามกลางทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่ที่สวยสะใจขนาดนี้ โชคดีที่เจ้า vivo V23 5G มีมาพร้อมกล้องหน้าแบบคู่ ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่มีเลนส์กล้องหน้าคมชัดถึง 50 ล้านพิกเซล แถมยังพ่วงด้วยเลนส์ Super Wide-angle ที่คมชัดถึง 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้างถึง 105 องศามาด้วย งานนี้ ไม่ว่าเซลฟี่มุมไหน จะกว้างแบบมุมมองปกติหรือกว้างแบบตาแตก ก็มั่นใจได้ว่าจะออกมาสวยคมชัดไม่พลาดสักมุมเดียว
อากาศดีฟ้าฝนก็เป็นใจ ทำให้เราสามารถเก็บภาพสวย ๆ ได้อย่างจุใจ และเจ้า vivo V23 5G ที่มาพร้อม Bokeh Flare Portrait โหมดสุดเก๋ไก๋ที่นอกจากจะเก็บรายละเอียดบนใบหน้าของเราได้อย่างคมชัดสูงแล้ว ก็ยังมาพร้อมกับลูกเล่น Bokeh ที่มีรูปแบบให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบกลม ๆ แบบปกติ รูปหัวใจ หรือรูปดาว เขาก็มีมาให้ แค่นี้ก็เนรมิตภาพสาวน้อยในไร่เดซี่ให้ออกมาน่ารักโดนตาโดนใจ จนเพื่อนต้องถามไถ่ ว่าใช้กล้องอะไรถ่ายหรอแกทำไมมันดีจัง
นอกจากสวนเดซี่สุดน่ารักแล้วเขาก็ยัง Set up มุมถ่ายรูปน่ารัก ๆ ไว้อีกหลายมุมมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นมุมโรงเรือนสุดชิค มุมตากผ้าแบบครันทรีย์สุดปัง หรือมุมที่อยากทำให้กรี้ดดัง ๆ อย่างมุมโต๊ะดินเนอร์ก็ดีจนใจน้วย เผลอแปบเดียวก็เก็บภาพสวย ๆ มาเกินครึ่งเมมแล้ว!!! ออ แนะนำสาว ๆ ว่าให้เตรียมชุดเดรสพริ้วๆ กรุยกราย ๆ มาสักหนึ่ง เพราะเข้ากับบรรยากาศในสวนแบบทุกมุมชัวร์ ๆ
เกือบลืมบอกไปว่า vivo V23 5G สี Sunshine Gold ที่เราใช้ในทริปนี้นอกจากฝาด้านหลังจะจับกระชับมือ มีความเล่นแสงวิบวับ เปลี่ยนเฉดสีเมื่อถูกแสงตกกระทบแล้ว ยังสามารถทำ DIY UV Light ลายดอกไม้เก๋ ๆ คิ้วท์กรุบแบบนี้ได้ด้วย หรือใครอยากครีเอทเป็นชื่อคู่สุดสวีท เขียนคำว่ารักตัวโต ๆ เซอร์ไพรสแฟนวันวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้ ก็เป็นไอเดียที่ดีไม่แพ้กัน
และนี่คือทริป 3 วัน 2 คืน ที่ช่วยเพิ่มทั้งความหวานและความทรงจำสุดประทับใจ ให้วาเลนไทน์ที่ใกล้จะมาถึงนี้ กับสถานที่สุดปังที่ไปกี่ครั้งก็ฟิน และยังมีสมาร์ทโฟนคู่ใจที่มีคลื่นสัญญาณ 5G ในตัวอย่าง vivo V23 5G สี Sunshine Gold ที่สวยงามหรูหรามีระดับ เพียวบาง จับถนัดมือ เล่นแสงระยิบระยับ ฟังก์ชั่นเยอะจัดเต็ม ถ่ายภาพคมชัดสมจริงทั้งกลางวันกลางคืน แบบเครื่องเดียวเอาอยู่จริง ๆ ใครอยากจับจองเป็นเจ้าของก็ลองไปดูได้ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ในราคา 17,999 บาท ดูข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติมได้ที่ https://www.vivo.com/th/products/v23 รับรองพกเครื่องนี้จะกี่ความทรงจำก็ชัดเจนแม่นยำสวยเป๊ะแน่นอน