รีวิวนครปฐม :: One day cafe hopping Nakhonpathom with Shell GO+

ถ้าโจทย์คือทริปส่งท้ายปีขับรถไม่ไกลกรุงฯ เที่ยวได้สบายๆ แบบวันเดย์ “นครปฐม” ยังคงเป็นคำตอบแรก ๆ ที่ใช่เสมอ วันนี้เราขอเอาใจสายคาเฟ่ฮอปปิ้งด้วยการพาไปเช็คอิน 4 พิกัดร้านสุดปัง หลากสไตล์ ที่จะทำให้ทุกคนเพลิดเพลินกับมุมถ่ายรูปเท่ ๆ เอ็นจอยกับขนมเครื่องดื่มแสนอร่อย มีเวลานั่งอ่อยหนุ่มสาวโต๊ะข้าง ๆ แบบไม่เร่งรีบ และนอกจากร้านกาแฟดี ๆ ที่เราเอามาบอกต่อแล้ว ยังมีทริคที่จะทำให้ทุกการเดินทางของทุกคนไม่ว่าสายไหนคุ้มค่าสุด ด้วยการเติมน้ำมันที่ปั๊ม Shell แล้วโหลดแอป Shell GO+ เพื่อสะสมแต้มจากทุกการใช้จ่ายภายในปั๊ม แถมช่วงนี้เขามีโปรเด็ดยิ่งใช้จ่ายยิ่งสะสมคะแนนได้เยอะแบบทวีคูณ เรียกว่าโดนใจนักเดินทางอย่างเราไปเต็ม ๆ

ก่อนออกเดินทางในทุกทริป นอกจากจัดเต็มเสื้อผ้าหน้าผมแล้ว รถคู่ใจก็ต้องพร้อมเช่นกัน โดยเราเลือกเข้าเติมน้ำมันที่ปั๊ม Shell ด้วยบริการที่ใส่ใจลูกค้า ต้อนรับด้วยรอยยิ้ม มีทั้งเช็ดกระจก เติมลมยาง แถมปั๊มยังหาเติมง่ายมีตามเส้นทางนอกเมือง และน้ำมันที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพอย่าง วี-เพาเวอร์ มีนวัตกรรมช่วดลดแรงเสียดทานเครื่องยนต์ให้ทำงานได้ไหลลื่น ช่วยทำความสะอาดวาล์วไอดีและหัวฉีดน้ำมัน ทำให้เรามั่นใจในทุก ๆ การขับขี่

นอกจากบริการที่ดีแล้วเขายังมีโปรโมชั่นดี ๆ ผ่านแอป Shell GO+ แอปที่ช่วยเราเก็บสะสมคะแนนทุกการใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นการเติมน้ำมัน ซื้อของจากร้านค้าซีเล็ก และ deli café ของเชลล์ ซึ่งตอนนี้เขามีโปรโมชั่นแบบจัดเต็มเมื่อเติมเชลล์ วี-เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 / เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล B7 / เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล ครบ 1,200 บาทต่อใบเสร็จ รับคะแนนไปแบบจุก ๆ x3 ส่วนถ้าเติมเชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ E20 ครบ 800 บาทต่อใบเสร็จ ก็ไม่น้อยหน้าได้คะแนนแบบ x2 กันไปเลย รับรองว่าโดนใจใครได้ใช้ก็แฮปปี้

โดยแต้มที่สะสมก็สามารถนำมาใช้ส่วนลดได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เพียงกดเข้าแอป Shell GO+ ไปที่หน้า MY Card หน้านี้จะแสดงส่วนลดและสิทธิพิเศษทั้งหมดที่เรามี โดยเราสามารถเลือกได้ว่าครั้งนี้จะใช้โปรโมชั่นไหน แต่หากไม่ได้เลือกไว้ทางแอปจะเลือกใช้อันที่ใกล้หมดอายุให้แบบอัตโนมัติ อันนี้เลิศจริงอะไรจริง

ไม่เพียงแค่ค่าน้ำมันเท่านั้นนะ ค่าสินค้าในร้านซีเล็ค เครื่องดื่มขนมที่ deli CAFE’ ก็สามารถใช้ส่วนลดได้เช่นกัน แต่ถ้ายังไม่เก็ต สามารถดูวิธีการแลกบัตรกำนัลจากร้านค้าที่ร่วมรายการ ได้ที่นี่ timeline.line.me/post/1163555756109067384 เอาล่ะ.. รถสุดเลิฟได้ วี-เพาเวอร์ เต็มถัง ทางเราก็ได้ขนมรองท้องระหว่างขับรถเรียบร้อยแล้ว งั้นได้เวลาก็ออกเดินทางไปฮอปปิ้ง 4 คาเฟ่ชิค ๆ กันได้แล้ว เริ่มเลย!!!!

01 : Autumn Haus

ขับรถจากกรุงเทพฯ ออกมานิดเดียว ก็มาถึงพิกัดแรก Autumn Haus คาเฟ่เปิดใหม่ฟีลอบอุ่นสไตล์เจแปบนิสโฮมมี่ ที่เก๋กรุบไปซะทุกมุมตั้งแต่หน้าร้าน มีการตกแต่งคุมธีมด้วยสีเอิร์ธโทน อย่างน้ำตาล เหลืองไข่ไก่ ครีม และขาว ถูกใจสายคาเฟ่ที่ชอบถ่ายรูปแบบมินิมอลเรียบ ๆ แน่นอน ยิ่งวันไหนมีแสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องมาที่ร้าน ยิ่งเหมาะกับการไปยืนโพสท่าเท่ ๆ เดินเผลอ ๆ สักหนึ่งแอ็คแล้วลงสตอรี่เพื่อเป็นการเช็คอินเริ่มต้นทริปที่สุด

ภายในก็ยังคุมโทนได้ดีไม่แพ้กัน เราชอบที่ตัวร้านออกแบบเพดานให้สูงโปร่ง ดูโล่งไม่อึดอัด บวกกับมีหน้าต่างบานใหญ่ที่แสงเข้าถึงทั้งสองฝั่ง ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้และหวายเป็นหลัก ทำให้สัมผัสได้ถึง mood & tone ที่ดูสบาย ๆ ชิล ๆ น่านั่งไปซะทุกมุม แต่มุมสุดปังที่พลาดไม่ได้สำหรับสายถ่ายรูป คือมุมประตูโค้งสีขาวที่มีแบล็คกาวน์ด้านหลังเป็นต้นไม้ ให้ฟีลเหมือนเดินเล่นในแกลอรี่ที่ญี่ปุ่นยังไงยังงั้นเลย

ในส่วนเมนูเครื่องดื่มของทางร้านก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เราสั่งเมนูแนะนำอย่าง Iced Espresso Matcha มีความกลมกล่อมลงตัวของเอสเปรสโซ่ที่กดมาอย่างพอดี กับชาเขียวพรีเมียม ทานคู่กับ Japanese Rare Cheesecake ที่ได้ความชีสเค้กเต็มปากเต็มคำ นุ่มละมุนแบบไม่อยากแบ่งให้ใคร นอกจากมุมในร้านที่สวยโดนใจแล้ว ด้านหลังก็ยังจัดเป็นสไตล์ญี่ปุ่นเล็ก ๆ ให้เราเดินถ่ายรูปเล่นได้อีกด้วย

02 : Croffle Studio by MOO YOO

สาวก Croffle ต้องร้องกรี๊ด! เมื่อได้มาเยือนร้าน Croffle Studio คาเฟ่ฮอตฮิตแห่งใหม่ที่เปิดตัวมาพร้อมกับดีไซน์ร้านไม่ซ้ำใคร ด้วยอาคารสูงทรงจั่วล้อมด้วยกระจก พร้อมการตกแต่งร้านที่ได้ใจเราไปเต็ม ๆ มีความเท่ดิบแต่ซ่อนความมินิมอลไว้ในหลาย ๆ มุม ร้านแบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกัน โดยโซนแรกเป็นเคาน์เตอร์สำหรับสั่งขนมและเครื่องดื่ม ตกแต่งโทนสีไม้น้ำตาลแดงให้ความคลาสสิค, โซนที่สองตกแต่งเป็นสไตล์มินิมอลห้องสีขาวมีกระจกให้แสงสวย ๆ สาดส่องเข้ามา และโซนสุดท้ายเน้นตกแต่งโทนสีดำ ๆ ดาร์ก ๆ ให้ความเท่กรุบจนต้องหยุดถ่ายรูป

ส่วนเมนูซิกเนเจอร์ก็ตรงตามชื่อร้านคือ Croffle เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่าง Croissants กับ Waffle เราสั่งเป็น Croffle ham cheese และ Black matcha croffle ด้วยตัวแป้งที่กรอบนอกนุ่มในผ่านการอบมาร้อน ๆ ได้กลิ่นหอมของเนยอ่อน ๆ แค่ได้ชิมก็รู้เลยว่าทางร้านต้องคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีมานำเสนอในแต่ละชิ้นแน่นอน ยิ่งพอได้ทานเข้าคู่กับเครื่องดื่มซอกเนเจอร์อย่าง Matcha latte ที่ใช้ผงชาเขียวพรีเมียมมาชง บอกเลยว่าฟินสุด ๆ

03 : Simple Plan x River

อีกหนึ่งคาเฟ่ลึกลับที่ด้านหน้าเป็นเพียงประตูทางเข้าเล็ก ๆ อยู่ภายใต้โกดังเก่าสีขาวในซอกหลืบ แต่พอก้าวเข้าไปในร้าน ถึงกับร้องว้าวในความโอ่โถง เปิดโล่ง Simple Plan x River เป็นคาเฟ่ที่แสนเรียบง่ายแต่มีสไตล์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีนที่เราสามารถมองเห็นวิวได้แบบพาโนราม่า โดยมีกิมมิคอยู่ที่ตัวร้านเป็นแบบ Open Air มีลมโชยพัดมาเอื่อย ๆ ตลอดวัน ไม่ร้อนอบอ้าว ภายในร้านตกแต่งสไตล์ลอฟท์ปผนังปูนเปลือยและเฟอร์นิเจอร์ไม้ทุกชิ้นที่มิกซ์เข้ากันได้อย่างลงตัวไม่ขัดเขิน ทำให้ร้านดูมีเสน่ห์อบอุ่นมาก

ไม่ใช่แค่บรรยากาศที่ดีงาม เพราะหลายเมนูของร้านก็ถูกใจเรามากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Vanilla coffee เครื่องดื่มที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอม ๆ ของวานิลลาบวกกับชอตเอสเปรชโซ่ หวานกลมกล่อมกำลังพอดี หรืออีกเมนูชูโรงที่สาว ๆ ชอบสั่งอย่าง Yuzu honey marmalade  ที่ท็อปด้วยน้ำอัญชันเสิร์ฟในแก้ว hologram สีสวยถูกใจสายถ่ายรูป ส่วนเมนูขนมก็จะเป็นแบบโฮมเมดทำวันต่อวัน มีการสลับสับเปลี่ยนเมนูไปเรื่อย ๆ แถมเหมาะกับคนรักสุขภาพสุด ๆ เพราะส่วนผสมของเค้าปราศจากไขมันทรานส์ 100 เปอร์เซ็นต์เลย งานนี้ต่อให้กินคนเดียวหมดชิ้นก็ไม่รู้สึกผิดแน่ ๆ

04 : White Brick Yard

เปลี่ยนบรรยากาศจากริมแม่น้ำ มาทิ้งท้ายกันในย่านพุทธมณฑลสาย 5 ที่ White Brick Yard อีกคาเฟ่สีขาวริมถนนใหญ่ โดดเด่นมาแต่ไกลกับการตกแต่งสไตล์มินิมอลที่น่ารักน่าหยิก ใช้โทนสีขาวเป็นกิมมิคของร้าน ทำให้แลดูสบายตา ตัดกับสีเขียวของสนามหญ้าอย่างลงตัว มีมุมยอดฮิตหน้าร้านที่ใครต่อใครต่างมาเช็คอิน ยืนโพสต์ท่ากับเสาไฟให้อารมณ์เหมือนบ้านตุ๊กตาในฝัน ภายในร้านมีความโฮมมี่ด้วยเฟอร์นิเจอร์งานไม้สีอ่อน กับมุมโซฟา เก้าอี้หวายที่เห็นแล้วแอบอุทานเบา ๆ ในใจว่าโซคิ้วมาก ๆ

สำหรับเบเกอรี่ของร้านทุกเมนูจะเป็นแบบโฮมเมด มีให้เลือกสั่งหลายอย่าง โดยก่อนเสิร์ฟทางร้านก็จะมีอุ่นมาใหม่แบบร้อน ๆ ส่วนเครื่องดื่มก็มีให้เลือกทั้งเมนูกาแฟ และเมนูน้ำผลไม้เสิร์ฟในภาชนะที่ย่อยสลายได้ 100% ในธรรมชาติ รวมถึงมีอาหารคาวออแกนิค ให้เลือกอิ่มอร่อยฝากท้องในมื้อกลางวันได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่น่ารักมีกิมมิค แถมยังรักษ์โลกอีกด้วย เจอร้านแบบนี้ทีไรเรานี่ฟินทุกที

ส่วนใครเติมพลังกับเมนูที่สั่งมาแล้ว ทางร้านก็ยังมีมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ให้ถ่ายอีกหลายมุม ไม่ว่าจะเป็นมุมชั้นสองที่เชื่อมอาคารสองฝั่ง หรือจะมุมด้านข้างที่เห็นชื่อร้านและผนังสีขาวก็ล้วนแต่เป็นมุมที่น่ารักถูกใจชาวไอจีอย่างแน่นอน

ต้องบอกว่านี่เป็นอีกทริปที่โคตรคุ้มค่า เพราะเรามีแอปฯ Shell GO+ ในมือถือ เติมน้ำมันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้คะแนนสะสมจุก ๆ มากเท่านั้น ถ้าอยากรู้ว่าคะแนนจะปังแค่ไหนลองสมัครแล้วไปเติมน้ำมัน V-Power ที่ปั๊ม Shell กัน ส่วนใครที่ย้ายบัญชีจากเชลล์ คลับสมาร์ท เป็น เชลล์ โกพลัส ก็รับทันที 50 คะแนน และรับเพิ่มพิเศษอีก 100 คะแนน เมื่อเติมน้ำมันชนิดใดก็ได้ครบ 800 บาท ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2565 นี้เท่านั้นนะ แค่นึกตามก็ปังไม่ไหว เพราะงั้นโหลดเลยจ้า! onelink.to/pkv7bw

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ … ว่าถึงแม้จะเป็นทริปชิล ๆ เที่ยวนครปฐม One day trip ในช่วงปลายปีแบบนี้ ก็ทำให้เราแฮปปี้ได้เหมือนกัน แถมยังเป็นทริปที่สร้างความประทับใจตั้งแต่เริ่มเดินทางที่ปั๊ม Shell กับการบริการสุดน่ารัก ควบคู่น้ำมันที่มีคุณภาพ ทำให้รู้เรารู้สึกสบายใจทั้งเรื่องเครื่องยนต์ และการขับขี่ เอาเป็นว่าทริปต่อ ๆ ไปเราจะไว้ใจให้ Shell เป็นผู้ดูแล