รีวิวเชียงใหม่ :: 7 Locations “Chiang Mai” Feel like Japanese

“Chiang Mai” Feel Like Japan

ยอมรับกันตรงนี้เลยว่าทางเราคิดถึงญี่ปุ่นที่สุด!!!! คิดถึงอะไรที่มันดูแล้วขี้เหร่เนะ! แล้วก็อะไรที่มันทานแล้วโออิชิเดส! แล้วก็มุมถ่ายรูปที่แค่ยิ้มแบบแกล้ง ๆ ก็ยังคาวาอี! แต่จะให้มานั่งคิดถึงมันก็ไม่ใช่สไตล์เรา ว่าแล้วก็ชวนเพื่อนสาวเก็บกระเป๋ามุ่งตรงสู่หัวเมืองเหนือที่ขึ้นชื่อว่าเก๋ที่สุดอย่าง “เชียงใหม่” คัด 7 พิกัดที่มองมุมไหนก็นึกว่าอยู่ญี่ปุ่น ทั้งฟาร์มสเตย์  ร้านอาหาร คาเฟ่ และสวนดอกไม้ มาให้ทุกคนเช็คอินกันให้หายคิดถึง แถมทริปนี้เที่ยวง่าย เที่ยวสบาย เที่ยวปลอดภัยไร้เงินสด ด้วยบัตรเดบิตคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดจาก Kbank x Peanuts งานนี้บอกเลยแฟน ๆ Peanuts ทั้งหลายถูกใจแน่นอน!

ที่เที่ยวพร้อม เสื้อผ้าพร้อม คนรุ่นใหม่ที่เริ่มชินกับชีวิตแบบไร้เงินสดอย่างเราก็ต้องไม่ลืมจัดหาบัตรเดบิตที่คุ้มค่าและน่ารักอย่างบัตรเดบิตคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดจาก Kbank x Peanuts ติดตัวไปเที่ยวด้วย เพราะแค่สมัครบัตรเดบิตที่มีลายน่ารัก ๆ ให้เลือกถึง 5 ลาย ก็แลกรับของพรีเมี่ยม Snoopy Limited Edition บน K+ market ทันที ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาน้องสนูปปี้ ชุดแคมป์ปิ้งเซ็ตน่ารัก ๆ หรือกระเป๋าสะพายที่จะเอามาสะสมก็ดีหรือใช้เป็นพร็อพถ่ายรูปแบบคาวาอีก็เลิศ แถมธีมในแอปพลิเคชัน K PLUS ก็ยังน่ารักเข้ากับบัตรไปอี๊ก ที่สำคัญนี่ยังเป็นบัตรใบแรกจาก Kbank ที่สามารถสะสมพ้อยท์ ยิ่งใช้ยิ่งได้เพิ่ม แถมสมัครวันนี้รับ K Point สูงสุดถึง 1,000 คะแนน คุ้มค่าแบบเกินต้าน น่ารักแบบเกินบรรยายขนาดนี้ไม่มีไม่ได้แล้ว

01 : Khao-Sō-i

ประเดิมโลเคชั่นแรกกับร้านอาหารพื้นเมืองที่ทำให้เราเกือบลืมไปเลยว่านี่มันเชียงใหม่ไม่ใช่โตเกียว โอซาก้า หรือว่านาโกย่าใดใด เพราะนี่คือร้านข้าวซอย บนถนนเจริญราษฎร์ ย่านฟ้าฮ่าม ที่มีชื่อเก๋ไก๋เจแปนสไตล์ว่า Khao-So-i ข้าว-โซ-อิ ที่มองมุมไหนก็ให้ฟีลเหมือนอยู่ร้านราเมนย่านเมืองเก่าหน้าศาลเจ้าของญี่ปุ่น ไล่ตั้งแต่ทางเข้าที่ดูเรียบง่ายจากไม้สีน้ำตาลแก่และกระเบื้องกับหลังคาสีเทาเข้ม ที่เมื่อเปิดเข้าไปในร้านก็จะเจอกับเก้าอี้หัวโล้นและโต๊ะไม้ขนาดกลาง ตั้งอยู่หน้าเค้าเตอร์ทำอาหารแบบเปิดโล่งสไตล์เซฟญี่ปุ่นที่ต้องการโชว์ครัวและวิธีทำอาหารสุดประณีต ส่วนด้านข้างก็ยังมีสวนไผ่เล็ก ๆ ให้ชมระหว่างทานอาหาร เรียกได้ว่าประณีตทุกส่วนเลยล่ะ

ฟินกับดีเทลจนต้องร้องออกมาว่าขี้เหร่เนะ ยิ่งพอได้เห็น 2 เมนูสุดฮิตอย่างข้าวซอยเส้นสด  และข้าวซอยผัดแห้ง ที่เค้าเอาเส้นสดสุดหนุบหนับมาเคี่ยวและผัดกับซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงแบบออริจินอลจัดเต็มทั้งหอมแดงและผักกาดดอง ให้ฟีลข้าวซอยแท้ ๆ ทุกกระเบียดนิ้ว แต่จัดเสิร์ฟมาบนถาดไม้สไตล์ญี่ปุ่น ก็บอกได้เลยว่าการผสมผสานความเป็นไทยและญี่ปุ่นครั้งนี้ลงตัวสุด ๆ

ส่วนเมนูที่ทุกคนควรลองคือ ข้าวซอยเนื้อใบพาย ที่ทางร้านเลือกใช้วัวสายพันธุ์ผสมระหว่างชาโรเลย์จากเมืองชาโรลส์ประเทศฝรั่งเศสกับวัวสายพันธุ์ไทยจนออกมามีรสชาติเฉพาะตัว ก่อนเอามาสไลด์บาง ๆ เพื่อย่างบนเตาเทปันยากิ และเบิร์นไฟเพิ่มความกรุบปิดท้าย บอกเลยว่านุ่มลิ้น รสเข้ม เข้ากันดี๊ดีกับเส้นสดที่หนึบหนับ ยิ่งทานยิ่งเพลิน นอกจากนี้เมนูทานเล่นอย่าง เกี๊ยวนึ่ง ก็อร่อยล้ำฉ่ำลิ้น จนอยากจะร้องออกมาว่า คิมิโนะ โตริโกะ นิ นัท เพตะ ชิมาเอะบะ คิตโตะ…..แบบดัง ๆ

02 : The Baristro Asian Style

โลเคชั่นถัดมาคือหนึ่งในท็อปลิสต์ของเหล่า Cafe hoppers ที่มาเยือนเชียงใหม่แล้วต้องห้ามพลาดกับ The Baristro คาเฟ่ที่มีหลายสาขาและดีงามทุกสาขา แต่วันนี้เราขอพามาเช็คอินสาขา Asian style ที่ได้เค้ารีโนเวตบ้านเก่าชั้นเดียวให้กลายเป็นคาเฟ่สุดมินิมอลบนเนินเขาท่ามกลางการโอบล้อมของต้นไม้น้อยใหญ่และผืนหญ้า มีกลิ่นอายของความเป็นไทยผสมญี่ปุ่นอย่างลงตัวในทุกมุม แค่มองก็เหมือนก้าวเข้าญี่ปุ่นไปแล้วครึ่งก้าว

ยิ่งพอเปิดประตูเข้าไปเจอกับ Speed Bar ที่เราสามารถสั่งทั้งขนม เค้ก และเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้จากบาร์สีเงินตัวยาวที่เข้ากันดีกับกำแพงหินสีเทาอ่อนกลางร้าน ส่วนทางขวาคือ​ Slow Bar และ Matcha Bar ที่มองแวบแรกก็เหมือนได้ไปนั่งจิบชาในสวน Zen ที่เกียวโต ก็เหมือนได้ก้าวขาสองข้างเข้าญี่ปุ่นไปแล้ว นอกจากนี้เค้ายังมี Lanna Hall โซนใหม่ที่จับความเป็นล้านนามาผสมกับความมินิมอลได้ดีงามอย่างยิ่ง โดยตรงนี้เค้าจัดเป็น Co-Working Space เราสามารถหยิบโน๊ตบุ๊คมานั่งทำงาน หรือจะนัดประชุมคุยงานท่ามกลางบรรยากาศดี ๆ ได้แบบยาว ๆ และเป็นส่วนตัว

ในส่วนของเมนูเครื่องดื่ม The Baristro ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง โดยเฉพาะสาขานี้ที่มีเมนูพิเศษมาช่วยชดเชยความคิดถึงญี่ปุ่น อย่างชาเขียวมัจฉะพรีเมี่ยมต่าง ๆ ที่เราสามารถสั่งมาทานคู่ขนมสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ ไม่ว่าจะเป็น Warabi Moji, Koicha Ice Cream หรือใครชอบดื่มกาแฟก็มี Special Coffee Bean ให้เลือก 6 แบบ โดยทางร้านคั่วเมล็ดกาแฟเอง ทำให้คุณภาพคงที่ได้ทั้งรสสัมผัสและกลิ่นที่ดีในทุก ๆ แก้ว กินดื่มถ่ายรูปเสร็จก็แค่ควักบัตรเดบิต Kbank x Peanuts ออกมารูดปรื้ดจ่ายง่าย ๆ สะสมพ้อยท์แบบสบาย ๆ ใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็พร้อมมูฟออนลุยต่อสู่โลเคชั่นถัดไปแบบไว ๆ เลยจ้า

03 : Jin Na Mon Cafe

สายลมเย็น ๆ และแสงแดดอ่อน ๆ ในยามบ่ายของเมืองเชียงใหม่ ทำให้เราตัดสินใจขับรถออกจากตัวเมืองมาสัมผัสธรรมชาติและสูดหายใจให้เต็มปอดกันที่ Jin Na Mon Cafe คาเฟ่ทรงสามเหลี่ยมสไตล์โฮมมี่ขนาดมินิ ที่อยู่ท่ามกลางทุ่งดอกคอสมอสสีเหลืองส้มละมุน โดยมีภูเขาเขียวชอุ่มลูกโตเป็นแบล็คกราวน์ ในวันที่อากาศดี ๆ สำหรับที่นี่แค่นี้ก็นับว่าน่ารักจนชวนใจสั่น และสวยจนชวนให้ลั่นชัตเตอร์ไม่หยุดแล้ว

เมนูของทางร้านจะเน้นไปที่เครื่องดื่มง่าย ๆ มีทั้งกาแฟเมนูฮอตฮิตอย่าง dirty ที่เลือกใช้เมล็ดกาแฟท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่ หรือมัจฉะลาเต้ที่หอมนุ่มกลมกล่อม หวานกำลังดี และหากโชคดีบางวันเค้ายังมีบราวนี่โฮมเมดมาให้ทานเคล้ากับวิวปัง ๆ ตรงหน้าเพื่อเพิ่มอรรถรสในการชมวิวไปอีก

หากเพื่อน ๆ ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS ไม่ว่าจะโอนเงิน หรือสแกนจ่ายด้วย QR Code ความน่ารักสุดคิ้วท์อีกอย่างที่ได้รับก็คือ สลิป น้องจะเป็นลายก๊วน Peanuts น่ารัก ๆ ตามธีมที่เราเลือกใช้เลย งานนี้ไม่ว่าจะสาวออฟฟิสชอบช้อป หรือหนุ่มชอบล่าแต้มแลกพ้อยท์ รับลองโดนใจแน่นอน ดูเป็นคนคุมธีมคุมโทนสุด ๆ

04 : Jirapanit Mountain Cattle Farm

ถึงเวลาสวมบทเป็นฟาร์มเมอร์สุดคิ้วท์ ที่พร้อมวิ่งเล่นในทุ่งหญ้าด้วยความสดชื่นแบบสาวน้อยญี่ปุ่นสุดคาวาอีกันที่ ฟาร์มวัวจิระพานิชย์ ฟาร์มวัวสุด Exclusive หนึ่งเดียวในอำเภอแม่แจ่ม ที่ครอบครองวิวทิวทัศน์กว้างใหญ่สุดว้าว จนทำเอาเราตะลึงในความสวยตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งช่วงนี้ที่อากาศแผ่ไอเย็น ๆ แทบตลอดทั้งวัน ยิ่งชวนให้อิจฉาน้องวัวทุกตัวที่อยู่ที่นี่!!!

น้องวัวที่หน้าตาหน้าเอ็นดูเหล่านี้คือวัวพันธุ์ชาโลเล่ส์ อิมพอร์ตมาจากประเทศฝรั่งเศส ก่อนนำมาผสมต่อในฟาร์มออแกนิค ใครอยากชมแบบใกล้ชิดเหมือนเราก็สามารถติดต่อฟาร์มได้โดนตรง ทางฟาร์มก็จะมีรถที่จะใช้เวลาประมาณ 50 นาที ในการพาเราขึ้นเขาชัน ๆ ไปดูฟาร์มต่าง ๆ แต่เราขอแนะนำสำหรับสายถ่ายภาพให้มุ่งตรงไปยังฟาร์ม 1 และ 4 ก็จะได้วิวปังๆ  แบบเรา แต่ถ้ามีเวลาน้อยแนะนำให้พุ่งตัวไปยังฟาร์ม 1 แบบไม่ต้องคิดเลยจ้า

โลเคชั่นนี้เราใช้คำว่า “สวย” ได้แบบสิ้นเปลืองมาก เพราะทันทีที่ยกกล้อง ใน 1 เฟรมสวย ๆ ก็เต็มไปด้วยเนินเขาเล็กใหญ่ที่ไล่ระดับสลับอย่างสวยงาม ท้องฟ้าไร้เมฆของฤดูหนาว ทุ่งหญ้าสุดกว้างขวาง และน้องวัวที่เดินเล่นกันอย่างอิสระ งานนี้แค่หามุมดี ๆ และรอจังหวะงาม ๆ ให้น้องวัวอยู่ในมุมสวย ๆ ก็ลั่นชัตเตอร์แบบรัว ๆ และเปลี่ยนท่าไปแบบเรื่อยเปื่อยแบบเผลอ ๆ ก็เหมือนตีตั๋วแลนด์ดิ้งที่ญี่ปุ่นยังไงยังงั้น!!!

ก่อนลงจากรถเจ้าหน้าที่ของฟาร์มจะให้ขวดน้ำเกลือไว้สำหรับใช้ดึงดูดน้องวัวมาร่วมเฟรม ฟีลเหมือนตอนป้อนนมแพะ ซึ่งจุดนี้บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ห้ามพลาด เพราะถ่ายรูปออกมาแล้วน่ารักแบบเกินต้าน รับรองความปังแบบกินเรียบทุกช่องทางในโซเซียลแน่นอน

ส่วนใครที่อยากใกล้ชิดวิวสวย ๆ ที่น้องวัวได้มองทั้งวี่วันก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงจองห้องพักของที่นี่ มีทั้งสไตล์โฮมสเตย์สไตล์โมเดิร์นและสไตล์เต็นท์โดมที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน และหมูกระทะเป็นอาหารเย็น แต่บอกก่อนว่าเต็มเต็มไวมากกกกก!!! ดังนั้นใครไม่อยากพลาดที่ดี ๆ วิวงาม ๆ แบบนี้ ก็รีบหาวันชวนเพื่อนมาด่วน ๆ เลยจ้า

05 : Nekoemon Cafe

ก้าวเข้ามาแบบนึกว่าตัวเองตาฝาดหูฝาดไปซะแล้ว เพราะนี่มันญี่ปุ่นชัด ๆ ไม่ใช่แค่ให้กลิ่นอายแล้วในจุดนี้ เพราะร้านอาหารญี่ปุ่นอย่าง Nekoemon Cafe เค้ายกป่าไผ่ ใส่ซุ้มโทโรอิ เพิ่มสวนหิน และจับบรรยากาศของญี่ปุ่นมาใส่ไว้ทุกอณูแบบไม่มีหลุดสักมุม!! ทางร้านกว้างขวางมากและปราณีตสมสุด ๆ แบ่งออกออกเป็น 3 โซนด้วยกัน ไล่ตั้งแต่โซนหน้าร้านที่เราสามารถนั่งทานอาหารพร้อมวิวป่าไผ่, โซนห้องแอร์ที่เหมาะ สำหรับวันอากาศร้อน ๆ แต่ยังสามารถชมวิวสวย ๆ รอบร้านได้แบบสบายตา และโซนด้านหลังซึ่งเป็นมุมโปรดของเราเพราะสามารถมองเห็นได้ทั้งวิวป่าไผ่ สวนหิน สะพานสีแดง และน้ำตกได้แบบไม่ต้องแคร์เวลา

หลังเดินถ่ายรูปเล่นจนกระเพาะส่งเสียงเปโระ เปโระ ประท้วง เราเลยเลือกเมนูทานง่ายอย่างเซ็ตโซบะเย็นที่เสิร์ฟพร้อมกุ้งเทมปุระกรอบ ๆ มาเพิ่มความสดชื่น, ข้าวหน้าทงคัตสึหมูกรอบ ๆ,โมริปลาดิบเฟรช ๆ , โรลแซลมอนหอม ๆ ก่อนปิดท้ายแบบฉ่ำ ๆ ด้วยโมจิสตรอเบอร์รี่ลูกโต เป็นอีกหนึ่งมื้อที่ทำให้เราใจฟูมาก ๆ ในทริปนี้ เพราะถึงตัวจะอยู่ไทย แต่บรรยากาศก็เหมือนได้พาเราไปอยู่ญี่ปุ่นแล้วจริง ๆ

06 : Banyakat

หยิบเสื้อคลุมตัวเก่งพร้อมสะพายกระเป๋า Peanuts สุดน่าร๊ากกกที่ได้จากเซ็ตสมนาคุณมาเพิ่มความเจแปนนิส แล้วไปเช็คอินอีกหนึ่งคาเฟ่น้องใหม่สไตล์มูจิบนดอยม่อนแจ่มที่แจ่มสมชื่อ กับร้านมีชื่อเก๋ว่า Banyakat อ่านตรงตัวว่าบรรยากาศ คาเฟ่เล็ก ๆ แต่อบอุ่นท่ามกลางธรรมชาติ ตัวร้านคุมโทนด้วยสีเอิร์ธโทนครีมน้ำตาล มีต้นสนรายล้อม อากาศเย็นสบายมีมุมถ่ายรูปน่ารักมากมาย ชวนนึกถึงบล็อกไม้ทรงสามเหลี่ยมน่ารัก ๆ

ด้านในร้านตกแต่งแบบเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์สีอ่อน ล้อมรอบด้วยบานประตูและหน้าต่าง สำหรับรับลมเย็น ๆ จากธรรมชาติ ที่ไม่ว่าจะนั่งถ่ายรูปมุมไหนก็สามารถใช้คำว่าน่ารักได้สิ้นเปลืองที่สุดจริง ๆ

ในส่วนของเบเกอรี่นั้น ส่วนใหญ่ทางร้านจะนำเข้าจากญี่ปุ่นแทบทุกเมนู มีซิกเนเจอร์ที่ห้ามพลาดเพราะอร่อยหอมหวานลงตัวเป็น Messy Nutella ขนมปังนึ่งนุ่มหนึบหนับ ที่เสิร์ฟมาในเข่งแบบญี่ปุ่น และอีกหนึ่งเมนูห้ามพลาดเลยคือ Hokkaido Brulee Cheese Cake ที่เป็นการจับคู่ความอร่อยอย่างลงตัวระหว่างครีมชีสและเชลด้าชีสจากฮอกไกโดจนออกมาเป็นชีสเค้กรสชาติเข้มข้น หอมมัน ในส่วนของเครื่องดื่มพวกเราเลือกชานมบราวชูก้า มาเติมความหวานให้ชีวิตอีกนิดนึง

07 : Kuv Niam Forest

อีกหนึ่งจุดที่เรามักจะหยุดเช็คอินเสมอยามที่ไปเยือนญี่ปุ่นคือสวนดอกไม้ เราเลยขอเพิ่มสวนดอกไม้สีหวานเข้ามาในลิสต์ที่พลาดไม่ได้ โดยครั้งนี้ขอเลือก Kuv Niam Forest ทุ่งดอกไม้ในอำเภอแม่ริม อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 10 กิโลเมตร ที่นี่มีทั้งทุ่งดอกมากาเร็ตสีม่วงอ่อน ทุ่งดอกคัตเตอร์สีขาว และทุ่งนาข้าวสีทอง ที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งแข่งความสวยกันแบบไม่มีกั๊ก ถ่ายมุมไหนก็รับรองว่าดอกไม้แน่นทุกมุม

นอกจากมุมที่สวยงามตามธรรมชาติแล้ว เค้าก็ยังมีมุมที่เซ็ตไว้สำหรับถ่ายรูปอีกหลายจุด ให้เราได้เดินถ่าย ยืนถ่าย นั่งถ่าย แกล้งเผลอ ๆ เหมือนโดนแอบถ่าย ไว้ลงเรียกยอดไลค์ยอดฟอลโล่กันแบบจุก ๆ ด้วย

และทั้งหมดนี้ก็คือ 7 พิกัดสุดคิ้วท์เที่ยวเชียงใหม่ Feel Like Japan สำหรับใครที่คิดถึงญี่ปุ่นสุดใจแบบเรา ลองแพลนทริปตามรอยมาเช็คอินเชียงใหม่ให้หายคิดถึงสักหนึ่งแมทช์ก่อนก็ได้ และที่สำคัญถ้าอยากเที่ยวสบายไม่ต้องพกเงินสดให้มากมายในกระเป๋า พกแค่บัตรเดบิต Kbank x Peanuts สุดน่ารัก แค่ใบเดียวก็เที่ยวได้ทั่ว ช้อปเพลินได้ง่าย ๆ แถมพอยต์ให้สะสมเพียบ อยากน่ารักเป็นสาวญี่ปุ่นตะมุตะมิต้องมีเหน็บบัตรนี้ติดกระเป๋าไว้สักใบแล้วละ ไปจ้าไปสมัครตั้งแต่วันนี้ รับ K Point สูงสุด 1,000 คะแนนยิ่งใช้ ยิ่งได้เพิ่ม ทั้งคิ้วท์ ทั้งคุ้ม สะดวกจริงอะไรจริง!