ช่วงนี้ใครที่อดคิดถึงโมเมนต์การเดินทางไม่ไหว เราขอแจกแพลนเที่ยวง่าย ๆ ฉบับ 2 วัน 1 คืน ด้วยการพามาเที่ยวชิคเที่ยวเก๋เที่ยวเท่ในย่านเมืองเก่ากรุงเทพมหานคร ชวนเปลี่ยนบรรยากาศมาสัมผัสความคลาสสิก เข้าวัดเข้าวาไหว้พระชิลล์ ๆ ในโซนพระนคร แล้วค่อยเดินทอดน่องต่อไปยังจุดไฮไลต์ในย่านเจริญกรุงที่ซ่อนมุมปัง ๆ ให้เราหยิบกล้องออกมาลั่นชัตเตอร์รัว ๆ ก่อนเช็กอินเข้าพักโรงแรมนอนแช่อ่างจากุชชี่ให้ฉ่ำใจ งานนี้การันตีว่าต๊าช ได้ภาพงาม ๆ กลับไปลงโซเชียลจึ้ง ๆ แน่นอน
บอกเลยว่าทริปนี้ดีงามสุด ๆ เพราะ 6 โลเคชั่น ที่เราคัดสรรมานั้น ล้วนเข้าร่วมโครงการ SHA หรือ Amazing Thailand Safety and Health Administration ซึ่งได้รับมาตรฐานความสะอาดและปลอดภัยด้านสุขอนามัย จาก ททท. และกระทรวงสาธารณสุข ตัวการันตีที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้สายเที่ยวอย่างพวกเราออกไปพักผ่อนแบบแฮปปี้ จะเช็คอินที่ไหนรับรองอุ่นใจเรื่องความปลอดภัยแน่นอน ตอนนี้ทุกคนสามารถหาพิกัดที่มีสัญลักษณ์ SHA ทั่วประเทศได้แล้วที่ www.thailandsha.com/shalists
001 Buddha & Pals
เที่ยวแบบ New Normal แต่เรายังไม่ทิ้งความเก๋ ขอเปิดทริปด้วยการพาไปฮอปปิ้งจิบกาแฟให้คาเฟอีนไปปลุกร่างกายกันที่ Buddha & Pals คาเฟ่ในตึกเก่าสุดคลาสสิกในย่านนางเลิ้ง ตลาดเก่าที่หลายคนอาจเคยแวะเวียนมาช้อปปิ้งหาของอร่อย ๆ ทาน และชมสถาปัตยกรรมสวย ๆ ที่หลงเหลือร่องรอยไว้ให้ชม โดยเฉพาะแยกนางเลิ้งที่เป็นที่ตั้งของ Buddha & Pals ตึกเก่าอายุกว่า 80 ปี ที่เคยเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโรงงานผลิตน้ำมันมวยหรือยาประสระนอแรด ที่เรารู้จักดีของ ‘ท่านหลวงสิทธื์ โยธารักษ์’ หมอยาผู้คิดค้นต้นกำเนิด จนผ่านเวลาเปลี่ยนเจ้าของไปมาจนกระทั่งเป็นโฮสเทลและคาเฟ่สุดชิคในวันนี้
เมื่อเปิดประตูเข้าไปด้านในก็เหมือนพาเราย้อนเวลาไปในอดีตกับร่องรอยความคลาสสิกของตึกเก่าที่ทิ้งไว้ให้เห็นทั้งกำแพง เพดานและโครงสร้างบางจุด แต่แอบเก๋ด้วยเฟอร์นิเจอร์วินเทจและแชนเดอเรียกลางร้าน ที่นอกจากจิบกาแฟเติมคาเฟอีนเข้าร่างกาย ยังน่ามาดินเนอร์ฟังเพลงแจ๊สสบาย ๆ ในช่วงเย็นอีกด้วย
อากาศร้อน ๆ เค้าก็มีเครื่องดื่มซิกเนเจอร์สุดพิเศษให้จิบมากมาย ที่ชอบที่สุดขอยกให้ Calm Rosie Tea ดื่มด่ำความสดชื่น คลายร้อนด้วยชา Cold Brew หอม ๆ ผสมลงตัวกับกุหลาบเเละเบอร์รี่ จิบแล้วให้รสชาติหวานอมเปรี้ยวสดชื่นนนนขึ้นมาทันที หรือถ้าใครชอบกาแฟทางร้านก็ครีเอตเมนูกาแฟให้มีความกิ๊บเก๋ยูเรก้าราวกับจิบค็อกเทลด้วยส่วนผสมต่าง ๆ ที่ลงตัวแบบสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็น ขิงเอย กุหลาบเอย เลมอนเอย
002 วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร
ไปต่อกันที่วัดอรุณราชวราราม หรือที่เรียกว่า ‘วัดแจ้ง’ ไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยให้เป็นศิริมงคลกับชีวิตกันสักนิดชีวิตจะได้โชคดี สำหรับ วัดอรุณฯ เป็นสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ฝรั่งมังค่ายกให้เป็นบัคเก็ตลิสต์เวลามาเยือนเมืองไทย และสายเที่ยวอย่างเราอยากกลับไปเยือนบ่อย ๆ เพราะมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เพียบเลย
นอกจากประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ไฮไลต์ยังเป็นพระปรางค์ขนาดใหญ่สูงกว่า 70 เมตร ตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบ กระเบื้องโมเสก เครื่องลายครามและถ้วยชามเบญจรงค์ที่นำเข้ามาจากจีน รวมถึงเปลือยหอยสวยงามประกอบตกแต่งเป็นดอกไม้ตามจุดต่าง ๆ ให้เราเดินชมได้โดยรอบพระปรางค์
อีกหนึ่งจุดไฮไลต์คือพญายักษ์คู่วัดแจ้ง ซึ่งเป็นศิลปะแบบจีนยืนเฝ้าอยู่ตรงบริเวณหน้าซุ้มประตูทางเข้าพระอุโบสถ์ มีตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์มานานกว่า 200 ปี โดยเชื่อกันว่าหากใครได้มาสักการะบูชา จะมีความสุขสมหวังในชีวิตคู่ มีโชคลาภ มีความสำเร็จในหน้าที่การงาน ชีวิตจะพบแต่ความสุขความเจริญ
003 ล้ง 1919
อีกหนึ่งจุดเช็กอินริมฝั่งเเม่น้ำเจ้าพระยา ล้ง 1919 สถานที่เชิงประวัติศาสตร์ที่ในอดีตเคยเป็นถึงท่าเรือ ‘ฮวย จุ่ง ล้ง’ ท่าเรือกลไฟและโกดังเก็บสินค้าขนาดใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมากของสยามในสมัยรัชกาลที่ 4 ก่อนนำมาปรับปรุงสถานที่เปิดให้เข้าชมสถาปัตยกรรมไทย-จีน และประวัติศาสตร์ในอดีตที่ผ่านมาเกือบ 170 กว่าปี พร้อมไหว้พระขอพรเจ้าแม่หม่าโจ้วให้จิตใจสงบแจ่มใส
ด้านในเป็นอาคารทรงจีนโบราณที่เชื่อมต่อกันเป็นทรงตัว U ที่เรียกว่า ‘ซาน เหอ หยวน’ ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้ย้อนเวลากลับไปในอดีตสมัยนั้นเลยทีเดียว
จุดไฮไลต์เก๋ ๆ ที่สายถ่ายรูปอย่างเราต้องขอแวะไปกดชัตเตอร์อัพรูปลงโซเชียลซะหน่อยคือ บริเวณสตรีทอาร์ตด้านหน้าทางเข้า ความคลาสสิกของผนังกำแพงเก่าตามมุมต่าง ๆ ที่ทาง ล้ง 1919 เก็บไว้ให้รับชม จะเห็นร่องรอยการก่ออิฐเทปูนของผนังที่หนาและแข็งแรงทนทานในสมัยนั้น บานประตูหน้าต่างและการแบ่งสัดส่วนห้องแบบจีน ให้เราเดินวนชมแต่ละห้องได้ ฝาผนังหน้าห้องก็จะมีศิลปะการวาดภาพบนผนังสไตล์จีนให้ชมแบบเพลิน ๆ
คอร์ทยาร์ดกลางลานมีโคมไฟแดงห้อยนำสายตาเราไปสู่ศาลเจ้าแม่หม่าโจ้วที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจากจีน ซึ่งมีอายุมากกว่า 180 ปี เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และศูนย์รวมใจของชาวจีนในแผ่นดินไทย ที่มีคนมากราบไหว้อย่างมากมาย เราก็ถือโอกาสนี้เดินขึ้นไปกราบไหว้ขอพรโดยเฉพาะเรื่องเงินทองค้าขายเค้าบอกกันว่าเฮง!
004 Hotel Once Bangkok
จบทริปวันเดย์แบบชิลล์ ๆ ขอพาไปเช็กอินเข้าพักโรงแรม นอนแช่อ่างจากุชชี่ให้หายเหนื่อยสักคืนที่ Hotel Once Bangkok ใจกลางเจริญกรุง ที่บอกเลยว่าเก๋ มินิมัล คุมโทนสีขาว-ดำแบบคลีน ๆ ถูกใจสายถ่ายรูป เเละสามารถเช็คอินได้พักได้ยาว 24 ชั่วโมงเต็ม! เรียกได้ว่าเช็กอินตอนไหน ก็ออกเวลาเดิมของอีกวันได้เลย! พักที่นี่แค่ 24 ชั่วโมงก็รับรองว่าได้รูปสวย ๆ มุมปัง ๆ กลับบ้านไปเพียบแน่นอน
ไฮไลต์ที่ต้องยกให้ที่นี่เป็นโรงแรมในดวงใจคือ ‘Executive Jacuzzi’ ห้อง Type พิเศษแบบ Duplex ในบรรยากาศโปร่งโล่งสบาย มีมุมกระจกโค้งบานใหญ่ที่รับแสงธรรมชาติผ่านเข้ามาในห้องแบบจัดเต็ม เตียงสีขาวหนานุ่มที่อยากทิ้งตัวลงไปนอนกอดหมอน และมุม Signature ที่มีอ่างจากุชชีสวยให้นอนแช่อ่างแบบฟิน ๆ
อย่าลืมเตรียมชุดว่ายน้ำสุดเก๋ มานอนแช่อ่างโพสท่าถ่ายรูปชิค ๆ เอาไปอัพลงโซเชียลวนจนเพื่อนต้องมองบนในความสวยและเม้นว่าต๊าชชชชชนะทุกคน
นอกจากนี้ยังมี Self Spa เซ็ตสปาให้ขัดผิวตีฟองเบา ๆ อาบน้ำแร่แช่ Bath Bomb กลิ่นหอม ๆ สีชมพูสดใส และเจลทำความสะอาดผิวหอมฟุ้ง จาก Erb ที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ ทำให้การอาบน้ำครั้งนี้นานนนนนนเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว
ความเก๋คือที่นี่มีบริการ Butler ส่วนตัวพร้อมบริการซื้อสินค้าจากร้านสะดวกซื้อให้ฟรี! อยากกินอะไร สตรีทฟู้ดเจ้าดังตรงไหนขอให้บอก พร้อมเสิร์ฟถึงหน้าห้องแบบไม่ต้องเดินออกไปฝ่าลมร้อนหรือเรียก Grab ให้วุ่นวาย ในขณะที่อาหารเช้าก็พร้อมเสิร์ฟถึงเตียงด้วยบริการ Breakfast in Room ที่มีเซ็ตอาหารให้เลือกมากมายทั้ง ขนมปังไข่ดาวสไตล์ฝรั่ง ข้าวต้มร้อน ๆ สไตล์ไทย สปาเก็ตตี้เส้นนุ่ม ไปจนถึงข้าวหน้าต่าง ๆ สไตล์ญี่ปุ่น พร้อมกาแฟให้จิบหลังตื่นนอน
ปิดท้ายวันนี้ด้วยบรรยากาศดี ๆ ที่ Top Knot บาร์บนดาดฟ้าที่มองเห็นวิวโค้งสวยของแม่น้ำเจ้าพระยาและไฟวิบวับจากรถยนต์ที่วิ่งไปมาบนสะพานข้ามแม่น้ำ อีกฝั่งเป็นวิวตึกเล็กตึกน้อยที่มีพระอาทิตย์ตกดินเป็นฉากหลังสุดโรแมนติก (ในช่วงนี้บาร์ยังไม่เปิดให้บริการแต่สามารถขึ้นมานั่งเล่นชมวิวได้) จุดที่เราชอบอีกเช่นกันคือบันไดวนตรงทางขึ้นไปที่บาร์ด้านบน ให้ฟีลเหมือนเป็นเจ้าสาวที่กำลังเข้าพิธีแต่งงานและเดินขึ้นไปโยนดอกไม้เลยแหละแกรรรร
บรรยากาศต่าง ๆ ในโรงแรมที่ร่มรื่นและมีมุมพักผ่อนอ่านหนังสือ พร้อมสระว่ายน้ำส่วนกลางขนาดกำลังดีให้ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศนั่งรับลมชมวิวจิบกาแฟชิลล์ ๆ ใครที่อยากเปลี่ยนที่นอนหรือบรรยากาศมา Workation ก็ต้องรีบจองมาพักผ่อนกันแล้วล่ะ
005 ATT 19
เช็กเอาต์บ่ายกว่า ๆ มาถึงย่านฮิปอย่างเจริญกรุงทั้งที ต้องแวะไปเดินเล่นชมงานศิลปะ ณ แกลลอรีบรรยากาศดี ๆ ที่ ATT 19 อาร์ตสเปซของชาวอาร์ต ที่รวมงานศิลปะและงานจากดีไซน์และศิลปินมากมายมาให้ทุกคนได้ช้อป ชม ชิลล์ ทั้งของแต่งบ้าน เสื้อผ้าวินเทจ ไปจนถึงงานแอนทีคน่าสะสมที่มีคุณค่าทางจิตใจ บริเวณชั้น 2 โซนอื่น ๆ ก็มีงานนิทรรศการศิลปะหมุนเวียนมาให้ได้ชมกันแทบทุกเดือน
ATT 19 ไม่เป็นเพียงแกลลอรีทั่ว แต่เป็นตึกเก่าที่มีอายุถึง 120 ปี! ก่อนจะรีโนเวทและเป็นเป็นแกลลอรีศิลปะร่วมสมัย ที่ยังคงความสวยงามของตึกเก่าบางส่วนเอาไว้ให้ชม และชุบชีวิตตึกเก่าให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาด้วยผู้คนที่เข้าไปชมงานกันในแต่ละวัน
ซึ่งในช่วงนี้ก็มีจัดงานศิลปะ “ปั้นดิน เขียนรูป ในบ้าน” โดยศิลปินสมลักษณ์ ปันติบุญ ที่เนรมิตผลงานศิลปะมาจากสีธรรมชาติของเเร่ธาตุเเละดินจากบ้านของศิลปินเอง เราจะเห็นเครื่องปั้นดินเผารวมไปถึงผลงานภาพที่เอาดินชนิดต่าง ๆ มาใช้สร้างลวดลายสวย ๆ เต็มไปหมด
006 บ้านขนมปังขิง
ก่อนจบทริปขอแวะไปฝากท้อง พักหลบร้อนแบบมีสตอรี่ที่ย่านเสาชิงช้า เพราะที่ บ้านขนมปังขิง เป็นคาเฟ่ในบ้านไม้เก่าที่เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเดินทางผ่านไปเห็นแต่ไม่ทันสังเกตความสวยงามของบ้านหลังนี้ ก่อนที่จะรีโนเวทเปิดเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ กึ่งพิพิธภัณฑ์ให้เราได้มีโอกาสเดินชมบ้านสวย ๆ ข้างในกัน
บ้านขนมปังขิง เป็นบ้านไม้เก่าที่สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2456 อายุรนามเกือบ 100 ปี! ที่เรียกว่าขนมปังขิง เกิดจากลวดลายและวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งเหนือช่องลมประตูและหน้าต่างของตัวบ้าน นั้นแกะสลักเป็นลายไม้คล้ายกับคุ้กกี้ Ginger Bread House จนถูกเรียกว่าเป็นเรือนไทยสไตล์ฝรั่ง ขึ้นมาด้านบนเรายังได้เห็นมุมบ้านเดิมที่คนในตระกูลเคยอยู่มาก่อนผ่านรูปถ่ายบนฝาผนัง และเรากำลังจะได้นั่งจิบชาทานของหวานในบรรยากาศแบบในภาพเป๊ะ
มุมสวย ๆ หลายโซนในบ้านจัดเฟอร์นิเจอร์เซ็ตเข้ากันมาให้เราถ่ายรูปแบบสไตล์ลูกคุณเปรียบดั่งลูกสาวของเจ้าขุนมูลนาย แน่นอนว่าบ้านอนุรักษ์สไตล์ไทยต้องมาพร้อมขนมไทยเลิศรสซิกเนเจอร์ของไทย ที่มีทั้งเซ็ตบัวทองพร้อมขนมไทย 8 ชิ้น หรือชุดข้าวเหนียวมะม่วงเซ็ตใหญ่ ที่ปอกมะม่วงหวานฉ่ำมาแบบสวย ๆ ให้ทานพร้อมข้าวเหนียวมูลของโปรด เราสามารถเลือกขนมอื่น ๆ มาทานคู่กันได้ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม เค้ก และชาร้อน ๆ 1 กาให้จิบไปชมบรรยากาศไปแบบฟิน ๆ ปิดท้ายทริป
และทั้งหมดนี้ก็คือทริปดี๊ดี 2 วัน 1 คืน ในย่านเมืองเก่ากรุงเทพมหานคร เอาจริงการได้ลองเที่ยวแบบช้า ๆ ถ่ายรูปสลับกับมองดูการใช้ชีวิตของผู้ในบ้านเรา มันก็ทำให้เพลิดเพลินเหมือนเพิ่งเริ่มออกเดินทางเที่ยวตอนทำเพจแรก ๆ มาก ถ้าหากวันหยุดครั้งต่อไปเพื่อน ๆ ไม่รู้ไปไหนลองแพลนตามรอย 6 พิกัดที่เราคัดสรรมาให้ดูรับรองว่าต๊าชชชชช!!!! สุดท้ายขอเน้นย้ำกันอีกครั้งว่าช่วงนี้ออกไปเช็คอินไหน อย่าลืมมองหาสัญลักษณ์ SHA รับรองว่าเที่ยวแบบปลอดภัยมั่นใจชัวร์ สามารถค้นหาพิกัดสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศที่มีสัญลักษณ์ SHA เพิ่มเติมได้ที่ www.thailandsha.com/shalists/
แล้วไปลุยกันเลย!