และรอบนี้ก็ถึงเวลาของชาวฝั่งธนฯ จะส่งผู้ท้าชิงมาครองใจสาย Hopping กับท้อปลิสต์ 6 คาเฟ่สุดเก๋ย่านคลองสาน ยังไม่พอขอแถมอีก 1 ร้านสไตล์เกาหลีที่บางพลัด งานนี้จัดกันมาทั้งอาหารและเครื่องดื่มเมนูดี ๆ มุมถ่ายรูปปัง ๆ ให้กดชัตเตอร์กันไม่ยั้ง แบบออกจากบ้านหนึ่งครั้งมีรูปไว้โพสต์ได้อีกหลายวัน ซึ่งทางเรานั้น ยืนยันด้วยความจริงใจว่ารู้ทนี้ อยากให้ทุกคนได้ตามรอย แอบกระซิบว่าด้านในมีสปอย แท็กเพื่อนเข้าไปดูรูปยั่ว ๆ แล้วพร้อมออกไปทัวร์กันเลย
001 Unbidden Cafe
ขอเริ่มต้นกับความเกาหลีเกาใจที่ Unbidden Cafe ร้านคาเฟ่สไตล์เกาหลีน้องใหม่ไฟแรงในย่านบางพลัด ที่เชื่อว่าหลังจากนี้คนจะแน่นร้านตลอดวันอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ดูน่ารักน่าถ่ายรูปไปซะทั้งหมด ตั้งแต่มุมหน้าร้านไปจนถึงด้านในร้านที่พอเปิดประตูเข้าไปแล้วถึงกับร้องว้าว ทั้งการตกแต่งและการเลือกเฟอร์นิเจอร์คือดีงามเข้ากันไปหมด พอบอกโลเคชั่นร้านว่าอยู่บางพลัดหลายคนอาจจะคิดไม่ออกว่า เอ๊ะ ถ้าไม่มีรถจะมายังไงดีน้า แต่ไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะร้านนี้อยู่ใกล้กับ MRT สถานีบางยี่ขัน เพียงแค่เดินมา 350 เมตรก็ถึงร้านแล้ว
ร้านนี้เป็นการรวมตัวกันของคาเฟ่ ร้านต่อขนตา Lash by Unbidden และมีมุมขายเสื้อผ้าสีสุดคุมโทนของแบรนด์ Geschwisters ที่ขอกระซิบว่าราคาน่ารักสุด ๆ ไม่แพงอย่างที่คิดเลย เรียกได้ว่ามาที่นี่แล้วสวยจบครบพร้อมถ่ายรูปอัพลงไอจีกันเลยทีเดียว!
สำหรับใครที่มาแล้วก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ขนมของที่นี่นั้นดีงามจริงเชียว ไม่ว่าจะเป็น Yoghurt Crumble โยเกิร์ตชีสพายเนื้อเนียนกับครัมเบิ้ลกรุบกรอบ รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็ก ๆ หรือจะเป็น Cheesecake นุ่ม ๆ ท็อปด้วยครีมสดก็อร่อยไม่แพ้กันเลย
ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 18:00
73 ถนนจรัญสนิทวงศ์ (โรงหนังธนบุรีรามาเก่า)
มีที่จอดรถด้านในราคา 2 ชั่วโมง 20 บาท
002 Hint Coffee
ร้าต่อมาขอนำเสนอ Hint Coffee คาเฟ่สไตล์เกาหลีสุดฮิต ที่ถ้าพูดถึงคาเฟ่ฝั่งธนหลายคนก็จะนึกถึง แม้จะเปิดมาสักพักใหญ่แล้วแต่คนก็ยังแน่นตลอดทั้งวัน มีเวลาให้หายใจหายคอกันแค่ไม่ถึงชั่วโมงหลังร้านเปิดเท่านั้น ด้วยสไตล์การตกแต่งร้านสุดมินิมอลโทนขาวคลีน และมีมุมที่ตกแต่งอย่างสวยงามไว้ให้ทุกคนแชะภาพทั้งด้านนอกและด้านในร้าน เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งทุกอย่างในร้านทำให้รู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ที่คาเฟ่ในเกาหลีอะไรแบบนั้นเลย ทำให้ทุกคนต่างพากันมาเช็คอินถ่ายรูปอย่างไม่ขาดสาย นอกจากนี้ด้านบนยังเป็นร้านทำเล็บและ Selected Shop ที่รวมของที่คัดมาแล้วว่าเหมาะกับสายเกามินิมอลแน่นอน
มุมที่พลาดไม่ได้นอกจากมุมหน้าร้านแล้วก็มีโต๊ะกลมริมหน้าต่างด้านในสุดนี่แหละถ่ายรูปสวยสุด ๆ ไม่ว่าใคร ๆ ก็อยากมาจับจองเพื่อถ่ายรูปกันที่โต๊ะตัวนี้ เพราะแสงดีมากกก ถ่ายคนก็สวย ถ่ายขนมก็น่ารักน่าทานสุด ๆ ไปเลย
นอกจากร้านจะสวยแล้วเมนูกาแฟกับขนมของเค้าก็ดีงามไม่แพ้กันเลยนะ น่าสั่งไปหมดทุกอย่าง เริ่มกันที่ Hint Coffee เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านที่มีกิมมิคเก๋กรุบคือต้องเคาะแผ่น Dalgona Candy ให้แตกและคนให้เข้ากันก่อนทาน สำหรับใครที่ไม่ดื่มกาแฟก็แนะนำ Strawberry Latte ที่ทางร้านทำตัวซอสสตรอเบอร์รี่เอง รสชาติหวานกำลังดี สำหรับตัวขนมขอแนะนำ Rare Yoghurt Cheesecake เป็นหนึ่งในเมนูที่ขายดีที่สุด ชีสเค้กเนื้อเนียนรสชาติหวานอมเปรี้ยวนิด ๆ เข้ากันกับเครื่องดื่มเย็น ๆ เป็นที่สุด
ร้านเปิดทุกวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 09:30 – 17:30 (ปิดวันจันทร์)
168 ซอยกรุงธนบุรี 10
จอดรถได้ที่ Sena Fest ฟรี 3 ชั่วโมงแรก
002 Walden Home Cafe
จะมีอะไรดีไปกว่าการได้นั่งจิบกาแฟดี ๆ และฟังดนตรีเพราะ ๆ ในยามบ่าย บอกเลยว่าที่ Walden Home Cafe ตอบโจทย์ทุกอย่าง ด้วยบรรยากาศร้านอันแสนอบอุ่นทำให้หลายคนต่างอย่างมาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เพื่อใช้เวลาทำงาน อ่านหนังสือ หรือพูดคุยกับเพื่อน ๆ ที่โฮมคาเฟ่เล็ก ๆ แห่งนี้ มีทั้งกาแฟดี ๆ และเบเกอรี่แสนอร่อยไว้คอยต้อนรับทุกคนที่มาเยี่ยมเยียน
ที่ร้านมีที่นั่งให้เลือกทั้งชั้นล่างและชั้นบนซึ่งให้มู้ดที่ต่างกัน ถ้าอยากฟังเสียงก๊อกแก๊กเวลาบาริสต้าทำกาแฟหรืออยากดูคนเดินผ่านไปผ่านมาก็ขอแนะนำให้นั่งชั้นล่าง หรือถ้าอยากปลีกวิเวกไปนั่งอ่านหนังสือหรือทำงานเงียบ ๆ บอกเลยว่าชั้นบนบรรยากาศดีสุด ๆ มีหน้าต่างบานใหญ่ทำให้แสงสวย ๆ ลอดเข้ามาได้ตลอดทั้งวัน นั่งนานเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ
ตัวกาแฟที่นี่จะมีให้เลือกระหว่าง Classic Blend โทนนัทตี้-ช็อคโลแลต กับ Walden Blend โทนฟรุตตี้ ซึ่งตัว Walden Blend ขอบอกเลยว่าเอามาทำอเมริกาโน่แล้วอร่อยมาก ทั้งหอมและสดชื่นสุด ๆ มาทุกรอบเราสั่งทุกรอบ ใครได้ลองก็พากันติดใจ ส่วนเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์แนะนำของที่นี่จะเป็น Cascara Latte เมนูพิเศษสูตรเฉพาะของที่ Walden และ Dirty นัว ๆ ที่ดูธรรมดาแต่ว่าดีมาก ๆ สำหรับเมนูของหวานเราเลือกสั่ง Classic Croffle ซึ่งเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านอีกเช่นเคย ครัวซองต์เนยฉ่ำ ๆ ที่นำมาอบแบบวาฟเฟิลจนกรอบและหอม ท็อปด้วยไอศครีมวนิลารสหวานละมุน อร่อยจนแปปเดียวหมดจาน!
ร้านเปิดทุกวันพุธ – จันทร์ เวลา 08:30 – 17:30 (ปิดวันอังคาร)
451 ถนนสมเด็จเจ้าพระยา
จอดรถได้ที่ฟุตบาธริมถนนฝั่งตรงข้ามร้านทุกวันทำการ
003 Kare Curry Rice
หากนั่งร้าน Walden จิบกาแฟชิล ๆ ฟังเพลงเพลิน ๆ แล้วเกิดหิว อยากจัดอะไรหนัก ๆ ให้อยู่ท้อง เพียงแค่พวกเธอเดินมาประมาณ 3 ก้าว ก็จะเจอกับ Kare Curry Rice ร้านข้าวแกงกะหรี่โฮมเมดแสนน่ารัก ที่แค่เปิดประตูเข้าไปก็ท้องร้องแล้ว เพราะร้านเป็นแบบครัวเปิดที่มีเคาน์เตอร์บาร์ล้อมรอบ เลยทำให้ได้กลิ่นความหอมของแกงกะหรี่แบบเต็ม ๆ บวกกับฟังเสียงเวลาทอดหมู ไก่ กุ้ง ที่ทางร้านทอดสดใหม่ทุกออเดอร์ ทำให้ไม่อยากรอช้าต้องรีบสั่งมาทานให้หายหิว
ทางร้านมีท็อปปิ้งให้เลือกหลากหลาย มีสารพัดของทอด เนื้อตุ๋น ไส้กรอก เห็ดรวม ไปจนถึงแอดพวกชีส ไข่ดาว หรือออมเล็ต เพิ่มความอร่อยให้กับแกงกะหรี่จานโปรดตามสไตล์เด็กอ้วน และยังไม่นับถึงเมนูพิเศษที่ทางร้านจะมีมาเซอร์ไพรส์เป็นบางช่วงอีกด้วย เราขอสั่งเป็นข้าวแกงกะหรี่หมูทอดเพิ่มชีส ที่ทางร้านเบิร์นชีสมาให้ละลายและเกรียมเล็กน้อยก่อนเสิร์ฟ พอทานกับข้าวแกงกะหรี่ร้อน ๆ แล้วฟินสุด ๆ ส่วนอีกจานเลือกเป็นข้าวแกงกะหรี่กุ้งทอดเพิ่มไข่ดาว เพราะได้ยินหลายเสียงบอกกันมาว่ากุ้งทอดของที่นี่ดี แล้วก็ดีจริง ๆ กุ้งเนื้อเด้งทอดมากรอบ ๆ กินกับไข่ดาวเยิ้ม ๆ แล้วดีงามมาก
ร้านเปิดทุกวันจันทร์ พุธ และพฤหัส เวลา 11:00 – 18:00
และวันศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 11:00 -19:00 (ปิดวันอังคาร)
455 ถนนสมเด็จเจ้าพระยา
004 เนื้อหอมคาเฟ่
ใครเป็นสายเนื้อยกมือขึ้นนนน วันนี้เราขอมาแนะนำเนื้อหอมคาเฟ่ ร้านเนื้อดี ๆ ที่ซ่อนอยู่ในตึกแถวเล็ก ๆ บนถนนอิสรภาพ อาหารทุกจานในร้านหน้าตาไม่หวือหวาแต่ล้วนแฝงไปด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ชนิดที่ว่าถ้ามาทานอีกทีก็จะรู้สึกได้ว่านี่แหละ รสชาติแบบร้านเนื้อหอม และด้วยคอนเซ็ปต์ที่เน้นการสนับสนุนวัตถุดิบในชุมชนในละแวกร้าน ซื้อวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากตลาดโดยตรงมาปรุงอย่างพิถีพิถันเพื่อยกระดับวัตถุดิบให้มีความพิเศษมากยิ่งขึ้น ยิ่งทำให้เรารู้สึกรักร้านนี้มากขึ้นไปอีก
ตัวร้านตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่มีการใช้สเปซที่น่าสนใจ ชั้นแรกจะแบ่งเป็นโซนขายของกับโซนนั่งทานข้าว ชั้น 2 เป็นโต๊ะใหญ่ที่สามารถรองรับลูกค้าที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ ส่วนชั้น 3 จะเป็นมุมบาร์เล็ก ๆ ให้ได้นั่งชิลกันจนถึงร้านปิด
สำหรับเมนูอาหารที่เรียกได้ว่ามาแล้วต้องสั่งขอแนะนำเป็นข้าวหน้าเนื้อสเต็กฉ่ำ ๆ เสิร์ฟมาพร้อมไข่เป็ดสด และน้ำจิ้มแจ่วรสออกหวานเล็กน้อยที่ช่วยชูรสชาติของเนื้อของจานนี้ได้เป็นอย่างดี กับเนื้อย่างซอสเนื้อหอม ทีเด็ดคือตัวซอสสูตรเฉพาะของร้านเนื้อหอมที่รสชาติค่อนไปทางญี่ปุ่น ทานคู่กับพริก กระเทียม และบีบมะนาวเพื่อให้ได้รสชาติแบบไทย ๆ เป็นการผสมผสานความอร่อยของ 2 สัญชาติที่ลงตัว ซึ่งสองเมนูนี้สามารถสั่งเป็นรูปแบบของ Signature Set ที่มาพร้อมกับน้ำอัดลมได้ในราคาพิเศษ จัดว่าคุ้มมาก ๆ
ร้านเปิดทุกวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 09:00 – 21:00 (ปิดวันจันทร์)
227 ถนนอิสรภาพ
005 Cafe SOU
เชื่อว่าใคร ๆ ก็พ่ายแพ้ให้กับความน่ารักของร้านนี้ Cafe SOU คาเฟ่เล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยเจริญนคร 7 ที่หยิบเอาบ้านสุดคลาสสิคมาตกแต่งให้ดูน่ารักสดใสแต่ยังคงกลิ่นอายของความวินเทจเอาไว้ ถึงทางมาร้านจะลึกลับมากจนระหว่างเดินก็ได้แต่คิดว่า “เอ๊ะ นี่เรามาถูกทางหรือเปล่านะ?” แต่พอเปิดประตูเข้าร้านมาก็จะพบกับคนจำนวนมหาศาลที่พากันมาจับจองโต๊ะกันตั้งแต่ร้านเปิด
มุมถ่ายรูปยอดฮิตเห็นทีจะเป็นห้องชั้นบนที่เป็นวอลเปเปอร์สีฟ้าขาวสุดคิ้วท์ตัดกันกับเก้าอี้และนาฬิกาสีเหลืองมัสตาร์ดได้อย่างลงตัว แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดในปัจจุบันทำให้ทางร้านงดเปิดให้บริการชั้น 2 ชั่วคราวเพื่อลดความแออัดลง แต่ยังสามารถขึ้นไปถ่ายรูปเล่นได้คนละประมาณไม่เกิน 20 นาทีโดยจำกัดจำนวนคน ว่าแล้วก็ส่องรูปร้านแล้วคิดท่าโพสต์มาจากบ้านกันได้เลย!
เมนูขนมและเครื่องดื่มของที่นี่ก็หน้าตาน่ารักเข้ากันกับบรรยากาศร้านไปหมด ทำให้แทบไม่ต้องเลือกเลยว่าสั่งอะไรดีถึงจะถ่ายรูปสวย เพราะทางร้านเขาคิดมาให้แล้วตั้งแต่หน้าตาของขนมและเครื่องดื่มไปจนถึงภาชนะที่เลือกใช้ สำหรับเครื่องดื่มเราเลือกสั่ง Iced Tiramisu Mocha เป็นกาแฟผสมช็อคโกแลตท็อปด้านบนด้วยครีมมาสคาร์โปเน่ กับ Iced Horlicks ที่หอมมอลต์สุด ๆ ทานคู่กับ Chocolate Marmalade Gateau รสเข้มข้นและ Afternoon Tea Cheesecake รสหวานอมเปรี้ยวแล้วเข้ากันสุด ๆ
ร้านเปิดทุกวันเสาร์ – อังคาร เวลา 11:00 – 18:00
ซอยเจริญนคร 7
จอดรถได้ที่ Iconsiam ฟรี 6 ชั่วโมงแรก
006 Wolf and Boy
ลิสต์สุดท้ายนี้บอกเลยว่า … ไม่ได้มีดีแค่ของกินอย่างเดียวนะ ทางเราอยากจะแนะนำให้รู้จักร้านแว่นตาสุดเท่บนถนนเจริญนครอย่าง Wolf and Boy ที่ไม่ว่าใครผ่านไปผ่านมาจะต้องสะดุดตากับบ้านสีเขียวหลังนี้ ที่นี่จะเป็นการรวมตัวกันของ 3 หุ้นส่วนที่ชื่นชอบในสิ่งเดียวกันและมีประสบการณ์เกี่ยวกับการขายแว่นตากันมามากกว่า 10 ปี โดยที่หุ้นส่วนคนแรกถนัดงานอาร์ท งานออกแบบ ไปจนถึงการทำแบรนด์ดิ้ง ส่วนคนที่สองจะถนัดงานคราฟท์และการทำแว่น ซึ่งหุ้นส่วนคนที่สามก็ทำหน้าที่นำทุกอย่างมารวมกันแล้วเกิดเป็นสตูดิโอและโชว์รูมแว่นตาแห่งนี้ขึ้นมา
ที่นี่จะเป็นทั้งโชว์รูมแว่นตาของแบรนด์ Feaw Vintage, Half Frame ที่มีทั้งแบบวินเทจและทรงเก๋ ๆ แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร พร้อมบริการวัดสายตาและตัดเลนส์แบบครบวงจร มีมุมเล็ก ๆ ที่ขายเสื้อผ้าแบรนด์ Teleport BKK ที่ทางร้านเป็นคนออกแบบเอง และด้านบนจะเป็นอาร์ทสตูดิโอของ Teeprang
สำหรับตัวกาแฟดริปที่ทางร้านเสิร์ฟจะเป็นเพียง Complimentary สำหรับลูกค้าที่มาซื้อแว่นเท่านั้น ไม่ได้ขายตามปกติแล้ว ทางร้านจะเลือกใช้เมล็ดกาแฟแบบเดียวกับที่ดริปกินเองในเวลาทำงาน รสชาติเบา ๆ ไม่ซับซ้อน และมีให้เลือกเพียงเมนูกาแฟดำร้อนกับเย็นเท่านั้น ได้จิบกาแฟไปเดินเลือกแว่นตาชิ้นโปรดไปก็สุนทรีย์ไม่เบานะเนี่ย
ร้านเปิดทุกวัน เวลา 12:00 – 21:00
738 ถนนเจริญนคร