ไม่ว่าจะเศร้า เหงา ฉลองวันครบรอบ หรือมูฟออนไม่ได้ ทะเลก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่เราเลือกไปอยู่เสมอ ยิ่งช่วงซัมเมอร์แบบนี้ ก็มีแต่คนไปเที่ยวเกาะ อัพรูปหาดทรายกันรัว ๆ จนเรากลัวตกเทรนด์ วันนี้เลยขอจัดทริปพักผ่อนใกล้ ๆ เอาใจชาวกรุงฯ โดยพาไปที่ “ศรีราชา” เช็คลิสต์คาเฟ่แสนน่ารัก แวะพักใจนอนชิลที่ Balcony Seaside ก่อนจะไปเริงร่าท้าไอทะเลบนเกาะสีชัง งานนี้รับรองได้รูปปัง ๆ กลับไปเพียบแน่นอน ส่วนตอนนี้ก็เชิญล็อคคิวแฟน แท็กหาคุณเพื่อน เตรียมชุดสวยให้พร้อม แล้วออกไปเปลี่ยนวันหยุดธรรมดาให้เลอค่าน่าจดกันได้เลย
001 : Bunny Shake House อ่าวอุดม
เปิดประเดิมทริปด้วยคาเฟ่ฟีลกู๊ด ที่มาพร้อมความน่ารักทุกตารางนิ้ว เหมือนพาเราวาร์ปหลุดไปอยู่คาเฟ่เกาหลียังไงยังงั้น กับ Bunny Shake House สาขาอ่าวอุดม ตัวร้านตกแต่งโทนขาวสะอาดตา มีความมินิมอล เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้มาจัดวางได้อย่างน่ารักลงตัว ไม่ว่ามุมเค้าเตอร์สีขาว มุมหน้าต่าง มุมโซฟา หรือแม้แต่มุมด้านหน้าร้าน ก็สามารถหยิบกล้องออกมาถ่ายได้ปังทุกมุมเลย แถมเค้ายังมีพร็อพให้สาว ๆ ถือถ่ายเวลาคิดท่าโพสไม่ออกอีกด้วย
เปิดประตูมาโซน outdoor ด้านหลังร้าน ก็จะเจอกับต้นพีชสุดน่ารัก พร้อมโต๊ะเก้าอี้ให้เราไปถ่ายรูปกันได้เต็มที่ มุมนี้มันเกามากเต็มสิบไม่หักสักแต้ม แนะนำให้ลองแกล้ง ๆ คว้าตะกร้าสักใบมาทำเนียนเป็นเก็บลูกพีชสักหน่อย ใส่แคปชั่นว่าอันยองฮาเซโยสักนิด รับรองว่าเพื่อนต้องคิดว่าแอบหนีไปโซลมาแน่ ๆ เลย และนอกจากต้นพีชแล้วโซนนี้ก็ยังมีมุมอื่นให้ถ่ายกันอีกเพียบ เอาเป็นว่าแมทช์ชุดให้น่ารักที่สุดไปก็พอจ้า
002 : Balcony Seaside Sriracha
เป็นอันรู้กัน… ไม่ว่าจะมาเที่ยว มาทำงาน หรือพาครอบครัวมาพักผ่อนศรีราชาเมื่อไหร่ ที่พักอันดับหนึ่งในใจที่เราเลือกทุกครั้งก็คือ Balcony Seaside Sriracha ซึ่งที่นี่ถูกใจเราตั้งแต่การต้อนรับอันแสนอบอุ่น ไปจนถึงการออกแบบดีไซน์ที่พักในสไตล์เจแปนนิส มินิมอล ผสมผสานความเป็นโมเดิร์นได้อย่างลงตัว ตัวล็อบบี้ก็กว้างมาก โล่งโปร่งสบาย แถมมีบริการชา-กาแฟ น้ำดื่ม และขนมให้ทานพร้อมมุมหนังสือการ์ตูนให้เลือกอ่านได้ทั้งวันอีกด้วย ที่สำคัญยังมีออนเซ็นที่เหมือนญี่ปุ่นแท้ ๆ ไว้บริการสำหรับลูกค้าที่เข้าพัก เอาเป็นว่าใครกำลังคิดถึงกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นอยู่ ลองมาพักที่นี่สักคืนสองคืน มั่นใจว่าน่าจะช่วยคลายความคิดถึงไปได้บ้างแน่นอน
ในส่วนของห้องพักก็มีให้เลือกหลากหลาย Room Type ทั้งวิวทะเล วิวภูเขา ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Luxury Family Escape in Sriracha สำหรับใครที่มาเป็นครอบครัวใหญ่ พาเด็ก ๆ ลูกหลานตัวเล็กมาพักผ่อนด้วย เราแนะนำให้เลือกห้องพักแบบ Family Seaview Corner Suite เลย เป็นห้องที่กว้างมาก เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้พักผ่อนอย่างสบายที่สุด มีทั้งเตียงคิงส์ไซส์ และเตียงนอนสองชั้นสำหรับเด็ก ๆ ด้วยนะ นอกจากนี้สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องก็ครบครันมาก บอกเลยว่าที่นี่มัน feel like japan มากจริง ๆ
ไฮไลท์อีกอย่างที่พลาดไม่ได้ คือที่นี่เค้ามีออนเซ็น Ofuro ที่เหมือนตามแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ แยกชายหญิงไว้บริการฟรีสำหรับลูกค้าที่มาพักด้วย แต่ละบ่อก็จะมีอุณหภูมิของน้ำที่เราแช่คอยบอกอยู่ เรียกได้ว่าแช่ปุ๊บสบายตัวคลายเมื่อยได้ทันที ส่วนใครไม่เคยแช่ก็ไม่ต้องห่วงเค้ามีวิธีการและขั้นตอนบอกไว้อย่างละเอียดเลยจ้า
มาถึงโซนเอาใจคุณหนู ๆ กันบ้าง สำหรับครอบครัวที่พาเด็ก ๆ มา ตอนนี้ที่ Balcony Seaside เค้ามี Facilities ใหม่แกะกล่อง ที่จะมาเติมเต็มความสุขให้กับน้อง ๆ กลางสระว่ายน้ำกลางแจ้งกับเจ้า Water Adventure เครื่องเล่น Aqua Track แบบสวนน้ำเป่าลมขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐานจากเยอรมัน ให้เด็ก ๆ ได้ฝึกทักษะการทรงตัว ปีนป่าย ตะลุยด่านกลางน้ำสุดหรรษา ก่อนจะสไลด์เดอร์ทิ้งตัวลงมาในสระ บอกเลยว่ามันส์มากจ้าพี่ เล่นรอบเดียวไม่พอแน่นอน
มาต่อกันอีกหนึ่งความสนุกกับ Laser Wars เกมยิงปืนเลเซอร์ (Laser Tag) ประลองสมรภูมิความมันส์กลางอวกาศ ที่เรียกความสนุกและตื่นเต้นในทุกจังหวะการเล่น โดยเครื่องเล่นนี้สามารถเล่นได้ทุกวัยทั้งเด็กที่ส่วนสูงเกิน 100 ซม. ขึ้นไปและผู้ใหญ่แบบเรา แต่ละรอบนั้นจะใช้เวลาเล่นประมาณ 8 นาที ทุกคนจะมีปืนคนละกระบอก คอยวิ่งหลบและเล็งลำแสงเลเซอร์ให้ตรงไปที่ปืนของอีกฝ่าย ซึ่งใครยิงเข้าเป้าได้เยอะสุด ก็จะกลายเป็นเดอะวินเนอร์ไปเลย
และสำหรับสาวก HarborLand ที่นี่ก็มี Mini HarborLand สนามเด็กเล่นในร่มที่จัดเต็มด้วยเครื่องเล่นแสนสนุกมากมาย มาในธีม Space Adventure เอาใจครอบครัวที่มีเด็ก ๆ ให้ได้เล่นสนุกกันทั้งวัน ตั้งแต่ 8 โมงเช้ายันถึงสองทุ่มไปเลย แถมจะเข้า- ออก กี่รอบก็ได้ นอกจากนี้ก็ยังมีโซนสำหรับทำกิจกรรม Workshop ต่าง ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นสอนพับกระดาษ Origami, ทำของ DIY น่ารัก รวมถึงมี Kids Club ให้เด็กเล็ก ๆ มาแต่งตัวตามอาชีพในฝัน พร้อมมีพี่เลี้ยงคอยดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย คุณพ่อคุณแม่สบายใจหายห่วงไปได้เลย
ด้วยความที่ Balcony Seaside ตั้งอยู่ริมทะเล แต่เป็นโซนที่ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ เค้าเลยเนรมิตพื้นที่ริมทะเลด้วยหาดทรายเทียมที่มีความเป็นส่วนตัวมาก ๆ ให้เราได้นั่งพักผ่อนเอาเท้าแตะทราย หรือจะเอาเซ็ทปิกนิกมาปูแล้วดูวิวพระอาทิตย์ตกพร้อมจิบไวน์สักหน่อยก็คือปัง หรือใครอยากอาบแดด นอนฟังเสียงคลื่นก็ดีงาม บรรยากาศคือเต็มสิบไม่หักสักแต้มเลยจ้า
และอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราชอบมาพักที่นี่มาก ๆ ก็คือไลน์อาหารเช้า เค้าจัดหนักจัดเต็ม มีให้เลือกทานครบทุกสัญชาติ ไม่ว่าจะเป็นอาหารฝรั่ง อาหารไทย รวมถึงอาหารญี่ปุ่นที่คงคอนเซ็ปเข้ากับโรงแรม มีทั้งข้าวโรยผงปรุงรส โซบะ เทมปุระ ล้วนมีให้เราเลือกอร่อยกันแบบจุก ๆ ไปเลย
003 : เกาะสีชัง
เช้าวันต่อมาหลังจากฟินกับมื้อเช้าไปแล้ว เราก็ออกไปเที่ยว one day trip บนเกาะเล็ก ๆ ที่เงียบสงบอย่าง เกาะสีชัง แต่ถึงจะเป็นเกาะเล็ก ๆ แบบนี้ แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวและจุดถ่ายรูปน่าไปเช็คอินอยู่เพียบ ซึ่งการเดินทางเราสามารถขับรถส่วนตัวมาจอดที่ท่าเรือเกาะลอยได้เลย โดยจะมีเรือออกในทุก ๆ ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 06.00 – 18.00 น. ส่วนการเดินทางบนเกาะก็มีให้เลือกสองแบบ คือจะเช่ามอเตอร์ไซค์ขับชิล ๆ ชมวิวเรื่อย ๆ ก็ได้ หรือจะเหมารถสกายแลปบนเกาะพาขับเที่ยวตามจุดที่เราอยากแวะก็ได้เช่นกัน
และจุดแรกที่เรามาถ่ายรูปปัง ๆ ไว้อัพไอจีมีชื่อว่า แหลมถ้ำพัง เป็นโขดหินขนาดใหญ่ สวยงามที่ยื่นตัวออกไปริมทะเล เมื่อก่อนจุดนี้เคยเป็นถ้ำมาก่อน แต่พอมีการทำเหมืองขึ้น จึงมีการระเบิดหินเพื่อไปใช้ทำให้ถ้ำพังทลายลงมา และกลายเป็นที่มาของชื่อว่าแหลมถ้ำพังนั่นเอง
มาเกาะทั้งทีก็ต้องขอใกล้ชิดทะเลให้มากที่สุด ซึ่งไม่ไกลกันจากแหลมถ้ำพังนั้น ก็มีชายหาดที่สวยที่สุดของเกาะสีชังชื่อว่า หาดถ้ำพัง อยู่ด้วย เป็นหาดเดียวที่เราสามารถลงไปเล่นน้ำคลายร้อนได้อย่างสบายใจ หรือใครพกเซ็ทปิกนิกมาก็สามารถหามุมใต้ต้นมะพร้าวนั่งชิลอ่านหนังสือสักเล่ม รับลมเย็น ๆ ฟังเสียงคลื่นกระทบทรายเพลิน ๆ และที่หาดถ้ำพังนี้ก็ยังมีร้านอาหารและเตียงผ้าใบไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยนะ
นั่งสกายแลปมาด้านหลังเกาะกันบ้าง เราก็จะเจอกับอีกจุดที่เรียกว่า ช่องเขาขาด เป็นแหลมที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเกาะสีชัง มีสะพานที่ทอดยาวยื่นออกไปยังแหลมให้เดินชมวิว รวมทั้งเป็นจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงามที่สุดของเกาะ ซึ่งถ้าหากเรานั่งเรือมองจากทะเลกลับมานั้นก็จะเห็นเป็นภาพเขาที่ขาดออกจากกันอย่างสวยงาม
ใครสายมูมาเกาะสีชังก็มีรอยพระพุทธบาทให้กราบไหว้ขอพรกันด้วยนะ แถมจุดนี้ยังเป็นจุดชมวิวที่เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบเกาะได้อย่างกว้างสุดสายตาเลย
มาถึงจุดไฮไลต์จุดเด็ดของเกาะสีชังที่ห้ามพลาดกันบ้าง จุดนี้เป็นสะพานไม้สีขาวสุดคลาสิคยื่นไปในทะเล ซึ่งเชื่อว่าหลายคนต้องคุ้นตากันมาบ้างตามละครดังหลังข่าวแน่ ๆ มีตำนานเล่าว่าคู่รักที่ได้มาเดินชมวิวบน สะพานอัษฎางค์ ยามพระอาทิตย์ขึ้นนั้นความรักจะยืนยาว แต่ถ้าใครไม่มีคู่ไม่เป็นไรแค่ได้มาถ่ายรูปบนสะพานก็ถือว่าสมหวังไปแล้วจ้า ไว้มีคู่เมื่อไหร่ค่อยพามาอีกรอบก็ได้ไม่ว่ากัน
นอกจากจุดแลนด์มาร์คที่เราแนะนำไปแล้ว บนเกาะก็ยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้าสีทองที่มีฉากหลังเป็นสีฟ้าของท้องฟ้า หรือมุมเปลตาข่ายที่เราสามารถไปถ่ายรูปเล่นได้ที่ปารีฮัทรีสอร์ท สำหรับเราเกาะสีชังเป็นเกาะเล็ก ๆ เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลามากแต่อยากพักผ่อนในเวลาสั้น ๆ จะค้างสักหนึ่งคืน หรือมาเที่ยวแบบ one day trip เหมือนเราก็คือดีงาม
004 : Blue House Café
ความน่ารักเก๋กรุบของศรีราชายังไม่หมด มาต่อกันที่ Blue House Café คาเฟ่บ้านสีน้ำเงิน เปิดใหม่สไตล์ญี่ปุ่น อบอุ่นละมุนละไม พอก้าวเข้าไปในร้านรับรู้ได้ถึงโฮมมี่ ตัวร้านเป็นตึกทรงเหลี่ยมสองชั้น มีมุมที่นั่งให้เลือกหลายมุม แต่ถ้าให้เราแนะนำก็ต้องเป็นมุมหน้าต่างริมกระจกบานใหญ่เลย เพราะไหนจะได้วิวทิวทัศน์ด้านนอกแล้ว ยังเป็นมุมที่องศาของแสงแดดสาดส่องลงมาพอดี ถ่ายรูปก็ปังสุด ๆ ส่วนหน้าร้านนั้นเค้าก็จัดเป็นสวนบอนไซเล็ก ๆ ตามสไตล์แบบฉบับญี่ปุ่นให้เราไปนั่งโพสท่าถ่ายรูปคาวาอีกันได้เต็มที่
ด้วยความที่ร้านตั้งใจเสิร์ฟเมนูขนมให้ออกมาให้มู้ดญี่ปุ่น เราจึงอยากแนะนำให้ลองสั่งเจ้า Melon Roll บอกเลยว่าแค่ตักคำแรกก็ฟินจนเผลอยิ้มออกมา ชอบในความหอมของกลิ่นเมล่อนอ่อน ๆ และความนุ่มของเนื้อแป้ง แถมในครีมก็ยังเนื้อเมล่อนสด ๆ ให้ทานกันด้วย ดีต่อใจแบบสุด ๆ ส่วนชิ้นต่อมาเป็น Dango set สุดน่ารักทานคู่กับผงถั่วบดละเอียดราดด้วยซอสคุโรมิสุ อร่อยหนึบ ๆ กำลังดี ฟินมากแม่
005 : White – หวาย
ขยับจากศรีราชาไปต่อกันที่ย่านบางแสนกับอีกหนึ่งร้านแนะนำ White – หวาย คาเฟ่เล็ก ๆ สีขาวซ่อนตัวอยู่หลังร้านขายตะกร้าหวาย รายล้อมไปด้วยต้นไม้ดูแล้วสดชื่น ผลักประตูเข้าไปในร้านก็จะเจอกับการตกแต่งที่เรียบง่ายมินินมอล แต่มีจุดเด่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่แทบทุกชิ้นในร้านนั้นใช้วัสดุที่ทำจากหวายทั้งหมด เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปของร้าน ไม่ว่าจะโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ โคมไฟ ไปจนถึงบาร์เครื่องดื่ม
หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้หวาย แล้วเราก็เลือกสั่ง Lemon Maringue tart และครัวซองค์มาทาน ซึ่งทางร้านเน้นอบใหม่ทุกวัน แถมมีเติมตลอดไม่ต้องกลัวว่ามาช่วงบ่ายแล้วจะของหมด ส่วนใครที่ชอบดื่มกาแฟทางร้านก็คัดเลือกเมล็ดกาแฟ House Blend ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และเมล็ดกาแฟ Special Blend สุดพิเศษจากหลากหลายที่สลับสับเปลี่ยนมาให้ลิ้มลองกันแบบไม่มีเบื่อเลย
ส่วนมุมที่ห้ามพลาดสำหรับชาวไอจีทั้งหลาย ถ่ายออกมาแล้วเหมือนวาร์ปไปยืนอยู่หน้าถนนช้างม่อยที่เชียงใหม่ ก็ต้องโซนด้านหน้าสุดของร้านที่ขายตะกร้าหวายเลยจ้า สำหรับใครที่อยากช้อปติดไม้ติดมือกลับบ้าน ทางเราก็แอบส่องราคามาให้แล้ว ราคากำลังดี น่ารัก มีแบบให้เลือกเยอะมาก ใครรักงานหวายแบบนี้ต้องไม่พลาดแล้วนะน้องนะ
006 : Aunties Coffee
ก่อนกลับเข้ากรุงขอแอบแวะคาเฟ่สุดท้ายสไตล์เกาหลี Cunties Coffee คาเฟ่น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวสด ๆ ร้อน ๆ ไม่ถึงอาทิตย์เลยจ้า ถึงจะเล็กกระทัดรัด แต่บอกเลยว่าร้านน่ารักตั้งแต่ตัวร้านที่ตั้งอยู่หัวมุมถนน ทาด้วยสีขาวมินิมอล มีที่นั่งเกา ๆ ให้เราถ่ายรูป พร้อมติดสติกเกอร์ชื่อร้านด้วยฟอนต์เกาหลีที่กระจกใส เป็นลูกเล่นเก๋ไก๋ที่ดูแล้วน่ารักไปหมด
เมนูซิกเนเจอร์นก็ต้องสั่งเป็น Aunties coffee กาแฟนมที่รสกลมกล่อมกำลังดี มีฟองนมนุ่ม ๆ ให้แกล้ง ๆ จิบแล้วเลอะปาก อ้อนอปป้าข้าง ๆ มาเช็ดให้ ทานคู่กับ Toast หรือ Kraffle สักหน่อยก็เป็นมื้อเบา ๆ ส่งท้ายทริปที่แฮปปี้แบบสุด ๆ เลย แนะนำอีกนิดว่าสาว ๆ ที่มาร้านนี้ควรแมทช์ชุดคุมโทนให้เกาที่สุดมาด้วยนะ จะได้ถ่ายรูปออกมาแล้วดูเป็นออนนี่น่ารักตะมุตะมิ
จบไปแบบแฮปปี้เหมือนเช่นเคยกับศรีราชา เป็นอีกทริปที่เต็มอิ่มมาก ๆ สำหรับใครที่อยากพักผ่อนใกล้ ๆ แต่เที่ยวได้ครบทุกสไตล์ เหมาะกับการพาทั้งเพื่อนครอบครัว หรือคุณแฟนมาพักผ่อน เราว่าศรีราชานี่แหละตอบโจทย์ที่สุด มีทั้งที่พักสุดชิลอย่าง Balcony Seaside พร้อมเครื่องเล่นใหม่ ๆ ให้เด็ก ได้สนุกกันทั้งวัน ไหนจะคาเฟ่ก็เก๋กรุบฟีลกู๊ดแบบไม่มีกั๊ก อยากเที่ยวฟีลเกาะก็แค่นั่งเรือไปสีชัง แค่นี้ก็ได้ครบทุกบรรยากาศแล้วจ้าพี่จ๋า