รีวิวเชียงใหม่ :: Summer Vibes – 3 Days 2 Nights in Chiangmai

ถ้าตื่นมาแล้วคิดถึงดอย มองจอมือถือแล้วคิดถึงการเดินทาง มองแก้วกาแฟแล้วคิดถึงคาเฟ่สุดเก๋ บอกได้เลยว่า … ยินดีด้วยจ้า เพราะวันนี้เราจะมาแชร์ซัมเมอร์แพลนสุดปัง เที่ยวแบบปลอดภัยใน “เชียงใหม่” แบบ 3 วัน 2 คืน กับ 10 สถานที่ ครบรส หลากสไตล์ ทั้งการออกไปรับวิตามินดีบนดอย เดินเล่นชิว ๆ ถ่ายรูปชิค ๆ สไตล์ไอจีสปอต หามุมจิบกาแฟสุดคูลตามสูตรวัยรุ่นสายฮอปปิ้ง ซึ่งทั้งหมดนี้ขอการันตียอดชัตเตอร์ขั้นต่ำของ 3 วันไว้ที่ 300 ภาพต่อคน ว่าแล้วก็เตรียมโลชั่น แว่น หมวก สำหรับกันแดด กับเดรสเปิดหลังไว้รอเลย เพราะงานนี้มีรูปดี ๆ ไว้ลงลากยาวจนพ้นซัมเมอร์แน่นอน

ยุค New Normal แบบนี้ หลาย ๆ คนอาจมีความกังวัลที่จะออกเดินทางไปเที่ยว วันนี้เราขอแนะนำตัวช่วยดี ๆ อย่าง ‘Traveloka Clean Trip’ ที่จะมาช่วยให้ข้อมูลที่ถูกต้องในการเดินทางช่วงสถานการณ์โควิดแบบนี้ให้เราสะดวกสบายกันมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อปฏิบัติสำหรับการเดินทางในประเทศ มาตรการรักษาความสะอาดของแต่ละสายการบิน รวมไปถึงดีลโปรโมชั่นสุดพิเศษทั้งประกันการเดินทาง เลื่อนวันเดินทางตั๋วเครื่องบินได้ฟรี แถมฟรีประกันสุขภาพ! บอกเลยว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แถมเดินทางได้แบบสบายอกสบายใจปลอดภัยไร้กังวลอีกด้วย

จองตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่ กับ Traveloka คลิก https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Chiang-Mai.CNX

จองตั๋วเครื่องบินในประเทศ กับ Traveloka คลิก https://www.traveloka.com/th-th/flight

DAY 1

001 EVERGREEN Cafe & Hotel

ทันทีที่ลงจากเครื่องบิน เราก็ขอเช่ารถคันใหญ่ออกสตาร์ทแล้วไปนั่งจิบร้านกาแฟเพื่อทำการเช็กอินว่าแลนด์ดิ้งถึงเชียงใหม่อย่างสมบูรณ์แบบที่ EVERGREEN Cafe & Hotel ร้านคาเฟ่แสนเก๋ในย่านสวนดอก ขับรถจากถนนนิมมานเหมินท์แค่เพียง 5 นาที ก็จะพบกับบ้านสีขาวดีไซน์เก๋ที่มีวงโค้งของประตูและหน้าต่างรอต้อนรับเราอยู่ด้านหน้า บรรยากาศร้านสะอาดตาในโทนสีขาวมินิมอลที่ต้องยกคะแนนให้เต็มสิบไม่หักในเรื่องความคิ้วท์ ตั้งแต่การเลือกเฟอร์นิเจอร์ไม้โอ๊คอ่อน ๆ คุมโทนสีอบอุ่น เหมือนนั่งเล่นจิบชาในบ้านเพื่อนชาวญี่ปุ่นยังไงอย่างงั้น

บริเวณชั้นสองยังเป็นโรงแรมที่เปิดให้บริการทั้งหมด 4 ห้อง และแน่นอนว่าคุมธีมดีไซน์ห้องเหมือนสตูดิโอ Muji ที่แค่เห็นก็จินตนาการว่าหลับฝันดี ไม่ว่าจะมุมไหนก็เป็น Instagramable Shot เเชะภาพไปลงโซเชียลแบบละมุน ๆ ไม่ต้องแต่งสีภาพให้มันมากมาย

ถ่ายรูปเช็กอินแล้ว เราขอสั่งเครื่องดื่มเย็น ๆ มาจิบให้กระหายความคิดถึงเชียงใหม่ด้วยเมนู Matcha Latte ที่ทางร้านเลือกใช้ชาเขียวจากเมืองอุจิ เกียวโต แหล่งปลูกชาคุณภาพดีที่สุดของญี่ปุ่น ผสมเข้ากับนมจนได้รสชาติหอมเข้มข้นชาเขียวแบบเต็ม ๆ  และ Lelimenade เลมอนหวานอมเปรี้ยวชื่นใจจากน้ำผึ้งและมะนาว ที่มาพร้อมเลมอนฝานชิ้นใหญ่และใบไธม์ตกแต่งเพิ่มความหอมสดชื่น รีเฟรชร่างกายเติมพลังก่อนไปต่อโลเคชั่นถัดไป

002 GROON

ถัดมาเป็นคาเฟ่ที่หอมละมุนละไมตั้งแต่ชื่อร้านไปจนถึงประตูทางเข้าร้านที่ชื่อว่า Groon คาเฟ่บนถนนศิริมังคลาจารย์ ที่หลาย ๆ คนอาจจะคลับคล้ายคลับคลากับโลเคชั่น เพราะอยู่ติดกันกับร้าน Cheevit Cheeva ที่มาเชียงใหม่ทีไรก็ต้องแวะมากินขนมหวานที่ร้านนี้ทุกที แต่คราวนี้เราขอผลักประตูตามกลิ่นหอม ๆ เข้าไปที่ร้าน Groon แล้วแวะชิมขนมปังโฮมเมดอร่อย ๆ ที่ร่ำลือว่าอบสดใหม่ทุกเช้ากันก่อน

สไตล์การตกแต่งร้านสบายตาไปด้วยโทนสีขาว น้ำตาล และความโค้งมนของขอบประตูหน้าต่าง ที่พอบวกเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ไม้เรียบ ๆ และม่านสีขาวบาง ๆ ที่แสงอาทิตย์จากด้านนอกเล็ดลอดเข้ามาก็ดีต่อใจไม่ไหว อีกหนึ่งความพิเศษของร้านนี้คือความหอมกรุ่นของขนมปังโฮมเมด ซึ่งทางร้านเลือกใช้ยีสต์จากธรรมชาติ และค่อย ๆ บรรจงหมัก นวดด้วยความรักในการทำขนมเป็นชีวิตจิตใจจากเจ้าของร้าน และอบแบบสดใหม่ทุกวันให้ชมกันทุกขั้นตอนในร้านผ่านกระจกบาง ๆ ที่กั้นภายในร้านระหว่างรออีกด้วย 

003 ไร่แม่เหียะ

ถัดไปไม่ไกลจากตัวเมืองเป็นที่ตั้งของ ไร่แม่เหียะ หรือศูนย์วิจัยสาธิตและฝึกอบรมการเกษตรแม่เหียะ ที่เราอยากชวนคุณมายืดเส้นยืดสายนั่งชมวิวริมทะเลสาบยามเย็น รอแสงพระอาทิตย์ตกดินสะท้อนกับผืนน้ำสวย ซึ่งอยู่ในบริเวณของ Fernpresso Cafe at Lake คาเฟ่บรรยากาศดี ที่เปิดโล่งสบายและมีอาหารเครื่องดื่มอร่อย ๆ ครบครันสำหรับใครที่อยากแวะมาฝากท้อง

ข้าง ๆ กันนั้นเป็นแปลงเกษตรที่ปลูกผักสวนครัวรวมถึงดอกไม้สีสันสดใสสลับกันไป และชวนให้เจริญหูเจริญตาด้วยฉากหลังที่เป็นวิวสวยจากดอยสุเทพที่อยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา ถ้าหากวิวด้านหน้านี้เป็นดั่งภาพวาด บ้านสีขาวหลังน้อยนั้นก็ช่วยเติมเต็มให้ภาพนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และสิ่งที่เรียกรอยยิ้มเราให้กว้างขึ้นอีก คือน้องหมาคู่ซี้สองตัวที่แวะมาเรียกเสียงหัวเราะด้วยการลอยคอเล่นน้ำยามเย็นในทะเลสาบ และวิ่งขึ้นมาสะบัดน้ำใส่เป็นการทักทายประโยคสวัสดีแบบกวนโอ๊ย

DAY 2

004 MOOH

เช้าแสนสดใสวันที่สอง เราขอรีบตื่นพาร่างตัวเองไปที่นิมมานฯ ซอย 15 ก่อนที่เเถวหน้าร้าน MOOH จะยาวเหยียดไปถึงซอยข้าง ๆ เพราะนี่คือร้านเบเกอรีเล็ก ๆ ที่ขายโดนัทแบบบอมโบโลนีไส้ต่าง ๆ ที่โด่งดังที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ การันตีความอร่อยด้วยความเร็วในการขายจนหมดเกลี้ยงตั้งแต่เที่ยงวัน หน้าร้านอบอุ่นขนาด 2×2 มีเพียงโต๊ะสองตัวหน้าร้านให้นั่งพักถ่ายรูปเล่นระหว่างคิว เถาใบไม้ที่เลื้อยลงมายังหน้าร้านยิ่งทำให้ร้านน่ารักขึ้นไปอีก และชวนให้คิดถึงบรรยากาศของคาเฟ่เล็ก ๆ บนถนนที่ประเทศญี่ปุ่นเหมือนกัน

โชคดีที่เราตื่นเช้ามาทันก่อนคนจะเยอะ เลยมีโอกาสได้เลือกไส้เจ้าโดนัทไม่มีรูนี้ก่อนใคร ทางร้านจะอบโดนัทเองทุกเช้า ซึ่งจะมีไส้ที่เป็นซิกเนเจอร์ให้เลือกอย่างเช่น Strawberry Short Cake, Charcoal Banana, Cream Brulee และอื่น ๆ อีกเพียบ รสชาติแป้งนุ่มเด้ง ๆ กัดเข้าไปเต็มคำพร้อมครีมสด และท็อปปิ้งอร่อยจนต้องสั่งเพิ่มอีกเป็นสองเลยหล่ะ! ขอแนะนำว่าถ้าอยากไปให้ทันชิมขนมอร่อย ๆ ให้ไปตั้งแต่เช้า หรือโทรไปสั่งล่วงหน้ากันก่อนได้เลย

005 ดอยแม่โถ

อิ่มท้องแล้วกองทัพต้องเดินต่อ เราเตรียมตัวออกเดินทางมุ่งหน้าไปไกลถึง ดอยแม่โถ ซึ่งตั้งอยู่อำเภอฮอด ไกลออกไปจากตัวเมืองประมาณ 120 กิโลเมตร หรือขับรถยาว ๆ ราวสองชั่วโมงครึ่ง เส้นทางขดเคี้ยวตลอดทางแต่สามารถขับได้โดยไม่อันตรายนัก เมื่อถึงด้านบนโครงการหลวง ต้องจอดรถทิ้งไว้และเหมารถปิกอัพชาวบ้านขึ้นไปยังจุดชมวิว (ราคาประมาณ 500-1000 บาท) ซึ่งมีให้เลือก 2 จุด คือ ทุ่งหญ้าและจุดชมวิว 360 องศา ทีนี้ก็เตรียมพร็อบและชุดสวย ๆ หอบร่างไปโยกย้ายส่ายสะโพกบนรถคุณลุงที่ขับซิ่งขึ้นไปบนดอยแม่โถด้วยความเชี่ยวชาญได้เล้ยยย

ภาพตรงหน้าค่อย ๆ ปรากฏเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวชอุ่มไกลลับตาซ้อนด้วยภูเขาและลมเย็น ๆ ที่เคลื่อนตัวมาปะทะหน้า ส่งสัญญาณว่าเราถึงยอดม่อนโถเรียบร้อยแล้ว บริเวณนี้เรียกว่าทุ่งหญ้าซึ่งเรียงตัวเป็นทิวเขาสลับไปมาและมีความสูงเหนือตาตุ่มเราเล็กน้อย จึงสามารถวิ่งเล่นประหนึ่งเป็นโพ ลาล่า ในเทเลทับบี้ หรือแกล้ง ๆ วิ่งสะบัดกระโปรงเป็นเจ้าหญิงได้สบาย ๆ โดยเฉพาะจุดที่เนินเขาลาดเอียงลงไปทำมุมตัดกับสีฟ้าสดใส ก็สวยจนไม่พลาดถ่ายรูปเก็บไว้ เมื่อมองลงไปด้านล่างจะเจอฝูงวัวตัวเล็กตัวน้อยกำลังเล็มหญ้าอย่างเอร็ดอร่อยถัดไปอยู่ไม่ไกล

กลิ่นต้นไม้ใบหญ้าและอากาศบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้จากกรุงเทพฯ ในช่วงเวลานี้ ช่วยเติมเต็มช่วงเวลาให้กลายเป็นการพักผ่อนกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ หากใครอยากใกล้ชิดกับธรรมชาติให้มากกว่านี้เราขอแนะนำให้เตรียมตัวหยิบเต๊นต์ออกมากาง ตั้งแคมป์ ปิ้งมาร์ชเมลโล นอนดูดาวอย่างใกล้ชิดด้านบนสักคืนสองคืนให้หนำใจ

006 สวนสนบ่อแก้ว

ระหว่างทางเป็นวิวสวยของป่าเขา และพื้นที่สีเขียวของธรรมชาติเต็มสองฝั่งถนน เราจึงไม่อยากอดใจจอดรถลงไปเดินเล่นที่ สวนสนบ่อแก้ว ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอฮอดให้หายเมาโค้งสักหน่อยก่อนกลับเข้าที่พัก แน่นอนว่านักเดินทางทั้งหลายที่มาเชียงใหม่ต้องหาโอกาสมาเยี่ยมชมสวนสนบ่อแก้วสักครั้ง เพราะที่นี่ได้รับฉายาว่าเป็นเกาะนามิเมืองไทยที่ไม่ต้องไปบินไกลถึงเกาหลีเลยแหละ

ป่าสนสูงยาวเรียงรายเป็นทิวแถวทอดยาวหลายพันต้น เพราะสวนสนบ่อแก้วแห่งนี้เป็นพื้นที่ทดลองปลูกสนภูเขาชนิดต่าง ๆ ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ นำพันธุ์มาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และไต้หวัน เพื่อทดลองหาพันธุ์ที่เหมาะสมมาเป็นไม้เบิกนำ เพื่อปลูกบนป่าเสื่อมโทรมบนดอยทางภาคเหนือ ลำต้นจึงสูงยาวเพราะมีอายุมากกว่า 40 ปี  ในช่วงเช้าม่านหมอกจะปกคลุมบริเวณครึ่งบนของลานสน บวกกับแสงอาทิตย์บาง ๆ ส่องลงมายังบริเวณช่องทางเดินสวย ให้เราได้ถ่ายรูปฟีลแกล้ง ๆ เหม่อมอง หรือเผลอจับมือคนข้าง ๆ  ก็โรแมนติกไม่เบา

DAY 3

007 Hillsborough The English Country House Hotel & Leisure

เช้าวันสุดท้ายเราขอยืดเส้นยืดสายและออกไปวาดลวดลายโพสต์ท่าที่ Hillsborough The English Country House Hotel & Leisure พิกัดใหม่ในเชียงใหม่ที่ใคร ๆ ก็แวะเวียนมาถ่ายรูปสวยกับวิวสองข้างที่ขนาบด้วยต้นสน ใครจะรู้ว่าบนถนนเส้นหางดงสะเมิง จะมีบ้านเล็ก ๆ อยู่กลางป่าเขาอันเงียบสงบ ซึ่งเปิดให้พักเพียง 3 หลัง และตกแต่งน่ารักตามสไตล์ English Country House แบบผู้ดีอังกฤษ ที่สานฝันให้เรากลายเป็นคุณหนูแสนหวานของบ้าน ยามเช้ามีเสียงไก่ขันเอ้กอี้เอ้กเอ๊กทักทาย ต่อด้วยแถวขบวนของเจ้าเป็ดน้อยที่พากันเดินเล่นทอดน่องอย่างสบายใจ

สำหรับใครที่ไม่ได้เข้าพัก ก็สามารถแวะเข้ามาจิบชาในบ้านสวยได้ที่ Hillsborough Cafe คาเฟ่ในสวนสวย บรรยากาศดี ก่อนจะลัดเลาะทะลุหลังบ้านไปเจอลานสนที่เป็นมุมยอดฮิตของที่นี่ อย่าลืมจัดเต็มพร้อบเก๋ ๆ อย่างผ้าปูพื้นสวย ๆ ตะกร้าปิกนิคขนาดย่อมมานั่งกินลมชมวิว ก็ได้ฟีลปิกนิคในสวนหลังบ้านอยู่ไม่น้อยเลยหล่ะ

008 Yelloo

Yelloo อีกหนึ่งคาเฟ่ในลิสต์ที่แค่เห็นรูปหน้าร้านปุ้ปก็กดไลค์ กดแชร์ กดอยากมาเยี่ยมเยือนให้จงได้ เพราะประทับใจตั้งแต่หน้าร้านที่ดีไซน์ตึกเรียบ ๆ มินิมัลสีขาวหลังใหญ่ และมีหน้าต่างทรงโค้งสะท้อนเงาเป็นรูปก้อนเมฆ ส่วนประตูด้านหน้าเป็นกระจกใสที่มองเข้าไปก็เห็นบรรดาเหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์กำลังต่อคิวรอสั่งเครื่องดื่มอยู่ชั้นล่าง

ร้านนี้เค้าไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์สวย แต่คอกาแฟก็ต้องประทับใจ เพราะทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพและนมถั่วเหลืองมาเอาใจสายรักสุขภาพโดยเฉพาะ และยังถูกใจคนที่แพ้นมวัวอย่างเราอีกด้วย ซึ่งถั่วเหลืองที่ร้านเลือกใช้ เป็นถั่วเหลืองอินทรีย์ที่รับมาจากเกษตรกรในอำเภอแม่แตง และผ่านกรรมวิธีกว่า 12 ชั่วโมง ก่อนนำมาใช้ชงกาแฟแต่ละแก้ว นอกจากนี้ทางร้านก็มีเมนูเครื่องดื่ม Refreshing เย็นชื่อใจ๋และเมนู Non-Coffee สำหรับใครที่ไม่ดื่มกาแฟให้เลือกอีกด้วยเช่นกัน

009 GRAPH contemporary

ใช้พลังงานช่วงเช้ากันไปเยอะแล้ว ช่วงเย็นเราขอรีเฟรชร่างกายก่อนกลับบ้านด้วยกาแฟดี ๆ อีกสักแก้วที่ร้าน GRAPH contemporary สาขาที่สามของ GRAPH หนึ่งในตำนานร้านกาแฟของเชียงใหม่ ที่คอกาแฟต้องแวะเวียนมาจิบให้ชุ่มคอหลังแลนด์ดิ้ง สำหรับสาขานี้แปลกตาด้วยสไตล์การตกแต่งแบบคอนเทมโพรารี ผสมผสานความเก่าที่ไม่แก่แต่วินเทจด้วยข้าวของและเฟอร์นิเจอร์ที่จัดวางอย่างลงตัว ร่วมกับดีไซน์พื้นที่หลังรีโนเวทตึกเก่าให้กลับมาเก๋ไก๋และมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

เครื่องดื่มของร้านโดดเด่นด้วยเมล็ดกาแฟคุณภาพพรีเมียม และเมนูซิกเนเจอร์ที่เราสั่งเป็นประจำอย่าง GRAHP NO.18 กาแฟไนโตรโคลบรูที่ผสมน้ำส้มสดและน้ำมะนาว ให้รสชาตินุ่มนวลสดชื่น ทานคู่กับ GRAPH’s Croissant ครัวซองต์โฮมเมดสไตล์อาติซาน ที่ใช้แป้งสาลีและเนยนำเข้าจากฝรั่งเศส ท็อปด้านบนด้วยท็อปปิ้งต่าง ๆ ที่มีให้เลือกหลากหลายรสชาติ เช่น อัลมอนด์ ชาเขียว ครีมชีส ซอลต์คาราเมล ก็อร่อยมงลง

010 ถนนช้างม่อย

เดินเล่นปิดท้ายก่อนกลับที่ ถนนช้างม่อย ถนนสายเก่าที่ตอนนี้กลับมาคึกคักอีกครั้งด้วยมุมยอดฮิตบริเวณหัวมุมร้านจักสาน ช่วงนี้งานจักสานและกระเป๋าหวายจากฝั่งบาหลีกำลังมาแรง ไม่ต้องไปซื้อที่ไหนไกล เพราะแต่ละร้านคัดสรรสารพัดเครื่องสานจากงานฝีมือชาวบ้านมาให้ช้อปในราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์ เช่น หมวก ตระกร้า ถาด ที่รองแก้ว เสื่อ รองเท้า กระถางต้นไม้ ก็มีหลายแบบให้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากเช่นกัน

และทั้งหมดนี้คือ 10 โลเคชั่นในทริปเชียงใหม่แบบชิลล์ ๆ 3 วัน 2 คืน ที่ครบทุกรสชาติ ตั้งแต่ขึ้นไปสูดอากาศบริสุทธิ์บนยอดดอย เสพบรรยากาศของวิวสวยข้างทางไปจนถึงป่าสนต้นสูงชะลูด  ถ่ายรูปชิค ๆ ที่ร้านกาแฟไว้ลงโซเชียล แวะชมพระอาทิตย์ตกที่ริมทะเลสาบ แค่นี้ก็เพียงพอให้เราหายคิดถึงเชียงใหม่ได้ชั่วขณะ แต่เชื่อเถอะว่าเชียงใหม่มักจะมีอะไรมาเซอร์ไพร์สเราอยู่เรื่อย ๆ เสมอ รับรองว่าต้องได้กลับไปเที่ยวอีกครั้งเร็ว ๆ นี้แน่นอน

สุดท้ายต้องขอย้ำกันอีกครั้ง … ไม่ว่าทริปไหน อย่าลืมตัวช่วยดี ๆ อย่าง ‘Traveloka Clean Trip’ จาก Traveloka ที่จะทำให้ทุกการเดินทางในสถานการณ์แบบนี้ของทุกคนอุ่นใจ ปลอดภัย พร้อมดีลและโปรโมชั่นดี ๆ ช่วยเซฟเงินและเซฟมายไลฟ์จาก COVID-19 ไปได้เยอะเลย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://trv.lk/Cleantrip-jatiewpainai