พอลมหนาวแรกพัดมา ก็ได้เวลาแพลนทริปขึ้นดอยไปแอ่วเหนือ ซึ่งแน่นอนว่าถ้ามีเวลาสั้น ๆ แค่ 2 วัน 1 คืน ในเชียงใหม่ ม่อนแจ่ม จะเป็นเป็นลิสต์แรก ๆ ที่ผุดขึ้นมาเสมอ ทริปนี้ก็เช่นกัน … เราขอพาทุกคนไปเช็คอินที่พักน้องใหม่สุดน่ารัก ‘ภูตะวัน-บ้านท่าจัน’ กับความสวยปังในราคาเริ่มต้นแค่หลักร้อย ที่นี่เราจะได้สัมผัสอากาศหนาว ๆ หมอกขาว ๆ ในยามเช้า ฟินกับหมูกระทะบนดอยท่ามกลางวิวภูเขาที่โอบล้อมแบบพาโนรามาในยามเย็น แล้วยังมีเวลาออกไปยืนหมุนตัวถ่ายรูปสุดคิ้วท์ดงดอกเก๊กฮวย รวมถึงควงแขนเพื่อนสาวคว้าตะกว้าไปยืนสวย ๆ ในสวนส้ม มาจ้า!!!! มาเปลี่ยนวันธรรมดาใกล้สิ้นปีให้เป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่น่าจดจำกันเถอะ
ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,350 เมตร และมีโลเคชั่นตั้งอยู่บนเนินเขาสูง จึงทำให้ม่อนแจ่มมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะมาเที่ยวฤดูไหนก็มีความสวยงามให้เราได้สัมผัสอยู่เสมอ อย่างฤดูฝนก็จะมีโอกาสเจอหมอกลอยละล่องอยู่ตามทิวเขา ส่วนฤดูหนาวก็จะได้เห็นดาวเต็มฟ้าในยามค่ำคืน แถมการเดินทางก็ง่าย สะดวก เพราะอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทางแค่ชั่วโมงนิด ๆ เรียกได้ว่าพอลงเครื่องปุ๊บก็ขับรถมาชิลได้เลย
2 วัน 1 คืนรอบนี้ เราเลือกพักที่ ภูตะวัน-บ้านท่าจัน ที่พักน้องใหม่ใจกลางม่อนแจ่ม รายล้อมด้วยวิวเขาแบบ 180 องศา ทำให้ไม่ว่าเช้า สาย บ่าย เย็น ดึกดื่น เธอก็จะได้ทอดสายตามองวิวสวย ๆ ตลอดเวลา แถมบรรยากาศก็อบอุ่นเป็นกันเอง ค่อนข้างสบาย มีความเรียบง่าย แต่น่ารัก ที่นี่เค้ามีบ้านพักหลายแบบ ใครอยากพักแบบบ้านเป็นหลังก็มีให้เลือกทั้ง บ้านแคปซูล บ้านไม้ไผ่ และบ้านดำ หรือใครชอบนอนเต้นท์ฟีลแคมป์ปิ้งหน่อย ๆ ก็มีเต้นท์โดมทรงกลมสีขาวน่ารัก และเต้นท์แบบแฟมิลี่ครอบครัวให้เลือกพักผ่อนได้ตามสไตล์เช่นกัน
มาพักรอบนี้ … ทางเราไม่ลืมที่จะเก็บภาพห้องแต่ละแบบมาแชร์ให้กับทุกคน โดยขอเริ่มกันที่เต้นท์โดมสีขาวยอดฮิตสุดน่ารักปุ๊กปิ๊กก่อนเลย ภายในตัวเต็นท์สไตล์โดมทรงครึ่งวงกลมนี้ มีหน้าต่างใสด้านหนึ่งหันหน้าออกสู่ระเบียงที่สามารถมองเห็นวิวด้านนอก พร้อมชุดเก้าอี้และโต๊ะตัวเล็ก ๆ ให้เราได้นั่งเม้าท์มอยกับเพื่อน หรือมองวิวได้ทั้งวัน
ด้านในก็มาพร้อมกับที่นอนขนาดควีนไซส์ปูด้วยผ้าสีขาวสะอาดตา เข้าเซ็ทกันกับผ้าห่ม และปลอกหมอน พร้อมชั้นวางของข้างเตียงเล็ก ๆ มีโคมไฟ, พัดลม, กระติกน้ำร้อน, ผ้าเช็ดตัว รวมถึงปลั๊กพ่วงไว้ให้ภายในทุกห้อง แต่ถ้าใครที่คิดว่านอนเต้นท์จะต้องเล็กแคบ อึดอัด บอกเลยว่าเต้นท์โดมที่นี่ไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน ด้านในกว้างมาก ใครพร็อพเยอะหรือมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ก็สามารถกางได้สบาย จะหยิบกล้องมาถ่ายรูปมุมไหนก็ดูดีไปหมด
ในส่วนห้องน้ำสำหรับห้องพักแบบเต็นท์โดมของที่นี่ เค้าจะแยกออกมาด้านนอกเป็นสัดส่วน แต่ก็อยู่บริเวณด้านข้างของระเบียงห้องพักเลย แค่เปิดประตูเต็นท์ออกมาแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง ทันสมัย และสะอาดสะอ้าน มีทั้งอ่างล้างหน้า, กระจก, ฝักบัวที่มีระบบเครื่องทำน้ำอุ่นแบบแก๊ส ครบครันมากเว่อร์ เรียกได้ว่าเป็นการนอนเต้นท์ที่สะดวกสบายที่สุด
สำหรับคนที่มาเป็นแก๊งค์เพื่อนซี้ หรือครอบครัว เราขอแนะนำให้พักเต้นท์สามเหลี่ยมแบบ Family ที่สามารถเข้าพักได้ถึง 4 คนเลยทีเดียว ภายในห้องมีเตียงขนาดใหญ่ 2 เตียง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเช่นเดิม เพิ่มเติมคือมีโซฟาเบดให้เรานอนเล่นอ่านหนังสือชิล ๆ ภายในห้อง ส่วนห้องน้ำและห้องอาบน้ำนั้น ก็แยกออกเป็น 2 ห้อง หมดปัญหาต่อคิวเข้าห้องน้ำตอนเช้าไปได้เลย มีระเบียงด้านหน้าห้องที่มองเห็นวิวเขา แถมสามารถสั่งอาหารเครื่องดื่ม และหมูกระทะฟิน ๆ มากินหน้าเต้นท์ได้ด้วย
และห้องพักของเราในครั้งนี้ ก็เป็นห้องที่เพิ่งสร้างใหม่สด ๆ ร้อน ๆ มีชื่อว่า บ้านดำ เป็นบ้านหลังเล็กที่เรียบง่าย ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นวิวภูเขา และสวนดอกไม้ล้อมรอบ ภายในห้องขนาดกะทัดรัด บุผนังด้วยไม้ไผ่สานเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นโคซี่เหมือนอยู่บ้าน ที่เราชอบมากของบ้านหลังนี้คือมีหน้าต่างบานใหญ่ให้แสงลอดผ่าน ทำให้ห้องดูโปร่งไม่อึดอัด แถมมุมหน้าต่างนี้ก็ยังฟีลลิ่งเจแปนหน่อย ๆ ด้วยโต๊ะญี่ปุ่นและเบาะรองนั่ง เป็นอีกมุมที่ถ่ายรูปออกมาน่ารักโดนใจเรามาก
นอกจากห้อง 3 แบบ 3 สไตล์ที่ได้แนะนำไป ที่นี่ก็ยังมีบ้านไม้ไผ่ดีไซน์เก๋ ๆ ที่เอาไม้ไผ่มาเรียงเป็นผนังด้านนอก และบ้านแคปซูนที่มีไฮไลต์เป็นดาดฟ้ากว้าง ๆ อีก 2 แบบ 2 สไตล์ให้พวกเธอได้เลือกพัก ซึ่งแน่นอนที่สุดคือไม่ว่าจะเลือกพักห้องแบบไหน เค้าก็มีระเบียงด้านหน้าให้ได้ชมวิว ถ่ายรูปเก๋ ๆ แอคติ้งจิบกาแฟอัพรูปลงไอจีปัง ๆ ได้เหมือนกัน
มาพักที่ ภูตะวัน-บ้านท่าจัน มื้อเย็นเราก็ไม่ต้องออกไปหาอะไรทานข้างนอกให้ยุ่งยาก เพราะสามารถสั่งอาหารกับทางที่พักได้เลย ซึ่งที่นี่ก็มีเมนูหลากหลายให้เลือกอิ่มอร่อยกันได้ทั้งวัน แต่ถ้าให้เราแนะนำก็ต้องเป็นหมูกระทะนี่แหละฟินที่สุดในสามโลก ลองคิดภาพตามดูว่ากำลังนั่งปิ้งหมูกับเพื่อนสาว พร้อมดูวิวพระอาทิตย์กำลังตก ท้องฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนสีมันจะดีต่อใจแค่ไหน
สำหรับชุดหมูกระทะของที่นี่เค้าจะเสิร์ฟถึงหน้าห้องพักในราคาน่ารักชุดละ 499 บาทเท่านั้น โดยในชุดก็มีทั้งเนื้อหมูสไลด์, เบคอน, หมูบด, ไก่หมัก, หมึก, กุ้ง และปูอัด แต่ละชุดก็จะมาพร้อมน้ำจิ้มรสแซ่บถึงใจ กับชุดผักสดอีกหนึ่งตะกร้าสำหรับสายสุขภาพ สำหรับเราชุดนี้ 2 คนกำลังอิ่มพอดี แต่ถ้าใครกลัวไม่อิ่มเค้าก็มีเมนูอาหารตามสั่งแสนอร่อย อย่างหมูมะนาว ไก่ทอด ไก่บาร์บีคิวให้เราสั่งมานั่งทานกับหมูกระทะเพิ่มเติมได้ด้วย
พักผ่อนเต็มอิ่มหลับสบายท่ามกลางอากาศเย็น ๆ มาตลอดทั้งคืน เช้านี้เราตื่นมาแบบสดชื่น พร้อมจัดชุดคุมธีมหน้าหนาวสีเอิร์ธโทนให้ดูน่ารัก ก่อนจะชวนเพื่อนออกไปเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์กับเหล่าต้นไม้ใบหญ้า พร้อมฟังเสียงนกร้องที่เหมือนเพลงคลาสสิคทำให้บรรยากาศยามเช้ามันโรแมนติคขึ้น แสงเช้าในฤดูหนาวของที่นี่คือสวยมาก ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนก็ปัง แกล้งเดินเผลอ ๆ สักหนึ่ง หรือจะนั่งริมระเบียงเหม่อมองไปทางวิวเขาก็เก๋ไม่เบาอยู่เด้อ
หลังจากถ่ายรูปกันหนักมาก ก็ถึงเวลามื้อเช้า ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะกินที่ห้องอาหารส่วนกลาง หรือให้ทางที่พักเอามาเสิร์ฟที่ห้อง โดยเมนูอาหารเช้าเค้าก็มีให้เลือกทั้งข้าวต้มหมูสับแบบไทยไสตล์ และอาหารเช้าแบบอเมริกันเบรคฟาสต์ พร้อมเครื่องดื่มอย่างกาแฟสด โอวัลตินร้อน ๆ หรือน้ำส้มคั้นก็มีให้เลือกเช่นกัน และมุมนี้ที่ห้องเราคือเลิศมาก กินไปแฮปปี้ไป ยิ้มอ่อนให้เพื่อนสักหน่อย เป็นเช้าอีกวันที่มีความสุขและรูปสวยมาก
หลังจากเช็คเอ้าท์เก็บกระเป๋า เปลี่ยนชุดเป็นเดรสขาวแสนหวานแล้ว ก็ได้เวลาไปเช็คอินกันต่อที่สวนดอกเก๊กฮวย ม่อนแจ่ม ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกันหลายสวน แต่ละสวนก็จะปลูกสลับกันไปมา โดยปกติของดอกเก๊กฮวยนั้นจะบานฟูสะพรั่งประมาณ 3-4 สัปดาห์ จากนั้นทางสวนก็จะเก็บดอกเอามาทำชาเก๊กฮวยและอบแห้งขาย ด้วยโลเคชั่นที่ตั้งอยู่บนเนินเขาทำให้เราถ่ายรุปสวนเก๊กฮวยได้ทุกเวลา แสงสวย โทนนุ่มละมุนมากจริง ๆ
แนะนำให้เตรียมท่าโพสต์กันไปให้พร้อม ส่วนพร็อพต่าง ๆ นั้น ทางสวนเค้าก็มีให้เราหยิบยืมกันได้หมด ทั้งตะกร้า กระบุง ร่มแบบล้านนาสไตล์ที่ไม่ว่าสาวชิค สาวหวาน สาวเปรี้ยว จะไปถ่ายเดี่ยว ถ่ายคู่ก็น่ารักละมุนไปหมด อะใครไปม่อนแจ่มต้องไม่พลาดนะเออ
อีกหนึ่งโลเคชั่นปิดท้ายทริปสุดน่ารักให้ฟีลเกาหลีสวมบทเป็นนออนนี่ซาซังนีม ขอยกให้ที่ สวนส้ม my garden เลยจ้า เป็นจุดเช็คอินในกระแสโซเชียลที่อยู่ห่างจากใจกลางม่อนแจ่มหรือจากที่พักเราประมาณ 5 กิโลเมตร ที่นี่เค้าปลูกส้มพันธ์สายน้ำผึ้งมานานกว่า 10 ปี ไปถึงปุ๊บก็จะมีตะกร้าพร้อมกรรไกรเป็นอุปกรณ์คู่ใจให้เราเดินเก็บส้มได้ด้วย จะเก็บลูกไหนเท่าไหร่ก็ได้กิโลละ 80 บาท ส่วนรสชาติของส้มนั้น คือหวานกำลังดี มีเนื้อเยอะ ส่วนตัวแล้วเราชอบที่นี่มากคิดว่าทุกคนที่ได้ไปก็น่าจะชอบเช่นกัน
จบไปแล้วกับม่อนแจ่มที่ไปกี่ครั้งก็แจ่มเสมอ พร้อมความประทับใจในทุกโมเม้นต์ ทั้งบรรยากาศที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ในทุกฤดู แต่ก็ทำให้ใจฟูได้ทุกครั้ง ไหนจะมีอากาศหนาว ๆ ลมเย็น ๆ ที่พัดมาให้เราสดชื่นตลอดวัน ไหนจะหมูกระทะบนดอยที่กินกี่ทีก็อร่อยเหมือนเดิม ไหนจะที่พักน้องใหม่สุดน่ารักอย่าง ภูตะวัน-บ้านท่าจัน การันตีเลยว่าถ้าเธอได้มาพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศดี ๆ แบบนี้สักคืน อาจจะกลายเป็นทริปง่าย ๆ ส่งท้ายปีที่มีความสุขที่สุด
ข้อมูลที่พักของ ภูตะวัน – บ้านท่าจัน ม่อนแจ่ม สามารถติดต่อได้ตามนี้เลยจ้า
เบอร์ติดต่อ : 0935551259
Line ID : 0935551259
FB : ภูตะวัน-บ้านท่าจัน ม่อนแจ่ม
Website : https://reservation.roomscope.com/1445/th
Map : https://maps.app.goo.gl/M2szWAkuWcW77FVU9