จะบ้าตายรายวัน!! เพราะจิตใจอยากเที่ยวจนเกินห้าม เวลาเห็นเชียงใหม่มีคาเฟ่เก๋ ๆ โผล่มาไม่หยุดหย่อน หรือจะเป็นทุ่งดอกไม้ฟู ๆ งาม ๆ ที่อดใจแทบไม่ไหวอยากจะไปนอนตรงกลาง แล้วยังมีหมู่บ้านในหุบเขาแสนสงบที่ใคร ๆ ต่างไปเช็กอิน แค่เห็นภาพก็ฟินอยู่หน้าจอ จนเราต้องรีบตีตั๋วมาถ่ายรูปคิ้วท์ ๆ กับเขาบ้าง ถึงแม้เวลาจะน้อย … แต่ทางเราก็อัดแน่นที่เที่ยวมาให้ได้ตามแบบชิว ๆ ด้วย 9 โลเคชั่นสุดปัง ที่จะทำให้พวกเธอใช้เวลา 3 วัน 2 คืน ได้ค่าคุ้มที่สุดกับรูท เมืองเชียงใหม่ – แม่กำปอง งานนี้รับรองได้รูปลงโซเชียลเป็นล้านแน่นอนจ้า
สำหรับทริปอยากชิวเดินตัวปลิวที่เชียงใหม่ การใช้มือถือถ่ายรูปแทนการสะพายกล้องก็เป็นทางออกที่ไม่เลวเลย ยิ่งมือถือปัจจุบันบอกเลยว่าดีมาก อย่าง Vivo V20 Pro 5G ก็สามารถตอบโจทย์ทุกการถ่ายภาพได้หมด ด้วยฟีดเจอร์มากมายไม่ว่าจะเป็น Super wide angle, Super night mode, Super wide Angle front camera และ Portrait mode ให้เราเก็บทุกโมเมนต์ ทุกมุมมอง สุดประทับใจได้ตลอดทริป กล้องหลังมากับความละเอียดสุดปัง 64MP ส่วนกล้องหน้าไม่หลุดทุกการเซลฟี่ด้วย 44 MP eye auto focus front camera เรียกว่าถ่ายแชะเดียวเอาอยู่ไม่มีเบลอ ดีงาม น้ำหนักเบา มีให้เลือกถึง 3 สี ทั้ง Midnight Jazz, Moonlight Sonata และ Sunset Melody แถมมากับตัวเครื่องบางที่สุดในโลกเพียง 7.39 มม. ง่ายต่อการพกพา สะดวกในการถ่ายขนาดนี้ … ไม่มีติดมือสักเครื่องก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
001 Roxpresso Private Reserve
สดใหม่ยิ่งกว่าขนมปังเพิ่งออกจากเตาทางเราขอยกให้โลเคชั่นแรก Roxpresso Private Reserve ที่เปิดร้านได้สามวันเราก็มาเจิมขอลองความไพรเวทก่อนใคร ความพิเศษใส่ไข่เหนือคาเฟ่ใด ๆ ทั้งปวง คือต้องจองล่วงหน้าจ้า ด้วยเหตุนี้ทำให้เราได้ความสงบที่แท้ทรู จิบกาแฟเงียบ ๆ ในร้านสวย ๆ เบื่อก็หยิบกล้องลุกขึ้นมาถ่ายรูปเล่นได้ตลอด เพราะร้านโล่งสบาย ไม่โดนกันซีน ไม่มีคนยืนบังมุม มั่นใจได้เลยว่ารูปที่ได้ต้องปังปุริเย่แน่นอน
แม้จะเป็นตึกแถวหน้าแคบทรงลึกก็ไม่เป็นปัญหาต่อการออกแบบแต่อย่างใด เขาใช้เพดานสูงเข้าช่วยทำให้ร้านดูโล่ง ด้านหน้าเป็นบาร์ยาวเกือบครึ่งร้าน สร้าง Space ให้ดูโอ่อ่า ลึกไปเป็นโต๊ะโซฟา 2 โต๊ะสำหรับลูกค้า พร้อมมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ เป็นกระจกเห็นท้องฟ้าสดใส ด้านบนเป็นชั้นลอยมีที่นั่งอยู่เพียง 3 โต๊ะ มีมุมถ่ายภาพกลางแดด ใช้เฟอร์นิเจอร์วัสดุใสลูกเล่นคล้ายปริซึ่มสีสันจะสวยงามเมื่อโดนแสงตกกระทบ ทำให้การถ่ายภาพของเรามีแสงสีที่เป๊ะปัง แปลกใหม่กว่าใครเพื่อน
ด้วยความเก่งกาจของ Vivo V20 Pro 5G เราสามารถทำภาพให้กว้างขึ้นได้ด้วยโหมด Super wide angle ที่กล้องหลังสามารถถ่ายได้กว้างถึง 120 องศา เพราะฉะนั้นการถ่ายเมนูบนโต๊ะที่มีพื้นที่จำกัด ถอยหลังไม่ได้ แต่ถ้าใช้เลนส์วายก็หมดปัญหา เก็บได้ครบ ภาพชัดสวยงาม ดูกว้างไม่อึดอัด
เมนูชวนว๊าวววว.. ที่ทางเราอยากแนะนำคือ Black Goji Berry Tea with Orange ชารสชาติหวานอมเปรี้ยวกลิ่นหอมฟรุตตี้ บอร์ดี้เบา ๆ ตกแต่งด้วย Bubble Aroma ฟองก้อนกลมน่ารัก ๆ ที่ข้างในเป็นควันให้เราได้ถ่ายภาพ Snap ฉบับเอ็กซ์คลูซีฟที่ใครเห็นเป็นต้องร้องกรี๊ด
002 Matchappen
อีกร้านคาเฟ่ที่เพิ่งเปิดไม่กี่เดือน แต่กลายเป็นร้านสุดป๊อปที่มีลูกค้าเข้าออกไม่ขายสาย Matchappen ตกแต่งด้วยโทนสีขาว มีขนาดร้านค่อนข้างใหญ่ และจุดถ่ายรูปเยอะมาก ทั้งแบบญี่ปุ่นจ๋าม่านไม้ไผ่เฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน แบบมินิมอลหินขาว ๆ กิ่งไม้เก๋ ๆ ถ่ายเซลฟี่สะท้อนกระจกแบบเท่ ๆ หรืออยากได้ชิล ๆ ให้นั่งริมบาร์มองสวนด้านนอกก็เป็นไอเดียที่ดี พูดง่าย ๆ ว่าทุกจุดสามารถเป็นไฮไลท์ของร้านได้หมดเลย
อย่างที่บอกไปว่ากล้องหลักของรุ่นนี้ความละเอียดเค้ามากถึง 64 MP แค่วางคอมโพภาพสวย ๆ จะตั้งเฟรมตรงหรือจัดเส้นนำสายตาเป็นมิติลึกก็เลิศเพราะเขาเกลี่ยแสงอัตโนมัติได้สมดุล กดแชะเดียวก็ได้ภาพคมชัด แต่งสีปรับแสงนิดหน่อยก็ไม่เป็นปัญหาเพราะไฟล์ภาพดีไม่มีแตก เนียนกริบแน่นอน
ในส่วนเมนูชูโรงของร้านก็จะเป็นพวกมัทฉะต่าง ๆ มีทั้งบอร์ดี้หนัก-เบา เฝื่อนมาก-น้อย กรรมวิธีการชงเป็นแบบออริจินัลเจแปนสไตล์เลยจ่ะพี่จ๋า ใช้ก้านไม้ไผ่ซี่ ๆ คนจนผงมัทฉะแตกตัวดูเข้มข้นเหมือนได้ไปนั่งกินอยู่ในร้านชาที่เกียวโตเลย ส่วนขนมที่อยากให้ลองคือ Matcha Cheesecake อร่อยมากกกกกกกกกกกกก.. ชีสเค้กเนื้อสัมผัสนิ่ม หวานเล็กน้อย กลิ่นชาเขียวไม่แรงอย่างที่คิด ใครเป็นชาเขียวเลิฟเวอร์น้องขอขิงหน่อยว่าถ้าพลาดร้านนี้ พี่จะต้องเสียใจ
003 Componant Lab
อร๊าย!!!!! ฉันร้องกรี๊ดเลยเมื่อเจอ Componant Lab ร้านที่ยกระดับร้านกาแฟให้ดูเท่กูตูร์มากยิ่งขึ้นด้วยธีมดาร์ก ๆ โทนสีดำสนิทจัดแสงเล่นไฟสลัวในที่มืดได้สวยงาม เคาน์เตอร์ด้านหน้าเป็นเหมือนบาร์นั่งดริ้งค์ แค่เปลี่ยนจากบาร์เทนเดอร์เป็นบาริสต้า คอยรังสรรค์เมนูชวนแปลกใจให้เราได้ลิ้มลอง โดยตัวเมนูกาแฟทั้งหมดจะเป็นแบบ Slow bar เท่านั้น อีกอย่างที่ชอบมาก ๆ ในร้านนี้คือกลิ่น ไม่ใช่กลิ่นกาแฟ แต่เป็นกลิ่มหอมชวนผ่อนคลาย ที่เราประทับตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามา
บอกตรง ๆ ว่ารู้สึกตื่นเต้นกับมุมถ่ายรูปของร้านนี้มาก ๆ เพราะการดีไซน์ที่ฉีกคอนเซ็ป แหวกแนวกว่าร้านไหน ๆ ในเชียงใหม่ ทำให้เราแอคทีฟอยากได้รูปไปซะทุกมุม แม้ภายในร้านมีเพียงแสงไฟสลั วแต่ด้วย Super night mode wide angle ชดเชยแสงแบบ night mode เพิ่มเติมด้วยเลนส์วายด์ ก็ทำให้มุมมืด ๆ เล็ก ๆ นี้ดูน่าสดใสและกว้างขึ้นได้อีกหลายเท่าตัว ช่วยให้เราได้ภาพเด็ด ๆ มาเผ็ชในโซเชียลได้ง่ายด้วยปลายนิ้วจ้าแม่
เนื่องจากเครื่องดื่มทั้งหมดเป็นแบบ Slow bar กาแฟจึงมีเพียงแบบดริปและโคลด์บรูว์เท่านั้น ซึ่งเมนูที่ทางเราตั้งใจมาลองคือ NOIR กาแฟผสม กุหลาบ และทับทิม เสิร์ฟในรูปแบบ On the rock มีกลีบกุหลาบแดงวางด้านบน ให้ได้รับกลิ่นดูโรแมนซ์ รสชาติลงตัวมาก และเมนู Cold Brew ในขวดทรงสวยเสิร์ฟพร้อมเลม่อนเค้ก ทานตัดกับเครื่องดื่ม โดยได้แนวคิดมาจากการทานเสต็กตัดกับไวน์ เป็นวิธีการทานเพื่อเสริมรสชาติให้กันและกัน ซึ่งก็ช่วยได้จริง ๆ ขนมชิ้นนี้ทำให้การดื่มกาแฟไม่ชืดจนน่าเบื่อ แต่กลับทำให้เรากินเพลินจนหยุดไม่ได้เลยทีเดียว
004 Sunday Rays Café’ – Breakfast & Brunch
แต่งหน้าแต่งตัวแต่เช้า เพื่อมาเบรคฟาสคิ้วท์ ๆ ในคาเฟ่ตึกแถว ฟีลโฮมมี่แถบลอนดอน แต่อยู่ในคูเมืองเก๋ ๆ แม้ Sunday Rays Café’ – Breakfast & Brunch จะเป็นร้านเล็ก แต่เค้าก็มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก การตกแต่งเน้นโทนขาวเพดานสูงโปร่ง ทำให้ร้านดูไม่แออัดจนเกินไป เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ก็เป็นแบบ mix and match จัดวางอย่างลงตัว พร้อมเสิร์ฟอาหารหน้าตาน่ารักน่าหยิก เมนูส่วนใหญ่จะเป็น Breakfast และ Brunch ที่สามารถสั่งทานได้ทั้งวัน ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น
เราจัดชุด Ryan’s French Toast ฮันนี่โทสต์ชิ้นโต อัดแน่นไปด้วยผลไม้สดตระกูลเบอร์รี่ดีต่อลำไส้ ราดซอสเบอร์รี่เพิ่มรสชาติหวานอมเปรี้ยวรีเฟรซเช้าวันใหม่ให้สดใส พร้อมอาหารจานหลัก ABF เมนูเบสิกอาหารเช้าแบบอเมริกันตกแต่งแบบฉบับของทางร้านมีทั้งไข่คน เบคอน สลัดผักเพื่อสุขภาพ และครัวซองต์อุ่นร้อนหอม ๆ บอกไว้ก่อนเลยนะว่าคนหิวอย่าวู่วามเพราะอาหารเขาจานใหญ่มาก.. เมนูนึงแม่ว่ากินได้สองคนเลยค่ะ แต่ถ้าสั่งมาหลายจานก็จะได้รูปสวย ๆ แบบเรานี่แหละ อิอิ
005 Barking Jac
สำหรับคนที่อยากได้ฟีลเหมือนไปแคมป์ปิ้งที่เชียงใหม่ เรามีร้านที่เพิ่งเปิดใหม่เดือนนี้มาแนะนำ Barking Jac คือร้านในสวนสวยใจกลางเมือง ตกแต่งเป็นลานตั้งแคมป์ มีทั้งเต็นท์ ทาร์ป โต๊ะเก้าอี้ ตะเกียง ฯลฯ ยกมาวางแบบฟูล์ออฟชั่นให้เราถ่ายรูปเล่นได้ตามใจ เมนูส่วนใหญ่เป็นเครื่องดื่มมีทั้งกาแฟดริป ม๊อกเทล และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมอาหารที่เข้ากับบรรยากาศแคมป์ปิ้ง อย่าง Jac’s ribs platter เซ็ตซี่โครงย่างรมควัน Chilly cheese fires เฟรนซ์ฟรายชีสเยิ้ม เหมาะกับนั่งกิน เม้าท์มอย กับกลุ่มเพื่อนมาก ๆ
พอฟ้ามืด รอบ ๆ ร้านเขาเปิดไฟส้มดวงน้อยโยงประดับรอบร้านเลยเธอ งานนี้ต้องขอบคุณเทคโนโลยีล้ำ ๆ ของกล้องมือถือในปัจจุบันที่เขาสามารถถ่าย Night mode กันได้แบบไม่ต้องวางขาตั้งกล้อง มือสั่นแต่ภาพไม่สั่น เก็บแสงได้ดีสีสันคมชัด ชัตเตอร์ไว แอคท่าไหนก็ไม่พลาด น้องว่าเราต้องมี Vivo V20 Pro 5G ไว้สักเครื่องแล้วค่ะคุณพี่
006 หมู่บ้านแม่กำปอง
“แม่กำปองครั้งเดียวไม่เคยพอ” นี่เป็นคำพูดของเพื่อน ๆ ที่ได้มาเที่ยวในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งเราก็ไม่ขอเถียงเพราะหลังจากทริปนี้เราก็เริ่มแพลนจะมาใหม่อีกรอบแล้ว เหตุผลที่เราหลงเสน่ห์แม่กำปอง ก็น่าจะเป็นเพราะอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี ผู้คนเป็นมิตรน่ารัก ยิ่งอู้คำเมืองกับเฮาเฮายิ่งฮัก ชุมชนเน้นการท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์ธรรมชาติ เห็นความสำคัญเรื่องความสงบเป็นหลัก และสถานที่ท่องเที่ยวสามารถเดินถึงกันได้อย่างง่ายดายแม้จะเป็นทางเขาชันก็เดินได้ชิว ๆ
โดยจุดชมวิวสุดปังที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ห้ามพลาดจะอยู่ที่ “ร้านกาแฟอิงดาว แม่กำปอง” เราจะเห็นหมู่บ้านที่ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติสีเขียว ภูเขาลูกโต ๆ
นอกจากภาพสุดปังที่ถ่ายด้วยกล้องหลังจากหลากโลเคชั่นด้านบนแล้ว ในส่วนของกล้องหน้าต้องบอกว่าดีงามไม่แพ้กันกับความชัดระดับ 44 MP ซึ่งเขามีจุดเด่นอยู่ที่ 44 MP eye auto focus front camera ที่แค่ยกขึ้นมาถ่ายก็โฟกัสที่ตาอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ภาพคมชัดสร้างมิติภาพให้มีความลึก และอีกฟีดเจอร์ที่ชอบคือ Super wide angle front camera กับความละเอียด 8 MP แถมถ่ายได้ถึง 105 องศา โอ้โห!!! ถ่ายภาพจากกล้องหน้าเห็นชัดทั้งตัวคนและฉากหลัง ไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่ต้องวานให้คนอื่นถ่ายรูปให้แล้วจ้า เพราะเลนส์ที่กว้างขึ้นทำให้เราเก็บบรรยากาศด้านหลังได้เต็ม ๆ มีกล้องแบบนี้ไว้ในมือบอกเลยเซลฟี่ยังไงก็ไม่บ้งค่ะซิส
พอฟ้ามืดลงทั้งหมู่บ้านก็เริ่มเปิดไฟสีส้มที่ดูอบอุ่นสวยงามราวกับอยู่ในภาพวาด จากจุดชมวิวสูงสุด เราทดสอบกำลังเข่าด้วยการเดินลงมาสู่ถนนคนเดินใจกลางหมู่บ้าน ที่ตอนนี้ตะหลบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม ๆ ของไส้อั่ว อาหารพื้นถิ่นสไตล์เมืองเหนือ รวมถึงขนมกินเล่นอีกมากมาย ถึงตรงนี้ก็ตัวใครตัวมันแล้วจ้า เดินกระจายแยกย้ายหาของกินกันอย่างสนุกสนาน แม้ภาพจะดูเหมือนคึกคัก แต่จริง ๆ แล้วเขาเดินกันอย่างเงียบสงบ ตรงนี้รู้สึกอะเมซิ่งมาก มีเสียงคุยเล่นเล็กน้อยไม่โหวกเหวก เสียงที่ดังสุดคงจะเป็นเสียงธารน้ำ และน้ำตกที่ไหลตามธรรมชาติอยู่ข้าง ๆ ถนนเท่านั้น
ความคึกคักของถนนคนเดินจะอยู่ช่วง 18:00 – 20:00 น. เป็นสองชั่วโมงที่ร้านค้าเปิดเต็มสตรีม เพราะเขามีกฎเท่ ๆ เพื่อความสงบของส่วนรวม ที่เรารับรู้ผ่านเสียงตามสายของหมู่บ้านประกาศดังไปทั่วทั้งหุบเขา ว่าหลังสามทุ่มทางหมู่บ้านเขามีกฎไม่ให้ส่งเสียงดัง ในช่วงเวลานี้ใครที่อยากสนุกกับการถ่ายรูปตอนกลางคืนแต่ตั้งค่าไม่ได้ แต่งรูปไม่เป็น เราขอแนะนำโหมด Super night mode (Filter) ที่นอกจากจะถ่ายรูปยามค่ำคืนโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องแล้ว ยังมีลูกเล่นการดูดสี เติมแสง ให้ภาพดูน่าสนใจยิ่งขึ้นด้วย รูปที่เห็นถ่ายมาแชะเดียวก็ใช้ได้เลยไม่ต้องถึงมือมือโปรรูปก็โอได้จ้าคุณพี่
007 Woo ma ca moo Resort
หากมาเที่ยวแม่กำปองไม่รู้จะนอนไหน เราขอแนะนำ Woo ma ca moo Resort ที่นี่มี 3 ห้อง 3 สไตล์แตกต่างกัน แต่สวยเหมือนกันทุกห้อง มีมุมถ่ายรูปที่ผ่านการออกแบบมาอย่างดี สิ่งอำนวยความสะดวกครบ แม้กระทั่งยางมัดผมก็เตรียมไว้ให้ เดินลงไปด้านล่างมีน้ำตกส่วนตัวให้เราลงไปแช่ได้ด้วย เป็นที่พักในฝันจนรู้สึกว่านอนคืนเดียวมันน่าเสียดาย ราคาแต่ละห้องอยู่ที่ 4,800 บาท / 2คน (Extra bed 680 บาท) ราคาเดียวทุกห้องและทุกช่วงเวลา มาวันหยุดหรือวันธรรมดาก็ได้การดูแลที่คุ้มค่ามาตรฐานเท่ากันแน่นอน
นอกจากห้องจะสวยงามแล้ว ที่นี่ยังมีคาเฟ่น่ารัก ๆ พร้อมเสิร์ฟแขกที่มาพักแบบไม่อั้น จะกินเท่าไหร่ก็ได้ เรื่องรสชาติเหรอ? อร่อยไม่แพ้ร้านร้านกาแฟในเมืองที่มีบาริสต้าเก่ง ๆ เลย กินเข้าไปแล้วรู้เลยว่าใช้วัตถุดิบดีงาม อย่างชาเขียวก็มัทฉ๊ะมัทฉะเหมือนบินไปกินถึงเจแปน กาแฟเป็นเบลนด์ผสมระหว่างกาแฟไทยและเอธิโอเปียมีความเบอร์รี่ ๆ ปลายเปรี้ยวกลิ่นหอมมากรสชาติกลมกล่อม ส่วนชีสเค้กก้อนนี้คือสวรรค์อร่อยนุ่มหวานกำลังได้ ชิ้นกำลังดีเลย
นั่งรับอากาศเย็น ๆ กลางหุบเขา ฝนตกปรอย ๆ หมอกลอยจาง ๆ บรรยากาศคือน่ากินหมูจุ่มร้อน ๆ เราเลยจัดมา 1 เซ็ตโต เรียกว่ากินสองคนก็อิ่มไปสองวัน เซ็ตใหญ่อร่อยจัดหนักมากกกก หมูสไลด์บางอย่างดี กับหมูสามชั้น ลูกชิ้นปลาถ้วยใหญ่ ไข่สองฟอง(ขอเพิ่มได้) ผักสด ๆ น้ำซุปหวานกลมกล่อม น้ำจิ้มเผ็ดเปรี้ยวหวานครบรสแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม เป็นมื้อที่อร่อยฟินแบบอิ่มแล้วก็ยังพยายามกินให้หมดเพราะเสียดาย ถ้าคะแนนเต็มสิบเราขอให้ที่นี่ยี่สิบเลยเธอ ผ่านทุกบททดสอบ ให้เราได้กินอิ่มก่อนซุกตัวลงบนเตียงอุ่น ๆ ดูแลดุจลูกหลานจริง ๆ
008 บ้านข้างวัด
แลนด์มาร์กอีกแห่งของเชียงใหม่ที่เรามาอยู่บ่อย ๆ ขอยกให้ บ้านข้างวัด เพราะแม้จะอยู่ในโลเคชั่นเดิม ๆ แต่ภายในนั้นเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ มีของทำมือดีไซน์เก๋มาวางขายไม่เคยซ้ำ ที่นี่เป็นเหมือนคอมมูนิตี้พื้นเมืองมีลานกิจกรรมตรงกลาง ล้อมรอบไปด้วยบ้านไม้ 2 ชั้นจำนวน 13 หลัง มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และฟาร์มขนาดย่อมดูร่มรื่น เปิดให้บริการตั้งแต่ 10:00 – 18:00 น. ทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ปกติในนี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดเวลา แต่ตอนนี้ถ่ายรูปสะดวก หาที่จอดรถสบายมาก ๆ เพราะมีแต่คนไทยมาเที่ยวกัน เราเลยได้บรรยากาศเงียบสงบ ฟีลโซวกู๊ดดดดดดด <3
นอกจากงานคราฟต์ทำมือที่วางขายแล้ว เขามีกิจกรรมเวิร์คช็อปมากมายตามความชอบเราด้วย ทั้งปั้นเซรามิกทรง abstract ทำพวงกุญแจผ้าฝ้าย ตอกชื่อบนผลิตภัณฑ์หนัง รวมถึงทำโปสการ์ด เราไม่รู้ว่าเขาทำได้ยังไงให้รู้สึกว่าในนี้เหมือนถูกหยุดเวลา ทุกอย่างมันมีความเนิบ ทุกร้านดูไม่รีบร้อน เจ้าของร้านที่นี่ Keep Calm ค่อย ๆ ทำงานฝีมือของตัวเองไปเรื่อย ๆ เหมือนใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านนี้จริง ๆ คงเพราะบรรยากาศแบบนี้แหละที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้เราต้องแวะมาทุกครั้ง
009 สวนดอกไม้กู๊เนียน์ ฟอร์เรสท์ (Kuv Niam Forest)
สวนสวยสุดกิ๊งที่เพิ่งเปิดเมื่อต้นเดือนตุลาคม โดดเด่นด้วยทุ่งดอกไม้สีม่วงสะดุดตาพร้อมวิวพาโนราม่าภูเขาล้อมรอบ ดูจากชื่อคนคงเดากันว่าเป็นสวนของชาวจีน อากู๊ของใครคนไหนหรือเปล่า.. ไม่ใช่จ้าคำว่า Kuv Niam มาจากภาษาม้ง แปลว่าแม่ของฉัน ซึ่ง สวนดอกไม้กู๊เนียน์ ฟอร์เรสท์ นี้เขาได้แรงบัลดาลใจมาจากแม่ ที่เปรียบเสมือนเสาหลัก จะไปที่ไหนก็ต้องกลับมาหาแม่ที่บ้าน ซึ่งที่นี่ก็คือป่าของแม่นั่นเอง นอกจากสวนจะสวยแล้วความหมายยังลึกซึ้งอีกด้วย เราแนะนำให้มาช่วงเช้าเลยดีกว่าเพราะแดดไม่ร้อน คนไม่เยอะถ่ายรูปสะดวกมาก ๆ
สวนดอกไม้ ผู้หญิง และ Portrait mode เป็นสามสิ่งที่ควรอยู่ด้วยกันเป็นอย่างมาก และ Vivo V20 Pro 5G ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง การละลายหน้า ละลายหลัง ทำได้ดีมีมิติมาก ๆ แค่หามุมที่ชอบ หาโบเก้ที่ใช่มาวางไว้หน้าเลนส์ เราก็ได้ภาพละมุนละไม เปลี่ยนสาวชิคให้เป็นสาวหวานได้ทันที ส่วนการเดินทางก็สะดวกสบาย จากตัวเมืองขับรถมาเพียง 40 นาที ค่าเข้าคนละ 50 บาทเท่านั้น ซึ่งบัตรเข้าสวนสามารถเอาไปรับข้าวโพดอบเนย หรือเป็นส่วนลดในร้านกาแฟก็ได้ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 8:00-16:00 น.
ใด ๆ ความปั๊วะปังของรูปเชียงใหม่ในทริปนี้ ก็ต้องยกความดีทั้งหมดให้กับ Vivo V20 Pro 5G เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากจะมีไว้ครอบครอง สามารถไปจับจองเป็นเจ้าของได้แล้วที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ในราคาเพียง 14,999 บาท และหากพวกเธออยากได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติมอีกสักนิด ตามไปดูได้ที่นี่เลยจ้า >>> http://www.vivo.com/th/products/v20pro
แม้กายหยาบจะกลับมาทำงานแล้ว แต่รูปที่โผล่ในไอจีก็ยังคงเป็น 9 โลเคชั่นจากทริปเชียงใหม่ครั้งนี้อยู่ดี เพราะถ่ายมาเยอะมากจนลงได้ถึงสิ้นปีอะเธอ ร้านที่ไปส่วนใหญ่ก็เพิ่งเปิดใหม่ลงตอนไหนก็เหมือนอัพเดทไม่ตกเทรน แถมทั้งคาเฟ่ ที่พัก ที่เที่ยว เหมือนจัดวางไว้สำหรับให้ถ่ายรูปจริง ๆ ถ่ายสวยแบบไม้ต้องพึ่งตากล้องเลยแหละ ยิ่งถ้ามีตัวช่วยดี ๆ เหมือนที่เรามี Vivo V20 Pro 5G นี่นะบอกเลยว่าถ่ายเพลินรูปปังจนเลือกไม่ถูกแน่นอน และสำหรับเชียงใหม่เดี๋ยวเราจะกลับมาเที่ยวใหม่อีกครั้งแน่นอน <3