14 สถานที่ ที่จะทำให้คิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ ของเมืองเกียวโต
คาวาอิ “เกียวโต” โอ้โหเร้าใจเว่อร์ อ่ะ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวญี่ปุ่นรอบที่ร้อยหรือรอบที่พัน เรายังยืนยันคำเดิมว่าไม่เบื่อเลยจริง ๆ เพราะถ้าการเดินทางคือหนังสือเล่
เอาเป็นว่าถ้าเดินทางไปญี่ปุ่นได้ปุ๊ป เราแนะนำให้หาตั๋วปั๊บ เพราะงานนีดี๊ดี การันตีความฟิน
01 Creative studio & shop ooo
เสื้อผ้าอุ่น ๆ พร้อม เราก็มาเริ่มกัน
เมื่อเดินสำรวจเสร็จก็พบว่า
02 Ninen-zaka and Sannen-zaka
จุดที่ 2 คือ คือ คือเขตอนุรักษ์สถาปัตยกรรมใ
และมุมฮิตติดลมบนสำหรั
03 Higashi Tennou Okazaki-jinja Shrine
จากฟากฟ้าในจันทราสู่ตัวแทน
สาเหตุหลักที่ผู้คนหลั่งไหล
04 Kinkakuji Temple
ค้าบบบบผม จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน พักเดี๋ยวนึงสิค้าบบบบบ แค่เห็นวัดแห่งนี้เสียงเล็ก
05 Kamo River
สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ เรื่องราวก็ไม่เคยหลับใหล บนสายน้ำที่ไหลทอดยาวจากอดี
06 Pontocho
ถ้าพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ Kamo River ไปแล้ว ก็แนะนำให้มาเดินต่อกันที่ Pontocho ตรอกขนาดเล็กที่ตกแต่งด้วยโ
07 Arashiyama Bamboo Grove
ไม่ว่าจะ 10 ปีที่แล้ว 5 ปีที่แล้ว 3 ปีที่แล้ว หรือตอนนี้ ต้นไผ่ที่สูงชะลูดบนทางเดิน
เดินป่าไผ่เสร็จใครอยากแวะเ
08 Fushimi Inari Shrine
ป้าไผ่เคียงคู่เกียวโตฉันท์ใด Fushimi Inari Shrine ก็ยืนหนึ่งคู่เกียวโตมาด้วยกันฉันนั้น เชื่อว่า 99.99% ของคนที่ชอบมาเที่ยวญี่ปุ่นจะต้องเคยมาถ่ายรูปเสาแดงที่ทอดยาวในศาลเจ้าจิ้งจอกแห่งนี้แล้วทั้งนั้น ที่นี่เป็นศาลเจ้าที่อยู่คู่เกียวโตมาก่อนที่จะมีเกียวโตซะอีก เพราะถูกคาดการ์ณว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.794 หรือกว่าพันปีมาแล้ว โดยผู้คนเชื่อกันว่าภูเขาอินาริ ที่ตั้งของศาลเจ้าอินาริแห่งนี้ เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิที่พำนักของเทพอินาริ เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์และการเก็บเกี่ยว โดยมีจิ้งจอกเป็นสัตว์เทพคู่กาย ที่นี่จึงมีรูปปั้นจิ้งจอกอยู่ทั่วศาลเจ้า และเสาสีส้มเอกลักษณ์ของที่นี่ก็มีมากมายถึงหมื่นกว่าต้นเลยทีเดียว และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นไปอีก เพราะเสาเหล่านี้เกิดจากการบริจาคจากเหล่าผู้ศรัทธาจากทั่วประเทศและทั่วโลก
09 CAMEL DINER
สีแดงไหนก็ไม่สวยเท่าสีแดงของเนื้อฉ่ำที่สไลด์มาบาง ๆ สีเหลืองไหนก็ไม่สวยเท่าสีเหลืองสดของไข่ไก่ที่สุกสกาว สีขาวไหนก็ไม่สวยเท่าสีขาวของขาวสวยเม็ดเงา เนื้อนุ่มเหนียวเด้งสู้ฟัน ถ้านี่คือความสวยงามในใจแก … เราบอกเลยว่าข้าวหน้าเนื้อที่ CAMEL DINER จะเป็นความงามเหนือความงามทั้งปวง เพราะนี่คือข้าวหน้าเนื้อที่ปังที่สุดร้านนึง แถมมีหลายสาขาให้ลิ้มลอง แต่แนะนำว่าอย่าพยายามไปแย่งชิงกับผู้คนในยามเที่ยง แต่ให้เลี่ยงไปช่วงบ่าย ๆ แทน จะได้ไม่ต้องรอท้องกิ่วและหิวจนเกินงาม ตัวร้านเองหลัก ๆ เป็นร้านที่เน้นเมนูแกงกระหรี่ แต่เมนูแนะนำคือข้าวหน้าเนื้อ ที่มีสามขนาด สามซอสให้เราเลือก ส่วนเราเลือกขนาดดับเบิ้ลราดซอสโชยุมากิน บอกเลยว่าจุกมาก ๆ ใครมาคนเดียวสั่งไซส์เล็กก็พอละล่ะ
ทันที่ข้าวมาเสิร์ฟคือเคลิ้มมากมายเหมือนตกหลุมรัก เนื้อสีแดงฉ่ำก็ดูนิ่มนุ่ม เวลาทานก็เอาตะเกียบเจาะไข่แดงดิบแล้วคลุกให้ทั่ว ตักเนื้อ ไข่ และข้าวสวยร้อน ๆ เข้าปากพร้อม ๆ กัน แล้วบุ๊งงงง รสเนื้อกระจายทั่วปากแบบแน่น ๆ หอมหวน ไม่มีความเหม็น ความคาวใด ๆ ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งเพลิน และแม้จะจุกแต่เราก็เผลอกินจนหมดแบบไม่รู้ตัวเลย
10 ROCCA & FRIENDS TRUCK
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งเวลาที่เรามาญี่ปุ่นแล้วต้องตกหลุมรักก็คือเหล่าคาเฟ่ต่าง ๆ ที่แสนจะน่ารักและมีไอเดียกิ๊ปเก๋ยูเรก้าน่าลิ้มลองให้เลือกเป็นทิวแถวนั่นเอง ซึ่งร้านนี้ที่เราอยากแนะนำก็เพราะมันคิ้วท์สุด ๆ แถมยังอร่อยมาก ๆ อีกด้วย ร้านนี้เป็นร้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่โดด ๆ มองผ่าน ๆ ก็ดูน่ารัก แต่ไม่ได้โดดเด่นมากเท่าไหร่นัก แต่มันกลับซ่อนสองเมนูแนะนำที่เหมาะแก่การถ่ายรูปและดื่มเพิ่มความสดชื่นอย่าง Hojicha Latte และ Matcha Latte ที่มีความพิเศษคือท้อปปิ้งคุ้กกี้ที่ทำเป็นรูปสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของเมืองเกียวโต ได้แก่ เกียวโตทาวเวอร์ เจดีย์ห้าชั้น ประตูโทริอิ และตัวอักษรไฟที่จุดในงานโอบ้งของเกียวโต เป็นต้น ซึ่งแต่ละชิ้นจะถูกวางลงบนวิปครีมหวานหอมเนื้อนุ่มสีขาว ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเกียวโตมีรสชาติ มันก็คงจะหวานหอม เข้มข้น ประมาณมัชชะลาเต้แก้วนี้หล่ะมั้ง
11 %Arabica Kyoto Higashiyama
คาเฟ่มากล้นพอ ๆ กับคนที่กระหายในคาแฟอีน แต่สำหรับใครที่กำลังมองหากาแฟดี ๆ สักแก้วในเกียวโต เราเชื่อว่าร้านนี้จะต้องมีชื่อติดโผอันดับต้น ๆ เกือบทุกสำนักเป็นแน่ %Arabica เป็นร้านเล็ก ๆ เน้นความเรียบง่ายด้วยสีขาวสบายตา เพิ่มความดูดีอีกนิดด้วยเฟอร์นิเจอร์สีไม้ และเครื่องชงกาแฟสีเงิน เสริมเสน่ห์อีกหน่อยด้วยกลิ่นกาแฟคั่วบดหอม ๆ ที่ลอยฟุ้งจนเต็มบรรยากาศ แต่จุดพีคสุดจะอยู่ที่ตอนแกรับแก้วกาแฟอุ่น ๆ มาไว้ในมือท่ามกลางบรรยากาศของลมหนาวและจิบเป็นครั้งแรก นี่แหล่ะคือคำตอบของคำถามที่ว่าร้านนี้มีดีอะไร กาแฟหอม ๆ รสเข้มที่พร้อมกระตุ้นอะดีนารีนในร่างกายให้ตื่นตัวขึ้นอีกครั้งคือคำตอบของทุกอย่าง
12 Starbucks Coffee เสื่อทาทามิ
ดื่มกาแฟฝรั่งแต่นั่งบนเสื่อทาทามิ ถ้าพูดถึงสตาร์บัคก็คงไม่ต้องบรรยาอะไรกันแล้ว จริง ๆ ไม่ต้องรีวิวก็ได้เพราะหากินได้เกือบทั่วทุกมุมโลก แต่ แต่ แต่ความพิเศษของสาขานี้ที่ทำให้เราสนใจก็คือบรรยากาศที่ช่างแตกต่างและเป็นหนึ่งเดียวในโลก!!! เค้านำเอาบ้านไม้สไตล์ญี่ปุ่นมาปัดฝุ่นสร้างกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นให้เข้มข้นมากกว่าเดิม แต่ยังคงเสิร์ฟเครื่องดื่มของสตาร์บัคที่ทั่วโลกคุ้นเคย คอนเซ็ปท์ของสาขานี้คือการพยายามสร้างร้านที่มีเพียงแค่หนึ่งเดียว ที่สามารถสัมผัสประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของเกียวโต ได้มากขึ้นไปกว่าที่เคยทำมา จนออกมาเป็นสาขาที่หากมองเผิน ๆ ก็แทบจะไม่รู้เลยนี่คือร้านสตาร์บัค
ด้านในของบ้านไม้สองชั้นสีน้ำตาลอ่อนแบบโบราณ เมื่อเดินเข้าไปด้านในจะรู้สึกได้ถึงความสงบของห้องชงชาพิธีกรรมชั้นสูงของชาวญี่ปุ่น ทำให้เพิ่มความรู้สึกหรูหราและย้อนยุคเข้าไปอีก หลังจากสั่งเครื่องดื่มแก้วโปรดแก้วเดิม แล้วเดินมานั่งจิบบนพื้นเสื่อ กลับทำให้เรารู้สึกว่ารสชาติเดิม ๆ ของกาแฟในมือมันมีความแปลกใหม่ และน่าลิ้มลองมากขึ้นกว่าเดิม สงสัยว่ามันคงจะมีรสของบรรยากาศเข้าไปด้วยล่ะม้างงงง
13 Blue Bottle Coffee Kyoto Café
อีกหนึ่งร้านคาเฟ่ที่ป๊อบสุดในญี่ปุ่น มีสาขาแรกในญี่ปุ่นที่โตเกียวคือดังมาก คนแห่ไปถล่มทลาย และทั่วโลกอีก 13 สาขา ซึ่งตอนนี้ใครไปเกียวโตก็มีโอกาสได้ลิ้มลองเจ้ากาแฟระดับโลกที่จะเสิร์ฟกาแฟด้วยกรรมวิธีการชงแบบสูญญากาศทีละแก้ว ทีละแก้ว จนออกมาเป็นกาแฟแท้ ๆ ที่มีรสบางเบา หอมกรุ่น เจ้าร้านกาแฟที่ไม่มีป้ายกาแฟมีเพียงป้ายรูปขวดสีฟ้าสดใส จนตอนแรกอาจจะทำให้หลายคนที่ไม่คุ้นเคยเกิดความสงสัยได้ว่าเจ้าบ้านไม้สองชั้นอายุร้อยกว่าปีแห่งนี้ เป็นร้านที่ขายอะไรกันแน่ แต่เมื่อแกเดินเข้าเขตของร้านแล้วคำตอบกลับล่องลอยอยู่ในอากาศ กลิ่นกาแฟช่างเชิญชวนให้เราเดินสับขาเข้าไปอย่างว่องไว และบรรยากาศที่ดูสงบก็ชวนให้เราเก็บภาพตั้งแต่ทางเข้าจนแก้วที่อยู่ในมือ
ภายในร้านนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นจากการตกแต่งที่เน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน โปร่งสบายจากเพดานสูงโปร่ง หรูหราจากความเรียบง่าย ทุกอย่างในร้านช่างดูลงตัวและพิถีพิถันสมกับเป็นร้านระดับโลกจริง ๆ เอ้ออออ ว่าแล้วก็อยากได้ลาเต้ร้อน ๆ สักแก้วจัง
14 Nishiki Market
สุดท้ายขอนำเสนอโลเคชั่นที่เราต้องมาแทบทุกทริป ทริปล่ะหลายครั้ง เพราะมันคือกะเพาะอาหารของเมืองเกียวโต หรือที่ชาวบ้านให้สมญานามมันว่า ครัวของเกียวโต ตลาดแห่งนี้เริ่มจากการเปิดให้บริการโดยร้านค้าเล็ก ๆ ร้านเดียวในปี 1310 จนขยายมาเป็นร้อยกว่าร้านค้าในปัจจุบัน ทำให้บนถนนที่ยาวเพียงห้าช่วงตึกแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านค้าคับคั่งไม่ว่าจะเป็นร้านแผงลอย ไปจนถึงร้านใหญ่ ๆ ให้นั่งทานกันจนหนำใจ
ส่วนอาหารก็มีเยอะมากกกกกทั้งของสด ของแห้ง ผักดอง ซูชิ อาหารท้องถิ่น อาหารตามฤดูกาล ของหวาน และร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบจากทะเลสด ๆ อีกมากมาย ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกกันจนตาลาย อยากได้ไรก็มี มี มี๊ แล้วเราก็จะกิน กิน กิ๊น เพราะไอ้นู่นก็หายาก ไอ้นั่นก็น่ากิน อันนั้นก็อร่อย อันนี้ก็ดูดี ไม่มีทางที่ใครจะออกจากตลาดแห่งนี้ไปด้วยความหิวโหยแน่ ๆ และนี่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราจะมาเดินตลาดนี้แน่นนอน
จบไปแล้วกับ 14 สถานที่ ณ เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นในช่วงฤดูหนาวที่จะช่วยกระตุ้นทุกความชุ่มฉ่ำให้เต็มพื้นที่ของหัวใจ เราหวังว่ารูปสวย ๆ เหล่านี้จะช่วยกระตุ้นต่อมอยากเดินทางของพวกเธอได้บ้างไม่มากก็น้อย แล้วเธอจะรู้ว่า … ไม่ว่ารูปถ่ายจะสวยงามเพียงใด การได้ไปเห็นได้สัมผัสด้วยตัวเองมันยิ่งเป็นภาพที่สวยกว่าอีกหลายเท่าตัวอย่างแน่นอน และเมมโมรี่ที่ใหญ่ที่สุดก็คือความรู้สึกของคนเรา เอาล่ะ ออกเดินทางไปเก็บภาพที่สวยงามที่สุดด้วยตาของตัวเองลงในเมมโมรี่ที่ชื่อว่าความทรงจำกันเถอะ