รีวิวกรุงเทพฯ :: One Day in Lumpini, Bangkok, Thailand

อาทิตย์นี้ไปไหนกันดี?
คำถามยอดฮิตที่วนมาทุกทีเมื่อถึงวันหยุด

สำหรับคนที่วันลาน้อยต้องใช้สอยอย่างประหยัด วันนี้เรามีเดย์ทริปเก๋ ๆ เช้าจรดค่ำมานำเสนอ ชวนพวกเธอออกจากบ้าน มาเที่ยวกรุงเทพให้สนุกกว่าเดิม กับย่านลุมพินีที่ไม่ได้มีดีแค่สวนลุม โดยเร่ิมจากตื่นนอนสาย ๆ แล้วไปทาน Brunch and Breakfast แบบชิล ๆ ก่อนจะไปเติมความสนุกฟิน ๆ กันต่อที่ ‘Harborland Sindhorn Midtown Hotel’ สาขาน้องใหม่ใจกลางกรุง แวะชิมโดนัทแสนอร่อยที่สายเบเกอรี่ไม่ควรพลาด ตบท้ายด้วยการเดินเล่นในคอมมูนิตี้มอลล์ หาของกินแซ่บ ๆ ให้เปรมปรีก่อนกลับบ้าน งานนี้รับรองเลยว่าจะเป็นเดย์ทริปที่แฮปปี้เต็มไปด้วยทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแน่นอน อ้อ ที่สำคัญทุกที่ยังเดินทางง๊ายง่าย ไม่ว่าจะ BTS หรือ MRT ก็ใกล้ไปซะหมด ลืมเรื่องรถติดจนหงุดหงิดไปได้เลยจ้า

ในวันหยุดชิล ๆ นี้ เราเลยขอเริ่มต้นกันที่ Neighbor Wood คาเฟ่เพื่อนบ้านใจดีที่มาพร้อมบรรยากาศแสนอบอุ่น ละมุนไปทุกทาง ตั้งแต่ด้านหน้าร้านยันด้านในร้าน เนื่องด้วยตัวอาคารที่แตกต่างจนเป็นเอกลักษณ์ แถมเน้นความเรียบง่ายที่ดูดีมีสไตล์ โดยเลือกใช้สีขาวและสีน้ำตาลของเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก ก่อนจะเพิ่มเติมความสดชื่นให้กับร้านด้วยสีเขียวของต้นไม้ที่นำมาประดับประดาตกแต่งในมุมต่าง ๆ ยิ่งทำให้คาเฟ่นี้น่านั่งมาก ๆ เข้าไปใหญ่ อย่างมุมด้านหน้าก็ออกแบบสเปซได้ลงตัวดี มีบันไดไม้เก๋ ๆ มาวางเป็นพร็อพให้ถ่ายรูปจนกลายเป็นมุมซิกเนเจอร์ ที่พร้อมต้อนรับทุกคนให้แวะเข้ามาเช็กอินกันตลอดทั้งวันเลยละ

ทางร้านเน้นเสิร์ฟแบบ All Day Brunch and Breakfast โดยมีเมนูซิกเนเจอร์จากหลากหลายประเทศให้เลือกทาน ไม่ว่าจะเป็นอาหารสไตล์อเมริกัน อาหารสไตล์เม็กซิกันก็มี วัตถุดิบแต่ละอย่างก็คัดสรรเลือกแต่คุณภาพดี รสชาติอร่อยถูกใจสายเฮลตี้ ตอบโจทย์คนรักสุขภาพที่ชอบมาออกกำลังกายกันที่สวนลุมพินีในยามเช้าสุด ๆ ส่วนเครื่องดื่มอย่างกาแฟนั้น เค้าก็มีเมล็ดกาแฟให้เราเลือกทั้งกาแฟนอก และกาแฟในประเทศ ซึ่งเราจะเลือกสั่งเป็นลาเต้ เอสเพรสโซ่ หรือ Cold Brew ก็ได้หมดทุกเมนูเลย

หลังจากเติมพลังกับมื้อเช้าคุณภาพไปแล้ว ทางเราก็แวะมาเติมความสนุกหรรษา เริงร่ากันต่อที่ HarborLand Sindhorn Midtown Hotel สาขาน้องใหม่แกะกล่องใจกลางกรุงที่เพิ่งเปิดตัวไม่นาน บนถนนหลังสวน ภายในโรงแรมสินธรมิดทาวน์เลยจ้า โดยสาขานี้เค้ามาธีม Little Bangkok สอดแทรกความเป็นไทย รวมสถานที่ท่องเที่ยวฮิตในกรุงเทพมาตกแต่งทั่วทั้งบริเวณ ซึ่งบอกเลยว่าน่ารักโดนใจมาก  ที่สำคัญที่นี่ก็ยังรวบรวมเครื่องเล่นยอดนิยมที่เล่นได้ทุกเพศทุกวัยไว้ให้เราเลือกเล่นได้อย่างจุใจ แถมยังมีเครื่องเล่นไฮไลต์ที่แตกต่างจากที่อื่นให้ได้ลองเล่นด้วย รับรองเลยว่าต้องติดใจ แต่จะมีเครื่องเล่นไหนบ้างตามมาดูเลยจ้า

แน่นอนว่าช่วงนี้ไปไหนก็ไม่ค่อยสบายใจ แต่ถ้ามาเล่นที่ฮาร์เบอร์แลนด์นี้มั่นใจในความสะอาดปราศจากเชื้อโรคได้เลยจ้า เพราะก่อนที่เราจะเข้าไปฮาร์เบอร์แลนด์ เค้าก็จะมีมาตรการตรวจ รักษาความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ให้กับทุกคนก่อน โดยเริ่มจากสอบถามประวัติการเดินทางไปประเทศที่เสี่ยง ก่อนซื้อตั๋ว จากนั้นก็มีการวัดไข้ทุกคน ทุกครั้ง ก่อนเข้าเช็กอินมีเจลล้างมือให้แทบทุกจุดบริการ และมีพนักงานเดินให้บริการเจลล้างมือแก่ลูกค้าทุกชั่วโมงเลยด้วย

เท่านั้นยังไม่พอเค้ายังมีระบบฉีดพ่นฆ่าเชื้อด้วยน้ำยา Chemgene ที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ รวมถึงติดตั้งเครื่องฟอกอากาศทุกสาขา​ อย่างสาขานี้ก็ใช้เครื่องฟอกอากาศ​ที่มีระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ ION SHOWER ซึ่งจะพ่นอนุภาคไฟฟ้าบวกและลบที่มีความเข้มข้นสูงสุดช่วยกำจัดเชื้อโรค ไม่ว่าจะเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย สารก่อภูมิแพ้ ก็สามารถกำจัดได้หมด แถมมีเครื่องฉายแสง UV-C ฆ่าเชื้อโรค แม้แต่จุดเล็ก ๆ ที่เรามองไม่เห็นก็ยังได้ นอกจากนี้เค้ายังเพิ่มความถี่การทำความสะอาดด้วยน้ำยา Dettol 2.5% สังเกตได้จากพนักงานที่คอยเดินเช็ดแต่ละจุดตลอดทั้งวัน เรียกได้ว่าสะอาดและปลอดภัยหายห่วงมาก ๆ จะเด็กเล็ก เด็กโต หรือผู้ใหญ่ก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้แบบสบายใจแน่นอน

เอาละได้เวลาสวมถุงเท้าลายฮาร์เบอร์แลนด์น่ารักสดใส แล้วมาตะลุยความสนุกที่รอเราอยู่กับเครื่องเล่นชิ้นแรกที่เป็นไฮไลต์เบอร์หนึ่งของที่นี่มีชื่อว่า VALO JUMP โดยเราจะสามารถเลือกเกมส์ที่จะเล่นได้โดยการกระโดดไปมาบนแทรมโพรลีน เป็นอะไรที่สนุกมาก แถมเป็นสาขาแรกของฮาร์เบอร์แลนด์เลย ระหว่างที่เรากระโดดเล่นเกมส์นั้นก็จะมีจอแสดงภาพให้เห็นด้วย สามารถเลือกระดับความยากง่ายในการเล่นได้ ใครมาครั้งแรกก็เลือกแบบ Easy ไป ส่วนใครสายโดดลอยตัวจะเล่นแบบ Hard ก็ตื่นเต้นดี ที่สำคัญเวลาเล่นจะมีการบันทึกวีดีโอตั้งแต่เริ่มต้นจนจบเกมส์ และเราก็ยังสามารถส่งวีดีโอนั้นเข้าไปยังอีเมลล์เพื่อเก็บเอาไว้ดู รับรองว่าเรียกเสียงหัวเราะได้ทุกครั้งที่กลับมาดูแน่นอน

มาถึงเครื่องเล่นชิ้นที่สองที่ต้องบอกเลยว่าสนุกไม่แพ้กัน คือเจ้า INTERACTIVE CLIMBING WALL ที่ให้เราปีนป่ายทรงตัวบนกำแพงแล้วกดสัญญาณไฟที่กระพริบวิบวับออกมาจากแต่ละช่อง โดยอันนี้เราสามารถชวนเพื่อนหรือแท็กทีมมาเล่นได้เป็นแก๊งค์ถึง 4 คนเลย แต่ละคนก็จะได้แต่ละสี แล้วแข่งกันกดสีของตัวเองให้ได้มากที่สุด พอครบ 1 นาที ก็จะมีสกอร์บอร์ดแสดงสีของผู้ชนะขึ้นมา งานนี้ใครตาไวมือไวก็ชนะใส ๆ ไปเลยจ้า

ติดกันกับเจ้ากำแพงไฟที่ให้เรากดสัญญาณเมื่อกี้ ก็มีอีกหนึ่งเครื่องเล่นชื่อเก๋ว่า RATCHADAMNOEN EYES PLAY หรือ ราชดำเนินอายส์เพลย์ ที่เป็นจอภาพเราเหยียบตามสัญญาณไฟที่ปรากฎขึ้นบนเจอ อันนี้ก็สนุกมาก ภาพสีสวย แถมรอบด้านก็ตกแต่งเหมือนเรากำลังนั่งรถเล่นแถวถนนราชดำเนินจริง ๆ เลยละ สมกับเป็น Little Bangkok ใจกลางกรุงจริง ๆ เลยเธอ

และแน่นอนว่ามาฮาร์เบอร์แลนด์ไม่ว่าสาขาไหน เค้าก็จะต้องมีสไลเดอร์ให้เราเล่นทุกที่ แต่ละที่ก็จะมีจุดเด่นและความสนุกต่างกัน อย่าง JASMINE WAVY SLIDE นี้ ก็เป็นสไลเดอร์สีขาวที่ให้เราไหลลงมาท่ามกลางทะเลบอลสีขาวส้ม บอกเลยว่าสนุกและตื่นเต้นมากจ้า ยิ่งไปกับเพื่อนจะยิ่งลุ้นเลยว่าใครจะตัวเบาไหลลงมาถึงพื้นก่อนกันแน่

นอกจากไฮไลต์เด่น ๆ ที่เราแนะนำว่าต้องเล่นไปแล้วนั้น ที่นี่เค้าก็ยังมีเครื่องเล่นอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าบอลยักษ์ให้เด้งดึ๋งไปมา และสไลเดอร์ต่าง ๆ อย่าง Racing Slide ไว้ให้พวกเราได้สนุกกันด้วย

พอขึ้นมาชั้นบนเราก็จะเจอกับโซน Toddler Little Ville ซึ่งเป็นโซนของเด็กเล็กตั้งแต่เบบี้จนถึงวัยอนุบาล มีมุมศิลปะให้คุณหนู ๆ ทั้งหลายมาวาดรูประบายสี รวมถึงทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ด้วย พร้อมมีพนักงานดูแลอย่างใกล้ชิด

ส่วนใครที่เล่นครบทุกเครื่องเล่นจนเริ่มเหนื่อยก็มาแวะเติมพลังดื่มน้ำ กินขนมทานเล่นได้ที่ Café ด้านหน้า กินเสร็จค่อยเข้าไปเล่นอีกสักรอบสองรอบก็ยังไหวจ้า

สำหรับใครที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดไม่สามารถมาเที่ยวแบบวันเดย์ทริปได้ หรือใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากนอนที่บ้านมานอนชมวิวใจกลางกรุง ลองมาพักที่โรงแรมสินธร มิดทาวน์ดู รับรองเลยว่าจะทำให้วันหยุดของเธอไม่น่าเบื่ออย่างที่เคย ไหนจะห้องพักที่ถูกออกแบบอย่างทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานของคนรุ่นใหม่ที่มีจำนวนห้องถึง 344 ห้องแล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครันมาก ทั้งสระว่ายน้ำแบบ infinity pool บนชั้น 18 ของตึก ที่เราสามารถว่ายไปก็มองเห็นพาโนรามาของเมืองหลวงได้เต็มสองตา ไหนจะฟิตเนตก็เครื่องออกกำลังกายเพียบให้เลือกเล่น เราชอบการออกแบบดีไซน์ของโรงแรมนี้มาก เรียกได้ว่าสวยสะดุดตา ทันสมัยและเรียบง่าย แต่เก๋ไปทุกมุมเลยละ

ห้องพักของที่นี่จะมีให้เลือกถึง 3 room type แตกต่างกันไปตามขนาดของห้อง แต่ที่เราชอบมากคือจะมีห้อง connecting room ที่เหมาะกับแก๊งค์เพื่อน หรือใครที่มาเป็นครอบครัว ก็สามารถปิดโซนเข้าพักได้มีความไพรเวทมากเวอร์

สำหรับห้องอาหารของโรงแรมมีชื่อว่า Tr.EAT (ทรีต) บริการเป็นมินิบุพเฟ่ต์ ตั้งแต่ 6.00 – 12.00 น. เรียกได้ว่าอยากทานเวลาไหนก็สามารถเลือกทานได้ตลอด โดยจะเน้นเสิร์ฟเป็นอาหารเอเชีย รสชาติดั้งเดิม ทานง่ายเหมาะทั้งกับชาวไทยและชาวต่างชาติเลย พร้อมด้วย Rhumba (รัมบา) ตั้งอยู่ใกล้บริเวณล็อบบี้ของโรงแรม เหมาะกับการพบปะสังสรรค์และดื่มด่ำไปกับเหล้ารัมชั้นดีจากทั่วโลก รวมทั้งเครื่องดื่มและเมนูทานเล่นมากมาย

สาวโซเชียลผู้สดใสอย่างเรา หลังจากสนุกเต็มที่กับ Harborland Sindhorn Midtown Hotel ไปแล้ว ขอตัวมาเติมความชิคให้ชีวิตดูน่ารักน่าหยิกขึ้นสามเท่ากันที่ CREAM ร้านโดนัทสุดเก๋ที่ใครเดินผ่านก็ต้องเหลียวมอง โดยจุดเด่นของร้านนอกจากการตกแต่งที่ไม่เหมือนใครแล้ว ยังอยู่ที่การเลือกใช้แป้งโดนัทเบส Sour Dough ที่ถูกประคบประหงมกันมาตั้งแต่เพาะยีสต์ เลือกไข่ไก่สดใหม่เองจากฟาร์มโลคัล ใช้เนยและวานิลาแท้ รวมถึงนมสดที่เหมือนเป็นวัตถุดิบหลักที่ทำให้แป้งโดนัทของที่นี่ออกมาคล้ายขนมปังหนึบหนับ มากกว่าที่จะเป็นโดนัทเนื้อพอง ๆ สไตล์อเมริกันทั่วไปที่เราเคยกิน

ชิ้นที่เราชิมและเลิฟมากที่สุด ขอเทคะแนนไปให้ Vanilla Donut ที่เป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของที่นี่ และด้วยความละมุนของไส้ครีมเนื้อฟูที่รสชาติไม่หวานไป ไม่มันไป บวกกับแป้งที่เหนียวนุ่มกำลังดี บอกได้คำเดียวว่าเด็ดมากกกก ไม่ควรพลาดจริง ๆ กับชิ้นนี้ แนะนำอีกนิดว่าถ้าใครอยากไปไม่เสียเที่ยวควรไปตั้งแต่เปิดร้านจะดีมาก เพราะบางทีไปสายอาจไม่ได้กินโดนัทสักชิ้นเลยก็เป็นได้

อิ่มโดนัทจุก ๆ เราก็มาเดินย่อยกันที่คอมมูนิตี้มอลล์น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน The Commons Saladaeng ที่นี่เหมาะกับวัยรุ่นอย่างเราเอามาก ๆ เพราะมีคอนเซ็ปที่ตั้งใจจะให้ทุกคนได้ใช้พื้นที่คอมมอนแอเรียร่วมกัน แถมยังเป็นคอมมูนิตี้สไตล์รักษ์โลกอีกด้วย สังเกตได้จากต้นไม้ใหญ่ด้านหน้าที่ยังคงเก็บไว้ไม่มีการตัดทิ้ง ตัวอาคารโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่แปลกตา แยกเป็น โซน Indoor และ Outdoor อย่างชัดเจน อย่างโซน Outdoor ก็จัดพื้นที่ให้ใครก็ได้มาใช้บริการได้ฟรี แถมโล่งโปร่งสบายด้วยหลังคาที่ยกสูงทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกมีลมพักมาตลอดวัน ไม่ต้องกลัวร้อนจนเหงื่อหยดเลยจ้าจุดนี้

ส่วนของ Indoor ก็จะมีพวกร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่ ซึ่งแต่ละร้านก็มีเมนูให้เลือกสรรเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็น The Lobster Lab ร้านอาหารทะเล Hunter Poke ร้านอาหารอะโลฮ่าสไตล์ฮาวาย Guss Damn Good ร้านไอศครีมฮาร์ทเมดสไตล์ย้อนยุคเบา ๆ บุญตงกี่ ร้านข้าวมันไก่ชื่อดัง ร้านไวน์อย่าง Cloud Wine ก็มี ใครอยากแฮงเอ้าท์ก็มาลองได้

แต่ร้านที่เราแนะนำว่าเก๋มาก ควรไปลองทานคือร้าน ‘ผัด ผัด’ เป็นร้านที่พกพาคอนเซปต์การกินแบบเรียบง่าย โดยที่ทุกคนสามารถสร้างสรรค์ความอร่อยของตัวเองได้เพียงแค่เดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วสั่ง อันดับแรกเค้าจะให้เลือกคาร์โบไฮเดรตก่อน ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ สปาเก็ตตี้ มักกะโรนี มาม่า ราเมน อุด้ง หรือเป็นผักแทนก็ได้ จากนั้นก็มาเลือกเครื่องเคราที่จะนำมาผัดด้วยกัน เช่น เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว กุ้ง ไส้กรอก เบคอน และผักนานาชนิด ต่อด้วยเลือกซอสสูตรเด็ด 7 รสชาติ บอกเลยว่ารสชาติคือกลมกล่อมอูมามิมาก ให้เยอะคุ้มค่าคุ้มราคา

เห็นไหมละพวกเธอบอกแล้วว่าย่านลุมพินีใจกลางกรุงนี้ ไม่ได้มีแค่สวนลุมพินี ตึกสูงระฟ้า หรือรถติดเสียงแตรดังจนปวดหัวเท่านั้น แต่ยังมีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ คอมมูนิตี้ รวมถึงโรงแรมดี ๆ น่าพักผ่อนอย่างโรงแรมสินธร มิดทาวน์ และฮาร์เบอร์แลนด์สาขาน้องใหม่ ให้เราออกไปเที่ยวเติมเต็มวันหยุดธรรมดาให้แฮปปี้เริงร่ากว่าที่เคยอีกด้วย นาทีนี้ไม่ต้องคิดแล้วจ้า เอาเป็นว่าไปตามรอยเราได้เลยทุกคน แค่พวกเธอลง BTS ชิดลมแล้วเดินต่ออีกนิดก็ถึงแล้วจ้า