อ่อนนุช ชิคสุด ๆ ฉุดไม่อยู่แล้วจ้าแม่ … สายคาเฟ่จะต้องรัก สายสุขภาพจะต้องหลง สายล่าอาหารในตำนานจะต้องกรี๊ด เพราะย่านนี้เขามีทั้งร้านอาหารโบราณ และคาเฟ่เกิดใหม่เยอะจนเราตามแทบไม่ทัน ความเปลี่ยนแปลงใน “ย่านอ่อนนุช” ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทำให้เราตกใจอยู่เสมอ ๆ จากที่เคยเป็นย่านเก่าแก่ ที่อยู่อาศัยของพ่อค้าแม่ขายเบียดเสียดกันในสมัยก่อน ตอนนี้กลายเป็นถนนสายโมเดิร์นที่ใคร ๆ ก็อยากจับจอง วันนี้เราเลยจัด 6 ร้านเด็ดในย่านอ่อนนุช เลือกมาแต่ร้านงาม ๆ รายละเอียดดี ๆ รับรองว่ากิมมิกที่แต่ละร้านมี มันจะจูงใจให้พวกเธอต้องอยากตามรอย อยากมาอยู่ที่นี่กันแน่นอน
สำหรับเรา … ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าถนนเส้นยาว 12 กิโลเมตรนี้จะกลายเป็นแหล่งที่อยู่ของมนุษย์เจนใหม่ เพราะเมื่อก่อนถือว่าอยู่ไกลจากใจกลางเมืองมาก แต่ตอนนี้แทบจะเป็นใจกลางเมืองซะเอง เรียกว่าเป็น New Living Zone ที่มีทั้งที่อยู่เก่าแก่ และคอนโดใหม่ ๆ ขึ้นมากมาย คาเฟ่เก๋ ๆ เยอะจนไม่ต้องนั่งรถไปถึงเอกมัย ทองหล่อแล้ว ทำให้คนแถวนี้กลายเป็นหนุ่มชิค สาวเก๋ ไปโดยปริยาย ยิ่งถ้าได้อาศัยในที่บรรยากาศดี ๆ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องสวย ๆ ก็จะยิ่งเป็นเหมือนวิมานบนดินที่ใคร ๆ จะต้องอิจฉาแน่นอน อย่างที่ Aspire Sukhumvit-Onnut (แอสปาย สุขุมวิท-อ่อนนุช) คอนโดแห่งนี้สร้างในสไตล์รีสอร์ทให้ผู้อาศัยรู้สึกเหมือนได้พักผ่อนตลอดเวลา แม้จะอยู่ใกล้รถไฟฟ้า อยู่ติดกับถนนใหญ่ แต่จากหน้าโครงการเข้ามาโซนคอนโดก็ลึกพอสมควร ทำให้ที่นี่ไร้เสียงการจราจร ไร้ผู้คนเดินผ่านให้วุ่นวาย มันสงบจนไม่คิดว่าในนี้คือกรุงเทพ ฯ เลยจริง ๆ
และแน่นอนสำหรับชีวิตในเมือง อะไรจะดีไปกว่าการได้มีที่อยู่อาศัยใกล้กับรถไฟฟ้า จริงมั้ย ? รถไฟฟ้าที่ว่าใกล้สุดนั้นคือรถไฟฟ้าบีทีเอส “สถานีอ่อนนุช” นี้เอง ลงจากสถานีมาก็เจอทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้า จะไปทำงานในย่านธุรกิจก็ง่าย เวลานัดเพื่อนตามทองหล่อ-เอกมัย ก็ไม่ต้องเผื่อเวลารถติด จะต่อรถไฟใต้ดิน ถัดไปไม่กี่สถานีก็ถึงอโศกเปลี่ยนสายไป MRT ได้เลย หรือจะนัดเพื่อนตามร้านคาเฟ่ที่เรากำลังจะแนะนำ ก็ใกล้กับสถานีอ่อนนุช เดินทางง่ายนิดเดียว ไม่ต้องหงุดหงิดกับการจราจร ไม่ต้องเครียดกับที่จอดรถ ถ้าสู้อากาศร้อนไม่ไหว สามารถโบกวิน เรียนแกร็บได้ สะดวกสบายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
001 Arttitude
เห็นหน้าร้านแว๊บแรก รู้สึกเหมือนอยู่ร้านคาเฟ่ในไต้หวันเลย ที่เขาชอบจัดโซนในบ้าน ให้เป็นทั้งแกลลอรี และขายขนมเครื่องดื่ม นั่งจิบชาชมผลงานศิลปะแบบสงบ ๆ เพียงแค่เดินเข้าซอยสุขุมวิท 81 ประมาณ 300 เมตร เราจะสะดุดตากับบ้านสีขาว มีต้นไม้ปกคลุมดูสะอาด และร่มรื่นตา พอเข้าร้านมาก็ได้กลิ่นชาหอม ๆ ทันที จุดเด่นของร้านนอกจากขนมและเครื่องดื่มแล้ว เขามีงานอาร์ตจัดแสดงแขวนตามผนังร้านด้วย เพราะเจ้าของร้านมีกิจการขายผลงานศิลปะ และเป็นศิลปินอยู่แล้ว เรารู้สึกว่าทุกซอกมุม เขาตกแต่งจัดวางอย่างละเอียดอ่อน ส่งผลต่อลูกค้าให้รู้สึกผ่อนคลาย เหมาะกับการมานั่งชิลมาก ๆ
ในส่วนของเมนูก็ดีไม่แพ้บรรยากาศเลยล่ะ ร้านนี้เขาเด่นเรื่องชา มีเบลนหลายตัวให้เราเลือก ซึ่งชาที่นี่เป็นของ Monsoon Tea แบรนด์ชาที่ปลูกแบบรักษ์โลก เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือเรียกว่าชาป่า เป็นผลผลิตให้ฟีลออแกนิคสุด ๆ มีทั้งชาเขียว และอู่หลง เบลนกับกลิ่นต่าง ๆ โดยเมนูที่เราสั่งคือ Monsoon Blend Greentea ชารสละมุนให้ความรู้สึกรีแลกซ์แบบฉบับชาเขียว แฝงด้วยกลิ่นฟรุตตี้เพิ่มความสดชื่น ทานตัดกับ Lemon Tart ซิกเนอเจอร์ของทางร้านหวาน ๆ เปรี้ยว ๆ ที่ต้องกินคู่กับเครื่องดื่มจริง ๆ ถึงจะครบรส เหมาะกับการนั่งทำงานแบบเงียบ ๆ หรือมา Afternoon tea สวย ๆ กับเพื่อนได้เลย
002 LAFF
อื้อหือ.. ร้านนี้ยืนหนึ่งเรื่องความชิค เดินจากสถานีรถไฟ เข้าซอยสุขุมวิท 50 มาไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงแล้ว ทั้งรูปลักษณ์และโลเคชั่น เหมาะกับการนัดเพื่อนมาเม้ามอย ถ่ายรูปเล่นแบบสาวหวาน ๆ จริง ๆ เพราะเขาตกแต่งบรรยากาศเหมือนมานั่งเล่นในห้องโถงใหญ่กลางสวนสไตล์อังกฤษ ที่มาของชื่อร้านมาจากคำว่า ‘Laugh’ ที่แปลว่าหัวเราะ เพราะอยากให้เป็นที่สร้างความสุขให้แก่ผู้มาเยือน ซึ่งก็ทำได้ไม่เลวเลยเพราะทั้งการตกแต่ง และบรรยากาศของร้าน ก็ทำให้เรายิ้มได้ตั้งแต่เดินเข้าร้านมา
แต่ละเมนูของเค้าก็ทำออกมาเป็นแบบโฮมคาเฟ่ วันนี้ขอสั่งเมนูที่เหมาะกับหน้าร้อนกันหน่อยแล้วกัน อย่างเค้ก Snow White หน้าตาเหมือนเจ้าหญิง มีกลับดอกไม้ตกแต่งกับลูกเบอร์รี่ดูน่าทะนุถนอม ไวท์ช็อกโกแลตหวานอ่อน ตัดบนเค้กเนื้อละมุน ไม่แน่นไปไม่ร่วนไป มีกลิ่นไวท์ช็อคหอมติดจมูก กินคู่กับ Mixed Berry Soda และ Strawberry Lemonade หวาน เปรี้ยว ซ่า กลิ่นสดชื่นรีเฟรซร่างกาย พอเจออากาศร้อน ๆ แล้วมาได้คู่ผสมนี้ บอกเลยว่าฟินมาก เหมือนได้เติมน้ำตาล มีพลังเดินเล่นต่อได้ทั้งวันเลย
003 Mana on 56 ( มานะ )
ร้านกาแฟลึกลับในซอกซอย ที่มีความแม่บ้านญี่ปุ่นสูงมาก ถูกจริตเจแปนเลิฟเวอร์อย่างเราสุด ๆ เพราะเขาได้อินสไปเรชั่นมาจากการไป Cafe’ Hopping ที่ประเทศญี่ปุ่น จนมาเป็นคาเฟ่แสนอบอุ่น โทนขาวเฟอร์นิเจอร์ไม้ ใช้หวายสาน แสงธรรมชาติ ตกแต่งด้วยของสะสม และงานฝีมือน่ารัก ๆ เต็มไปหมด จากหน้าปากซอยอ่อนนุช 56 เดินมาไม่ทันเมื่อยก็เห็นป้ายร้าน ‘มานะ’ สีส้มตัดตึกสีขาวเด่นเป็นสง่า เดินเข้าร้านก็ได้กลิ่นหอมของขนมตลบอบอวลไปหมด โดยเขาจะให้เราสั่งอาหาร เครื่องดื่มที่ด้านหน้า จากนั้นเดินผ่านห้องทำขนมเป็นครัวแบบเปิดดูสะอาดสะอ้าน ขึ้นไปชั้นสอง ก็เจอห้องรับรองสำหรับลูกค้า มีโต๊ะหลายแบบ จัดวางได้น่ารักน่าหยิก มีพรอพ มีมุมพร้อมให้เราได้ถ่ายรูปเล่น เราแนะนำให้ใส่เดรสสีเอิร์ธโทน แต่งหน้าธรรชาติมานะ เธอจะกลายเป็นนิปปอนบอย นิปปอนเกิร์ลเหมือนมาถ่ายรูปที่ญี่ปุ่นเลย
นอกจากร้านจะน่ารักแล้ว ขนมยังน่ารักจนเราทั้งโต๊ะกรี๊ดกันแบบเสียอาการ เป็นร้านที่มีรูปแบบขนมเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ฟีลโฮมเมดแบบแม่บ้านญี่ปุ่น วัตุดิบที่เอามาวางตกแต่งจานทำให้รู้สึกเหมือนอยู่เมืองหนาว เมนูชูโรงที่ใครมาเป็นต้องสั่งคือ Custard คัสตาร์ดพุดดิ้งเนื้อเนียน หนุบหนับ หอมกลิ่นคาราเมลหวานอ่อน ๆ ตามด้วย MANA french toast ขนมปังหนานุ่มจุ่มไข่และน้ำตาล ทอดเนยราดด้วยน้ำผึ้ง โรยด้วยผลไม้ชนิดต่าง ๆ และครัมเบิ้ลสูตรพิเศษของทางร้านที่แอบเซอร์ไพรซ์เราด้วย อันนี้เราอยากให้มาลองเองนะเดี๋ยวหาว่าเราสปอย พอกินคู่กับ Hot Latte และ MJ White รสกาแฟมันเนียนเข้ากันไปหมด ขอยกให้ร้านนี้เป็นร้านโปรดขึ้นหิ้ง ที่หลังจากนี้เราจะมาเช็กอินบ่อย ๆ แน่นอน
บางทีก็อยากรู้นะว่าบ้านในฝัน ห้องในจินตนาการของทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง ? สำหรับวัยรุ่น วัยทำงานยุคใหม่แบบเรา ต้องการแค่พื้นที่ร่มเงาสีเขียวสบายตา ห้องนอนไม่ต้องใหญ่มากสำหรับอยู่ได้สองคนกับพาร์ทเนอร์ดี ๆ ของชีวิต และความสะดวกที่ครบ ร้านอาหารอร่อย ใกล้ซุปเปอร์มาร์เก็ต การเดินทางที่ง่ายดาย ที่มาพร้อมกับความเงียบสงบ ที่พูดมาทั้งหมดมันดูย้อนแย้ง ไม่คิดว่าจะมีที่ไหนตอบโจทย์เราได้ แต่ที่นี่ Aspire Sukhumvit-Onnut (แอสปาย สุขุมวิท-อ่อนนุช) กลับตอบโจทย์เราได้ทุกข้อ ไม่ขาดตกบกพร่องเลย โดยคอนโดนี้ตั้งอยู่ที่ ซอยอ่อนนุช 21 ด้วยตัวตึกที่ต้องเข้ามาจากริมถนนใหญ่ มีรถรับ-ส่ง ลึกพอที่ทำให้คอนโดนี้มีความสงบ ไร้เสียงรบกวน จัดสรรพื้นที่ข้างเป็นสวนสวย เหมือนเดินอยู่ในรีสอร์ตต่างจังหวัด มี Club House / Fitness / Jocking Track / สระว่ายน้ำระบบเกลือ / Co-working space / พื้นที่อเนกประสงค์ให้เราได้ใช้อย่างเต็มที่ เหมือนไม่ต้องออกไปไหน อยู่ผ่อนคลายในนี้ได้ทั้งวัน
และจุดที่เราเป็นปลื้มมากที่สุดก็คือสวนตรงนี้แหละ เขาคำนึงถึงสิ่งที่คนเมืองอย่างเราต้องการมากที่สุด โดยคนอื่นอาจจะคิดไม่ถึง พื้นที่สีเขียวร่มรื่นมองกี่ทีก็สบายตา จัดทางเดินคดโค้งสวยงาม และมีที่นั่งให้เราได้นั่งชิลรับลม รับแดด ชมนก ชมไม้ ได้เต็มที่ ถ้าใครได้ห้องด้านล่างก็จะได้หลังบ้านที่เป็นสวนสวยอย่างที่เห็น เดินไปเดินมาเรารู้สึกขึ้นมาได้ว่า เป็นฟีลเดียวกับตอนเดินเล่นอยู่ในรีสอร์ทที่เขาใหญ่เลย มันมีลมเอื่อย ๆ พัดให้เกิดเสียงใบไม้เสียดสี ประสานกับเสียงนกร้องมากราย ๆ ทำให้รู้สึกสงบร่มเย็น จนลืมไปเลยว่าอยู่ในกรุงเทพ ฯ
ในส่วนของห้อง ที่นี่เค้ามีขนาดให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบ Studio : 26.5 ตร.ม. / 1 Bedroom Flexi : 30.5 ตร.ม. / 1 Bedroom : 30.5 – 36 ตร.ม. / 2 Bedroom : 41 – 52 ตร.ม. จัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างคุ้มค่า ในราคาเริ่มต้น 2.09 ล้านบาท* ( เฉลี่ยแล้วราคาอยู่ที่ 68,000 กว่าบาทต่อตารางเมตร ) ความสวยงามแล้วแต่ความต้องการของเรา จะแต่งแบบลักซ์ชัวรี มินิมอล โมเดิร์น หรือเนเชอรัลเขียว ๆ ก็ได้ ด้วยโลเคชั่น และราคาที่เอื้อมถึงได้ สำหรับคนทำงานอย่างเรา เราคิดว่ามันไม่เลวเลยที่จะเป็นตัวเลือกแรก ๆ สำหรับการหาที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง เพราะร้านคาเฟ่งาม ๆ ร้านอาหารในตำนานที่เราบอกมามันยังมีต่ออีกเยอะมาก ฮอปปิ้งทั้งอาทิตย์ยังไม่หมดเลย ว่าแล้วก็ไปต่อกันเลยดีกว่า …
004 Khiang Empire Ratna Noodle (ราดหน้าเคี้ยงเอ็มไพร์ )
มาถึงร้านในตำนาน “ราดหน้ายอดผัก นายเคี้ยง เอ็มไพร์” ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วบ้านทั่วเมืองเต็มไปหมด แต่ที่สาขาอ่อนนุช (ใกล้ซอยอ่อนนุช 32 ตรงข้ามวัดยาง) แห่งนี้เปิดมานานกว่า 30 ปีแล้ว หน้าร้านดูเก่าแก่ตามประวัติจริง ๆ แต่ภายในร้านนั้นสะอาดน่านั่งอยู่เหมือนกัน เห็นมีคนมาซื้อกลับบ้านทีละสิบห่ออยู่หลายรายเลย เรียกว่าเป็นขวัญใจของคนแถวนี้ โดยเมนูนั้นจะมีสองอย่างคือ ราดหน้า และผัดซีอิ๊ว ที่เราอยากแนะนำคือ หมี่กรอบราดหน้า+ไข่ จานใหญ่มโหราฬ แต่น่าแปลกใจที่กินคนเดียวหมด !! เพราะมันอร่อยมาก น้ำราดหน้าข้น ๆ หวาน กลมกล่อม กับเส้นหมี่กรอบ กรอบกำลังดีที่ค่อย ๆ นิ่มขึ้นจมลงน้ำซุป ได้เท็กเจอร์ที่แตกต่างจากกินตอนแรก กินกับยอดผักกรุบ ๆ หวานสดไร้กลิ่นเขียว และไข่ดาวไข่แดงไม่สุกนัว ๆ คือฟินมากแก ราคาก็เป็นมิตรเช่นกัน ทั้งหมดนี้รวมแล้วแค่ 250 บาท เท่านั้น
005 Better Moon
เอาใจสายรักษ์โลก ด้วยร้านที่เป็นทั้งคาเฟ่ โฮสเทล และ Refill Station ฮันแน่.. หลายคนยังไม่รู้จักว่า Refill Station คืออะไรใช่มั้ย ? มันเป็นกิมมิกของร้านที่เราชอบมากที่สุด เป็นแคมเปญที่ช่วยลดขยะพลาสติกโดยให้ลูกค้านำภาชนะมาเติมของเอง และคิดราคาเป็นการชั่งน้ำหนัก ทั้งสบู่ แชมพู น้ำยาล้างจาน จนไปถึงของทานเล่น ถ้าใครมีขวดเหลือทิ้งก็เอามาบริจาคได้ที่นี่ ให้คนอื่นใช้ต่อเช่นกัน และที่ชอบรองจากการเติมของ คือคาเฟ่นี่แหละ ซึ่งเมนูอาหารของทางร้าน จะเป็นแบบกินง่าย ไม่ออร์แกนิค ไม่คลีนจ๋ามาก แต่ดีต่อร่างกายกว่าร้านทั่ว ๆ ไป เน้นใช้วัตถุดิบที่ดี ผักสด ๆ ปรุงหวานน้อย ๆ หลอดของร้านที่เสิร์ฟเป็นหลอดเหล็กแบบรียูสได้ ถ้าจะห่ออาหารกลับบ้านก็เสียค่ากล่องเพิ่มด้วย คงคอนเซ็ปความรักษ์โลกได้อย่างหนักแน่นมาก
เมนูอาหารที่เราสั่งมาครั้งนี้คือ Homemade Chicken Sauce with Brown rice ข้าวหน้าไก่โปะไข่ ซึ่งเขาใช้ข้าวไม่ขัดสี อุดมด้วยแร่ธาตุ ราดซอสหน้าไก่ที่กลมกล่อม รสชาติไม่จัดฝรั่งกินได้ เด็กกินดี และไข่ด้านบนนี้ เราขอเดาว่าเป็นไข่ดาวน้ำทอดโดยไม่ใช้น้ำมันแน่ ๆ ไข่แดงมีความไม่สุกมาก ฟีลเอ้กเบเนดิกต์ กินร้อน ๆ นี่อร่อยสุด ๆ ตักสลับกับ Tender Chicken Salad & Japanese Sesame Sauce สลัดซอสงาญี่ปุ่น ที่สั่งเพราะเราชอบกินต้นอ่อนทานตะวันอยู่แล้ว ผักของร้านนี้มันสดเฟรซ ดีต่อใจมาก ๆ คุณประโยชน์ครบจริง ๆ
006 Pizza Artisana
ร้านพิซซ่าที่ให้สั่งแบบ Take Away เท่านั้น แต่เราอยากจะมาดูให้เห็นเองกับตาว่า มันเด็ดอย่างที่คนเขารีวิวกันหรือเปล่า ร้าน Pizza Artisana เขาส่งพิซซ่ากันแบบจริงจังมาก ๆ พับกล่องเตรียมไว้เป็นตั้ง ๆ เห็นได้ชัดว่าขายดีแน่นอน ความเจ๋งของร้านนี้คือเชฟที่ทำสูตร และเจ้าของร้านเป็นคนเยอรมัน ที่ชื่นชอบการทำพิซซ่ามาก โดยวัตถุดิบที่ใช้นั้นจะนำเข้าจากประเทศอิตาลี แป้งทำสดใหม่ทุกวัน ไม่ใส่สารเคมีและสารกันบูด ขายไซส์เดียวเท่านั้น คือขนาด 12 นิ้ว ตอนนั่งดูเขาทำมันเพลินมาก ทำสดจริง ๆ ของที่ใช้ดูดีมีราคาทั้ง Pepperoni แซลมอน ไส้กรอก เห็ด มะกอก ฯลฯ ทำไวมาก และหน้าตาพิซซ่าดูเป็นสไตล์โฮมเมด ถ่ายรูปแล้วชิคสุด ๆ
พูดถึงเรื่องส่งไว กินไว เราว่าการออเดอร์มากินที่คอนโด นอนดูเน็ตฟลิกซ์ชิล ๆ กันสักเรื่องสองเรื่อง มันฟินมากแก พิซซ่าร้อน ๆ กับหนังดี ๆ นั่งคุยกับเพื่อนในห้องตัวเอง มันเป็นวันหยุด ที่เชื่อว่าคนทำงานอย่างเรา ๆ ใฝ่ฝันจริง ๆ หน้าพิซซ่าที่เราสั่งมาก็วาไรตี้อย่างที่เห็น รสชาติออกเค็ม ๆ สไตล์ชาวยุโรปนั่นแหละ แต่ของดีม๊ากกก.. เปิดกล่องมาความหอมพุ่งเข้าหน้าแบบไม่ปราณี หน้าซิกเนเจอร์อย่าง Brunch Pizza ที่มีไข่อยู่ในพิซซ่าด้วย นี่อร่อยมากทั้งแฮม ไข่ ผัก และชีสเข้ากันอย่างดี กินคนเดียวทั้งถาดยังได้ และหน้าอื่น ๆ ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน ชีสนุ่ม ๆ หอม ๆ กับแป้งบางกรอบ ซอสพิซซ่าเปรี้ยวสไตล์อิตาเลี่ยนแท้ ๆ และบางถาดมีซอสเผ็ดที่คนไทยอย่างเรากินยังซู้ดปาก ดีงามจนเราไม่ต้องบีบซอสมะเขือเทศ หรือโรยอะไรเพิ่มเลยจ้าาาา
จากที่เราเดินเช็กอิน หาร้านกินย่านอ่อนนุชเรื่อย ๆ นี่ถือเป็นแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น ที่เราเอามาแนะนำ เพราะตามทางเราเห็นทั้งร้านอาหารเด็ด และคาเฟ่สวย ๆ ที่เรายังไม่ได้เข้าไปทักทายอีกเยอะเลย …สงสัยต้องมาซื้อห้องอยู่ในย่านนี้แล้วล่ะ ถึงจะกินได้แบบสาแก่ใจ อย่างห้องของ Aspire Sukhumvit-Onnut (แอสปาย สุขุมวิท-อ่อนนุช) ที่เราแนะนำไป ที่นี่ถือเป็นที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง นอกจากร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ ๆ มากมายแล้ว รอบ ๆ คอนโดเต็มไปด้วยความเจริญ เดินทางง่าย สิ่งอำนวยความสะดวกครบ และเขายังมีพื้นที่ร่มรื่นสไตล์รีสอร์ตให้เราได้พักผ่อน ซึ่งดีมาก ๆ สำหรับชีวิตคนเมืองที่วัน ๆ เจอแต่ความเครียด และความเร่งรีบ เราสามารถจัดที่นี่ให้กลายเป็น Safe zone สำหรับใช้ชีวิตแบบ Slow life เป็นตัวของตัวเอง รีเฟรซสมองได้ทุกเมื่อ ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในทุก ๆ วันอย่างแน่นอน