รีวิวลาว : แฟนซีใกล้บ้าน “Vang Vieng – Vientiane, Laos”

สะบายดี … มิตรรักแฟนเพจ และเพื่อนพ้องน้องพี่ ฤกษ์งามยามดีนาทีนี้เรามีสถานที่สุดแฟนซีชวนตื่นตาตื่นใจใกล้ไทย เหมือนเดินเข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์พร้อมอลิซ ตีตั๋วแบบใกล้ ๆ ใส่ชุดสวยแจ่มและรองเท้าคู่โปรดให้พร้อม เพราะเราจะเดินทางกันในธีมลูกคุณหนูสู่ประเทศ “ลาว” ที่รอบนี้จะไม่มีคำว่าลุย ไม่มีคำว่าลำบาก มีแต่คำว่าสวยมาก และสวยยิ่งกว่า ณ เมือง ‘วังเวียง’ โดยเริ่มจากหย่อนกายแหวกว่ายในบลูลากูน ต่อด้วยเงยหน้าชมบอลลูนที่ลอยเต็มฟ้าท่ามกลางวิวภูเขาหินปูนสุดปัง ก่อนจะตอกย้ำความว้าวแบบไม่พักกับจุดชมวิวแบบพาโนรามาเต็มสองตา งานนี้มั่นใจเลยว่า จะเป็น 3 วัน 2 คืน ที่ฟิ๊นฟิน แถมลาวันเดียวก็เที่ยวได้ รีบชวนเพื่อนซี้มาโพสท่า ให้จัดจ้านกับวิวหมื่นล้านสุดแฟนซี ที่ใครเห็นก็ต้องถามว่านี่ใช่วังเวียงจริงดิแก? กันเถอะ!

แน่นอนว่าการเดินทางไปวังเวียงนั้น วิธีที่ง่ายและรวดเร็วดั่งใจแถมประหยัดเวลามากที่สุด ก็คือบินตรงจากดอนเมืองมาลงเวียงจันทน์ แล้วจากเวียงจันทน์ต่อรถไปวังเวียงเพียงไม่กี่ชั่วโมง และแน่นอนในแน่นอนว่าสายการบินที่เรายกให้เป็นที่หนึ่งในใจ ไม่ว่าจะบินใกล้ บินไกล ก็ต้องสายการบินแอร์เอเชีย ยิ่งเป็นเส้นทาง ดอนเมือง – เวียงจันทน์ ที่มีสองเที่ยวต่อวันทั้งเที่ยงและเย็น กับราคางามๆ ที่แทบไม่ต่างจากบินในประเทศ แถมถ้าซื้อแพ็กสุดคุ้มตั้งแต่ตอนจองตั๋วทั้งใน AirAsia.com และ Mobile Application จะยิ่งคุ้มค่ามาก เพราะได้ทั้งน้ำหนักกระเป๋าแบบจุใจถึง 20 กิโลกรัม, อาหารร้อนบนเครื่อง, เลือกที่นั่งติดกันได้ แถมประกันการเดินทางที่คุ้มครองความล่าช้าของกระเป๋าและเที่ยวบินอีก ยัง ยังไม่พอคุ้มให้ถึงขีดสุดกับโปรบินแอร์เอเชีย ตั้งแต่ 1 มี.ค. 63 – 31 พ.ค. 63 ลด AIS SIM 2 FLY 100 บาท เพียงใส่โค้ดส่วนลด xxx ที่ AIS online store http://bit.ly/2W8eKS9 งานนี้จะทริปไหนในประเทศเพื่อนบ้าน ก็ได้เน็ตเต็มสปีต แรงไม่สะดุด เรียกว่าคุ้มเกินคุ้มตอบโจทย์วัยใสอย่างเราเป็นที่สุดไปเลยจ้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/33cSVm5

และเหตุผลที่เราเลือก “วังเวียง” เป็นเส้นทางสุดแฟนซีของเรา เพราะที่นี่มีอีกหนึ่งฉายาว่ากุ้ยหลินแห่งลาว เมืองแห่งธรรมชาติที่เต็มไปด้วยป่าไม้ ทิวเขา ท้องนา และแม่น้ำซองที่ไหลผ่านกลางเมือง แค่หลับตาลองนึกภาพของภูเขาหินปูนสูงชัน ที่เรียงรายสลับซับซ้อนแบบสุดลูกหูลูกตา โดยมีท้องนา ท้องน้ำ และท้องฟ้าเป็นองค์ประกอบรายล้อมแสนอันซีน พร้อมด้วยกิจกรรมสุดว้าวเอาใจทั้งสายลุย และสายพักผ่อนชิล ๆ แบบเรา ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความแฟนซีชวนฝัน เหมาะกับการออกเดินทางแบบสวย ๆ ไปเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อเปลี่ยนโปรไฟล์พิคเจอร์เป็นที่สุด ถ้าอยากรู้แล้วว่าวังเวียงจะแสนสบาย และมีที่เที่ยวไหนที่ควรจะอยู่ในเช็คลิสต์บ้าง ก็ตามเรามาเลย

Day 1 :: เวียงจันทน์ – วังเวียง – ล่องเรือแม่น้ำซอง

บินตรงและลงแบบแสนสบาย ณ สนามบินเวียงจันทน์ในช่วงบ่าย รถเช่าพร้อมคนขับก็พร้อมมารับเราสู่วังเวียง ปลายทางที่แท้จริงของเรา และหลังจากผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมงนิด ๆ กับการนั่ง ๆ นอน ๆ สลับกับเล่นมือถือ เราก็มาถึงที่หมายทันเวลาช่วงไพร์ทไทม์ของการล่องเรือกลางแม่น้ำซอง เพื่อชมพระอาทิตย์ตกดินแบบพอดิบพอดี และท่ามกลางแม่น้ำสายหลัก ที่เป็นเสมือนหัวใจของเมืองนี้ กับแสงสีส้ม ๆ และวิถีชีวิตที่เรียบง่ายริมสองฝั่งน้ำของชาวลาว นี่แหละคือความแฟนซีบทแรก ที่เริ่มต้นบรรเลงขึ้นอย่างสวยงาม และลึกล้ำไปกว่านี้หากพวกเธอโชคดีระหว่างล่องเรือกลางแม่น้ำสายสำคัญนี้ ก็อาจเป็นจังหวะเดียวกันที่บอลลูนหลากสีกำลังลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าคล้ายกับลำนำ ความฝันจากพื้นดินสู่ท้องนภา มาเพิ่มความแฟนซีแบบคูณสอง

และยิ่งกว่าความคิดฝันก็คือความจริงที่อยู่ตรงหน้าทุกอย่างที่เราเห็นอยู่นี้สวยงามราวกับถูกจัดวาง เป็นเรื่องเป็นราว ราวกับถูกจัดฉากภาพฝันที่กลายมาเป็นความจริงสะท้อนอยู่ในดวงตา และประทับอยู่ในดวงใจ จนพวกเราอดใจไม่ไหวต้องกดชัตเตอร์กันแบบรัว ๆ เพื่อเก็บความประทับใจเหล่านี้กลับมาแบ่งปัน เพราะอยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสความรู้สึกดี ๆ แบบนี้ด้วยตัวเอง

Day 2 :: Namxay  Viewpoint – Champa lao café – Blue lagoon – สะพานส้ม – เวียงธารา

เช้าตรู่วันนี้เราตื่นขึ้นด้วยความตื่นเต้น กับจุดหมายแรกที่ทุกคนล้วนบอกว่ามันคือจุดชมวิวที่พลาดไม่ได้ของวังเวียง Namxay Viewpoint หรือจุดชมวิวหนามไซ และข้อดีของการออกแต่เช้า ก็ได้ส่งผลลัพท์ที่ไวกว่าการส่งไปรษณีย์แบบอีเอ็มเอส ก็ปรากฏขึ้นทันทีที่แสงแรกของพระอาทิตย์ลอดผ่านช่องเขา และก้อนเมฆ ณ มุมที่แทบจะไร้ผู้คน พวกเราสามารถวาดลวดลายเฉิดฉายแบบสวย ๆ ได้โดยไม่ต้องเกรงใจใคร ซ้ำยังสามารถนั่งชิวชิวมองวิวปัง ๆ ที่เห็นไปทั่วทั้ง 360 องศา ได้แบบเพลินตา ส่วนถ้าใครมาในวันที่ฝนตกปรอย ๆในช่วงหัวค่ำ ตอนเช้าที่นี่ก็จะถูกเติมเต็มไปด้วยทะเลหมอกเป็นความสวยอีกหนึ่งรูปแบบที่งดงามไม่แพ้กัน สำหรับใครที่อยากขึ้นมาชมความงามแบบพาโนราม่านี้ จะมีค่าบริการคนละ 10,000 กีบ หรือประมาณ 40 บาท ถือว่าคุ้มค่าอยู่นะ

ลงจากจุดชมวิวก็หิวกาแฟไส้แทบกิ่ว ทางเราเลยขอมาเติมพลังอัพความสดชื่นยามสายกันที่ Champalao café คาเฟ่สุดน่ารักของเมืองวังเวียง ที่ตัวร้านตกแต่งเรียบง่าย ด้วยผนังปูนเปลือยที่เพิ่มเติมไม้เลื้อยงอกงามขึ้นเต็มทุกอัตรา จนเป็นเหมือนงานศิลปะเก๋ ๆ ที่ไม่ควรพลาดในการยืนวาดลวดลาย โพสท่าใส ๆ แนวเผลอ ๆ เหมือนกำลังเดินเล่นในสวนหลังบ้านกับชุดสีขาวที่เข้าธีมลูกคุณให้ครบทุกมุม เพราะหวังใจไว้แล้วว่ามาเที่ยวครั้งหนึ่งจะต้องมีรูปให้ลงถึงปีหน้า

โพสท่าให้ครบพอเป็นกิมมิค ก็ได้เวลามานั่งชิค ๆ จิบกาแฟคั่วกลางที่หอมกรุ่นกับบอดี้หนัก ๆ แบบที่ไม่เคยลองที่ไหนมาก่อน พร้อมอาหารเช้าแบบเบา ๆ อย่างไข่กะทะหอม ๆ ที่เสิร์ฟพร้อมขนมปังฝรั่งเศส และเนยแท้รสละมุน ส่วนใครไม่ดื่มกาแฟเค้าก็มีเครื่องดื่มให้เลือกอีกหลายอย่าง ที่นี่เปิดบริการตั้งแต่เช้าตรู่ให้บริการทั้งอาหารคาวและเครื่องดื่มร้อนเย็น แน่นอนหากพวกเธอกำลังมองหาร้านอาหารเช้าบรรยากาศดี ที่นี่คือแนะนำ ส่วนใครที่มองหาเกรสเฮ้าส์บรรยากาศสบาย ๆ ที่นี่ก็มีบริการเช่นกันจ้าแม่

อิ่มกายสบายกระเป๋า เป้าหมายต่อไปของเราก็ใกล้เข้ามา เส้นทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลงไหล แลนด์มาร์กหลักของเมืองที่สวยจนไม่อาจห้ามใจ Blue Lagoon หรือสระน้ำจืดสีเขียวมรกต บลูลากูนในปัจจุบันมีทั้งที่เกิดจากธรรมชาติและเกิดจากการขุด กระจายอยู่ทั่วเมืองวังเวียง แต่ไม่ว่าจะแบบไหนทุกที่ก็การันตีความเขียวใสว่ามาจากธรรมชาติ เพราะน้ำทุกหยดมาจากภูเขาหินปูนที่มีค่าแคลเซียมคาร์บอเนตสูง ส่งผลให้น้ำของมันมีสีฟ้าแบบธรรมชาติ แต่สำหรับผู้ที่มีใจรักในความแอดเวนเจอร์เราขอแนะนำ บลูลากูน 1 หนึ่งในบลูลากูนสุดฮิตที่มีจุดกระโดดน้ำแสนสูงชัน เหมาะกับวันที่ต้องการความเสียวและภาพเฟี้ยว ๆ มาอวดเพื่อน แต่ใครที่เป็นสายชิวที่นี่ก็เหมาะนะเพราะสระกว้าง ว่ายสบาย นั่งชิว หรือจะนอนเล่นก็เย็นดี ที่สำคัญอาหารตาดีมาก สูง ๆ ขาว ๆ ขายาว ๆ ทั้งฝั่งเอเชีย และยุโรป ได้มารวมตัวกันโดยพร้อมเพรียงมากแม่

ย้ายกันมาที่บลูลากูน 3 มุมนี้บอกเลยว่าโดนใจใครที่รักความสงบ และส่วนตัว เพราะที่นี่เดินทางไกลนิ้สนึงคนเลยไม่ค่อยเยอะมาก แต่กิจกรรมแน่นมากบอกเลย ทั้งโหนสลิงลงน้ำ พายเรือคายัค ล่องแพไม้ไผ่กลางน้ำ ฯลฯ ใครสบายใจที่จะทำกิจกรรมไหนก็เลือกกันได้เลย แต่ต้องขอบอกว่ามันชิวม้ากกกก แม้ไม่ได้ทำอะไร เพราะน้ำฟ้า ๆ ป่าเขียว ๆ และฟ้าสีฟ้า บวกรวมกับอากาศที่ไม่ร้อนไม่เย็นเกินไปของวังเวียง คือมุมที่พวกเธอควรพาตัวเองมาพบให้ได้สักครั้งในชีวิต

แช่น้ำจนฉ่ำใจก็ได้เวลากลับเข้าที่พัก เปลี่ยนเสื้อ แก้ผ้า หยิบเดรสยาวสีขาวตัวเก่ง ที่ใส่แล้วดูกลมกล่อมเพื่อไปยังอีกหนึ่งแลน์ดมาร์คห้ามพลาด “สะพานส้ม” สุดชิค หมุดหมายของเหล่าอินสตราแกรมเมอร์ทั่วโลก โดยมีเป้าหมายหลักคือฉากหลังเป็นสะพานแขวนสีส้มสด แม่น้ำซอง และเขาหินปูนที่เรียงสลับไปมา ส่วนฉากหน้าแน่นอนว่าต้องเป็นเรา และแชะ แชะ แชะ จะถ่ายมุมไหนก็ออกมาดูดีไปซะหมด ส่วนใครที่พอจะมีเวลาก็สามารถเดินทอดน่องข้ามสะพานเลยไปอีกนิดก็จะเจอกับถ้ำจัง ถ้ำหินงอกหินย้อยที่สวยแบบจัง ๆ

ส่วนเราที่พอแดดร่มก็ขอมูฟตัวเองไปทานอาหารอร่อย ๆ กับวิวสวย ๆ กลางทุ่งนาที่ เวียงธารา ที่พักยอดฮิตของคนไทย เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องวิวสะพายไม้ทอดยาวเหนือรวงข้าวที่กำลังโน้มเอนไปตามลม ชวนให้ต้องหาโอกาสมาถ่ายรูปเช็กอินแบบพลาดไม่ได้ และนอกเหนือจากวิวงาม ๆ แล้ว ที่นี่ยังมีอาหารแบบเซ็ทพร้อมเสิร์ฟ ทั้งมื้อกลางวัน และมื้อเย็น ที่รสชาติโดนใจคนไทยสายจัดจ้านย่านเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม แบบเรา สมแล้วที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนบ้านที่แสนดีของเรามาแสนนาน เรียกได้ว่าเป็นการปิดวันที่ได้ทั้งภาพได้ทั้งความอิ่มท้องเลยจ้า

Day 3 :: Hot Air Bolloon – The cabana Design studio & café – Doi ka noi

เช้าวันสุดท้ายนี้ค่อนข้างจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะเราจะมาชมอีกหนึ่งไฮไลต์สุดว้าว สุดแฟนตาซีของการมาเที่ยวในทริปนี้ นั่นก็คือ วิวตุรกีแต่ก็มามีอยู่ที่เมืองลาว จนร้องว้าวแบบไม่หยุดยั้ง เมื่อได้มีโอกาสมาเห็นบอลลูนลูกโตสีสดแบบใกล้ชิด ตั้งแต่เค้ากำลังเป่าลมร้อนใส่เจ้าบอลลูน จนถึงตอนที่พวกมันลอยขึ้นบนท้องฟ้าพร้อม ๆ กัน ถือเป็นไฮไลต์นึงเลยที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะมันเหมาะม๊ากกกกที่จะเอาไว้อัพในไอจีแบบถี่ ๆ และวิวดี ๆ แบบนี้สามารถมองเห็นได้จากทุกส่วนของเมือง แต่ที่เราอยากบอกว่าปังสุด ขอแนะนำให้พวกเธอมาหยุดที่ริมแม่น้ำซอง ส่วนใครที่อยากจะขึ้นไปเฉิดฉายบนท้องฟ้า ที่นี่ก็สนนราคาถูกกว่าประเทศอื่น ๆ มาก แถมมีขึ้นสองเที่ยวต่อวันคือเช้าตรู่รอบ 6 โมงตรง และรอบเย็นยามพระอาทิตย์ตกดินจ้า

เก็บมุมสุดว้าวจากวังเวียงจนครบตามธีมแฟนซีใกล้บ้าน ก็ได้เวลาเดินทางกลับเข้าสู่เวียงจันทร์ เพื่อรอขึ้นเครื่องกลับ แต่ด้วยเวลายังพอมี เลยทำให้พวกเรามีเวลามาตะลอนเที่ยวคาเฟ่เติมพลังกายพลังใจด้วยคาเฟอีนดี ๆ สักแก้วสองแก้วได้ ซึ่งในเวียงจันทน์เค้ามีคาเฟ่น่ารัก ๆ ซ่อนตัวอยู่แทบทุกมุมเมือง อย่างร้าน The cabana Design studio & café คาเฟ่ฮิป ๆ ริมถนนใหญ่ที่เน้นสีเรียบง่ายสไตล์ธรรมชาติอย่าง ครีม น้ำตาล และเขียวเข้ม เฟอร์นิเจอร์ทำจากไม้ และหวาย ดูสบายเชิญชวนให้เราหย่อนก้นลงพักผ่อน และถ่ายรูปพอเป็นพิธี

เมนูของร้านส่วนใหญ่จะเป็นสไตล์ฝรั่งเศส ทั้งขนมปังอบหอมกรุ่นจากเตา สปาเก็ตตี้ทรัฟเฟิล รวมถึงพวกออมเล็ตต่าง ๆ ที่สำคัญยังมีเมนูเอาใจคนรักสุขภาพอย่างน้ำปั่นด้วยผลไม้สดนานาชนิด หรือจะเป็นสลัดผักตามฤดูก็เฮลตี้ดีงาม ส่วนกาแฟนั้นเราลองสั่งเป็นลาเต้ และ Cold Brew มาลอง คือรสชาติดีเลย กลมกล่อมไม่ขมเกินไป ได้กลิ่นคั่วอ่อน ๆ ด้วย กินไปนั่งชิว ๆ เม้าท์มอยกับเพื่อน ดูผู้คนเดินทางสัญจนไปมาบนท้องถนน โอ๊ยยยย บองตรง ๆ ว่า เวียงจันทน์ก็ชิคไม่แพ้ใครเลยนะเธอ

เติมคาเฟอีนไปแล้ว ก็ได้เวลาเติมของคาวแซ่บ ๆ นัว ๆ เข้าท้องกันต่อที่ร้าน Doi Ka Noi ใช่จ้า!! อ่านว่า ดอย กะ น้อย นี่แหละ เป็นร้านอาหาร local ที่รสชาติไม่ธรรมดา ภายในร้านตกแต่งน่ารักสไตล์วินเทจ สีฟ้า-ขาว มีมุมแกลอรี่ให้เราเดินชมภาพถ่ายสวย ๆ ลงโซเชี่ยล แต่ความน่ารักที่เราขอยกใหเป็นกิมมิคของร้านนี้เลยก็คือ เมนูของร้านจะสลับเปลี่ยนเวียนไปไม่ซ้ำแต่ละวัน ขึ้นอยู่กับว่าตอนเช้าแม่ครัวไปจ่ายตลาดแล้วเจอวัตถุดิบอันไหนน่าสนใจ ก็จะซื้อกลับมาเตรียมทำในวันนั้น แถมพวกผักต่าง ๆ ก็ยังปลูกแบบออแกนิค เย้!!!!!! ที่หลังร้าน เรียกได้ว่าเป็นมื้อที่เฮลตี้ ปลอดสารพิษ แถมวัตถุดิบก็สดใหม่อีกด้วย ฟีลแบบลูกคุณหนูที่มีแม่ครัวเตรียมอาหารให้ทุก ๆ วันยังไงยังงั้น

ส่วนเมนูแนะนำที่ย้ำว่าต้องสั่งคือลาบเป็ด สูตรพิเศษของร้านนี้ โดยเค้าจะนำเนื้อเป็ดไปอบด้วยความร้อนนานถึง 6 ชั่วโมง ก่อนจะนำมายี และคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงหอม ๆ แถมใส่หัวปลีเข้าไปด้วย ทำให้เป็นลาบเป็ดจานพิเศษที่รสชาติแตกต่างจากที่อื่น ใครไปใครมา ได้ลิ้มลองก็ติดใจกันทั้งนั้น ถือเป็นมื้อส่งท้ายทริปที่สุดแสนจะแฮปปี้ตีพุงเข้าสนามบินกันเลย

และแล้ว 3 วัน 2 คืน แบบสวยไม่ไหวแล้วก็จบลง ทริปนี้บอกเลยว่าประทับใจมาก เพราะใช้เวลาไม่นาน ใช้เงินไม่เยอะ แค่ 3,000 ก็เที่ยวได้สะดวกสบายในธีมแฟนซี ได้ตื่นตาตื่นใจกับทั้งบอลลูนบนท้องฟ้า ธรรมชาติอย่างบูลลากูน แม่น้ำซอง ทิวเขาหินปูน ร้านอาหารบรรยากาศดี ๆ อย่างวิวทุ่งนา วิวเมือง ที่ล้วนลงตัว และดีต่อใจ ที่สำคัญไปไหนก็ได้ภาพงาม ๆ มาเก็บไว้ในสต๊อกให้ลงกันได้ยาว ๆ จนถึงทริปหน้า เพราะฉะนั้นใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวใกล้ ๆ เที่ยวสบาย แต่ได้ความรู้สึกแปลกใหม่ ก็นี่ล่ะจ่ะ เช็คลิสต์ จดพร้อพ จัดชุด จองตั๋วแล้วตามเราไปได้เล้ยยยย