มาถึงช่วงสิ้นปีที่ทุกคนต่างกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนให้โบนัสตัวเอง ก็อยากให้ลองนึกภาพวันสบาย ๆ นั่งไขว่ห้างจิบกาแฟชิล ๆ ที่กรุงโซล ทำตัวสโลวเหมือนมีบ้านอยู่ที่นี่ ไม่ต้องรีบร้อน ตื่นสาย ๆ อยากนอนก็นอนให้สบาย บ่าย ๆ ไปเที่ยวสักหนึ่งที่ เดินปรี่เข้ามิวเซียม หามุมถ่ายรูปแบบยอดเยี่ยมในห้องสมุด แล้วไปหยุดที่คาเฟ่อีกสักร้าน พักเรื่องแพลนเที่ยวอัดแน่น ปิ้งย่าง เครื่องสำอาง และซีรี่ส์ ลองมาเที่ยวเกาหลีแบบสายชิล สายกาแฟ สายอาร์ต สายมิวเซียมกันดู และนี่คือฤกษ์งามยามดีที่ทางเราจะขออาสามาเสนอ 12 จุดถ่ายรูปลงไอจี ที่ต้องตามเก็บในโซล ลองชมให้ครบ แล้วจะต้องทำเสียงสองพร้อมพูดว่า “โคเรีย ซารางเฮ”
ส่งท้ายปีนี้กับอีกหนึ่งคอนเทนต์ที่ออกเดินทางไปกับ PLANET SCB บัตร travel card ที่เราขอยกให้ว่าดีที่สุดแห่งปี เพราะตั้งแต่ได้บัตรจนถึงวันนี้น่าจะใช้ไปมากกว่า 10 ทริปแล้ว ที่สายเที่ยวอย่างเราชอบสุดก็เป็นการกดแลกเงินเก็บไว้ใช้ได้ถึง 13 สกุลเงิน ไม่ว่าจะเป็น USD, EUR, GBP, JPY, AUD, CHF, SGD, HKD, NZD, CAD, CNY, KRW และ TWD ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน SCB EASY App ประหนึ่งมีเครื่องแลกเงินติดตัวก็ไม่ปาน แถมนอกเหนือจากสกุลเงินที่เรากล่าวไป บัตรก็ยังใช้รูดกับทุกสกุลเงินทั่วโลกแบบไม่โดนชาร์จ 2.5% รวมถึงรูดในไทยได้ด้วย งานนี้จะช้อปออนไลน์ก็สะดวกสุด ปลอดภัยสุด แถมไม่ต้องวุ่นวายกับการไปแลกเงินก่อนไปเที่ยวแต่ละทริป เพราะแค่เตรียมชุดกับคิดท่าโพสก็เหนื่อยแล้วอ่ะแก อ่ะ แล้วย้ำกันอีกสักทีว่าบัตรนี้สมัครฟรีไม่มีค่าธรรมเนียมตลอดชีพถึงแค่สิ้นปีเท่านั้นเด้อ อีกไม่กี่วันแล้วนะ … ไปสมัครกัน ด่วน ๆ
001 Anyang Park
ถ้าเคยอ่านรีวิวโซลมาบ้างก็จะเห็นชื่อนี้อยู่ในลิสต์ หรือหากใครเคยมาเกาหลีก็จะต้องมีรูปที่นี่อยู่ในคอลเล็คชั่นไอจีอย่างแน่นอน เราเลยเอาบ้าง เลือก Anyang Park มาฝาก เพราะอยากให้ลองตื่นสาย ๆ บิดไปบิดมา อาบน้ำปะแป้งผัดหน้า แล้วเตรียมชุดสวยที่ทั้งพร้อมถ่ายรูป และลุยได้ นั่งรถไฟไป Gwanak Station แล้วต่อแท็กซี่ไปนิดเดียวก็ถึง แนะนำว่าให้บอกคนขับแท็กซี่ให้ไปส่งด้านบนสุด เพื่อเก็บ Linear Building Up In The Trees อุโมงค์ทอดยาวที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ก่อน ความสวยของที่นี่คือเวลาแสงสาดลงมาผ่านกิ่งไม้ และผนังของอุโมงค์จะเกิดลวดลายและแสงสีฟ้าแปลกตา สามารถถ่ายรูปได้ทุกช่วงของวัน แต่ละเวลาก็ลวดลายต่างกันไป ได้ฟีลคนละแบบ พอลงมาจากอุโมงค์ก็จะเจอลานกว้าง ๆ มีทางเดินเป็นคลื่นขึ้น ๆ ลง ๆ สลับซับซ้อนให้เราได้แวะถ่ายรูปไปอีกพักใหญ่
หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ เดินลงมาตามจุดต่าง ๆ เพราะยังมีที่ให้แวะถ่ายรูปอีกเพียบ อีกที่ที่เราแนะนำคือ Dimensional Mirror Labyrinth เขาวงกตแท่งสแตนเลสสะท้อนแสง ถ่ายรูปเล่นแสงเล่นมุมสะท้อน เก๋ชัวร์ เริ่ดแน่นอน ลงไอจีคือต้องปัง หรือจะเป็น Anyang Crate House มุมถ่ายรูปที่สมควรได้รับรางวัลสร้างสรรค์ไปเลย เพราะใช้ลังเบียร์มาต่อ ๆ กันจนเป็นทางเดินกว้างขวางสีสันสดใส ที่นี่ค่อนข้างกว้าง เดินเยอะหน่อย เพราะจุดถ่ายรูปจะอยู่ห่างกัน แต่มันสนุกตลอดเส้นทาง เหมือนสร้างมาให้เราได้เดินตามหา Hidden ที่ซ่อนตัวอยู่ พอเจอแต่ละที่ก็จะดีใจ ตื่นเต้น ถ่ายรูปกันเพลิน ๆ
002 “Alone Tree” Olympic Park
แม้ลำปางจะหนาวไม่เท่าลำพัง ขนาดต้นไม้ยังยืนโดดเดี่ยวได้ นับประสาอะไรกับคนโสดแบบเรา ด้วยความกลัวว่าน้องจะเหงา เลยอยากชวนทุกคนไปหาน้อง แล้วรับรองได้เลยว่า เมื่อแกมาแชะภาพลงรูปคู่น้องต้นไม้อะโลนทรีจะต้องมีบรรดาชาวโซเชียลบางกลุ่มมากระหน่ำเม้นท์ถามว่าคือที่ไหน แล้วถ้าอยากตอบเพื่อนให้ดูเหมือนเตรียมตัวมาดี อยู่เกาหลีมาแล้ว 3 เดือน ก็ต้องบอกว่า ที่นี่คือ Olympic Park ถ้าอยากมาก็นั่งรถไฟไปลง Mongchon-toseong station ทางออก 1 เดินขึ้นมาจะเจอทางเข้า Park ให้เดินตรงเข้าไปผ่าน World Peace Gate (ประตูใหญ่ๆ สัญลักษณ์ Olympic) และถ้าจะไปหาน้องต้นไม้โดดเดี่ยวหรือ The lonely tree ให้เลี้ยวซ้ายเดินผ่าน Seoul Olympic Museum ข้ามสะพานไปนิดเดียว แล้วเดินตรงขึ้นไปก็จะเจอน้องแล้ว นอกจากจะมีน้องต้นไม้ใหญ่ตระหง่านกลางลานหญ้ากว้างแล้ว ที่นี่ยังเป็นสวนสาธารณะไว้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจสูดอากาศรับความสดใสให้เต็มที่ บรรยากาศของสวนจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล อย่างช่วงที่เรามาก็จะเจอใบไม้แดงสดใสไปทั้งปาร์คได้รูปได้หย่อนใจไปแบบฟินสุด ๆ
003 Seosomun Shrine History Museum
ถ้าอยากได้มุมถ่ายรูปใหม่ ๆ ที่ชาวเกาหลีกำลังเห่อ และฮิตมาก ให้ลองขึ้นรถไฟใต้ดินมาที่สถานี Chung jeongno ทางออก 4 เดินตรงมานึดนึงก็จะเจอกำแพงอิฐสีส้มที่อยู่ตรงหน้าตระหง่านร้องเรียกให้เราไปถ่ายรูป เพราะนี่คือสวนสาธารณะ และพิพิธภัณฑ์ที่ผสมผสานเอาสถาปัตยกรรมทั้งยุคใหม่ และยุคเก่ามาไว้ในที่เดียวกัน สำหรับสายประวัติศาสตร์ สายอาร์ตรักงานศิลปะ จะหลงรักที่นี่ทันที เพราะมีนิทรรศการถาวรคือการจัดแสดงเรื่องประวัติศาสตร์ของนิกายโรมันคาทอลิกในสมัยโชซอน และยังมีนิทรรศการหมุนเวียนจากศิลปินหลากหลายให้เราได้เข้าชมแบบฟรี ๆ หรือแม้แต่สายถ่ายรูปที่อยากมีรูปโปรไฟล์เก็บสต๊อกไว้ใช้จนตายก็ยิ่งรักมากกว่า แนะนำให้เตรียมชุดสีดำมายืนนิ่ง ๆ โพสท่าเฟี๊ยต ๆ กับกำแพงสีส้มที่เปิดโล่ง ยิ่งถ้าเล่นกับแสงและเงา จะทำให้รูปของเราดูมีอะไรมากขึ้นไปอีก 10 เท่า
ตอนแรกคิดว่าจะเดินเข้าไปด้านใน ช้า ๆ จดจำ เสพงานศิลป์ กอยโกยความรู้เข้าสมองให้ได้มากที่สุด แต่ก็ต้องมาสะดุด เพราะตะลึงกับความสวยงาม อลังการเกินเรื่องของโครงสร้างอาคาร ตั้งแต่ทางเดิน กำแพง และเหล่าบรรดาคานสีขาวสะอาดตาที่พาดกันไปมา ดูเพลินจนแอบคิดว่า ไม่ต้องเดินดูนิทรรศการก็ได้ ก็คุ้มแล้ว ใครที่ชอบเรื่องของการ interior หรือ architecture แนะนำว่าต้องมา
004 Starfield Library
เมื่อการอ่านหนังสือกลายเป็นความชิคอย่างหนึ่งของยุคนี้ไปแล้ว การหาที่อ่านหนังสือให้ดูแพง ดูมีคาแรคเตอร์จึงกลายเป็นอีกหนึ่งโจทย์ของการเที่ยว และในที่สุดเราก็ค้นพบห้องสมุดที่ควรได้รางวัลสาขามุมถ่ายรูปดีเลิศไป เพียงออกจากโรงแรมแล้วนั่งรถไฟใต้ดินสาย 9 ไปลงสถานี Bongeunsa Station ทางออกที่ 7 เดินตรงจากสถานีเข้าไปในห้าง ฉoex mall ด้านในสุดก็จะเจอ Starfield Library ห้องสมุดที่ทั้งสูง และกว้าง อยู่กลางห้างดังแห่งเกาหลี การมาอ่านหนังสือที่นี่ โพสท่าเหมือนตั้งใจอ่าน 1 แชะ ท่าเขย่งหยิบหนังสือ 1 แชะ มันคือการประกาศให้โลกรู้ถึงความเป็นสายแฟที่แท้ทรูของเรา
005 Leeum, Samsung Museum of Art
อีกหนึ่งมิวเซียมที่ตอกย้ำความเป็นประเทศอาร์ตติสของเกาหลีใต้ เราเลือกมาเพราะว่าที่นี่จัดแสดงนิทรรศการศิลปะทั้งแบบดั้งเดิม และสมัยใหม่ พื้นที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ Museum 1 จัดแสดงศิลปะดั้งเดิมของชนชาติเกาหลี พวกตัวอักษรจากพู่กัน, ภาพวาด, เซรามิก, งานหัตถกรรมต่าง ๆ และ Museum 2 จัดแสดงศิลปะสมัยใหม่ และศิลปะร่วมสมัย ทั้งของเกาหลี และของชาวต่างชาติเดินชมไปเรื่อย ๆ เราก็ได้ไอเดียปิ๊งแว๊บขึ้นมาให้อยากทำนู่น สร้างนี่ ถ่ายรูปมุมนั่น ชิ้นงานนี้เก็บไว้เป็น Ref. ในการทำงานต่อได้เยอะมากแถมเดินออกมาเจอ Museum Shop ขายของที่ระลึกน่ารักน่าซื้อเก็บซื้อฝากที่เห็นแล้วอยากได้ทุกสิ่งเจอร้านของฝากมาดักเราแบบนี้ ไม่มีทางที่จะออกไปแบบเงินครบได้แน่
006 Dongdaemun Design Plaza
เรื่องของสิ่งปลูกสร้างรูปทรงแปลกตา มีเอกลักษณ์นี่ต้องยกให้เกาหลีเค้าเลย และนี่ Dongdaemun Design Plaza ก็คืออีกหนึ่งตึกดีไซน์ล้ำเหมือนหลุดมาจากโลกอนาคตกลางใจเมืองโซล ที่มาพร้อมกับสโลแกนเก๋ ๆ ว่า เป็นสถานที่ซึ่งคุณสามารถมีความฝัน (Dream) การออกแบบ (Design) และการเล่น (Play) ตามตัวย่อของชื่อ DDP หากเป็นสายละคร หรือสาวกไอดอลเกาหลี คงจะคุ้นกับที่นี่ เพราะมีทั้งซีรี่ส์และ MV มาถ่ายทำ แต่จริง ๆ แล้วที่นี่คือพื้นที่จัดนิทรรศการระดับโลก มีทั้งห้องประชุม พื้นที่ในส่วนจัดงานแสดงโชว์สินค้าต่าง ๆ และยังเป็นสถานที่สำคัญสำหรับการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศด้วยนะ เราอยากให้มาที่นี่ช่วงบ่าย ๆ เดินชมนิทรรศการ เที่ยวเล่นหามุมถ่ายรูปให้ครบทั้ง 5 โซน แล้วรอจนช่วงเย็นไปจนถึงตะวันตกดิน เพราะด้านนอกจะมีสวนดอกกุหลาบที่มีไฟ LED เรียงรายประดับกว่า 25,550 ดวง อลังการ ทั้งสวยและโรแมนติกมากกกกกกก
007 Cafe’ Onion @Anguk
มาเกาหลีไม่มาคาเฟ่ถือว่าผิด และสำหรับ Cafe’ Onion สาขานี้ถ้าไม่ไปอาจจะผิดจนต้องรับโทษสูงสุด เพราะที่นี่ฮอตจนปรอทแตก แม้จะเป็นสาขาที่ 3 ของแบรนด์นี้ แต่ความปังกลับแซงหน้าไปแล้ว ด้วยโลเคชั่นที่ตั้งกลางย่านหมู่บ้านโบราณเกาหลีอินซาดง ร้านจึงโดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์บ้านโบราณ ที่มีทั้งความเกาหลีแบบดั้งเดิมผสมความโมเดิร์นหน่อย ๆ ในร้านกว้างขวาง สามารถเลือกนั่งได้ทั้ง indoor และ outdoor ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นองค์หญิงได้นั่งจิบชาฝีมือแดจังกึมก็มิปาน จะมาที่นี่ก็นั่งรถไฟใต้ดินสถานี Anguk ทางออก 2-3 ร้านอยู่ใกล้สถานีมาก
ถัดมาอีกฝั่งของร้าน จะเจอห้องกระจกใสเป็นโซน Bakery Shop ซึ่งเมนูขนมเยอะมาก บ้าไปแล้วสมแล้วกับสโลแกน Happiness is the smell of bakery จริง ๆ ทั้งหอม และอร่อย ไม่หลุดมาตรฐานของร้านเลยสักนิด โดยเฉพาะเมนู Signature อย่าง Pandor bread เจ้าขนมปังอบยอดแหลม ตักเข้าปากแกล้มกับกาแฟหอมกลุ่นละมุนเว่อร์แบบนี้ ครบเครื่องทั้งเรื่องวิว บรรยากาศ การตกแต่ง ครบแบบนี้ ประกวดมิสยูนิเวิร์สได้สบายเลยจ้า
008 Understated Coffee
เอาใจสายมินิมอล + hopping ด้วยคาเฟ่เล็ก ๆ โทนขาวคลีน ๆ แต่แอบมีดีเทลจากก้อนอิฐ ที่เน้นโครงสร้าง และของตกแต่งร้านแปลก ๆ ได้มุมได้แสงถ่ายภาพแบบไร้ที่ติ ส่วนมุมเด่นของร้านที่ต้องมานั่งไขว่ห้างจิบกาแฟถ่ายรูปก็คือที่นั่งแหลม ๆ คล้ายภูเขาน้ำแข็งตรงกลางร้าน มันโก้มากเลยแหละ เรื่องรสชาติของกาแฟก็ไม่ต้องห่วง เพราะที่ร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟ Duke ร้านดังจากเมลเบิร์น ในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟ และเบอเกอรี่ ทำให้อรรถรสในการจิบของเรามันพุ่งเพิ่มจนน้ำตาเอ่อ
009 Coffee Nap Roasters
ถ้าเรียกว่าคาเฟ่ลับ Coffee Nap Roasters ก็น่าจะเข้าข่ายที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เพราะร้านนี้อยู่ในซอยที่ห่างไกลไปจากโซนร้านกาแฟอื่น ๆ ตัวบ้านสีขาวตัดอิฐสีแดงตรงขอบด้านล่าง คือสิ่งดึงดูดแรกให้เราไปที่นี่เมื่อไปถึงก็ไม่ผิดหวังจริงๆ แม้ร้านไม่ใหญ่แต่ดีเทลมากเว่อร์ มานี่ก็ต้องสั่งกาแฟแล้วนั่งบนพื้นอิฐแดงที่ทางร้านปูไว้เป็นเนินหน้าบาร์เพราะเค้าใช้อิฐกว่า 7,000 ชิ้น เพื่อสร้างที่นั่งพักดื่มกาแฟเป็นเนินเขาสูงขนาด 1.5 เมตร ในร้านก็กลายเป็นองค์ประกอบธรรมชาติอย่างมีสตอรี่ อย่างกระจกวงกลมที่เปรียบดั่งดวงจันทร์ ภายในมีต้นไผ่แกว่งไปแกว่งมาเมื่อโดนแรงลมกระทบจากประตูร้าน ให้อารมณ์เหมือนนั่งจิบกาแฟชมวิว บนเนินเขาหรือถ้านั่งบนพื้นอิฐไม่ไหวแบบเราเค้าก็มีเก้าอี้ไม้เล็ก ๆ ให้นั่งจิบกาแฟกัดคุกกี้กันได้
010 Cafe’ Onion @Gangbuk
อีกหนึ่งสาขาของ Onion แม้จะไม่ฮอตปังเท่าสาขาก่อนหน้า แต่รับรองเลยว่าถ้าไม่ดีจริง เราคงไม่พามา 2 สาขาแบบนี้แน่ ๆ ถ้าติดใจรสชาติกาแฟ และเบเกอรี่ที่คงไว้ซึ่งมาตรฐานระดับดาวล้านดวงของที่นี่ ก็ต้องลองแวะมาสาขา Gangbuk ด้วย เพราะสเปซที่นี่มีให้เยอะกว่า กว้างกว่า และด้วยดีไซน์ปูนเปลือยแนวลอฟต์ทำให้ได้มุมถ่ายรูปที่เก๋ไม่แพ้ใครเขานะ อีกเหตุผลที่เราชอบมาฝากท้อง ฝากหนังตามื้อเช้าที่คาเฟ่ต่าง ๆ ในเกาหลี เพราะเราจ่ายค่ากาแฟด้วย SCB Planet ได้ ไม่ว่าจะเท่าไหร่ก็ใช้บัตรได้สะดวกสบาย และแน่นอน วันนี้เราก็ไม่พลาดที่จะเลือกขนมปังยอดแหลมเจ้าตัว Signature ของร้านมาเข้าปากลงท้องไปพร้อมกาแฟดริปร้อน ๆ เช่นเคย
011 Blue Bottle Coffee @Samcheong-dong
ร้านกาแฟที่เราให้ความไว้วางใจ เจ้าของฉายา Apple หรือ Microsoft แห่งวงการกาแฟ เวลามาต่างประเทศแล้วเจอ Blue Bottle Coffee เสมือนมาแล้วเจอบ้านเพื่อนเก่าก็คงหนีไม่พ้นที่นี่แหละ และแน่นอนว่าเราพก SCB Planet เดินเข้าไปร้านกาแฟที่เรารัก และคุ้นเคย เพราะรู้ใจกันดีอยู่แล้วว่า ทั้งรสชาติกาแฟอร่อยไว้ใจได้ และจ่ายผ่านบัตรได้ไม่ต้องพกเงินสด พอเดินเข้าสาขานี้ชั้นแรกเราจะพบกับเค้าเตอร์สั่งเครื่องดื่ม มุมขายของที่ระลึก อุปกรณ์ทำกาแฟเล็ก ๆ พร้อมโซนจิบกาแฟแบบ outdoor สั่งเสร็จพนักงานจะให้เราขึ้นไปรอรับชั้นสอง หรือชั้นสาม
ขึ้นมานั่งรอบาริสต้าค่อย ๆ บรรจงทำกาแฟให้เราช้า ๆ ทีละแก้วอย่างละเมียดละไม เราก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองความตั้งใจของพวกเขา และในที่สุด ลาเต้เย็นหอม ๆ กับบราวนี่เค้กของเราก็พร้อมลงท้องแล้ว สิ่งสำคัญที่ทำให้เราชอบร้านนี้ เพราะเรื่องความเป๊ะของการชง รสชาติที่คงเดิมไม่ต้องลุ้น และความใส่ใจในทุก ๆ ดีเทลของทุกเมนูที่เราสั่งนี่แหละ เออ แอบบอกสักนิดว่าที่สาขานี้นางมากับวิวพระราชวังนาจา
012 Low Coffee
โลเคชั่นสุดท้ายท้ายสุดที่หยิบมาเสนอ เพียงแค่นั่งใต้ดินไปลงสถานี Hangangjin ทางออกที่ 3 โผล่มาที่ย่านอิแทวอน เราก็จะเจอกับอีกหนึ่งคาเฟ่สุดฮิปที่สาย Café hopping บอกไว้ว่ากาแฟคือวัตถุประสงค์หลัก เจ้าของร้านถือเป็นของแถมดี ๆ เพราะร้านนี้นอกจากการตกแต่งทั้งสองชั้น แบบสไตล์มินิมอล เน้นสีขาวตัดกับบานหน้าต่างและเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลแล้ว เรายังได้ข่าวว่าพ่อค้าแซ่บมาก เลยต้องมาพิสูจน์กันให้เห็นกับตา แต่เมื่อมาถึง กลับร้องว้าวกับความน่ารักของร้านมากกว่า ยิ่งได้สั่งเค้กหน้าตากระจุ๋มกระจิ๋ม มาทานคู่กับกาแฟรสชาติเข้มข้นแล้ว ยิ่งลงตัวไปใหญ่
ครบจบไปแล้วทั้ง 12 จุดที่เราคัดสรรมาเน้น ๆ เพื่อการเที่ยวโซลให้ได้รูปดี ๆ อวดโลกโซเชียล อ่านมาจนถึงตรงนี้ ก็คงจะเก็ทกันแล้วว่า เกาหลีไม่ได้มีดีแค่กิมจิ คิมบับ ปิ้งย่าง เครื่องสำอาง และไอดอล สำหรับเราเกาหลีเป็นหนึ่งในประเทศที่ถ่ายรูปมุมไหนก็สวยก็ดี แล้วยังเที่ยวได้แบบไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้อแน่น นอนตื่นสาย ๆ วางแพลนหลวม ๆ ก็เที่ยวได้ครบ มีรูปสวยตั้งแต่เริ่มทริปยันจบกลับไทย ว่าแล้ว อย่ามัวถามว่าพร้อมเมื่อไหร่ ถ้ามีใจ ก็ไปเกาหลีกันตอนนี้เลย