คงไม่แปลกใช่ไหม? ถ้าเราจะบอกว่า ‘ชลบุรี’ เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองสำหรับการพักผ่อนของคนเมืองอย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะเดินทางง่าย คิดปุ๊บไปถึงปั๊บเหมือนวาร์ปได้แล้ว ชลบุรียังมีที่เที่ยวหลากหลายแนวให้ได้เลือก ทั้งเกาะเล็กใหญ่ ชายหาดทอดยาว อาหารเด็ดรสเลิศ แถมคาเฟ่ชิคเก๋ก็ขยันผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดให้เราไปฮอปปิ้งอีกเพียบ ไม่ว่าจะทริปสั้นๆ แบบวันเดย์ หรือไปค้างสักคืนเมื่อใจเซ ชลบุรีก็พร้อมอ้าแขนรอต้อนรับอยู่เสมอทุกเวลา ยิ่งช่วงร้อนๆ แบบนี้บอกเลยถึงใจไม่เซก็ควรมีทะเลเป็นจุดหมาย ไปนั่งกินขนมงี้ รับลมแบบชิวๆ งี้ แล้วค่อยลงเล่นน้ำให้ชุ่มปอด จะได้กลับมานอนเม้าท์มอยหอยกาบกับเพื่อนฝูงที่หน้ารีสอร์ตพร้อมวิวพระอาทิตย์ตก ด้วยความดีงามต่างๆ ทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืนของเราจึงบังเกิดขึ้น เพื่อจะไปเถลไถลกันที่ สัตหีบ แบบเฟียสๆ เก็บเกี่ยวความชิวและความเก๋ให้สนุกมันส์ทะลุอุณหภูมิประเทศไทยกันเลยจ้า
ก่อนออกเดินทางนอกจากเตรียมเสื้อผ้า เตรียมพร็อพถ่ายรูปแล้ว เราก็ต้องเตรียมขนมนมเนยกันให้พร้อมสรรพตามสโลแกน “หนูกินดุนะ พี่ไหวหรอ” ด้วยการแวะช้อปขนมสุดป๊อบเจ้าดังจากสิงคโปร์ที่ยกทัพมาเปิดเอาใจคนกรุงกันถึงสองสาขาที่เซนทรัลเวิลด์ และสยาม พารากอน ตั้งแต่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา อย่างเจ้า IRVINS Salted Egg ตัวจริงอันดับหนึ่งเรื่องหนังปลาทอดกรอบและมันฝรั่งสดเคลือบไข่เค็ม ของกินเล่นสุดพรีเมี่ยมที่ผ่านกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนแบบไร้สารกันบูด ที่แต่ก่อนจะต้องหอบหิ้วแย่งชิงเป็นของฝากทุกครั้งที่ไปสิงคโปร์ ครั้งนี้เราเลยกวาดมาทุกแบบทุกไซส์ไว้กินกันให้จุใจตลอดทริปไปเล้ย!! ออ นอกจากสองสาขานี้แล้วเค้ายังมีแพลนขยายสาขาใหม่สาขาที่ 3 ในเดือนมิถุนายนนี้ที่เอ็มควอเทียร์ รวมถึงช่องทางออนไลน์ทั้งวงในและไลน์แมน คราวนี้แหล่ะไม่ต้องออกไปซื้อ กดสั่ง ของก็มาส่งถึงบ้านเลยจ้า
เมื่อสเบียงพร้อมเราก็ออกเดินทางได้ ถึงแม้ว่านาฬิกาจะปลุกเวลาเดียวกับวันทำงาน แต่วันเที่ยวมันช่างสดใส สดชื่นชวนตื่นด้วยความเบิกบานกว่าเป็นไหนๆ และจุดหมายแรกของเราก็คือฮาวาย!!! ผิด แค่จอมเทียนเท่านั้นเอง แต่ความชิคของมันก็เทียบเท่าฮาวายบวกสไตล์นันดา เพราะที่ๆ เรากำลังจะไปก็คือ TUTU Beach คาเฟ่เล็กๆ ริมทะเลที่เก๋จนต้องตามมาจากไอจี พร้อมคิดท่าเซลฟี่ กรุ๊ปช็อต วันช็อตมาล่วงหน้า จะได้ไม่พลาดทุกท่วงท่า ตัวร้านมีความชมพูหวานใสสไตล์ฟามิกโก้ที่ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารัก เพราะทั้งร่มชายหาดและ bean bag มันชวนให้เราทิ้งตัวลงสวยๆ ชมทะเลสีฟ้าใส หามุมถ่ายรูปแบบเพลินๆ มาอัพไอจีสตอรี่ โชว์วันหยุดสุดสัปดาห์แบบฮอตๆ ระดับ 36 ดีกรี แต่ feel like ปรอทแตกกันไปเลย
ระหว่างนั่งกินลมชมวิวก็ชักจะอยากกินอะไรที่อิ่มกว่าลม เราเลยควักสเบียงตัวท๊อปออกมากินเพลินๆ และเม้าท์มอยให้ได้อรรถรสแข่งกับขนมกันไป และงานนี้บอกเลยว่าอร่อยขนาดนี้ ถ้าฝั่งพี่มี 30 ฝั่งขนมมี 60 พี่ก็พร้อมเปิดก่อนนะฮะ เพราะพี่โหดสุดนะฮะ เรื่องขนมนี่พี่กินเรียบมาหมดละฮะ ดังนั้นต่อให้เจ้า IRVINS Salted Egg นางจะมีด้วยกันถึง 3 แบบ ทั้งหนังปลาทอดกรอบเคลือบไข่เค็ม (Fish Skin), มันฝรั่งสดทอดกรอบเคลือบไข่เค็ม (Potato Chips) และมันสำปะหลังทอดกรอบเคลือบไข่เค็ม (Cassava Chips) ทั้งรสดั้งเดิม และรสเผ็ดร้อนจี๊ดจ๊าด พี่ก็ไม่กลัวนะฮะ พี่เหมามาหมดทุกรส ทุกแบบ เพราะหลงไหลใน “สูตรพิเศษ” ที่ไม่ใช่ผงไข่เค็มทั่วไปในตลาด แต่เป็นการนำไข่แดงเค็มลงไปทั้งคลุกทั้งเคลือบกับตัวขนมเลยจ้า แซ่บแบบกินจุกๆ ฟินส์ๆ กินไม่หยุดจนเพื่อนต้องสะกิด ใจเย็นไว้พวก เราต้องไปอีกหลายที่เนอะ เก็บไว้กินตอนอื่นบ้างเนอะ เลยได้สติดูดนิ้วแล้วปิดซองเดินไปรับน้ำที่สั่งมาสักที ซึ่งงานนี้เราลองสั่ง Signature อย่าง TuTu Sunset ที่เสิร์ฟมาในแก้วทรงสัปปะรดที่เอามาเป็นพร็อพถ่ายรูปก็น่ารัก เอามาดื่มก็สดชื่นดับร้อน ดื่มเพลินชื่นใจจจจจจจ
จากฮาวายก็เหมือนตัดภาพมาที่บาหลีแบบไวๆ ทั้งที่จริงๆ เราอยู่กันแค่ที่สัตหีบ ในร้านคาเฟ่สุดสดใสสไตล์ซัมเมอร์ที่ Summer Stay ร้านสองคูหาที่ถูกเนรมิตให้เป็นเสมือนศูนย์รวมความสุขประจำสัตหีบ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนมันก็ชวนสดชื่น เหมือนพระอาทิตย์ยามเช้าในเรื่องเทเลทับบี้ แต่สงบนิ่งน่าพักผ่อนไปพอๆ กับเก้าอี้หวายที่ดูทั้งนุ่มและนั่งสบายรอบๆ ร้าน ด้านล่างคือคาเฟ่สุดน่ารักที่พร้อมเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มทั้งร้อนเย็น ส่วนด้านบนคือห้องพักสไตล์มินิมอลที่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวในราคามิตรภาพ นอกจากนี้เค้ายังมีมุมเล็กที่ชั้นล่างไว้ขายของกระจุ๊กกระจิ๊กให้ช้อปกันเพลินๆ หรือจะชุดว่ายน้ำ บิกินี่ หมวก กระเป๋า ซัมเมอร์สไตล์ก็มีให้เลือกพอเป็นพิธี เผื่อใครลืมหยิบไอเท็มประจำทะเล หรืออยากได้เพิ่มก็พอเก๋ไก๋
เมนูเครื่องดื่มเย็นจับใจที่ดูดเข้าไปก็ดับกระหายคลายร้อนได้ทันทีของทางร้านนั้น มีให้เราเลือกเยอะพอสมควร แต่เราขอแนะนำสองเมนูที่ห้ามพลาด นั่นก็คือ ช็อคมิ้นต์ ช็อคโกแล็ตเย็นหวานกำลังดีหอมกลิ่นมิ้นต์แบบสดชื่นๆ ที่พอทานกับรสดั้งเดิมบอกเลยว่าเข้ากันสุด กินเพลินเกินจะหยุดไหวจริงๆ ส่วนอีกเมนูชาลิ้นจี่ท็อปปิ้งด้านบนด้วยลิ้นจี่ชิ้นโตๆ กรุบๆ รสชาติเปรี้ยวนิดๆ ก็ช่างเข้ากันกับรสเผ็ดร้อนจี๊ดจ๊าด ยิ่งกินยิ่งฟินจนไม่อยากขยับตัวไปไหนต่อเลยจ้า
เติมความสดชื่นให้ร่างกายไปแล้ว ก็ถึงเวลาพาร่างมาเช็คอินเก็บกระเป๋าเข้าที่พักกันต่อ ทริปนี้เราเลือกพักที่ The Boathouse บางเสร่ ที่พักสุดชิคตกแต่งในสไตล์วินเทจสุดละมุน ตัวบ้านพักเป็นบ้านเก่าของชาวประมงที่ถูกรีโนเวทภายในใหม่ให้กลายเป็นห้องพักจำนวน 5 ห้อง ทอดตัวไปบริเวณชายทะเลบางเสร่ ชายทะเลที่หลายๆ คนให้คำนิยามว่าสวยงามและเงียบสงบที่สุดในจังหวัดชลบุรี แต่ละห้องจะได้รับการออกแบบให้ไม่ซ้ำกัน อย่างห้องพักของเราที่ชื่อว่าบูลก็จะตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าใสๆ แต่ที่เหมือนกันคือเราสามารถเปิดประตูแล้วพบกับวิวทะเลเบื้องหน้าได้ทุกห้องจ้า
นอกจากโลเคชั่นสุดสงบแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดให้พวกเราอยากมาพักที่นี่ก็คือบรรยากาศสุดชิว แต่มีสไตล์ทั้งมุมชานเรือนให้นอนรับลมริมทะเล มุมเปลตาข่ายสำหรับรอชมพระอาทิตย์ตก หรือแม้แต่มุมเตียงไม้สำหรับถ่ายรูปชิคๆ ที่พอรวมกันแล้วมันช่างลงตัวเหมาะแก่การมาพักผ่อนแบบเก๋ๆ และยังได้รูปเท่ๆ กลับไปด้วยแบบพอดิบพอดี เพราะฉะนั้นยามเย็นวันนี้พวกเราเลยตัดสินใจนั่งเล่นรับลมริมชานเรือน เม้าท์มอยกับเพื่อนๆ ทั้งเรื่องเก่าและเรื่องใหม่ที่บางเรื่องก็ชวนให้นึกถึงอดีต บางเรื่องก็ชวนวาดฝันถึงอนาคต มุมนี้ ณ ยามที่พระอาทิตย์กำลังทอดตัวลงสู่ท้องน้ำ มันจึงเป็นปัจจุบันขณะที่เข้มข้น รสเข้ม แต่ผ่อนคลายจิตใจอย่างถึงที่สุด
พอฟ้าเริ่มมืดแสงไฟตกแต่งของที่พักก็เริ่มเปิดสว่างไสว บรรยากาศจากที่ชิลอยู่แล้วยิ่งชิลเข้าไปใหญ่ แอบออกไปทางโรแมนติคหน่อยๆ ซะด้วย ใครไม่อยากออกไปหาข้าวเย็นทานที่อื่นให้เสียเวลาดื่มด่ำกับวิวตรงหน้า ทางที่พักเองก็มีบริการอาหารเย็นให้สั่งหลายเมนู จะได้ทานไปมองวิวไปแบบจุใจจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปเลย เอาเป็นว่าถ้าใครมองหาที่พักน่ารัก อบอุ่น มุมถ่ายรูปเพียบแนะนำ The Boat house ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเลยจ้า แต่ต้องขอเตือนว่าให้จองล่วงหน้ามาด้วยจะดีมาก เพราะเค้าเต็มเร็ว เต็มไวจริงจ้า
เช้าวันใหม่มาพร้อมกับไฮไลต์ของทริปนี้ ก่อนอื่นต้องยอมรับเลยว่าเราไปมาก็หลายเกาะ เที่ยวทะเลมาก็หลายที่ แต่เกาะขาม สัตหีบนี้ก็สวยงามไม่แพ้เกาะไหนในไทยเลย ซึ่งเกาะนี้จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลเชิงอนุรักษ์ในความดูแลของกองทัพเรือภาคที่ 1 เพราะงั้นเวลาเที่ยวเกาะนี้ก็ไม่ต้องห่วงมีพี่ๆ ทหารใจดีคอยดูแลความเรียบร้อยตลอดเวลา และถึงแม้ว่าเกาะแห่งนี้จะเป็นเกาะเล็กๆ แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นชายหาดที่ขาวสะอาด น้ำทะเลที่สวยสด และแนวประการังที่สมบูรณ์ ที่สำคัญตอนนี้เกาะขามเปิดให้นักท่องเที่ยวข้ามไปได้ทุกวันแล้วนะแก โดยสนนราคาค่าเรือไปกลับแค่คนละ 250 บาทเท่านั้น คุ้มจุกกกกกก!!!
มุมที่เราอยากพุ่งตัวไปมากที่สุดและต้องการมาเห็นกับตามากที่สุดของเกาะขามก็คือวิวสะพานไม้บริเวณหัวเกาะที่อยู่ใกล้ๆ กับจุดที่เราต้องลงเรือนั่นแหละ เราสามารถเดินลัดเลาะเลียบชายหาดไปได้เลย ซึ่งระหว่างเดินก็เจอมุมสวยๆ อีกเพียบ จนเผลอลั่นชัตเตอร์ไปแบบไม่รู้ตัวอีกเป็นร้อยรูป พอถึงสะพานก็ว๊าวหนักเพราะน้ำทะเลตรงนี้คือใสเป็นสีฟ้าสลับกับสีคราม จนมองเห็นพื้นล่างได้ด้วยตาเปล่า ยิ่งบวกกับสะพานไม้ที่ทอดยาวสู่สีคราม มุมนี้จึงกลายเป็นองค์ประกอบที่เพอร์เฟกมากในการถ่ายรูป เอาเป็นว่าไม่ว่าแกจะหันกล้องไปทางมุมไหนก็ถ่ายออกมาสวยทุกมุมแน่นอน
จบจากสะพานไม้เราก็มานั่งเพลินๆ จัดวางพร็อพที่ขนมาด้วยความบรรจง แต่นั่งลงให้เหมือนไม่ได้ตั้งใจ กะว่ายังไงงานนี้ต้องไลค์เพียบทั้งเฟสบุ๊ค ไอจี นั่งถ่ายเพลินๆ ก็อย่าลืมเปลี่ยนมุมไปวิ่ง ไปกลิ้งบนหาดทรายกันบ้าง เดี๋ยวเพื่อนจะเม้าท์ว่าเป็นแผลกดทับรึเปล่า มาทะเลทั้งทีทำไมไม่มีโมเม้นวิ่งเตะทราย ไล่ฟอง มองปู ก็ต้องจัดไปให้ครบทุกท่วงหน้า ทุกมุม เอาให้คุ้มกับค่าชุด!!!!
และบ้านหลังที่สองของเราก็ไม่เคยทำให้เราผิดหวังอย่างเช่นทุกครั้งจริงๆ ไม่ว่ามันจะเป็นทะเลที่เดิม ท้องฟ้าผืนเดิม ดวงจันทร์ดวงเดิม ดวงอาทิตย์ดวงเดิม แต่เราก็ไม่เคยเบื่อกับสิ่งเดิมๆ เหล่านี้เลย แต่กลับรู้สึกตกหลุมรักครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าจะมีสักอย่างที่เราเรียกมันว่าความรักได้เต็มปากก็คงเป็นการเดินทางนี่ล่ะมั้ง แต่ทุกๆ ครั้งเราก็เพิ่มสีสันให้มันมีรสชาติที่ต่างออกไปได้เหมือนกันนะ ไม่ว่าจะใส่ความเปรี้ยวลงไปด้วยกิจกรรมแอดเวนเจอร์ ใส่ความเผ็ชลงไปในชุดชิคๆ ใส่ความหวานลงไปพร้อมนมและน้ำตาลจากกาแฟหอมกรุ่น หรือเพิ่มความละมุมเข้มข้นด้วยขนมสุดฟินส์ อย่างครั้งนี้ที่เราได้ IRVINS Salted Egg มาเพิ่มความเข้มข้น หอมมันตามแบบฉบับขนมสุดพรีเมี่ยม การเดินทางครั้งหน้าของพวกแกก็อย่าลืมเพิ่มรสชาติให้การเดินทางเต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้มข้นง่ายๆ จาก IRVINS Salted Egg แล้วแกจะรู้ว่า ขนมอร่อยๆ เพิ่มรสชาติให้การเดินทางได้ดีกว่าที่คิด