ฮ๊ายยยยยยยยยยยยย… วันนี้เรามาโผล่ที่ โคเปนเฮเกน (Copenhagen) เมืองหลวงสุดน่ารัก มีเสน่ห์ และชิวที่สุด เมืองที่เวลาแห่งความสุขจะเดินไปอย่างช้าๆ เพราะเราจะพาแกไปทิ้งทุกความเร่งรีบเพื่อสอดส่องหาความสวยงามที่กาลเวลาได้สั่งสมมา ทั้งตึกโบราณอันแสนฉูดฉาด ถนนช้อปปิ้งในย่านเมืองเก่าที่ยาวที่สุดในยุโรป โบสถ์แห่งความเชื่อ และพระราชวังหลังประวัติศาสตร์ ก่อนจะวกกลับมาตามหาคาเฟ่ที่เก๋ทุกมุมมอง เพื่อลองลิ้มชิมกาแฟกับเบเกอรี่ที่หอมชวนน้ำลายสอ จนต้องขอเอาเรื่องราวและประสบการณ์ทุกย่างก้าวที่เราได้พบเจอในเมืองหลวงของประเทศเดนมาร์กแห่งนี้กลับมาเป็นของฝากที่จะทำให้พวกแกตกหลุมรักเสน่ห์ในการเบลนด์ความใหม่และคลาสสิคเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว จนอยากจองตั๋วไปเที่ยวแบบเท่ๆ ที่โคเปเฮเกนแบบเรา …
FLIGHT TO COPENHAGEN
การเดินทางที่สบายใจที่สุดเรายกให้การบินไทยแน่นอน เพราะบินทีไรก็อุ่นใจประหนึ่งเหมือนมีญาติสนิทมิตรสหายไปส่งถึงปลายทาง เครื่องลำใหญ่ กว้างขวาง นั่งสบาย ที่สำคัญเรื่องการบริการเอาหัวเป็นประกันเลยว่าไม่เคยเป็นสองรองใคร มั่นใจได้เลยว่าการเดินทางของเราได้รับการดูแลแบบมืออาชีพและระดับโลก มีหนังให้ดูเมื่อเหงา มีเพลงให้ฟังเมื่อเบื่อ แถมบินตรง ยาวๆ อย่างไฟลท์ TG950 กรุงเทพ — โคเปนเฮเกน เค้าเสิร์ฟอาหารรสชาติอร่อยถึงสองมื้อเลยนะแกร๊ นอกจากโคเปญเฮเกนปัจจุบันการบินไทยก็มีเส้นทางบินไปเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆ ในยุโรปอีกเพียบ!! ถ้าสนใจไปจองตั๋วได้เลยที่ thaiairways.com หรือติดต่อสำนักงานขายการบินไทย หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือ THAI Contact Center โทร 0-2356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
ด้วยการบริการต่างๆ ที่กล่าวเรามาเลยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตำแหน่งรางวัล World’s Best Economy Class ประจำปี 2017 จาก Skytrax ถึงมาลงที่การบินไทย แถมปัจจุบันการบินไทยเค้าตอกย้ำจุดยืนในการเป็น Premium Airline และในฐานะสายการบินแห่งชาติ ด้วยบริการที่จะทำให้ผู้โดยสารเพลิดเพลินและได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เหนือระดับ อย่าง “Live TV on Board” ซึ่งเป็นการดูรายการทีวีสดๆ แบบ “ฟรี” (ในขณะที่หลายสายการบินคิดค่าบริการ) ถึง 4 ช่อง คือ CNN BBC NHK และ Sport24 เห็นไหมว่านอกจากบินการบินไทยจะ “สบายต่างกัน” แล้วยัง “ทันโลกต่างกัน” อีกด้วย
WHERE TO STAY
สำหรับที่พักราคาน่ารักโลเคชั่นดีงามในโคเปญโฮเกนรอบนี้เราจองผ่าน Booking.com อีกแล้วครัชโผม!!! นางเป็นเว็บจองที่พักที่อยู่คู่กับเราเกือบทุกทริปตั้งแต่สมัยเริ่มหัดเที่ยวจนตอนนี้ ความดีงามคือนางรวบรวมที่พักหลากหลายรูปแบบ หลายราคาจากทั่วทุกมุมโลก เซิร์ทง่าย จองง่าย ไม่ต้องจ่ายล่วงหน้า(จ่ายตอนวันเข้าพัก) แถมยังสามารถยกเลิกแบบฟรีๆ ในระยะเวลาที่กำหนดได้ตลอด ซึ่งมันเหมาะกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงโลเลแบบเราเป็นที่ซู๊ดดดด อีกอย่างที่ชอบคือเว็บนางจะโชว์ราคาแบบรวมทั้งหมดแล้วตั้งแต่หน้าแรกมันประหยัดเวลาในการเลือกได้มาก แบบไม่ต้องเสียเวลาจิ้มเข้าจิ้มออกคำนวณ VAT ให้เมื่อยนิ้ว เลิศสุด!!!!!!!!!! และถ้าหากใครมีแพลนเดินทางช่วงนี้เราแนะนำให้จองที่พักผ่านลิ้งก์ https://www.booking.com/s/30735bba เพราะเมื่อกดจองที่พักในราคาเกิน 2,000 บาท แกจะได้เงินคืนเข้าบัตรเครดิตหลังจากเข้าพักแล้ว 1,000 บาท (1คน/สิทธิ์) ใช้ได้ตังแต่วันนี้ถึง 31 พฤษภาคมเท่านั้น และอย่าลืม!! ผูกบัตรเครดิตในบัญชี Booking.com เพื่อรับเครดิตเงินคืนด้วยนะ ตามๆ ไปจองได้เลย …
Best Western Hotel City คือโรงแรมที่เราเลือกจองจาก Booking.com ในครั้งนี้ ที่นี่ดีทุกสิ่งตั้งแต่โลเคชั่นยันพื้นห้องน้ำ(เว่อร์ไป) ความดีงามที่เห็นได้ชัดขอยกให้เป็นเรื่องการตกแต่งคือทำออกมาได้เท่มาก ดูอาร์ต ดูใส่ใจในดีเทล เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในห้องพักคือเรียบโก้ ส่วนโลเคชั่นก็เลิศจริงอะไรจริงเพราะจากโรงแรมเราสามารถเดินไปเที่ยวได้เกือบทุกสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮ็อตที่เรากำลังจะเม้าท์มอยหอยกาบให้ฟังข้างล่างหรือไม่ถ้าใครไม่อยากจะเดินให้เมื่อยน่องก็สามารถเลือกนั่งบัสหรือใต้ดินได้อีก เพราะโรงแรมอยู่ใกล้กับสถานี Kongens Nyrv มากเว่อร์
WHERE TO VISIT IN COPENHAGEN
001 Frederick’s Church
มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า The Marble Church ที่นี่ถือเป็นโบสถ์ประจำเมืองเลยก็ว่าได้ ตามชื่อที่เขาเรียกกันก็คือด้านนอกโบสถ์จะสร้างด้วยหินอ่อนซะส่วนใหญ่ ความสูงจากพื้นถึงยอดโดมก็ประมาณ 46 เมตรแหนะแก สูงม๊ากกก.. หรูหรา อลังการสุด แล้วข้างในโบสถ์จะเป็นศิลปะแบบ ROCOCO อารมณ์ยุโรปทองๆ สมัยหลุยส์ๆ หน่อย แต่ระยะเวลาการสร้างนี้ยาวนานมากนะ ร้อยกว่าปีแหนะ นับตั้งแต่ร่างแบบครั้งแรกปี 1749 เจอปัญหาต่างๆ นาๆ จนมาแล้วเสร็จเปิดให้เข้าในปี 1894 ปัจจุบันที่นี่เป็นที่นิยมสำหรับคู่รักมาจัดงานแต่งงาน เพราะข้างในจะให้ฟีลหรูหรา โรแมนติก ส่วนตัวโบสถ์สามารถเข้าชมได้ฟรีจ้าาา
002 Amalienborg Palace
ถ้าใครอยากเห็นทหารยุโรปเปลี่ยนกะเฝ้าประตูวัง ที่นี่เลยจ้าาาา Amalienborg Palace พระราชวังที่สร้างขึ้นกลางศตวรรษที่ 18 เพื่อฉลองวาระการครบรอบ 300 ปีของราชวงศ์โอลเดนบวร์ก และปัจจุบันยังเป็นที่ประทับของราชวงศ์เดนมาร์กอยู่ด้วย เพราะเหล่าเชื้อพระวงศ์ได้ย้ายเข้ามาตั้งแต่พระราชวัง Christiansborg ถูกไฟไหม้เมื่อปี 1794 พระราชวังแห่งนี้มี 4 อาคาร ภายในมีการตกแต่งแตกต่างกันไปตามรสนิยมของผู้อาศัยเดิม ด้านหน้ามีรูปปั้นขนาดใหญ่ของพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 5 ที่ดูยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม ส่วนไฮไลท์ของที่นี่คือช่วงตอน 12:00 น. ของทุกวัน เขาจะมีพิธีเปลี่ยนเวรยามของทหารเดิน พวกนางจะเดินจากปราสาท Rosenborg ผ่านถนนในกรุงโคเปนเฮเกนแล้วก็มาสิ้นสุดที่นี่จ้า ... เอาจริงๆ ถ้ามาไม่ทันทหารเปลี่ยนกะแค่แวะมาดูทหารเผ้าประตูเฉยๆ ยังคุ้มเลย สูง สมาร์ท หล่อหน้าตายมากแก
003 Nyhavn
ท่าเรือนูฮาวน์ ที่นี่น่ารักมากกกกก เห็นรูปจากคนอื่นไม่คิดว่าจะสดได้ขนาดนี้นึกว่าแต่งภาพกัน 55555 สีสันสะเปะสะปะแต่กลายเป็นเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศริมน้ำแบบนี้ ทำให้ที่นี่ดูแตกต่างไปจากท่าเรือที่เคยเห็นมาทั้งชีวิต มันดูมีชีวิตชีวา เหมือนท่าเรือที่ยังใช้งานอยู่จริงๆ ไม่เคยหยุดพัก ตามประวัติคือเมื่อก่อนที่นี่วุ่นวายมากกกก เป็นที่ส่งออก และนำเข้าสินค้าจากทั่วโลก บรรยายเหมือนในหนังเลยที่ตามท่าเรือจะมีร้านขายเหล้าและมีผู้หญิงตามร้านเต็มไปหมด ซึ่งตอนนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นร้านนั่งชิลล์นาจา แบบมานั่งทานอาหารเคล้าดนตรี Jazz ร้านกาแฟนั่งอ่านหนังสือริมคลองงี้ ใครอยากนั่งเรือชมเมืองและอ่าวที่นี่ก็มีเด้ออออ .. *** ส่วน love locks ที่มีอยู่หลายๆ แห่งทั่วโลกที่นี่เค้าก็มีนะ เตรียมแม่กุญแจกับแฟนมาล๊อกได้เลย!!!
พอตกเย็นเมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีที่นี่ก็จะยิ่งสวยเข้าไปอีก ไฟส้มๆ ตามร้านอาหารที่ค่อยๆ เปิดสว่างขึ้น เสียงเพลงของนักดนตรีเปิดหมวกก็ลอยตามลม มันยิ่งตอกย้ำความชิวเข้าไปอี๊กกกก ณ จุดนี้เราโหวตเลยว่าไม่มีบรรยากาศยามค่ำคืนที่ไหนในเมืองโคเปญเฮเกนแห่งนี้จะดีต่อใจได้เท่าตรงนี้อีกแล้ว
004 Church Of Our Saviour
ภายใต้อาคารอิฐสีแดงขนาดใหญ่ที่ต้องแหงนสุดคอถึงจะเห็นยอดโบสถ์ที่เป็นเกลียวแปลกตาจึงทำให้ภายนอกของ Church Of Our Saviour แห่งนี้ดูยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม โบสถ์นี้สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1680 ถือว่าเป็นอาคารที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองโคเปนเฮเกน ข้างบนสามารถซื้อบัตรขึ้นไปชมวิวได้ (ประมาณ 40DKK) แต่ต้องเดินบันไดวน 400 ขั้น โดยก่อนจะถึงยอดจะเป็นแบบ out door ค่อนข้างวัดใจกันหน่อยเพราะมันสูงมากและเริ่มแคบลงเรื่อยๆ โดยขั้นสุดท้ายยืนได้เท้าเดียว แต่ขอบอกว่าวิวเมืองสวยมากเด้ออออ
ส่วนด้านในก็อลังการสวยงามดาวล้านดวงมีงานศิลปะที่เป็นงานละเอียดอยู่ พอก้าวขาเข้าไปเราจะพบกับแท่นบูชาอันใหญ่สไตล์โรมัน และด้านหลังมีออร์แกนที่ทำจากไม้ขนาดใหญ่ แบบจากพื้นถึงเพดานโบสถ์เกือบ 36 เมตร อะแกก เพราะฉะนั้นบอกได้เลยว่าใครที่ชอบเที่ยวแนวโบสถ์ ศิลปะแบบโรมัน และงานแกะสลักโบราณละเอียดๆ เราคิดว่าอันนี้ควรลิสไว้เลยว่าไม่ควรพลาด
005 Copenhagen Opera House
ตึกนี้เดินผ่านแล้วสะดุดตาในความสวย ความใหญ่ และดูร่วมสมัย Copenhagen Opera House คือโรงละครร่วมสมัยที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเดนมาร์ก Henning Larsen และศิลปินอีกหลายคนที่ร่วมกันตกแต่ง สามารถจุคนได้ประมาณ 1,700 ที่นั่ง อ่านดูก็รู้เลยว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน ที่นี่เปิดไว้เพื่อจัดละครเวที โอเปรา คอนเสิร์ต และบัลเล่ต์ พอเข้าไปเช็คในเว็บไซต์คือมีแต่โชว์น่าดูเป็นงานคัดแล้วทั้งนั้นเลยแก เพราะฉะนั้นถ้ามีเวลามากพอก็ควรเข้าไปดูสักโชว์สองโชว์ แต่ถ้ามาแล้วไม่ได้สนใจโชว์มาดูตึกก็คุ้มเหมือนกันเพราะแต่ละมุมของตึกมีเท็กเจอร์ที่ต่างกัน เหมือนไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มแต่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอะ
006 The Little Mermaid
ถ้าเราเดินเล่นริมอ่าวโคเปนเฮเกน เราจะเห็นนางเงือกน้อยแสนเหงาหงอย The Little Mermaid มานั่งรอมองหนุ่มคนที่ตนแอบรักแล่นเรือผ่าน นางเงือกนางนี้ถือเป็นมาสคอตของเมืองนี้ไปแล้วก็ว่าได้ ซึ่งน้องนั่งแบบนี้มาร้อยปีแล้วจ่ะ น้องเป็นของขวัญจาก คาร์ล จาค๊อบเซน ลูกชายผู้ก่อตั้งเบียร์คาร์ลสเบิร์ก เพราะเขาประทับใจจากการดูบัลเล่ต์เรื่อง The Little Mermaid มาก เลยจ้างศิลปินชาวเดนมาร์กมาปั้น โดยหน้าน้องเงือกก็เอามาจากนักเต้นบัลเล่ต์ที่เล่นเรื่องนั้น แต่เรือนร่างมาจากภรรยาของตนเอง!! ภรรยาที่ร่างเล็กมาก น่าอิจฉา ถ้าพวกแกไปเจอของจริงอาจตกใจเพราะน้องตัวเล็กจิ๋วมาก แต่ก็นั่นแหล่ะพลาดไม่ได้ถือเป็นไฮไลท์ที่ต้องมาถ่ายรูปไม่งั้นกลับไทยอาจโดนแซวว่าไปไม่ถึงโคเปนเฮเกน
007 Grundtvig’s Church
แม่จ๋า!!! โบสถ์นี้สวยมากกกกก Grundtvig’s Church คือโบสถ์หลังโตชั้นเดียวทรงสูงเรียบๆ ไม่มีอะไรนูนโผล่ออกมาจากเสาเลย แล้วกระจกในโบสถ์ก็สูงพอๆ กับโบสถ์ เลยทำให้ทางแสงงามแบบไม่มีที่ติ ซึ่งสไตล์โบสถ์แบบนี้จะเป็นศิลปะแบบโกธิคผสมความมินิมอลลงไป ด้วยความที่กระจกไม่มีสีสันเหมือนโบสถ์ทั่วไปทำให้แสงที่ได้เป็นสีธรรมชาติ สะท้อนกับเฟอร์นิเจอร์ไม้และผนังโบสถ์ออกมาเป็นสีอมทองเหมือนต้องมนต์ เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้เป็นแบบเดนมาร์กคลาสสิคทำจากไม้บีช ใส่ใจในรายละเอียดจนให้ความรู้สึกว่าที่นี่น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ยิ่งใหญ่แต่สบายใจ อยู่แล้วผีบ้าในตัวเงียบไปเลย โบสถ์นี้สร้างเสร็จเมื่อปี 1940 ซึ่งก็ถือว่าเป็นโบสถ์สมัยใหม่แหละ สร้างเพื่อรำลึกถึง Nikolaj Frederik Severin Grundtvig นักบวชและนักกวีชาวเดนมาร์ก ความจริงเป็นครูด้วย ซึ่งมีบทบาทมากในประวัติศาสตร์เดนมาร์กจ้าาา
008 Christiansborg Palace
ความยิ่งใหญ่อลังการมีความต่อเนื่องและพีคมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเรามาถึงพระราชวัง Christiansborg บนเกาะกลางเมืองเล็กๆ ชื่อว่าเกาะ Slotsholmen คือกลางเมืองมากถ้าเดินเล่นมาเรื่อยๆ จาก Frederick’s Church ก็ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ปัจจุบันพระราชวังนี้ใช้สำหรับต้อนรับแขกแบบทางการมากกว่า ไม่ได้มีใครอาศัยอยู่แล้ว แม้ว่าพระราชวังแห่งนี้มีการสร้างขึ้นใหม่ถึงสามครั้งเพราะเหตุโดนไฟไหม้ แต่ก็ยังมีหลายส่วนเปิดให้เราได้เที่ยวชมกันได้อยู่ อย่างแรกที่พลาดไม่ได้เลยคือโถงใหญ่ของพระราชวังเพราะในนั้นมีผ้าพรมทอผืนโตสีสดใส 17 ผืน บอกเล่าประวัติศาสตร์เดนมาร์ก ตั้งแต่ 1,100 ปีก่อน รวมถึงฉากสมัยสงครามโลกครั้งที่สองก็มีด้วย นอกจากนั้นที่นี่ยังมีคอร์สทัวร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพาชมครัวหลวง ดูความเป๊ะของหม้อ ไห กระทะที่วางเรียงจัดเป็นสัดส่วน เครื่องใช้ในวังต่างๆ มีทัวร์ชมซากใต้ปราสาทด้วยด้วแก อยากรู้ว่าเป็นซากของอะไรต้องมาลองดูเอง
009 Stroget shopping street
ใครรับฝากอะไรมา อึดอัดอยากใช้เงิน เอาเงินที่มีมาถลุงที่ Stroget shopping street ได้เลยจ้า เส้นนี้คือถนนคนเดินสำหรับการชอปปิ้งที่แท้ทรู มีตั้งแต่แบรนด์ราคากลางๆ ไปจนถึงแบรนด์เนมแพงๆ แล้วพวกแบรนด์ดีไซเนอร์ท้องถิ่นเกร๋ๆ ก็รวมอยู่ที่นี่เช่นกัน ตามตรอกซอกซอยก็ยังมีร้านขายของวินเทจ หลากหลายมากมายอะไรขนาดนี้ สมแล้วที่เป็นถนนที่ใช้กันมายาวนานตั้งแต่ยุคศตรรษที่ 18 จนถึงปัจจุบัน เลยมีสถาปัตกรรมเก่าๆ เต็มไปหมด เหมือนหยุดเวลาไว้จริงๆ ด้วยความยาวของถนนประมาณ 1.1 กิโลเมตรทำให้ถนนเส้นนี้เป็นชอปปิ้งวอกกิ้งสตรีทที่ยาวที่สุดในยุโรป ไม่ต้องพูดถึงนักท่องเที่ยว ค่อนข้างคึกคักมากเลยทีเดียว ถ้าใครเป็นสายรอไม่ชอบช้อปก็มีร้านกาแฟ ร้านอาหารให้นั่งเยอะเหมือนกันนะ ***ถ้าใครอยากได้ภาพมุมสูงของถนนแนะนำให้ขึ้นดาดฟ้าของห้าง ILLUM ที่นี่คือแหล่งรวมร้านอาหารคาเฟ่เยอะแยะไปหมดค่าขึ้นฟรีจ่ายแค่ค่าอาหาร แต่ถ้าอยากได้สูงกว่านั้นอีกให้ไป The Round Tower หอคอยโบราณที่ต้องเสียค่าขึ้น 25DKK
010 Superkilen Park
สวนสาธารณะสุดฮิปยาวเกือบ 1 กิโลเมตร ที่ถูกแบ่งออกเป็น 3 โซน อันได้แก่ The Red Square พื้นที่ ๆ เต็มไปด้วยความคัลเลอร์ฟูลของคาเฟ่แสนเก๋, The Black Market ลานนั่งชิลสุดคลาสสิก และ The Green Park สำหรับการปูเสื่อนั่งปิกนิก แห่งนี้ มีชื่อว่า Superkilen Park ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองโคเปนเฮเกน ในย่าน Norrebro ซึ่งความกิ๊บเก๋ยูเรก้าเหล่านี้เกิดจากการผสมผสานจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ของประชากรหลากหลายเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ ได้ร่วมด้วยช่วยกันเลือกงานศิลปะจากทั่วโลกกว่า 50 ประเทศ มาเติมเต็มให้สวนแห่งนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาน่าแวะมาเดิน นั่งชิล หามุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ไว้ลงโซเชียล
WHAT TO EAT
011 IPSEN & CO Cafe’
ร้านนี้เหมือนเป็น the must!! ที่เราต้องมาลอง ด้วยความที่ร้านอยู่ตรงมุมถนนเส้นสัญจรท่องเที่ยว ตกแต่งแบบง่ายๆ ดูสบาย ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ดูเข้าถึงง่าย มีที่นั่งให้เราเลือกทั้ง indoor และ outdoor เลยไม่แปลกที่มีคนเข้าออกตลอดเวลาลูกค้าเยอะมาก เมนูหลักๆ ที่ขายก็จะเป็นพวกกาแฟ อาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นเซตเมนูอาหารเช้า อาหารเพื่อสุขภาพ จึงเป็นที่นิยมมากสำหรับร้านนี้ เอฟวายไอนะแก … มุมด้านหน้าร้านคือดีงามล้านแปดถ่ายรูปออกมาสวยเหมาะแก่การลงโซเซียลมากเว่อร์
เราลองสั่งเซทเมนูอาหารเช้าที่เห็นคนสั่งแทบทุกโต๊ะมาทาน ถ้าดูจากรูปตรงกลางจะเป็นโยเกิร์ตโรยธัญพืชแบบผอมๆ สวยๆ มีหนมปังให้สองแบบ ครัวซองต์ ไข่ต้ม ชีส เนย และแยม ทุกอย่างดูโฮมเมดเฮลตี้ สั่งมาทานคู่กับลาเต้ร้อนก็หอมๆ ละมุน ฟินๆ ดี เหมาะกับการเป็นอาหารเช้าเพิ่มพลังงานการเดินเที่ยวทั้งวันเสียจริงๆ
012 Cafe Det Vide Hus
เป็นร้านกาแฟเล็กๆ สองชั้นดูเงียบสงบ ด้วยหน้าร้านเป็นสีขาวนทำให้ดูเป็นมิตรสะดุดตา และเมื่อเข้าไปข้างในก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นกับโทนไม้สีน้ำตาล ร้านนี้เล็กมากถ้าเดินไม่มองทางเราอาจะเดินผ่านไปได้ง่ายๆ ถ้าเราพลาดร้านนี้บอกเลยเราต้องขังตัวเองร้องไห้ในห้องแน่ๆ เมนูของร้านอาจดูทั่วไป กาแฟ อาหารเช้า ครัวซองต์ อะไรงี้ แต่กาแฟคือดีมากกก(ก.ไก่ล้านตัว)อยากเดินไปถามว่าใช้เมล็ดอะไรเบลนยังไงแต่กลัวยาวจนไม่ได้ไปเที่ยวต่อ เพราะเจ้าของเฟรนลี่มากคุยไปคุยกลับไม่โกงงี้
จุดเด่นที่เห็นเหล่ามนุษย์โซเชียลทั้งหลายมาถ่ายรูปเช็คอินก็คือไอติมโฮมเมนที่ร้านทำเอง มีให้เลือกหลากรส รูปร่างหน้าตาน่ารัก พอเราลองสั่งมาทานคู่กับกาแฟขมอ่อนๆ มันดูเข้ากันมาก ณ จุดนี้คงไม่มีอะไรจะดีไปมากกว่าการนั่งชิวเสียบหูฟังฟัง Playlist โปรดแล้วใช้เวลาช้าๆ ดูคนเดินเล่นใน The king’s Garden ที่ตั้งอยู่หน้าร้าน มันดีมากนะแก
013 Original Coffee Illum
เป็นร้านบนชั้นดาดฟ้าของห้าง ILLum ในถนน Stroget shopping street ถือเป็นร้าน Hidden gems ในใจเราเลยนะ เพราะร้านนี้มี 8 สาขาในเมืองโคเปนเฮเกน ใส่ใจเรื่องกาแฟที่เสิร์ฟต่อแก้วมาก ส่วนสาขานี้จะตั้งอยู่มุมสุดบนชั้นดาดฟ้าของห้าง เป็นกระจกรอบร้านทำให้ดูไม่อึดอัด ทางแสงสวย ที่สำคัญเห็นถนนด้านล่างด้วย บรรยากาศดีมากแก ที่นั่งด้านในก็มีให้เลือกเยอะ ส่วนด้านนอกจะเป็นนั่งเรียงกันบนระเบียงเล็กๆ ด้วยความที่ร้านอยู่ตรงมุมตึกพอดีทำให้ทางแสงสาดเข้ามาเนี่ยถ่ายมุมไหนก็สวยจริงๆ
กาแฟมีให้เลือกหลายแบบไม่ว่าจะเป็น Filter, Hand Brewing, Cold Brew หรือ Classic มีหมด ส่วนอาหารส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารเช้า และธัญพืช โยเกิร์ต ชีส ขนมปัง ผลไม้ แบบมื้อสวยๆ อะ แต่เนื่องจากเป็นช่วงบ่ายเราอยากลองแค่เบาๆ เลยสั่งลาเต้เย็น ทานคู่กับครัวซองต์รสชาติดี รวมบรรยากาศร้านสงบๆ วิวข้างนอกที่เห็นคนเดินเล่นชอปปิ้งกันขวักไขว่ดูมีชีวิตชีวา เราขอยกให้บ่ายนี้เป็นบ่ายที่วิเศษที่สุดไปเลย!!
บอกเลยว่าเมืองโคเปเฮเกนสำหรับเราถือว่าเป็นเมืองหลวงที่ชิวอันดับต้นๆ จากหลายเมืองที่เคยสัมผัสมาเลย ทุกอย่างมีร่องรอยประวัติศาสตร์ผสมผสานกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ได้เนียนกริ๊บ มีเสน่ห์มากๆ ผู้คนน่ารัก ที่สำคัญใครชอบปั่นจักรยานเราก็อยากแนะนำให้มาปั่นเที่ยวที่นี่ เพราะเขาขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองจักรยาน มีเลนส์มีที่จอดปลอดภัยแน่นอน สำหรับใครที่ชอบเที่ยวแบบชมเมืองเพลินๆ อากาศดีๆ ใช้เวลาดื่มด่ำได้เยอะๆ เที่ยวแบบไม่เร่งรีบ นั่งดูวิถีชีวิตคน เดินหา Cafe hopping เราก็แนะนำให้พวกแกมานะ มันตอบโจทย์ทุกอย่างของการเที่ยวเมืองจริงๆ แล้วเราก็จะกลับมาอีกแน่นอน …