“ ประสบการณ์บางอย่างหาซื้อไม่ได้ ถ้าอยากได้ต้องลงมือทำเอง ”
ถ้าให้ประเมินตัวเองเล่นๆ แกว่าตัวเองใช้ชีวิตแบบมนุษย์หรือแบบหุ่นยนต์มากกว่ากัน แกตื่นเช้าเวลาเดิม เลื่อนนาฬิกาปลุกแบบเดิมแล้วรีบไปทำงานเพื่อนั่งโต๊ะเดิม เพื่อนคนเดิม งานเดิม กินข้าวกลางวันยังกินร้านเดิม กาแฟก็สั่งแบบเดิมอยู่รึเปล่า ถ้าใช่แกก็ใกล้จะเป็นโรบอทเข้าไปทุกที เพราะอะไรรู้มั้ย บางทีอะไรแบบเดิมๆ มันปลอดภัยดีไง ไม่ต้องคิด ไม่ต้องคำนวณ ไม่ต้องกลัวพลาด แต่หัวใจที่เต้นจังหวะเดิมๆ อยู่เสมอคือหัวใจที่เตรียมอ่อนกำลังลงทุกที ทริปนี้เราเลยอยากชวนแกออกจาก Comfort Zone ปล่อยหัวใจตัวเองให้เต้นแรงเท่าที่มันจะทำได้ ออกไปเจอสิ่งใหม่ๆ ให้แกรู้สึกว่าหัวใจที่มันผิดจังหวะเปลี่ยนจังหวะบ้างก็ดีเหมือนกัน ไปปลุกความกล้าเผชิญหน้าทุกความกลัว กับฮอนด้า CRF250Rally The Fearless Destination Vol. 2 ตามมาเราจะเล่าประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายในทริปนี้ของเราที่ประเทศลาวให้ฟังกัน
แม้ว่าการไปลาวจะไม่ใช้ครั้งแรกของเรา แต่การเดินทางในลาวใต้ของเราครั้งนี้มันจะไม่เหมือนที่เคยเป็นมาในทริปไหนๆ เพราะเราจะเริ่มเดินทางจากไทยไปปากเซ ผ่านปากซอง แวะพักอัตะปือ และอื้อหือกับความงามที่คอนพะเพ็งโดยใช้เวลาทั้งสิ้น 4 วัน 3 คืน ด้วยการร่วมทริปแรลลี่กับฮอนด้า ที่มีพี่ๆ เพื่อนๆ ใหม่ๆ มากหน้าหลายตา ที่ต่างมาพร้อมกับมอไซต์คู่ใจที่จะร่วมลุยไปบนถนนวิบาก ผ่านลำห้วยลำธาร พร้อมกับสัมผัสวิถีที่เรียบง่าย และรอยยิ้มของคนที่นั่น เพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง เพราะงั้นงานนี้ก็โบกมือลาบ๊ายบายวิธีการเดินทางแบบเดิมๆ ของเรากันได้เลย แค่คิดก็แอบเหงื่อซึมออกมือด้วยความกังวลปนตื่นเต้นละจ้าาาาา
⌈ DAY 1 ⌋
เราเริ่มออกเดินทางจากจังหวัดอุบลราชธานีตรงไปยังด่านช่องเม็ก จุดผ่านแดนไทย-ลาว(ฝั่งใต้) ที่นี่เปรียบเหมือนเป็นประตูสู่ประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสำคัญและโดดเด่นมาแต่ไกลด้วยอาคารสีม่วงรูปทรงแปลกตา โดยการข้ามแดนเพื่อไปเที่ยวฝั่งลาวนั้นทำได้ง่ายไม่ซับซ้อน ทุกคนสามารถถือเพียงแค่บัตรประชาชนตัวจริง 1 ใบ หรือพาสปอร์ตแล้วเดินทำหน้าสวยๆ ไปทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวตรงจุดให้บริการก่อนถึงช่องเม็กได้เลยจ้า
หลังจากผ่านช่องเม็กเข้าสู่ประเทศลาว แวะทานมื้อเที่ยงแบบแซ่บๆ กันพอกรุบกริบ และนั่งพักให้หายเหนื่อย พวกเราก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางแรกของวัน “น้ำตกตาดฟาน” น้ำตกที่ขึ้นชื่อว่าสูงที่สุดในหุบเขาจำป่าสัก โดยเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่น้ำตกเราจะพบกับถนนหลากหลายรูปแบบ ทั้งทางเรียบ ทางขรุขระ แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรค พี่ๆ ทุกคนยังคงขี่ได้แบบสบายๆ เพราะว่ามากับฮอนด้า CRF250Rally คู่ใจ ที่เห็นสรรถนะแล้วอ้าปากค้าง พวกเราจึงใช้เวลาไม่นานมากนักก็มาถึงน้ำตก ซึ่งนอกจากน้ำตกจะสูงและสวยสะกดใจแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมเสียวๆ คือการเล่น Zip Line ซึ่งก็ไม่ใช่ Zip Line ธรรมดา เพราะมันคือ Zip Line ข้ามน้ำตก!!! ให้เราลองเล่น บอกกงกงเลยว่าสนุกจริงและเสียวจริงจนหัวใจเต้นระรัวและในช่วงแรกที่ยังไม่ชินเราก็กรี๊ดแตกจนเจ้าป่าเจ้าเขาต้องเอามือปิดหู และถ้าเช็คอัตตราการเต้นของหัวใจก็คงเกือบกระเด็นออกมานอกอก แต่โชคดีที่ฝากหัวใจไว้ให้ใครคนอื่นเลยรอดมาได้ (อิอิ)
เส้นทาง Zip Line นี้จะมีระยะทางตั้งแต่ 100-450 เมตร รวมทั้งหมด 4 ฐาน ก่อนเล่นจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ และแต่ละจุดก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเช่นกัน แบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ซึ่งดูรวมๆ แล้วถือว่าปลอดภัย ตัวเรามีหน้าที่แค่เพียงสูดหายใจเข้าลึกๆ และเอาสองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าก้าวเข้ามา ผิด!!! สองมือเกาะให้แน่น แล้วโหนชมวิวได้เพลินๆ ปนเสียวๆ เลย ส่วนไฮไลต์เด็ดอีกอย่างที่ห้ามพลาดคือแกสามารถนั่งจิบกาแฟบน Zip Line ที่ความสูง 1,000 เมตรได้ด้วย โอ้โห!!! ประสบการ์ณใหม่มากกกก ใหม่แบบไม่คิดฝัน มันดีย์มาก
จบวันแรกไปแบบหลากอารมณ์หลายความรู้สึก เหนื่อยบ้าง สนุกบ้าง ล้าบ้าง แต่ทุกคนก็ขี่มอเตอร์ไซต์กลับที่พักด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มกับทุกเรื่องราวสุดประทับใจที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันน ส่วนทางกลับที่พักของเราวันนี้ถือว่าไม่สมบุกสมบันมากนัก เป็นถนนลาดยางสวยๆ ซึ่งพี่ๆ ทุกคนคอนเฟิร์มว่าขี่ฮอนด้า CRF250Rally ผ่านได้สบาย เพราะว่ารถเราดีย์ ช่วงล่างนุ่ม อัตราการเร่งแซงถือว่าเลิศ ปลอดภัยหายห่วง และก่อนจะหลับตานอนคืนแรกพอเรามาคิดๆ ดูการออกเดินทางครั้งนี้ก็เหมือนกับการออกจาก Comfort Zone ของเรา ที่ปกติมักชอบเดินทางคนเดียวบ้าง เดินทางกับเพื่อนรู้ใจ และทำกิจกรรมทั่วๆ ไปอย่างจิบกาแฟ กินอาหารท้องถิ่นบ้างแค่นั้น ซึ่งแค่จบทริปวันแรกก็เหมือนกับเดินออกจากโต๊ะทำงานแล้วจองทัวร์ไปดาวอังคารอยู่เหมือนกันเพราะมันทำลายกฎการเดินทางของเราไปหลายข้ออยู่ แต่เราก็โคตรชอบเลยอ่ะ
⌈ DAY 2 ⌋
เริ่มต้นเช้าวันที่สองด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะอันสดใส และการโบกไม้โบกมือทักทายของเหล่านักเรียนตัวน้อยที่เจอระหว่างทาง วันนี้เรามีเป้าหมายไปพิชิตอีกสองน้ำตกที่เค้าเล่าว่า เป็นน้ำตกที่ไปยากและลึกลับที่สุดในลาวใต้ นั่นก็คือ น้ำตกแซพระ และน้ำตกแซป่องไล ซึ่งทั้งสองน้ำตกไม่ใช่แค่ไปยากอย่างเดียวเท่านั้น พวกเราต้องขับขี่กันบนถนนสีแดงที่เต็มไปด้วยฝุ่นฟุ้ง หลุมเล็กหลุมน้อยที่เหมือนอุกาบาตมาชนทิ้งไว้ แอบบอกว่ารู้สึกตื่นเต้นมาก ใจนี่เต้นตุบๆ เหมือนกินกาแฟมากจนตาค้าง ได้แต่ส่งกำลังใจไปให้พี่ๆ นักบิดทุกคนที่กำลังเร่งเครื่องด้วยสายตามุ่งมั่นบนถนนที่ไม่ราบเรียบแห่งนี้
เส้นทางนี้เราจะผ่านบ้านเรือน โรงเรียน ไร่กาแฟ พบเจอลูกเด็กเล็กแดง ชาวบ้าน ยันถึงหมูหมากาไก่ก็มีหมด ทุกอย่างแลดูเหมือนเติบโตช้ากว่าบ้านเราแบบย้อนไปหลายปี แต่ความเรียบง่ายไม่หวือหวานี้กลับทำให้คนที่นี่มีแต่รอยยิ้มให้กับนักท่องเที่ยว เรารู้สึกว่าทุกคนมีน้ำใจ ขนาดเราเป็นคนแปลกหน้าต่างถิ่น แต่พอต้องการความช่วยเหลืออะไร เค้าก็เต็มใจช่วยอย่างเต็มที่ จนเราอดคิดไม่ได้ว่าถ้าวันใดความเจริญและเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามา จะทำให้คนที่นี่เปลี่ยนไปไหม แต่นั่นก็เป็นเรื่องอนาคตแต่ปัจจุบัน ณ ตอนนี้เราหลงเสน่ห์ที่นี่จนแอบไม่อยากให้มันเปลี่ยนไปเลย
โอ้ว มาย ก๊อดดดด คือเสียงแรกที่ดังเข้ามาในหัวเราทันทีที่รถทุกคันเบรคอยู่หน้าจุดหมายแรกของวัน “น้ำตกแซพระ” และแม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงที่น้ำตกอลังการที่สุดแต่ภาพตรงหน้าทำให้เราลืมความเหนื่อยไปหมดสิ้น ลืมเหงื่อที่เสียไปให้กับความร้อนระอุที่แผดเผาผิวของเราไปได้สนิท เปลี่ยนเป็นความฟินระดับสิบเข้ามาแทน แต่ถ้าใครอยากเห็นช่วงที่น้ำตกสวยอลังการงานสร้างมากที่สุด ก็ต้องมาในช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคม แต่แน่นอนว่าอาจต้องเสี่ยงเจอฝนบ้าง เจอน้ำในลำห้วยที่จะสูงจนมิดหัวเลยทีเดียวบ้าง ต้องเอารถลงแพบ้าง ซึ่งมันคงลำบากยากเย็นในการขี่รถคู่ใจของทุกคนเกินไป และเหตุผลที่เราเลือกเดินทางมาช่วงนี้ก็เกี่ยวกับเส้นทางที่ใช้นั่นแหละ เพราะน้ำตกนี้เป็นน้ำตกลึกลับที่เดินทางยาก ถามหาถนนหนทางดีๆ นั้นไม่มีหรอก และขนาดมาในช่วงนี้ยังต้องผ่านลำห้วยร่องน้ำถึง 3 ที่ ขี่รถลุยน้ำกันกระจายกว่าจะถึง แต่ถ้ามีโอกาสมาอีกรอบ เราก็จะร้องเพลง รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง แล้วแพ็คกระเป๋าเข้ามาอย่างแน่นอน
ฤกษ์งามยามดีนาฬิกาไม่ต้องมีเราก็รู้ได้เลยว่าเวลาเที่ยงแล้วแน่ๆ เพราะท้องดันโหยหาอาหารซะแล้ว เราแวะพักจอดรถทานมื้อเที่ยงและพูดคุยกันถึงเส้นทางที่ผ่านมา ต่างคนก็ต่างเล่าแชร์ประสบการณ์ความกล้ากับเส้นทางที่วิ่งมาตลอดสองวัน เรารู้สึกสนุกและตื่นเต้นกับเรื่องราวที่พี่ๆ เล่าให้ฟัง พี่ๆ ยังบอกอีกว่าด้วยสมรรถภาพและการออกแบบของฮอนด้า CRF250Rally ยิ่งช่วยให้เราขี่ง่ายเข้าไปใหญ่ มีชิวที่สูง กันลมกันหินกรวดดินทรายที่จะกระเด็นมาโดนเราได้ มีบาลานซ์ที่ดี ถังน้ำมันใหญ่ขับรถระยะไกลได้สบาย ก้าวผ่านอุปสรรคได้แทบทุกอย่างที่เจอ เส้นทางที่มองว่ายากสำหรับรถยนต์ แต่สำหรับมอเตอร์ไซด์สไตล์วิบาก CRF250Rally พี่ๆ เค้ากลับบอกว่าง่ายและสนุกกว่าขี่บนถนนเรียบๆ เสียอีก แปลกจัง…
จากอันซีนอินลาวที่แรกไปแล้วก็มาถึงน้ำตกลึกลับอันซีนแห่งที่สองของวันนี้ “น้ำตกแซป่องไล” เป็นน้ำตกที่ถูกค้นพบใหม่กลางป่าลึก ที่นี่ทำให้รู้สึกถึงพลังความยิ่งใหญ่ เหมือนถูกดูดเข้าไปในสถานที่ลึกลับที่น้อยคนนักจะมาถึง แต่เรามาถึงแล้วแก!! มาตะลึงกับความงามตรงหน้าเรียบร้อย แต่ก็อีกเช่นกันถ้ามาในช่วงน้ำเยอะความงามที่เราเล่าไว้จะทวีคูณเข้าไปหลายเท่า เพราะฉะนั้นชอบแบบไหนเลือกเอาตามใจเลยว่าอยากงามพอดีๆ เดินทางง่าย หรืองามปะล่ำปะเหลือแต่เดินทางเหนื่อยแทบตาย 555
จากน้ำตกพวกเราบิดข้อมือขี่ตรงเข้าเมืองอัตตะปือเพื่อไปดินเนอร์อาหารค่ำสไตล์ลาว และเอนกายลงบนเตียง ส่วนเราก็ได้แต่คิดถึงเรื่องราวสนุกและความกลัวที่ต้องเผชิญ ตลอดทั้งสองวัน เราเชื่อว่าแม้หนทางจะยากแค่ไหนถ้ามีรถคู่ใจที่สมรรถนะดีมันคงช่วยให้ทริปสนุกขึ้น และเหนื่อยน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เช่นเดียวกันพี่ๆ นักบิดทุกคนที่มาทริปนี้ ก่อนจะหลับไปพร้อมกับเรื่องราวที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าพรุ่งนี้จะต้องเจอกับอะไร
⌈ DAY 3 ⌋
ก้าวเข้าสู่วันที่สามของทริปคงไม่มีที่ไหนที่อลังการสมกับการรอคอยไปมากกว่าคอนพะเพ็งแล้วละแก และเราเองก็รอคอยวันนี้ให้มาถึงไวๆ เพื่อจะได้ไปยืนชมความยิ่งใหญ่ของน้ำตกแห่งนี้ ที่นี่เป็นน้ำตกที่เกิดจากแม่น้ำโขงทั้งสายไหลลงมา ไล่เรียงไต่ระดับกันตามหินน้อยใหญ่ มีความสูงถึง 10 เมตร กระแสน้ำไหลแรง แรงชนิดที่ว่าไปยืนใกล้ๆ ละอองน้ำจากน้ำตกอาจทำให้แกเปียกได้เลย ด้วยความดันมหาศาลของน้ำตกที่สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาชม ที่นี่จึงได้รับฉายาที่คนเรียกติดปากกันว่า ไนแองการ่าแห่งเอเชีย แกมองดูน้ำดิ ไม่เคยไหลกลับอย่างที่พี่มาช่าร้องเพลงไว้จริงๆ แล้วแกจะปล่อยชีวิตให้แข็งทื่อไปเรื่อยๆ จนถึงเมื่อไหร่กัน เลิกคิดแล้วออกเดินทาง หาไรใหม่ๆ ลองซะ
ไม่มีทริปไหนที่เราไม่เกลียดวันสุดท้ายของการเดินทางและทริปลาวใต้ครั้งนี้ของเราก็เช่นกัน มันผ่านไปเร็วจนแทบอยากย้อนเวลากลับไปเริ่มต้นวันแรกอีกครั้ง เราโคตรขอบคุณตัวเองเลยที่กล้าออกมาจาก Comfort Zone ได้ ออกมาจากวิธีเดิมๆ ความคิดเดิมๆ แล้วไปเผชิญหน้ากับความกลัวด้วยการร่วมขบวนกับ Honda CRF250Rally เราไม่รู้มาก่อนในชีวิตเลยว่า การได้เห็นพี่ๆ ขี่มอไซต์ไปในที่เจ๋งๆ นี่มันเป็นชีวิตของคนคูลๆ คนรุ่นใหม่ไฟแรง 2018 จริงๆ การเดินทางที่ไม่ได้สะดวกสบาย ไม่ได้เป็นไปตามใจเราทุกอย่าง ทำให้เรายังได้เรียนรู้อีกว่าความสุขและมิตรภาพที่ได้จากการเดินทางก็สวยงามไม่แพ้ปลายทางที่วางไว้เหมือนกัน
และสุดท้ายการมีชีวิตมันไม่ใช่แค่เพียงการที่เรายังมีลมหายใจ หรือหัวใจยังเต้นอยู่เท่านั้น แต่มันยังต้องผสมไปกับความกลัว ความไม่แน่นอน ความไม่อาจคาดเดา ฯลฯ ที่เราต้องปลดปล่อยตัวเองให้กล้าที่จะเผชิญเรื่องเหล่านั้น กล้าที่จะออกจาก Comfort Zone กล้าที่จะทำให้ชีวิตมีชีวา เราอยากให้แกกล้าที่จะท้าทายตัวเองไปออกทริปใหม่ๆ เหมือนกับที่เราได้ลองแรลลี่แบบมอเตอร์ไซค์ในทริปนี้ แล้วแกจะรู้ว่าหัวใจและร่างกายของแกแข็งแกร่งกว่าที่คิด