“เพราะโลกมันกว้างการเดินทางจึงแสนสำคัญ”
ถ้าชีวิตคือหนังสือเล่มหนึ่งแล้วหนังสือแกบางเฉียบมันก็คงแสนจะน่าเบื่อที่ต้องทนอ่านเรื่องเดิมๆ ใช่เปล่า แต่การเดินทางมันจะช่วยให้หนังสือของแกหนาขึ้น หลากหลายขึ้น แม้ว่ามันอาจจะยับยู่ยี่เพราะการเดินทางที่แสนทุลักทุเล หรือเลอะเทอะไปบ้างก็อย่าได้แคร์ เพราะเค้าบอกว่ายิ่งเลอะ ยิ่งเยอะประสบการณ์ หนังสือเล่มนี้เป็นของแก แกเขียนเอง แต่งเติมเองได้ตามใจปรารถนา และอย่าลืมดูแลรักษามันด้วยตัวแกเองให้ดีจะได้เพิ่มเติมบทต่อไปได้อย่างสวยงาม และทริปนี้ก็เหมือนคราวก่อน คราวก่อนหน้านั้น และคราวโน้นนั้น เราจะมาแนะนำที่เที่ยว ที่กิน ที่ช้อป บนแดนดินแห่งอาทิตย์อุทัย โดยรอบนี้เป็นคิวของโอซาก้ากับรีวิวดีๆ รอบที่ล้าน เอาละ มาเพิ่มการเดินทางอันสนุกสนานในหนังสือประวัติชีวิตอันสดใสของแกไปพร้อมๆ กับเรากันเถิดหนาออเจ้า
ก่อนออกทริปรอบนี้เราขอเน้นย้ำไปในสิ่งที่หลายคนมักมองข้ามในการเดินทางนั่นก็คือ “ประกัน” แกหยุด อย่าเบ้หน้า อย่ามองบน เรารู้ประกันเป็นเหมือนคำต้องสาปของคนไทย ใครพูดออกมาปุ๊บจะดูไม่น่าเชื่อถือ ดูหลอกขายทันที แต่นี่เราเอง เราเดินทางบ่อยมาก เรารู้ว่าทุกการเดินทางล้วนมีโอกาสเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ทั้งนั้น แกคงไม่อยากไม่สบายที่เมืองนอกจนต้องหอบร่างเข้าโรงพยาบาลจ่ายค่ารักษาราคาพอๆ กับค่ารถอีโค่คาร์คันนึง หรือเจอพายุระหว่างทางจนทำให้ต่อเครื่องไม่ทัน หรือข้าวของ พาสปอร์ตหายจนเสียเวลาเที่ยวไปฟรีๆ เราเชื่อว่าไม่มีใครอยากกังวลกับเรื่องไม่คาดฝันแบบนี้หรอก ในเมื่อมันห้ามไม่ให้เกิดไม่ได้มันก็มีตัวช่วยลดความเสียหายได้ง่ายๆ ก็คือประกันการเดินทางที่แกไม่เคยสนใจมันเลยไงล่ะ และตัวที่เราอยากแนะนำก็จะเป็นประกันการเดินทางของบริษัทซิกน่า ที่ดีงามสองเด้ง และคุ้มยิ่งขึ้นเมื่อซื้อผ่านเว็บไซต์ GoBear ซึ่งประกันการเดินทางของซิกน่าตัวนี้นางจะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุดถึง 4 ล้านบาท คุ้มครองดูแลกันตั้งแต่ต้นจนจบทริปเสมือนมีแม่ซื้อเพิ่มมาอีกคน แถมราคาเริ่มต้นก็ดีมากเว่อร์เพราะเราซื้อไปญี่ปุ่น 5 วัน จ่ายเริ่มต้นแค่เพียง 200 บาท เองแกร๊
ถ้ายังไม่สาแก่ใจแกก็ยังเลือกซื้อความคุ้มครองเสริมเพิ่มจากความคุ้มครองหลักได้ตามใจชอบอีก 2 ทางเลือก “Flight Secure” ที่จะดูแลในเรื่องเที่ยวบินดีเลย์ การยกเลิกทริป หรือการพลาดต่อเที่ยวบิน แกจะได้ไม่เสียอารมณ์ เสียเวลามาสวดมนต์กฤษณะกาลีเพื่อให้สายการบินมารับผิดชอบ หรือจะเลือกแบบ “Property Secure” ที่จะคุ้มครองทรัพย์สินส่วนตัว อาทิ เงิน เอกสารเดินทาง กระเป๋าเดินทาง เรียกว่าทุกๆ อย่างที่มีค่า จะอยากให้คุ้มครองแบบรายปี รายเที่ยว แบบไหน ยังไง ก็เลือกเอาตามใจออเจ้าเถิด เพราะมันเลือกง่ายไม่ยุ่งยาก อ้อ!! ไม่ใช่แค่ญี่ปุ่นอย่างเดียวนะ จะไปที่ไหนๆ หรือจะไปยื่นวีซ่าแชงเก้นก็มีให้ซื้อ ถ้ายังไม่สาแก่ใจอีช้อยนัก GoBear ยังจัดให้แบบคุ้ม คุ้ม และคุ้มยิ่งกว่าเมื่อซื้อเป็นคู่หรือยกก๊วนเพราะสามารถรับของแถมฟรี 2 ต่อ ต่อที่ 1 เลือกรับ Starbucks e-Coupon หรือ ส่วนลด Grab Taxi สูงสุด 1,000 บาท ต่อที่ 2 รับเพิ่มส่วนลด Pocket Wi-Fi อีก 200 บาท เมื่อซื้อตามเงื่อนไขของซิกน่า รวมๆ ของแถมแล้วมูลค่าสูงสุดถึง 1,200 บาท เรียกได้ว่า ได้ทั้งความอุ่นใจตลอดทริป ได้ทั้งของแถมกันแบบยกทีมเลยทีเดียว ถ้าสนใจตามไปเลือกประกันเดินทางได้ที่ GoBear เลยจ้า
เอาละ เมื่อเตรียมตัวกันเรียบร้อยก็ได้เพลาตามข้าไปดู 10 โลเคชั่นสุดชิคคูลของเมืองโอซาก้ากันได้เลยจ้า
001 Nakazakicho 中崎町
เริ่มกันที่ “นาคะซะกิโจ” ย่านเมืองเก่าราวหนังย้อนยุคแต่สามารถมาเที่ยวได้ด้วยรถไฟสุดไฮเทค หากใครที่อยากลองหนีจากความพลุกพล่านของโอซาก้ามาสู่ย่านเรียบง่ายใจกลางเมือง ชมบ้านเรือนโบราณที่รอดพ้นเงื้อมือมจุราชในยุคสงครามยังยืดหยัดอย่างสง่าผ่าเผยท่ามกลางร่มเงาของตึกสูงที่เคยราบเป็นหน้ากลองด้วยสงคราม แต่ความเรียบง่ายของที่นี่ก็ยังคงซ่อนความคึกคักตามแบบฉบับของโอซาก้า มีคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า รวมถึงร้านขายของกระจุกกระจิกอยู่เกือบ 50 แห่ง ความอุ่นตาของย่านนี้จะทำให้แกลืมเวลาและลืมไปเลยว่านี่คือโอซาก้า เมืองที่แสนคึกครื้น เอาละ!! ด้านล่างนี้คือสถานที่ๆ เราอยากบอกต่อ
- Hukulou Coffee
ร้านกาแฟที่กระชากหัวใจเราไปเต็มๆ ในย่านนาคะซะกิโจ คาเฟ่ที่สร้างขึ้นตามชื่อของแมวน้อยและนกฮูกจิ๋ว ที่บัดนี้ได้เติบโตและมีเพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย โดยเฉพาะเจ้าแมวน้อยที่ทำให้ติ่งแมวแบบเราเผลอเดินทำเสียงสองตลอดเวลา กดชัตเตอร์แบบหมุนรอบตัวเพราะทางนู้นก็ดี ทางนี้ก็ใช่ เสียงเหมี๊ยวหม๊าวพร้อมท่าบิดขี้เกียจบ้าง สะบัดขนบ้าง ทำให้เราแทบจะลืมรสชาติของกาแฟรวมถึงลืมถ่ายรูปมันด้วยซ้ำ!!! เพราะฉะนั้นทาสแมวทั้งหลายจงมายอมสยบกาย สยบใจแทบอุ้งเท้าอมชมพู ณ ที่แห่งนี้เถิด
- Select Shop Tenten
บ้านสีเหลืองแปลกตาแห่งย่านนาคะซะกิโจ ที่โดดเด่น สดใส จนเรากล้าๆ กลัวๆ ว่าจะเข้าไปดีมั้ย แต่สุดท้ายก็เข้ามาจนได้เพราะอยากหายสงสัย เราเซอร์ไพรส์กับสิ่งของสีสัน ลูกกวาด ภายใต้บรรยากาศสลัวๆ จนทำให้นึกถึงหนังสือ Alice’s Adventures in Wonderland ทั้งของเล่น ตุ๊กตา ของกระจุกกระจิกทั้งหลาย ที่ส่วนใหญ่นำเข้าจากอเมริกา ลูกค้าส่วนมากจึงเป็นบรรดาสาวน้อยโลลิต้าญี่ปุ่นในชุดกระโปรงฟูฟ่อง และเสื้อแขนตุ๊กตาสีลูกกวาดหวานใส ที่ชอบแวะมาที่ร้านแห่งนี้ เพราะมันคือแหล่งช้อปปิ้งสุดคิ้วท์ นอกจากนี้กิมมิคอีกอย่างของที่นี่คือร้านเค้ามีรับวาดรูปด้วยนะแบบวาดรูปการ์ตูนเป็นหน้าเรา วิธีการก็คือให้เราไปนั่งทำหน้าเท่ห์ๆ เกร๋ๆ ให้เค้าสเก๊ต ใช้เวลาไม่นานก็จะได้ภาพออกมาคิ้วท์ๆ ชิคๆ
- Amanto Cafe’ / Bar / Event Space Shuka
ร้านกาแฟ บาร์ และสถานที่จัดงานอีเว้นท์ที่รวบกันอยู่ในที่เดียว บ้านไม้เก่าๆ ที่สีลอกหมดจนเห็นเนื้อไม้ที่แท้จริง และบานประตูกับกรอบหน้าต่างเล็กๆ เสมือนแรงดึงดูดที่แสนงง แต่ก็ชักชวนให้เราเดินเข้าหา ส่วนด้านในนั้นดูสะอาดสะอ้าน เฟอร์นิเจอร์ไม้และผนังสีขาวกับไฟสีส้ม ช่างเข้ากันได้ดี และมีเสน่ห์ชวนให้เรานั่งลงพักผ่อน พร้อมกาแฟร้อนๆ และขนมปังปิ้งอุ่นๆ กับหนังสือดีๆ สักเล่ม ก็ทำให้รู้สึกได้ว่านี่แหล่ะคือความญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น และเราก็หลงรักอีกตามเคย
- French cafeteria Cercle
อีกหนึ่งร้านที่ทำให้เรารู้สึกว่านี่แหล่ะคือญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น ร้านนี้เปิดขายสองช่วงเวลา คือมื้อเที่ยง 11:30 – 14:30 และมื้อเย็น 18:00 – 22:00 ความมินิมอลที่เสมือนอยู่ในสายเลือดของชาวญี่ปุ่น มันดูเรียล ดูเป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องพยายาม หน้าร้านเรียบง่ายจนเราแทบเดินผ่านเลยไป แต่เพราะลูกค้าที่เข้าออกตลอดเวลาและป้ายไม้หน้าร้านกับกระดาษสองแผ่น จนเราลองเสนอหน้าเดินตามเพื่อเข้ามาดู ร้านเรียบๆ ที่แต่งง่ายๆ เก้าอี้ไม้สีอ่อนที่กระทบแสงแดด ความสว่างไสวจากดวงอาทิตย์ยิ่งทำให้ภาพตรงหน้าเราชวนมองและนั่งลงจิบเครื่องดื่มแบบไม่สนใจเวลาเสียจริงๆ ทว่าดันมาไม่ต้องช่วงเวลาดังกล่าวก็อดไปตามระเบียบ …
และนี่คือบางส่วนของร้านในย่านนาคะซะกิโจที่เราอยากบอกต่อเล็กๆ น้อยๆ แต่แท้จริงแล้วก็อย่างที่เราว่าที่นี่คือความเงียบสงบท่ามกลางตึกสูงแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความเป็นโอซาก้า ร้านรวงยังมีอีกมากมายให้เราได้ค้นหา แกอาจจะชอบร้านมือสองตรงหัวมุมถนน หรือร้านเสื้อผ้าจากดีไซเนอร์ท้องถิ่นที่อยู่บนชั้นสอง หรืออาจจะคาเฟ่ชิคๆ ที่มีให้เลือกอีกมาก เราอยากให้แกลองมาเดินเล่น เดินดู แล้วหาร้านโปรดในดวงใจของแกเอง เราเชื่อว่าย่านนี้ต้องมีสักร้านที่โดนใจและอยู่ในความทรงจำของแกได้ไม่ยาก
002 Endo Sushi Osaka
ยิ่งมีประสบการ์ณยิ่งน่าเชื่อถือ ยิ่งโดดเด่นยิ่งต้องลอง แล้วถ้าเราจะบอกว่านี่คือร้านซูซิร้อยปีของญี่ปุ่นล่ะ ความโดดเด่นที่ยกกำลังด้วยประสบการณ์ขนาดนี้มีหรือว่าเราจะพลาด ร้านนี้คือร้านซูชิต้นตำหรับโอซาก้าเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นครัวของญี่ปุ่น ที่เปิดร้านมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1907 ตั้งอยู่บริเวณตลาดกลางค้าส่งปลาแห่งโอซาก้า แหล่งอาหารทะเลที่สดใหม่และยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ ที่มาของวัตถุดิบอันสดใหม่ที่ถูกส่งตรงจากก้นทะเลสู่ห้องครัว และสู่ลิ้นอันอ่อนนุ่มของเรา หน้าร้านเรียบง่ายตามความเป็นญี่ปุ่น เมื่อเลื่อนประตูไม้ให้เปิดออกกลิ่นหอมของท้องทะเล และกลิ่นซุปก็เข้ามาเตะจมูก จนท้องของเราเริ่มร้องโวยวาย ยิ่งได้เห็นวัตถุดิบมากมายในตู้หน้าโต๊ะนั่งแบบบาร์ และเซฟที่กำลังแล่ปลาอย่างใจเย็น ยิ่งทำให้อยากทานมากขึ้นไปอีก
ซูชิหน้าปลาดิบที่หลากหลาย ถูกเสริฟมาพร้อมกับน้ำซุปผักร้อนๆ บนโต๊ะมีขิงดองสีชมพูอ่อนรสหวานนิดๆ ซ่าหน่อยๆ ไว้กินคู่กับข้าวปั้นชิ้นพอดีคำ ข้าวรสกลมกล่อมกับปลาสดที่ทั้งหอมและหวาน เมื่อเคี้ยวจะได้รสโชยุและวาซาบิที่เซฟใส่มาให้เราแบบพอดี๊ พอดี ความเข้มข้นรสชาติจากท้องทะเล และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของข้าว บวกกับความเผ็ดของวาซาบิสด เมื่อหมดคำยกซุปรสบางๆ ซดตาม และตบท้ายด้วยชาเขียวร้อนๆ เข้มๆ คือบอกได้เลยว่าแกต้องมา ต้องมา ต้องมา
003 Osaka Aquarium KAIYUKAN
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคังแห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น สัตว์น้ำที่จัดแสดงมีค่อนข้างหลากหลาย แบ่งออกเป็นโซนๆ ทั้งหมด 8 ชั้น โดยมีไฮไลท์เด็ดอยู่ที่ Central Tank ซึ่งความสูงมากถึง 9 เมตรเลยทีเดียว ภายในจะมีการจำลองสภาพแวดล้อมให้คล้ายคลึงกับมหาสมุทรแฟซิฟิคมากที่สุด ทำให้เราเหมือนถูกดูดสู่ท้องทะเลตัดขาดจากเวลาและโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์แบบ นี่ขอบอกเลยว่าถ้าแกได้มาแล้วจะรู้ว่าความน่ามหัศจรรย์และน่าตื่นเต้นที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันเป็นอย่างไร
เดินชมเพลิน ๆ กว่าเราจะรู้ตัวอีกทีก็คือตอนที่ท้องร้องขอพลังงานเพิ่มเติม โชคดีที่ด้านในอควาเลียมมีส่วนของคาเฟ่อยากกินอะไรที่นี่เค้าก็มีขาย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ อาหาร ขนม แต่ที่ชอบมากคงเป็นไอติมโคนลายจุดที่เค้าทำให้มีสีสันลักษณะคล้ายฉลามวาฬพระเอกของอควาเลียมแห่งนี้ ส่วนอาหารอื่นๆ ก็ไม่ได้มีไรพิเศษมาก และที่สำคัญต้องกินในโซนที่เค้ากำหนดด้วยนาจาาา แต่มันก็พิเศษตรงที่ว่าเราสามารถกินเสร็จแล้วออกมาเดินดูน้องปลาต่อได้เลยแบบไม่ต้องเสียเวลาเข้าออกนั่นเอง
004 American Mura
บอกแล้วว่าโอซาก้าคือความคึกครื้น แต่ที่แนะนำไปแรกๆ อาจจะยังไม่สาแก่ใจคนชอบความคึกคัก เราจึงอยากขอแนะนำหมู่บ้านอเมริกา (Americamura, アメリカ村) หรือฉายา Shibuya West ศูนย์กลางแห่งแฟชั่น และความคิดสร้างสรรค์ สวรรค์ของเด็กรุ่นใหม่ที่เป็นตัวของตัวเอง ครบครัน พร้อมพรั่งทั้งที่กิน ที่เที่ยว ที่ช้อป หลากสไตล์ หลายสีสัน เหมือนกับชิบูย่าโตเกียวยังไงยังงั้น เพราะฉะนั้นขาช้อปและขาไม่ช้อปจงดูแลเงินในกระเป๋าและบัตรเครดิตให้ดี ไม่ใช่ว่าใครจะขโมยไปหรอกนะ แต่เหล่าร้านค้าและบรรยากาศในย่านนี้มันชวนเสียตังค์เป็นอย่างยิ่งอ่ะแก
อดีตโกดังเก็บสินค้าและเสื้อเสื้อผ้ามือสองนำเข้าจากอเมริกา ตั้งแต่ปี 1970 ทำให้หมู่บ้านอเมริกา โอซาก้า เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม และรังสรรค์จนกลายมาเป็นเมืองแห่งแฟชั่นสุดคลู ร้านรวงต่างๆ มากมาย การแสดงศิลปะ กิจกรรม สุดหลากหลาย สร้างสีสรรให้กับหมู่บ้านแห่งนี้จนทั้งชาวญี่ปุ่นและแฟชั่นนิสต้าทั่วโลกอยากลองมาสัมผัส
- Alice on wednesday : ตื่นตาตื่นใจในแดนมหัศจรรย์
ร้านที่สาวกหนังสุดน่ารักจากเรื่องอลิซในแดนมหัศจรรย์ห้ามพลาดดดด เพราะเค้าได้สร้างความฝันให้เป็นจริงเพียงแค่ก้าวแรกหลังบานประตูสีน้ำตาลรูปปกหนังสือ สินค้าหลากหลาย ตั้งแต่ขนมหวาน เครื่องประดับ ของใช้น่ารัก ของตกแต่งบ้าน ที่มีแพคเกจและคอนเซ็ปต์สุดชิคอย่าง อลิศในแดนมหัศจรรย์อยู่มากมายเต็มไปหมด จนทำให้สาวน้อย ชายหนุ่ม เด็กๆ หรือผู้ใหญ่ถูกดึงดูดและหลงในวังวนจนหยิบของเล็กๆ น้อยๆ น่ารักกันไปอย่างน้อยคนละชิ้นสองชิ้น
- Long Softcream : ซอฟครีมย้าวยาวแสนอร่อย
ญี่ปุ่นดินแดนที่โด่งดังในเรื่องขนมหวานจากวัตถุดิบแสนอร่อย ไม่ว่าใครที่มาก็ต้องมีภาพไอศกรีมติดมือกลับไปอย่างน้อยคนละใบสองใบ และในย่านนี้มีร้านไอศกรีมที่เราอยากให้แกลองคือ Long Softcream (เดิมคือร้าน Pop Sweet) ไอศกรีมซอฟต์ครีมที่ไม่ธรรมดา เพราะมันยาวมากเวอร์ ยาวเป็นฟุตกันเลยทีเดียว รสชาติก็มีตั้งแต่วานิลลา ชาเชียว ช็อกโกแลต สตรอว์เบอร์รี โดยแต่ละวันรสชาติก็จะเปลี่ยนไป จะสั่งเดี่ยวๆ มากินให้เต็มคำ หรือจะเลือกสั่งแบบทูโทน รสที่ชอบคู่รสวานิลลาเลยก็ได้ ไอศกรีมเย็นๆ นุ่มๆ หวานๆ สดชื่น อร่อยจนตอนนี้ต้องหาไอศกรีมมากินแก้ขัดระหว่างรีวิวซะหน่อย
เพลิดเพลินทั้งชิม ช้อป ชิว สุดฟิน แต่ที่นี่ยังมีหลายหลายสิ่งที่น่าสนใจรอให้วัยรุ่นฮิปๆ อย่างเรามาสัมผัส ไม่ว่าจะเป็น Flying Tiger Copenhagen : ช๊อปไอเดียสุดชิคในราคาประหยัด, Eggs’n Things : แวะชิลล์ที่แพนเค้กคาเฟ่สไตล์ฮาวาย หรือ Standard bookstore : อ่านหนังสือดี จิบเครื่องดื่มรสอร่อย ฯลฯ อีกมากมายที่จะเติมเต็มความคึกครื้นและสร้างสีสันให้ชีวิตพวกแกสดใสยิ่งขึ้น จะลดลงก็เห็นจะเป็นแค่เงินในกระเป๋าเท่านั้น …
005 Ramen Yashichi
ร้านราเมงที่ติดอันดับ 1 ใน 50 ร้านราเมงจากการจัดอับดับของเว็บไซต์ Tabelog’s เว็บไซต์ค้นหาร้านอาหารชื่อดังของญี่ปุ่นในปี 2016 ที่นี่เป็นร้านอาหารเล็กๆ ที่เหมือนเอาบ้านสองชั้นสไตล์ญี่ปุ่นมาทำ ภายในสะอาดสะอ้าน มีเมนูราเมงให้เลือกทานด้วยกัน 3 แบบ คือ โชยุ, เกลือ และ Tsukemen (ราเมงที่เสริฟแบบแยกน้ำ) โดยร้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี Nakatsu station เดินออกจากสถานีผ่านสวนสาธารณะเล็กๆ ประมาณ 5 นาทีก็เจอร้าน ใครจะไปลองทานราเมงระดับตำนานร้านนี้อย่าลืมเช็ควันเวลาดีๆ นะเหวย เพราะร้านนางเปิดแค่จันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00-16.00 น. เท่านั้น
แม้ร้านจะเปิด 11 โมงบางวันคิวก็ยาวตั้งแต่ 10:30 โมง อย่างวันที่เราไปฝนตกคิดว่าไม่มีคิวสรุปในร้านคนเต็มต้องยืนรออีกกว่า 20 นาที แต่มันเป็นเวลาที่เสียไปและคุ้มค้ามากเมื่อได้กินราเมงชามโตซุปโชยุร้อนๆ เส้นเหนียวนุ่ม และหมูชาชูหอมๆ นิ่มๆ ตัดไข่ยางมะตูมตามเข้าไปแบบติดๆ เป็นหนึ่งคำที่ครบรส เติมเต็มความหนาวเย็นจากลมฝนได้อย่างดีงาม ใครชอบเผ็ดก็บดพริกไทยดำหรือเติมพริกป่นจากขวดเล็กๆ บนโต๊ะก็เพิ่มรสชาติได้อย่างดี
006 Osaka Castle
ปราสาทโอซาก้า แค่ได้ยินชื่อก็รู้ตัวละว่าต้องมา เพราะนี่คือแลนมาร์คของเมืองโอซาก้า ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1583 ปราสาทใหญ่กลางสวนสูง 8 ชั้น ห้อมล้อมด้วยกำแพงหิน คูน้ำ สวนนิชิโนมารุที่มีต้นซากุระมากกว่า 600 ต้น และตึกทันสมัยสูงใหญ่ ช่วงพีคสุดของปราสาทแห่งนี้จึงเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ต้นซากุระจะบานสพรั่งพร้อมกันส่งเสริมความงามให้กับปราสาทแห่งนี้
ปราสาทโบราณแห่งนี้แม้จะโบราณแต่ก็อยู่ท่ามกลางเทคโนโลยี และความไฮเทคนั้นก็เข้ามาสู่ปราสาทด้วย เพราะที่นี่เค้ามีลิฟท์ให้สามารถขึ้นไปชมความงานของวิวและส่วนจัดแสดงต่างๆ ได้ เพราะงั้นเมื่อมาทั้งทีอย่าพลาดที่จะขึ้นไปล่ะ เพราะด้านบนจะได้เห็นวิวทำเลทองที่เลือกสรรมาตั้งแต่สมัยโบราณ เห็นความตัดกันของตึกสูงและปราสาทโบราณ เห็นความเชื่อมกันของต้นไม้และท้องฟ้า แสงแดดที่อบอุ่นและลมเย็นๆ บนยอดปราสาททำให้เรารู้จักญี่ปุ่นในอีกมุมหนึ่งที่แตกต่างแต่มีความหมายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งจุด
ด้านล่างรอบๆ ตัวปราสาทจะมีร้านค้าร้านขาย ทั้งนักท่องเที่ยว ทั้งชาวญี่ปุ่นเองเต็มไปหมด เสมือนเป็นศูนย์รวมชาวเมืองที่อยากหลีกหนีความคึกคักสู่ความร่มเย็นแต่ยังคงครื้นเครง ชายซามูไรในชุดแดง วัยรุ่นถือไอศกรีมโคน เด็กๆ วิ่งเล่นสนุกสนาม คนแก่เดินจูงมือกันมารับลม เป็นตัวเสริมบรรยากาศให้กับปราสาทโอซาก้า และช่วยให้มันยังดูมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ
007 Universal Studios Japan (USJ)
ขอพื้นที่เล็กๆ ให้ยังเป็นเด็กไปนานๆ และเราเชื่อว่าการได้มาเที่ยวที่ Universa; Studio Japan ไม่ว่าแกจะอายุเท่าไหร่ เหนียมอายแค่ไหน การที่แกได้ก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้ แกจะรู้สึกว่าแกมีพลัง มีความกล้า และความซู่ซ่าบ้าบิ่น ร่างกายแกจะร้องขอความตื่นเต้นและกลับกลายเป็นเด็กขึ้นมาในทันที เพราะทุกคนในที่นี้ต่างมีสายตาจับจ้องไปในสิ่งเดียวกัน คือ ความสนุก
ที่นี่มีเครื่องเล่นมากมายหลายแบบ หลายโซน แกสามารถอยู่ที่นี่หนึ่งวันเลยก็ได้ เพราะมันคือโลกอีกใบที่จะเปลี่ยนวันของแกให้ความทรงจำที่ล้ำค่า และปลุกเจ้าเด็กน้อยที่อาจจะหลับไหลไปแล้วในตัวแกให้ตื่นขึ้นมาสนุก มีพลัง มีความสร้างสรรค์อีกครั้งก็เป็นได้ ไม่มีใครแก่เกินจะมาสวนสนุก และที่สวนสนุกแห่งนี้ก็เปิดโอกาสให้แกโลดแล่นในความฝันได้อย่างไม่รู้เบื่อ มาเหอะ เพราะนี่คือความฝันในโลกแห่งความเป็นจริง
008 Cupnoodles Museum
เสน่ห์ของญี่ปุ่นอย่างนึงก็คือ การทำให้สถานที่ธรรมดาๆ ดูมีอะไรน่าสนใจได้เสมอ ที่นี่ก็เช่นกัน พิพิธภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของนิชชิน (Nissin) ภายนอกก็โรงงานบะหมี่นิชชินนะแหละ แต่เข้าไปปุ๊บคือต้องอึ้งตะลึงก็ที่นี่หน่ะไม่ใช่โรงงานน่าเบื่อๆ อย่างที่คิด เพราะเค้ามีกิจกรรมให้ทำมากมาย แถมมี Gimmick แปลกๆ ให้เล่นอีกด้วย เคยกินบะหมี่ถ้วยแล้วจินตนาการกันบ้างมั้ยว่านอกจากรสชาติเดิมๆ ที่เรากินกันแล้ว เราอยากสร้างสรรรสชาติของมันให้เป็นยังไงอีกบ้าง ที่นี่จะเป็นที่ๆ มอบสิทธิ์นั้นให้พวกแกสามารถทำบะหมี่ถ้วยในแบบของตัวเอง เลือกรสเอง ผลิตเอง ตั้งแต่ต้นยันจบ เด็ดสุดคือให้เพ้นท์ลายเป็นบะหมี่ถ้วยแบบเดียวในโลก เป็นของฝากชิคๆ กลับบ้านด้วย เก๋มากเวอร์ แฟนคลับบะหมี่ถ้วยต้องมาลองเด้อ
อย่างที่บอกว่าที่นี่แกทำบะหมี่ของแกเองได้ วิธีการก็แสนง่ายแค่กำเงิน 300 เย็นไว้แน่นๆ หยอดเงินลงตู้เพื่อรับถ้วยของตัวเอง 1 ถ้วย จากนั้นก็ได้เวลาลงมือวาดลวดลายถ้วยหนึ่งเดียวในโลกของเรา วาดเสร็จก็ไปต่อแถวเติมเส้น เติมเครื่อง เลือกรสชาติ ก่อนจะแพ็คเป็นแพคเกจที่พร้อมขายในตลาด จบปี๊งแฮปปี้กับการได้มาม่าคัพที่ออกแบบด้วยตัวเอง!!!
009 Umeda Sky Building
อุเมดะ สกาย บิวล์ดิ้ง ตึกสูงในย่าน Umeda เมืองโอซาก้า ที่มีความสูงถึง 173 เมตร หรือ 40 ชั้น ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นโอซาก้าได้โดยรอบแบบ 360 องศา และยังสามารถมองไปได้ไกลถึงเกาะอาวาจิที่อยู่ห่างจากโอซาก้ามากกว่า 50 กิโลเมตร บอกได้คำเดียวว่าอเมซิ่งกิ่งก่องแก้วมากเว่อร์จ้าาาา
แม้เราจะกลัวความสูงแต่เราก็รักที่นี่ เพราะมันดูโอ่อ่า ทันสมัย สวยงาม มันดี มันชิค มันคูล มันโดนใจจริงๆ การออกแบบที่เน้นเส้นสาย และแสงเงาไม่ว่าจะขึ้นมาชมเมืองยามเช้าหรือยามค่ำก็ทำให้เรายิ่งรักโอซาก้ามากขึ้นไปอีก และในวันฟ้าใสที่มองไปไกลได้อีกกว่า 50 กิโลเมตรเมตรมันยิ่งทำให้เรารู้สึกถึงความพิเศษ ความใส่ใจของคนญี่ปุ่นต่อสิ่งที่พวกเค้าสร้างขึ้นเป็นอย่างดี ผู้คนทั้งหนุ่มสาว แก๊งเพื่อน และครอบครัว ต่างยืนรับลม เส้นผมปลิวไสว กับวิวตรงหน้า
010 Namba
ย่านชอปปิ้งที่สำคัญในโอซาก้า อยู่ใกล้กับสถานี Namba โดยย่านช้อปปิ้งก็เริ่มมีตั้งแต่ทางออกสถานีรถไฟ ไหลลงไปชั้นใต้ดิน และลากยาวไปอีก 600 เมตร ตั้งแต่บริเวณคลองโดทงบุริ ทางเดินชินไซบาชิ และทางเดินคู่ขนานกับถนนมิโดซุจิ ซึ่งมีให้ช้อปตั้งแต่ไฮเอน แบรนด์เนม และโลคอลเนม มือหนึ่ง มือสอง ของกิน ของใช้ ของจำเป็นของไม่จำเป็น คือถ้าบอกว่ามีของจากนอกโลกมาวางขายก็ยังน่าเชื่ออ่ะ เพราะมันละลานตามากจริงๆ โดยย่านนี้คือย่านที่มีสัญลักษณ์ที่เราคุ้นตากันดี คือป้ายกูลิโกะขนาดใหญ่ ที่ใครๆ ก็ต้องมาถ่ายรูปด้วยถึงจะยืนยันได้ว่ามาถึงย่านนัมบะแล้วจริงๆ ส่วนร้านค้าอื่นๆ ก็ไม่ยอมน้อยหน้าคุณลุงกูลิโกะ ต่างจัดเต็มตกแต่งป้ายหน้าร้านมาประชันความโดดเด่นกันแบบมองเห็นได้จากดาวอังคาร ความสวยก็เลือกยากประมาณนางงามจักรวาลนั้นแหละ สวยกันคนละแบบแต่ถ้าให้บอกก็คือสวย เด่น ชวนมอง ชวนถ่ายรูปกันเพลิน
นอกจากป้ายจะเยอะ คนเยอะ ของกินก็เยอะถล่มทลายมาก โดยเฉพาะของขึ้นชื่อของเมืองโอซาก้าอย่างทาโกยากิที่มีร้านขายแทบทุกจุดบนถนน แป้งกลมๆ หอมๆ รสเข้มไส้ปลาหมึกยักษ์กรุบๆ โรยด้วยแผ่นปลาโอแห้งเคี้ยวเพลินๆ และน้ำซอสสูตรเด็กของแต่ละเจ้า ที่นี่มีร้านดังขึ้นชื่อเยอะมาก แต่เอาจริงๆ นะเราว่าร้านไหนก็อร่อยๆ อ่ะแบบไม่ต้องไปต่อแถวยืนรอขาแข็งทนหิวจนอยากกินเพื่อนแทนไปก่อนก็ได้อ่ะ แล้วมันก็มีให้เลือกเยอะมาก มากจนเราอยากบอกแกว่าหลับตาเลือกๆ ไปเถอะ ญี่ปุ่นไม่ทำให้แกผิดหวังหรอก
และนี่คือ 10 ความชิคคลูหลากหลายแบบของโอซาก้าที่เราอยากแนะนำ ญี่ปุ่นก็คือญี่ปุ่น สะดวก สบาย ใจดี เรียบง่าย ไว้ใจได้ แต่ไม่มีอะไรแน่นอนเสมอไปถึงมันจะดีงามและชวนให้สบายใจมากแค่ไหน เพราะอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าของหาย เครื่องดีเลย์ แพ้อากาศ แพ้อาหาร ใดใดก็ตามถ้าไม่เกิดก็ดีไป แต่ถ้าเกิดขึ้นมาจากเที่ยวสนุกก็คงกลายเป็นทุกข์แทน เพราะฉะนั้นประกันการเดินทางหัดทำไว้ให้เป็นนิสัย จะไปไหน ใกล้ไกลก็อุ่นใจมากเว่อร์ ยังไงก็ลองเข้าไปเช็คประกันเดินทางพร้อมโปรสุดคุ้มดีๆ จากซิกน่าผ่าน GoBear ได้ ที่นี่ เลยนะ
โอซาก้าคือสีสัน คือความหลากหลาย คือเรื่องราวดีๆ ที่แสนอุ่นใจ คือความอิ่มท้องและอิ่มใจ คือความดีงามที่เราอยากบอกต่อ แต่ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ที่โอซาก้ามี เราอยากให้แกลองออกมามาเพิ่มประสบการณ์ เพิ่มเรื่องราวให้กับหนังสือชีวิตของแกให้มันมีสีสัน ให้มันหอมหวาน ให้มันเข้มข้น ไม่น่าเบื่อ เพราะชีวิตต้องการชีวา และหน้าหนังสือแกก็ต้องการเรื่องราว อย่าเชื่อเราที่บอกว่าอร่อย อย่าเชื่อเราที่บอกว่าสนุก อย่าเชื่อเราที่บอกว่าดี แต่จงออกมาพิสูจน์แล้วแบ่งปันกับเราว่าแกรู้สึกยังไง