ญี่ปุ่นยังคงเป็นหนึ่งประเทศฮิตในดวงใจของคนไทยตั้งแต่มี Free Visa และโตเกียว โอซาก้า ก็ยังคงเป็นรูทที่นิยมกันมากจริง ๆ ก็แหงแหล่ะเพราะสองเมืองนี้มันเป็นเมืองที่ทุกคนมักเลือกไปในครั้งแรก แต่เหยแกรรรู้ป่าว นอกจากการเดินทางจากโตเกียวไปโอซาก้าด้วยรถไฟชินคันเซนแล้วมันยังมีอีกวิธีคือการนั่งรถบัสทัวร์ ง่ายเหมือนกันและประหยัดกว่าแถมได้แวะเที่ยวแลนด์มาร์คระหว่างทางด้วย ญี่ปุ่นรอบนี้เราก็เลยอยากจะแนะนำให้รู้จักกับ LIMON BUS รถบัสทัวร์ในเครือ Shinki Bus ที่มีหลายรูททั่วญี่ปุ่น แต่ครั้งนี้เราจะมาพูดถึงรูทใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลกที่ผ่านมา “โตเกียว-โอซาก้า ที่ใช้เวลาเดินทาง 3 วัน 2 คืน”
อย่าเพิ่งกรอกตามองบนทำหน้างง ถ้านั่งรถไฟแค่ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึงแล้ว แต่นั่งบัสตั้ง 3 วันเลยหรอ ? ถ้านึกภาพไม่ออกมันจะเหมือนเรานั่งรถโดยสารสาธารณะแบบดี ๆ ที่พาแวะเที่ยวระหว่างทาง ได้นั่งรถบัสสบาย ๆ ฟรีไวไฟ และที่ชาร์ทแบท เก็บกระเป๋าลากใบใหญ่ไว้บนรถ แถมมีไกด์นำเที่ยวด้วย(ภาษาอังกฤษ/ญี่ปุ่น) ซึ่งรูทนี้สามารถเลือกว่าจะเริ่มที่โตเกียวหรือโอซาก้าก็ได้ ส่วนของเราเริ่มจากโตเกียว แวะดูภูเขาไฟฟูจิ ทะเลสาบคาวากุจิโกะ นอนพักระหว่างทางที่เมืองเก่าทาคายาม่า เดินตลาดเช้า แล้วค่อยนั่งรถต่อไปจบที่โอซาก้า มีหมู่บ้านชิราคาวาโกะระหว่างทางก็แวะ ปลายทางจะดรอปลงที่เกียวโตก่อนถึงโอซาก้าก็ได้ เราว่ารูทนี้มันเหมาะกับทุกเพศทุกวัยไม่ว่าจะเที่ยวกับเพื่อน ครอบครัว หรือเที่ยวคนเดียว คนที่อยากเที่ยวญี่ปุ่นเองแบบสบาย ๆ แต่ไม่ง้อทัวร์ ทั้งนี้ทาง Limon Bus เค้ายังการันตีด้วยว่ามีรถออกทุกวัน ถึงแม้จะมีผู้โดยสารคนเดียวก็ตาม
LIMON BUS TOKYO – OSAKA
จะมีรูทหลักๆอยู่ 4 รูท ดังนี้ …
1. Tokyo – Mt.Fuji – Kawaguchiko(1Night) – Takayama(1Night) – Osaka
2. Osaka – Takayama(1Night) – Kawaguchiko(1Night) – Mt.Fuji – Tokyo
3. Tokyo – Mt.Fuji – Kawaguchiko(1Night) – Takayama(1Night) – Tokyo
4. Osaka – Takayama(1Night) – Kawaguchiko(1Night) – Osaka
จริง ๆ แล้วมันก็จะกึ่งทัวร์แหละ แต่เป็นทัวร์ที่เราจัดสรรค์เวลาเอง เลือกที่พักเอง หาอาหารเอง ทำให้เราเลือกจ่ายเฉพาะสิ่งที่เราต้องการ แต่ทาง Limon Bus เองก็มีดีลแพคเกตที่รวมที่พักและอาหารไว้ให้ด้วยเป็น Option เสริม เพราะฉะนั้นแกจะจองพร้อมที่พักหรือจองแต่บัสอย่างเดียวก็ได้ อีกอย่างที่เราชอบคือไม่จำเป็นต้องพัก 1 คืนตามรูทก็ได้ เราสามารถวางแผนเองได้ตามเส้นทางรถบัสที่ให้มา จะเลือกอยู่ 2 วัน 3 วัน หรือ 5 วันในแต่ละที่ แต่ต้องไม่เกิน 10 วัน เราว่ามันเป็นทัวร์ที่ให้อิสระในการเดินทางมาก ๆ
เอฟวายไอ :
*รูทที่เราไปเป็นรูท 1
*ในระหว่างสถานที่หลัก ๆ ที่เขียนไปยังมีจุดแวะเพิ่มเติมเล็ก ๆ น้อย ๆ อีก เช่น โรงเหล้าสาเก โรงงานโซบะ แล้วแต่รูท
เราเริ่มการเดินทางครั้งนี้ที่โตเกียว จะขอข้ามรายละเอียดที่เที่ยวในเมืองโตเกียวไปเลยนะ น่าจะหาข้อมูลกันได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว สำหรับจุดขึ้นรถ Limon Bus จะมีอยู่ 2 จุดคือ IKEBUKURO และ SHINJUKU ก็เลือกเอาแล้วแต่สะดวกเลย ถ้ามองเห็นรถบัสเหลือง ๆ พร้อมเกร็ดเลม่อนแปะกระจายอยู่ทั่วทั้งคันก็แปลว่านั้นแหละ คุณได้มาถึงแล้วจร้าาา สีเหลืองสะดุดตาตั้งแต่ 5 กิโล (เว่อไป 555) ภายในตัวรถมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน รถหอมกลิ่นใหม่มาก ถ้าฉีดน้ำหอมกลิ่นมะนาวไปอีกนี่จะนึกว่าตัวเองเป็นเม็ดเลม่อนละนะ มีทั้งปลั๊ก USB สำหรับชาร์ทแบต และ Free Wifi ที่นั่งสบายเบาะอุ่น ๆ แบบนี้ จะอากาศหนาวแค่ไหนก็ไม่กลัวแล้ววว
สำหรับทริปนี้เราไปในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี (ต.ค.- พ.ย.) ระหว่างทางไปภูเขาไฟฟูจิสวยมากถ้านั่งรถไฟไปไม่มีนะแบบนี้นะ ภูเขาไฟฟูจิจะมีทั้งหมด 5 ชั้นที่รถบัสสามารถขึ้นได้ ยิ่งสูงยิ่งหนาว และก็ยิ่งสวยด้วย ถ้าอยากไปแตะยอดเขาก็คงต้องปีนเอาแล้วหละ หากเกิดหิมะตกจะสามารถขึ้นได้ถึงแค่ชั้น 4 แต่แค่ชั้น 4 ก็สวยมากแล้วแก ระหว่างทางนี่ก็กรี๊ดแล้วกรี๊ดอีก วิวงามเว่อออร์ โชคดีเหลือเกินที่วันนี้ได้เห็นทะเลหมอกด้วย ” ฟูจิครั้งหนึ่งในชีวิต มิสชั่นคอมพรีทไปอีกหนึ่งขั้น ”
Lake Kawaguchiko :
จากที่เห็นทะเลหมอกข้างบนหนาแน่นและสวยงามจนมองไม่เห็นพื้นแผ่นดิน เป็นอันรู้ว่าหากยืนอยู่บนแผ่นดินก็คงจะมองขึ้นไปไม่เห็นอะไรเช่นกัน ทะเลสาบคาวากุจิโกะที่ใคร ๆ ก็บอกกันว่าเป็นจุดชมวิวฟูจิที่สวยมาก ๆ วันนี้ตกรอบไปจ้า เพราะได้มาแค่วิวมาทะเลสาบเอง(ฟูจิซังขี้อาย) แต่นั้นแหละสภาพอากาศเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนถ้าได้เห็นฟูจิที่มุมนี้ก็อาจจะไม่ได้เห็นทะเลหมอกข้างบนนั้นก็เป็นได้
TAKAYAMA :
จากคาวากูจิโกะเรามุ่งน่าต่อไปยังเมืองทาคายามา ที่นี่เป็นอีกเมืองที่น่ารักที่เราจะได้สัมผัสสเน่ห์แห่งยุคเอโดะ ได้ซึมซับวิถีชีวิตของผู้คนที่ส่งต่อมานับรุ่นสู่รุ่นและยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต นอกจากนั้นเมืองนี้ยังเป็นที่รู้จักขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของทักษะงานไม้ของคนในชุมชนด้วย เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สงบไม่วุ่นวาย ซึ่งถ้าใครชอบเมืองเก่าและคนแก่(ที่น่ารัก) เราว่าควรมาทำตัวสโลว์ไลฟ์
เช้าวันที่สองเราเริ่มต้นกันที่ตลาดเช้า Takayama (Morning Markets) ซึ่งเปิดทุกวันตั้งแต่ 6:30-12:00 (แต่ว่าฤดูหนาวเขาจะขยับเวลาเปิดเป็น 7 โมงเช้านะตัว) ซึ่งตลาดเช้าแห่งนี้จะมีอยู่ 2 จุดได้แก่ ตลาดจินยะเมะ (Jinya-mae Market) ที่ตั้งอยู่หน้าอาคาร (Takayama Jinya) และตลาดมิยางาวะ (Miyagawa Market) ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมิยางาวะในเขตเมืองเก่า Takayama โดยสินค้าที่วางขายก็มีมากมายให้เราเดินนวยนาดอืดอาดชมได้เรื่อย ๆ ทั้งผลิตผลทางการเกษตร ผลหมากรากไม้ พืชผัก หรือขนมคบเคี้ยวท้องถิ่นให้ได้เลือกซื้อเลือกกินกันอย่างเอร็ดอร่อย และด้วยความน่ารักของคนญี่ปุ่นคือแม้ว่าเราไม่ได้อุดหนุน เขาก็จะชวนพูดคุย ทักทายเหมือนญาติมิตรสหายที่ใกล้ชิดจริง ๆ เดินไป ๆ มา ๆ คือได้ชิมจนอิ่มไปเลย
TAKAYAMA JINYA :
ที่นี่เป็นเหมือนศูนย์ราชการหรือศาลาว่าการประจำเมืองในสมัยเอโดะ ที่ตอนนี้เปิดให้เข้าชมและศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมในสมัยก่อน ด้านในเป็นบ้านญี่ปุ่นโบราณหลังใหญ่ ใหญ่มากก ที่เดียวเป็นทั้งศาล ทั้งสถานีตำรวจ ห้องขัง ห้องครัว ห้องรับรอง และอื่น ๆ ที่จำมาได้ไม่หมด แต่รู้ว่าเยอะ เพราะมีหลายห้องมาก ๆ
จะมีใครรู้มั้ยว่า พื้นเสื่อที่คนญี่ปุ่นโบราณใช้สามารถบอกยศได้ด้วยนะ โดยถ้าเป็นพนักงานทั่วไปจะทำงานในห้องเสื่อธรรมดา รุ่นใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็จะมีดีเทลเสื่อมากขึ้น แต่ถ้ารุ่นเดอะเนี่ยเสื่อจะปักหมุดเลยนะเออ
TAKAYAMA OLDTOWN :
เติมพลังกับมื้อเช้าที่ตลาดเช้า ก็ได้เวลาไปแฮปปี้กันต่อที่แลนด์มาร์คน่ารักโดนใจในเมืองเก่า Old Town ณ แหล่ง Shopping “ย่านซันมาชิซูจิ” หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า “Little Kyoto” ย่านนี้เป็นย่านสุดเฟี้ยวอายุมากกว่า 300 ปีที่ได้รับการดูแลจากรัฐบาล ส่วนบริเวณพื้นที่ก็จะเต็มไปด้วยบ้านญี่ปุ่นเก่าในยุคเอโดะ กล่าวคือเป็นบ้านไม้สองชั้นทาสีน้ำตาลเข้มหรือดำเกือบทุกหลัง ซึ่งที่นี่เป็นสถานที่ชื่อดังทั้งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย และแหล่งการค้าตั้งแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบัน โดยพื้นที่แห่งนี้จะแบ่งเป็น 3 ซอยต่อกันแต่กั้นโดยถนนเส้นเล็กที่เดินทะลุเข้าไปส่วนในได้จร้า!!
เมนูที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเยือนที่แห่งนี้ก็คือ Hida Gyuuman หรือซาลาเปาไส้เนื้อ Hida เมนูนี้มีความดีงามที่ความฉ่ำของเนื้อวัวและแป้งที่นุ่มชุ่มปาก ซึ่งเราสามารถเดินถือกินได้อย่างสบายใจ ต่อมาคือ Senbei Plate ที่มีสาหร่ายทานง่าย ๆ เขี้ยวกรุบ ๆ กินไปเดินไปได้เช่นกัน และสุดท้ายที่อยากแนะนำ Hida-beef ใน Sushi-style ที่เสิร์ฟบน Senbei Plate เช่นกัน คือที่นี่นั้นเขาดังเรื่องเนื้อ Hida มาก ๆ ซึ่งเราก็เห็นสมควรที่จะดังเพราะเนื้อนางนั่นอร่อยนุ่ม ขยุ้มใจ และดีงามเข้าไปใหญ่เมื่อได้รสสมผัสจากสาหร่ายและข้าวญี่ปุ่นที่เข้ากันดีกับความกรอบของ Senbei Plate เป็นงานเกรดพรีเมี่ยมดีเยี่ยมต่อน้ำย่อยในท้อง
แต่ด้วยเรามีเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง พอเพลิดเพลินเจริญใจจากการชมเมืองไป ชิมไป และถ่ายรูปไปก็ถึงเวลาโบกมือลา Takayama เพื่อขึ้นรถบัสตามเวลานัดหมาย 9 โมงตรง ซึ่งการเดินทางของเราวันนี้ค่อนข้างจะพีคจากฝนตกอยู่ดี ๆ แดดก็มา แล้วสุดท้ายก็หิมะตก ครบรสมากฮะทริปนี้
SHIRAKAWA-GO :
หมู่บ้านชิราคาวาโกะนี้ ได้รับการชึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยยูเนสโก เพราะเป็นบ้านแบบญี่ปุ่นแท้ดั้งเดิม มีเอกลักษณ์ เห็นว่าบ้านบางหลังมีอายุยาวนานกว่า 250 ปี!!! โดยถนนเส้นหลักในหมู่บ้านจะเต็มไปด้วย Outlet มากมายให้ลายตา ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ รวมถึงหลาย ๆ ทำเลก็มีเกสต์เฮ้าส์ให้สำหรับคนที่อยากเข้าพักที่นี่ ซี่งถ้านับรวม ๆ ก็น่าจะประมาณ 80 กว่าร้านเลยนะ นอกจากนั้นความน่ารักของหมู่บ้านแห่งนี้ก็คือพื้นที่หลาย ๆ ส่วนยังคงเป็นที่อยู่อาศัยของชาวนาจริง ๆ ด้วยเหตุนี้เราก็ควรเคารพในความเป็นส่วนตัว อย่ามัวแต่ห่วงภาพสวย ๆ จนเผลอไปรบกวนเขาเข้านะเออ
เราว่าหมู่บ้านนี้มาช่วงไหนก็สวย ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนตอนหญ้าเขียว ๆ หรือหน้าหนาวหิมะตกก็จะกลายเป็นหมู่บ้านสีขาว ส่วนเรามาตอนฤดูก้ำกึ่ง เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวหิมะตก มันยังสวยเลยอะ
หลังจากได้เดินเล่นกันพอิ่มใจ Limon Bus ก็บขับพาเรามาดูจุดชมวิวมุมสูงของหมู่บ้านด้วย แต่ด้วยสภาพอากาศอย่างนี้เลยทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในเมืองลับ ๆ ซักเมืองในหุบเขา ถ้ามาตอนกลางคืนน่าจะหลอนประมาณนึงแต่ก็สวยไปอีกแบบ
KENROKUEN GARDEN :
สวนนี้เป็น 1 ใน 3 ของสวนที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เพราะมีพื้นที่กว้างขวาง บรรยากาศเงียบสงบ มีหลากหลายของพืชพันธุ์ธรรมชาติ คือไม่ว่าจะมาฤดูไหน จะได้เห็นความสวยงามของสวนนี้อย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นใบไม้แดง ซากุระ หรือหิมะ เห็นแหลม ๆ ที่ติดอยู่บนต้นไม้นั่นมั้ย ตอนแรกเรานึกว่าเค้าเตรียมจัดงานไฟคริสมาส ฮ่าๆๆ แต่มารู้ทีหลังว่ามันเป็นวิธีรักษาต้นไม้ไว้ไม่ให้กิ่งก้านใบหักไปเพราะรับน้ำหนักหิมะ เราว่าเป็นนวัตกรรมที่ฉลาดและสวยงามไปพร้อม ๆ กัน
KANAZAWA CASTLE :
ตรงข้ามสวน Kenrokuen Garden คือปราสาทคานาซาวะ เป็นปราสาทเก่าแก่ที่มีพื้นอาณาบริเวณขนาดใหญ่มากแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ที่นี่เคยเป็นของไดเมียวตระกูลใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นในยุคเอโดะ อาคารต่าง ๆ ของปราสาทคานาซาวะได้ถูกเพลิงเผาไหม้และสร้างใหม่มาหลายครั้ง ปัจจุบันนี้ได้มีการสร้างส่วนต่อเติมเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเกือบจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม จะขาดก็แต่หอคอยปราสาทหลักเท่านั้น
SOBA FACTORY :
สถานที่สุดท้ายก่อนถึงโอซาก้าเราแวะกันที่โรงงานโซบะ เพื่อช็อปปิ้งและชิมโซบะแท้จากโรงงาน และอย่างที่รู้ ๆ กันว่าญี่ปุ่นคือประเทศที่เก่งเรื่องเพิ่มมูลค่าให้สถานที่ธรรมดาดูโก้เก๋ที่โรงงานโซบะแห่งนี้ก็เช่นกันนางเล่าเรื่องราวความผูกพันของความญี่ปุ่นกับโซบะที่มีมานานผ่านรูปปั้นเล็ก ๆ ซึ่งจะมองเห็นตั้งแต่เดินเข้าประตูมาเลย น่ารักดี
OSAKA :
เดอะเทอมินอลสเตชั่นอิส “โอซาก้า” แน่นอนว่าถ้าเห็นป้ายไฟเป็นชายนักวิ่งชูมือไชโย ก็รับรู้ว่าเราได้มาถึงโอซาก้าแล้ววเรียบร้อยปลอดภัย ร่างกายอยู่ครบ มาถึงเมืองนี้ก็เตรียมตัวครึกครื้นกันได้เลย เพราะว่าจุดขึ้นและลงรถบัสของโอซาก้าจะอยู่ที่ อูเมดะ, นัมบะ หรือขี้นและลงที่เกียวโตเลยก็ได้ ดีงามมากมากแก
นอกเหนือจากเส้นทาง โตเกียว – โอซาก้า แล้ว Limon Bus ยังมีแบบ One Day Trip ในแต่ละเมืองอีกด้วย อย่างของเราเลือกไปทัวร์เกียวโตต่อ โดยรูทนี้บัสจะออกเดินทางจากโอซาก้าแบบไปเช้าเย็นกลับ สำหรับแพคเกตนี้เราจะนั่งรถไฟสายโรแมนติก – อาราชิยาม่า – วัดคิโยะมิสุ – ศาลเจ้าฟูชิมิอิมาริ และเช่นกันคือบัสออกทุกวันการันตีแม้มาเพียง 1 คนก็ออก
SAGANO TRAIN :
ทางรถไฟสายโรแมนติก Sagano Scenic Railway (嵯峨野観光鉄道) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า Sagano Romantic Train นั้นเป็นรถไฟท่องเที่ยวที่วิ่งระหว่างอะราชิยาม่า (Arashiyama) และคาเมโอกะ (Kameoka) ตลอดเส้นทางนั้นรถไฟจะวิ่งเรียบแม่น้ำโฮะซึ (Hozugawa River) ลัดเลาะไปตามหุบเขาซึ่งปกคลุมไปด้วยป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ ใช้เวลาเดินทางระหว่างสองสถานีประมาณ 25 นาที โดยตลอดเส้นทางจะมีสถานีทั้งสิ้น 4 สถานี โดยเราสามารถที่จะเลือกขึ้นหรือลงรถไฟที่สถานีใดก็ได้ เอกลักษณ์ของรถไฟสายโรแมนติกนี้คือความมหัศจรรย์ของธรรมชาติอันงดงามตลอดสองข้างทางทำให้ไม่ว่าจะฤดูไหนรถไฟคันนี้ก็วิ่งผ่านความงดงามที่แตกต่างกันตลอดทั้งปี ส่วนใครจะไปแนะนำตู้ 5 เพราะเป็นตู้เดียวที่ไม่มีกระจกยื่นหัวยื่นแขนออกไปถ่ายรูปได้ตามสบาย แต่ก็ต้องระวังไม่ยื่นออกไปจนเกิดอันตรายด้วยนะจะ
ARASHIYAMA :
เป็นอีกเขตทางตะวักตกของเกียวโตที่ได้รับความนิยมมากสำหรับนักเที่ยวต่างชาติ คนไทย หรือแม้แต่ชาวญี่ปุ่นเอง ตัวเมืองอาราชิยาม่านั้นจะคึกคักมากในช่วงวันหยุด มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และบริเวณโดยรอบก็สามารถเดินเที่ยวได้เรื่อย ๆ โดยไฮไลท์เด็ดเด็ดที่เรียกทุกคนให้มาเที่ยวที่นี่ก็จะเป็นอุโมงค์ต้นไผ่ การนั่งเรือในแม่น้ำชมวิวสองข้างทาง หรือแม้แต่การเดินขึ้นเขาไปยัง Iwatayama Monkey Park ก็ได้รับความสนใจเช่นกัน
วัดคิโยะมิซุ หรือวัดน้ำใส (Kiyomizu-dera) :
เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น โดยจุดเด่นจะอยู่ที่อาคารไม้ขนาดใหญ่ที่มีเสาของอาคารสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน และโถงอาคารยังถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นเมืองเกียวโตในฤดูต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเกียวโตอีกด้วย
Fushimi Inari-taisha :
ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ ไทฉะ หรือ ศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต สร้างขึ้นเพื่อถวายให้แด่เทพเจ้าแห่งการกสิกรรม รอบ ๆ จะมีรูปปั้นและสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับสุนัขจิ้งจอก ซึ่งในตำนานพื้นบ้านญี่ปุ่นเชื่อว่า สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์นำสาส์นของเทพเจ้าอินาริ เพื่อให้พื้นที่บริเวณนี้มีน้ำอุดมสมบูรณ์ ปลูกข้าวได้ผลผลิตดีมีคุณภาพ เป็นสัตว์ที่มีอิทธิฤทธิ์อำนาจพิเศษ สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ จุดเด่นที่มองปุ้บก็รู้ปั้บว่าอยู่ที่นี่คือ เสาโทริอิสีแดงส้มนับเป็นหมื่น ๆ ต้น ที่ตั้งเรียงรายจนกลายเป็นอุโมงค์เสาโทริอิที่ยาวถึง 4 กิโลเมตร
ตลอด 3 วัน 2 คืนที่ผ่านมา เราว่ามันก็คุ้มนะ โตเกียว โอซาก้า และ One Day Trip ที่เกียวโต บางมุมมันเหมือนมากับทัวร์ แต่อีกมุมนึงมันก็เหมือนเรานั่งรถบัสสาธารณะที่แวะจอดพาเราเที่ยว ดีตรงที่ได้เลือกที่พักเอง ได้กินอาหารที่เราถูกใจ มันควบคุมได้ และยังมีอิสระมากกว่า ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกการเดินทางแทนรถไฟได้เลยยังไงถ้ามีโอกาสเราก็อยากแนะนำให้ไปลองกันดูนะ
ถ้าสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
…………….
โทร 02-0117156-8
อีเมล [email protected]