รีวิวจีน :: The Ultimate Guide to Guangzhou – เปิดซิงจีนครั้งแรก “กวางโจว” 🇨🇳

เปิดซิงจีนครั้งแรกเมืองไหน? เที่ยวแบบใดห์? โพสต์นี้ขอมอบซิตี้ไกด์ 4 วัน ใน Guangzhou ให้เป็นคำตอบสุดท้ายที่จะกลายเป็นทริปตราตรึงใจของทุกคน

แพลนเที่ยวนครแห่งดอกไม้ กวางโจว ฉบับนี้ … เราตั้งใจนำรูปภาพสุดจึ้งกว่า 100 ใบ จาก 23 โลเคชันแสนปัง มาร้อยเรียงเรื่องราว เพื่อแนะนำให้กับเพื่อน ๆ ที่อยากเปิดใจไปจีนครั้งแรก เพราะสำหรับเรานี่คือเมืองที่มองไปทางไหนก็เจริญตาด้วยตึกสูงระฟ้าอันซิวิไลซ์ จะเดินทางไปตรงไหนก็สะดวกสบายด้วยระบบขนส่งที่ทันสมัยเกินเบอร์ จะกินก็มีทั้งร้านอาหารและคาเฟ่หลากสไตล์ให้เลือกสรรค์ จะหาไอเดียใหม่ ๆ ก็มีมิวเซียม อาร์ตแกลลอรี่ รวมถึงเหล่างานออกแบบจากสถาปนิกระดับโลกให้ได้ต่อยอดอย่างไร้ขีดจำกัด จะเน้นเดินชิล ๆ สูดกลิ่นดินกลิ่นแดดก็มีสวนวิวปังธีมปึ้งไว้รองรับ จะเน้นประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมก็มีพิกัดย่อยง่ายมากมายให้ได้เชยชมอย่างเพลิดเพลิน

เอาเป็นว่าใครอยากเที่ยวจีนง่าย ๆ ใช้เวลาสั้น…แต่คุ้มสุด แพลนตามมา กวางโจว ได้เลย รับรองมีแต่คำว่าดี ดีงาม ดีมากแน่นอน คอนเฟิร์ม!!!!!

Day 1 :
01 Ersha Island
02 Guangdong Museum of Art 广东美术馆(二沙岛馆区) 
03 Haixin Bridge
04 Guangzhou Museum of art
05  Canton Tower and Bubble Tram
06 Liede Bridge

Day 2 :
07 Dian Dou De 点都德(星寰店)
08 Guangzhou Sacred Heart Cathedral
09 NAP CAFE LAB瞌研所(北京路店)
10 Five Rams Statue ( Yuexiu Park )
11 Yuexiu Fishing Village 越秀渔村
12 Bei Jing Lu 北京路
13 Da Long Yi Hot Pot ( May Flower Plaza )

Day 3 :
14 Guangdong Museum 广东省博物馆
15 Guangzhou Opera House
16 Dongshankou
17 Crispy Dog Bagel
18 Zhengjia Polar Ocean World

Day 4 :
19 Sihai Equestrian Manor 四海庄园
20 Yuxi Shuzhai (御溪书斋)
21 Guangzhou Circle
22 BAIETAN GBA ART CENTER 白鹅潭大湾区艺术中心
23 Yongqingfang 广州永庆坊

เอาจริง ๆ เมืองที่ควรค่าแก่การเปิดซิงจีนครั้งแรก นอกจากกวางโจวก็ยังมีอีกหลายเมืองมาก ๆ ที่มีความทันสมัย ควรค่าแก่การไปเยือน แต่ถ้าเอาสโคปให้แคบลงแล้วม่วนจอยที่สุด เน้นบินง่าย ราคาตั๋วดี มีความซิวิไลซ์ เที่ยวง่าย กวางโจวถือเป็นชอยซ์แรก ๆ ที่เราอยากแนะนำ เริ่มตั้งแต่เส้นทางบินตรง Bangkok – Don Mueang (DMK) ไปยัง Guangzhou (CAN) ที่ AirAsia มีให้เลือกถึง 2 ไฟลต์ต่อวัน ใครเน้นคุ้มค่าคุ้มเวลาก็บินดึกถึงเช้าแล้วเที่ยวได้เลย ส่วนใครเน้นชิลแบบเราก็บินค่ำถึงดึกเข้านอนก่อนสักกรุบแล้วค่อยตื่นมาลุย แต่ใด ๆ ที่ขาดไม่ได้เลย ไม่ว่าจะบิน เช้า สาย บ่าย เย็น คือการเลือกที่นั่ง สั่งอาหาร โหลดน้ำหนักกระเป๋าด้วยแพ็กสุดคุ้ม! แถมยังเสริมตัวเลือกเพิ่มความปัง ‘Red Carpet’ ปูพรมแดงให้เราได้เช็กอินและรับกระเป๋าก่อนใคร พร้อมบริการนั่งเลานจ์ก่อนบินใน Coral Executive Lounge ซึ่งเขาจะจัดโซนรับรองพิเศษ พร้อมรับเครื่องดื่ม Signature Drink แก้วพิเศษให้ด้วย เอาสิ!! ไม่เก๋ไม่ปังยังไงไหนพูด

Day 1

001 Ersha Island

เช้าอันสดใสวันนี้เรามารับเอเนอร์จีดี ๆ ในพื้นที่สีเขียว ‘Ersha Island’ สวนสาธารณะบนเกาะกลางแม่น้ำเพิร์ลที่ไหลผ่านใจกลางเมือง ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์ของคนชิลด้วยทางเดินรอบสวนยาวกว่า 5 กิโลเมตร แบ่งเป็นสวนสาธารณะหลาย ๆ แห่ง ได้แก่ Chuanqi, Hong Cheng, Guangzhou Fazhan park พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Guangdong ฮอลล์คอนเสิร์ต Xinghai ตลอดเส้นทางที่เดินชมเราได้เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่งดงาม อ้นมีไฮไลต์เป็น Canton Tower ไอคอนประจำเมืองช่วยให้ภาพถ่ายของเราติดแกรนด์ แถมบรรยากาศยังเงียบสงบจนแทบลืมไปเลยว่าอยู่ประเทศจีน สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากได้บรรยากาศคึกคักแนะนำให้มาช่วงบ่าย ๆ หรือช่วงวันหยุด จะเห็นคนมาปิกนิก วิ่งออกกำลังกาย จูงมือกันเดินเล่นทั้งคู่รัก ครอบครัว และกลุ่มเพื่อน คงจะมีสีสันน่าดูเลยล่ะ

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย APM ลงที่สถานี Haixinsha ทางออก A

002 Guangdong Museum of Art 广东美术馆(二沙岛馆区) 

ถ่ายรูปในสวนเสร็จเราก็แวะเข้ามาชม ‘Guangdong Museum of Art’ ที่เปิดมาได้ 27 ปี ครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 22,000 ตาราเมตร รวมพื้นที่จัดงานเอาต์ดอร์ด้วย ภายในอาคารทรงโมเดิร์นนี้แบ่งห้องจัดแสดงได้ถึง 12 ห้อง คอนเซปต์ของเขาจะเป็น ‘Chinese modern and contemporary coastal art, overseas Chinese art and Chinese contemporary art’ รวบรวมผลงานศิลปะจีนร่วมสมัยไว้ 36,000 ชิ้น (ชุด) ให้เราเห็นการพัฒนาด้านลายเส้น เทคนิค และจินตนาการสุดล้ำของศิลปินจีน ใช้นวัตกรรมที่พัฒนาอยู่เสมอในการนำเสนอ และยังมีคาเฟ่ ร้านอาหารให้เราได้รองท้องก่อนเดินลุยในนี้อีกด้วย

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย APM ลงที่สถานี Haixinsha ทางออก A

ณ วันที่เรามานั้นมีนิทรรศการจัดขึ้นเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นแบบหมุนเวียน ตอนนี้จะเป็นงานอาร์ตที่เกี่ยวเนื่องกับวิทยาศาสตร์เป็นประติมากรรมฟอร์มล้ำสมัยที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน นอกจากงานจีนแล้วเขายังมีงานของนานาชาติเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางศิลปะกันด้วย อย่างอีกห้องที่เป็นนิทรรศการ National Archaeological Museum of Naples เน้นงานสลักหินโรมัน ส่วนนิทรรศการถาวรจะเป็นฟีลโชว์ของสะสมแสนวิจิตรตะโกนความรุ่งเรืองอิงกับประวัติศาสตร์ ใช้การจัดแสงสีที่สวยงามควรค่าแก่การเข้าชมเช่นกัน

003 Haixin Bridge

จากนั้นก็เดินสับ ๆ ออกมาจาก Ersha Island อย่างอิ่มเอม มายังฝั่ง Canton Tower โดยสะพานที่พาเราข้ามมามีนามว่า ‘Haixin Bridge’ สะพานแขวนหน้าตาโมเดิร์นมีรูปทรงโค้งมน ถือเป็นสะพานสำหรับคนเดินข้ามแม่น้ำเพิร์ลแห่งแรกของกวางโจว เป็นสะพานคนเดินที่มีความลาดเอียงยาวและกว้างที่สุดในโลก ให้เราเทควิวกลางแม่น้ำอันกว้างใหญ่ ที่สองฝั่งเต็มไปด้วยตึกสูงแสดงความซิวิไลซ์ กลางสะพานได้รับแรงบันดาลใจจากตลาดดอกไม้ด้วยการกั้นพื้นที่ปลูกดอกไม้ช่วยแต่งแต้มสีสันให้สะพานนี้ดูมีชีวิตชีวา ทำเราถ่ายรูปจนลืมเหนื่อยไปเลย

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย APM ลงที่สถานี Haixinsha ทางออก A

004 Guangzhou Museum of art

ก่อนไปชมแลนด์มาร์กประจำเมืองเราขอมาหลบแดดร้อนเสพศิลป์กันอีกสักหน่อยที่ ‘Guangzhou Museum of art’ มิวเซียมใหม่ล่าสุดของกวางโจว เพิ่งเปิดเมื่อปลายปี 2023 สตันแรกตั้งแต่ความอลังการของอาคาร ที่สร้างในธีม ‘Blooming Kapok in Water’ แผงกระจกที่ห้อมล้อมตึกอยู่นั้นแอบซ่อนแสงไฟสีส้ม ที่จะส่องสว่างยามค่ำคืน กลายเป็นภาพดอกนุ่นที่กำลังเบ่งบานในน้ำ ได้รับการออกแบบโดย Herzog & Partners Asia Limited, South China University of Technology และ Guangdong Province Architectural Design and Research Institute บนพื้นที่ 80,000 ตาราเมตร แค่ประวัติก็รู้เลยว่าเป็นเมกะโปรเจกต์ ที่พี่จีนเขาตั้งใจอัดฉีดวงการศิลปะในประเทศให้เฟื่องฟู

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 3 ลงที่สถานี Canton Tower ทางออก B

ปัจจุบันที่นี่มีชิ้นงานจัดแสดงมากถึง 33,000 ชิ้น งานสะสมส่วนใหญ่ยังคงเป็นภาพวาดสไตล์ของ Lingnan งานเขียนอักษร ประติมากรรม รวมกับงานอาร์ตร่วมสมัยอยู่ ในนี้บรรจุห้องจัดแสดงได้ถึง 12 ห้อง มีการจัดงานหมุนเวียนอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งแต่ละงานลายเส้นชัดเจน มีจินตนาการล้ำลึกชวนเราด่ำดิ่งได้นานแสนนาน และสำหรับหนอนหนังสือที่ชั้น 2 เขามี Humanities Library of the Guangdong Museum of Art ห้องสมุดที่รวบรวมหนังสือ เอกสาร และ E-resources เกี่ยวกับศิลปะให้เราหาข้อมูลกันด้วย

005  Canton Tower and Bubble Tram

พอแดดร่ม อุณภูมิของเมืองก็เริ่มลดลงแทนที่ด้วยลมเย็นชื่นใจ เป็นฤกษ์งานยามดีที่เราจะขึ้นไปดื่มด่ำกับวิวเมืองมุมสูงที่ ‘Canton Tower’ แลนด์มาร์คประจำเมืองที่เปิดมาได้ 14 ปี ณ ปัจจุบันที่นี่ยังคงเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในจีน สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก บนความสูง 600 เมตร รวมตัวอาคาร 450 เมตรและเสาอากาศ 150 เมตร จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ AAAA ของจีน ถือเป็นเจ้าบ้านที่คอยยืนต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่มาเยือนกวางโจวได้อย่างสง่าผ่าเผย ภายในนั้นครบครันไปด้วยจุดชมวิวหลายจุด เครื่องเล่นอันน่าตื่นเต้น ร้านอาคาร คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก และยังมีบริการล่องเรือสำราญยามเย็นบนแม่น้ำเพิร์ลอีกด้วย

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 3 ลงที่สถานี Canton Tower ทางออก A

มาถึงนี่ก็ต้องขอเอ็นจอยกับชั้นบนของอาคารสักหน่อยกับกิจกรรม Bubble Tram นั่งรถรางทรงกลมที่ลอยล่องอยู่บนฟากฟ้า เป็นสปอตสุดป็อปที่ใครมากวางโจวจะต้องมาต่อคิวเอาตัวเข้าไปอยู่เพื่อชมวิวแบบ 360 องศาให้ได้ รอบหนึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที จุคนได้สูงสุด 6 คน ฉะนั้นมากับกลุ่มเพื่อนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนแยก และช่วงเวลาที่สวยที่สุดก็ต้องยกให้ตอนพระอาทิตย์ตกดิน เฝ้ารอการเปลี่ยนสีของท้องฟ้า เบื้องล่างเป็นเมืองใหญ่กว้างไกลสุดสายตาที่กำลังเริ่มเปิดไฟทีละดวง เส้นถนนที่รถเริ่มติดกลายเป็นเส้นไฟสีเหลืองแดง เคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ เป็นโมเมนต์ที่ไม่อยากให้จบลงเลยจริง ๆ 

006 Liede Bridge

พอเซย์กู้ดบายกับคุณพระอาทิตย์เสร็จเราก็ทิ้งท้ายวันด้วยการเดินทอดน่องริมน้ำรอบ ๆ Canton Tower, Haixin Bridge จนไปถึง Ersha Island อีกครั้ง เพื่อเก็บภาพยามเย็นที่คอนทราสต์กับความกรีนในยามเช้าอย่างสิ้นเชิง เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะกวาดตาไปทางไหนเราก็จะเจอแสงไฟระยิบระยับไปทั่วทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นบนสะพานแขวน Liede Bridge ที่ฉายภาพเคลื่อนไหว Canton Tower ยังมีแสงไฟไล่สีวิ่งไปตามรูปทรงอันเพรียวบาง ไหนจะไฟบนเรือสำราญที่ล่องอยู่กลางแม่น้ำ ชัดเจนเลยว่าที่นี่เป็นเมืองที่เหมาะกับการท่องโลกราตรีอีกแห่งของจีน ใครชอบสัมผัส Nightlife อย่าลืมแพลนเที่ยวยามค่ำคืนไว้ด้วยนะ

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 3 ลงที่สถานี Canton Tower ทางออก A

Day 2

007 Dian Dou De 点都德(星寰店)

เปิดเช้าวันที่สองด้วยการกิน Breakfast กันแบบคุณหนู ‘Dian Dou De 点都德(星寰店)’ ร้านอาหารจีนที่ดังที่สุดในหมู่ชาวกวางตุ้ง เปิดสาขาเยอะมากกระจายอยู่หลายเมือง สาขาที่เรามานั้นอยู่ชั้น 5 ห้าง Lumina Guangzhou จัดเสิร์ฟติ่มซำหรือที่ชาวกวางตุ้งเรียกว่า ‘หยำฉ่า’ เป็นการใช้เวลายามเช้าแบบดั้งเดิม คือการดื่มชาจีนร้อน เคล้าติ่มซำ พร้อมอ่านหนังสือพิมพ์ ความ Traditional เริ่มตั้งแต่การตกแต่งร้านที่พาเราย้อนไปในยุคกวางตุ้งโบราณ ทั้งป้ายไม้เขียนภาษาจีนสีทอง ผนังสีหยกดูเรืองอำนาจ แต่ก็ยังตัดความโมเดิร์นด้วยโคมไฟ พื้นกระเบื้องลายกราฟฟิกเป็นลูกเล่นให้ร้านดูเป็นมิตรขึ้น มีเสียงจอแจของชาวจีนที่นั่งอยู่เต็มร้าน กำลังนั่งดื่มกินกันอย่างออกรส ถือเป็นไวบ์มื้อเช้าที่ทำถึงจริง ๆ

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 2 ลงสถานี Haizhu Square ทางออก D

เมนูส่วนใหญ่ก็จะเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว  แต่การจัดเสิร์ฟเขาออกฟีลหรูหราลูกคุณหนูกว่ามาก ที่ห้ามพลาดคือฮะเก๋า เสิร์ฟมาในชั้นวางฟอร์มเก๋แบ่ง 4 ถ้วย 4 ชิ้น มีสีที่แตกต่างกัน แช่มาในน้ำซุปสีเหลืองทอง กัดไปเจอเนื้อกุ้งเด้งสดน้ำซุปเค็มกลมกล่อม เข้ากับแป้งเหนียวนุ่มผ่านการนึ่งมาในระดับที่พอดี ยังมีขนมจีบชิ้นโต เกี๊ยวทอดชิ้นเท่าฝ่ามือ ทุกอย่างมาในพอร์ชันที่ใหญ่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ แล้วพนักงานพอเห็นเราสั่งเยอะยังแนะนำให้เอาออกสัก 3-4 อย่างด้วย เพราะกลัวจะอิ่มเกินไปซึ่งเรากินกันแค่ 3 อย่างก็เริ่มแน่นท้องแล้วจริง ๆ มีความใส่ใจที่น่ารักม๊ากกก

008 Guangzhou Sacred Heart Cathedral

พิกัดนี้ถึงกับต้องขยี้ตาว่านี่วาร์ปมาอยู่ยุโรปหรือสลบแล้วฝันไป ‘Guangzhou Sacred Heart Cathedral’ โบสถ์คริสต์นิกายคาทอลิก ที่มีอายุยาวนานถึง 130 ปีมาแล้ว เป็นสถาปัตยกรรมหินสีเหลืองสไตล์โกธิกยอดแฝดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และเป็นสถาปัตยกรรมคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรียกว่ายืนเคียงคู่กับมหาวิหารใหญ่ ๆ อย่าง Notre Dame ในปารีสได้แบบไม่น้อยน่าเลยทีเดียว โดยหินที่ใช้นั้นเป็นแกรนิตของกวางตุ้ง ส่วนสเตนกลาสอันงดงามมาจากฝรั่งเศส และหากมองดี ๆ บางจุดจะมีงานสลักลวดลายจีนเข้ามาด้วย ถือเป็นการผสมผสานความเรอแนซ็องส์และความดั้งเดิมของจีนเข้าด้วยกันอย่างแนบเนียน

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 2 ลงสถานี Haizhu Square ทางออก B2

เมื่อเดินข้ามประตูเข้ามาเราจะได้สัมผัสกับความเงียบสงบแตกต่างจากเสียงอันจอแจภายนอก ด้วยความที่เป็นโบสถ์ผู้คนที่เข้ามาจึงเพียงเดินดูเงียบ ๆ แสดงความตื่นเต้นด้วยสายตาเท่านั้น เป็นไวบ์ที่เราสัมผัสได้ในยุโรปเช่นกัน ตรงกลางโบสถ์นั้นเป็นโถงสูงยอดเสางุ้มเข้าหากัน เป็นโครงสร้างของโบสถ์โกธิกที่ถูกต้อง มีแสงธรรมชาติพาดผ่านเข้ามาสลัว ๆ สร้างความน่าเกรงขามให้แก่สถานที่ และเมื่อแสงแดดแยงสะท้อนมาบนสเตนกลาส ผนังโบสถ์ก็เหมือนถูกย้อมด้วยสีสันที่หลอมรวม เอาจริง ๆ เขามีดีเทลเยอะมากทำเราเดินชมจนเมื่อยคอ เมื่อยตาไปหมด

009 NAP CAFE LAB瞌研所(北京路店)

ต่อต้านความง่วงนอนด้วยการเข้าสู่โลกของกาแฟทดลองรสชาติสูง ‘NAP CAFE LAB瞌研所(北京路店)’ ร้านคุมโทนดำขลับ ตัดด้วยป้ายเธียเตอร์สีขาว เฟอร์นิเจอร์ไม้ ให้ฟีลย้อนยุคหน่อย ๆ แต่ด้วยเทสต์การจัดวาง และการทิ้งสเปซจึงดูเข้ากับยุคสมัย ประหนึ่งอยู่ในสตูดิโอถ่ายภาพ มีมุมเท่ ๆ ให้เราเลือกร่วมเฟรมถึง 2 ชั้น แบ่งเป็นที่นั่งอินดอร์ และกึ่งเอาต์ดอร์ ซึ่งห้องด้านบนเหมือนเป็นห้องสมุด จัดตั้งชั้นวางพร้อมหนังสือปกงาม ๆ ให้เลือกอ่าน และเรายังชอบโลโก้ของเขาที่เป็นหนุ่มวัยรุ่นนอนหลับได้ในทุกอิริยาบถ บ่งบอกถึงลักษณะของคนที่ติดกาแฟอย่างเราได้เป็นอย่างดี 

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 1 หรือ 2 ลงที่สถานี Gongyuanqian ทางออก E

ตั้งแต่มานั่งเราเห็นวัยรุ่นกวางโจวเดินเข้าออกไม่ขาดสายทั้งมานั่งทำงาน และ Take away นั่นเป็นเพราะเครื่องดื่มของร้านนี้เจ๋งจริง นอกจากเมนูคลาสสิกทั่วไปแล้ว ยังมีกาแฟผลไม้แสนครีเอต ไม่ว่าจะเป็นกาแฟสับปะรด กาแฟผสมดอกไม้ ผ่านการทดลองทำให้ทั้งรสและกลิ่นนั้นสามารถเบลนด์เข้ากัน สร้างความสดชื่นได้เต็มสิบ แถม Dirty ยังทำได้เข้มข้นละมุนกลมกล่อม พอกินกับเค้กเนื้อนุ่มหวานบางเบาแล้วถูกต้องใช่เลย เป็นร้านที่เติมความกระปรี้กระเป่าได้ดีจริง ๆ

010 Five Rams Statue ( Yuexiu Park )

อีกแลนด์มาร์กของเมืองกวางโจว ‘Five Rams Statue ( Yuexiu Park )’ อนุสาวรีย์ห้าแพะ สร้างจากตำนานเมื่อราว ๆ 2,000 ปีก่อน สมัยที่พื้นที่ตรงนี้มีความแห้งแล้ง ผู้คนอยู่กันอย่างอดอยากขัดสน มาวันหนึ่งได้มีเทวดา 5 องค์ขี่แพะ 5 ตัวที่คาบมัดข้าวไว้ในปาก จากนั้นเหล่าเทวดาได้เล่นดนตรี อวยพร แจกมัดข้าวแก่ชาวบ้าน แล้วจากไป ส่วนแกะที่ขี่มานั้นได้กลายเป็นหิน หลังจากนั้นเมืองนี้ก็กลายเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์และมีประชากรมาก จึงเป็นที่มาที่กวางโจวได้สมญานามว่า City of Rams และ The City of Ears นั่นเอง

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 2 ลงที่สถานี Yuexiu Park ทางออก A

นอกจากประติมากรรมที่มีเรื่องราวอันน่ารักแล้ว ใน Yuexiu Park ยังเต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว ควรค่าแก่การใช้เวลาเดินทอดน่องไปเรื่อยเปื่อยมาก ๆ บรรยากาศสงบนิ่งทว่าไม่เงียบเหงาเพราะมีอาเจ๊ อาม่า อาอึ้มจับกลุ่มกันออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายอยู่หลายกลุ่ม เดินเจอเป็นระยะ ๆ พร้อมจุดเช็กอินให้เราไปตามล่า ไม่ว่าจะเป็น ทะเลสาบ 3 แห่ง Dongxiu, Nanxiu, Beixiu ครอบคลุมพื้นที่กว่า 50,000 ตารางเมตร มีสวนสนุก สระว่ายน้ำ โรงยิม อาร์ตมิวเซียม สวนดอกไม้ ฯลฯ

011 Yuexiu Fishing Village 越秀渔村

ด้วยความเพลิดเพลินไปกับพื้นที่สีเขียว กว่าเราได้กินมื้อเที่ยงก็ปาเข้าไปบ่ายสองกว่า ๆ โชคดีที่ออกมาจากสวนก็เจอกับร้านอาหารโลคอลเจ้าดัง ‘Yuexiu Fishing Village 越秀渔村’ ร้านอาหารสไตล์กวางตุ้นดั้งเดิมที่เปิดมานานกว่า 33 ปี ตั้งอยู่ตรงสี่แยกเป็นอาคารทรงคลาสสิกขนาดใหญ่ดูสะอาดสะอ้าน พร้อมป้ายร้านภาษาจีน ให้สังเกตป้ายไฟ 1991 สีแดง และป้ายกลมสีเขียวที่มีตัว Y เอาไว้ ก็จะรู้ทันทีว่าถึงที่หมายแล้ว การตกแต่งภายในนั้นดูง่าย ๆ แต่ก็ค่อนข้างทันสมัย กว้างขวาง สะอาด จัดวางโต๊ะกลมค่อนข้างแน่น ซึ่งถ้ามาช่วงกลางวันหรือวันหยุดจะต้องเต็มไปด้วยผู้คนอย่างแน่นอน ส่วนพนักงานเขาก็สุภาพ เฟรนด์ลี่จนอยากทำความรู้จักเลยทีเดียว

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 2 ลงที่สถานี Yuexiu Park ทางออก A

ด้านอาหารนั้นเรียกได้ว่าละลานตาจนต้องเหล่มองโต๊ะรอบ ๆ เพื่อลอกการบ้าน สิ่งที่ได้มาคือไก่เนื้อขาวที่เห็นวางเรียงตัวสวยอยู่แทบทุกโต๊ะ เราสั่งมาแบบครึ่งตัวโดยเขาจะสับเป็นชิ้น ๆ เสิร์ฟมาบนกระด้งไม้สาน ล้อมรอบด้วยเครื่องเคียงอย่างถั่ว ผักชี หอม กระเทียม ก่อนกินเราจะต้องเททุกอย่างแล้วคลุกให้เข้ากัน รสชาติที่ออกมามีความเค็มนิด ๆ กลิ่นไก่หอม ๆ ตัดกับผักที่เราคลุกเข้าไปได้อย่างแยบยล ไก่จะเป็นฟีลไก่บ้านเนื้อไม่เยอะแต่นุ่มหนึบ อีกจานที่เขาแนะนำคือไส้ห่านผัดซีอิ๊ว เท็กซ์เจอร์จะคล้ายไส้เป็ดแต่ชิ้นใหญ่กว่า ผัดซอสจนมีรสชาติหวาน กินเสริมกับผักดองเค็ม ๆ เปรี้ยว ๆ ช่วยตัดเลี่ยนได้ดีสุด ๆ และก็มีผัดผักน้ำมันหอยซึ่งรอถ่ายไม่ไหวเพราะหิวโฮก รสชาติก็ถือว่ากลมกล่อมกินกับข้าวสวยร้อน ๆ แล้วมันหยุดไม่ได้เลยจริง ๆ

012 Bei Jing Lu 北京路

ยามเย็นเรามาเดินเล่นกันที่ ‘Bei Jing Lu 北京路’ ไปทำตัวชิล ๆ คอนทราสต์กับชีวิตอันเร่งรีบของชาวเมืองกันสักกรุบ ถนนคนเดินแห่งนี้เต็มไปด้วยสีสันของป้ายร้านค้าตลอดระยะทาง 1.5 กิโลเมตร เหมาะสำหรับขาช็อปที่ต้องการมาละลายทรัพย์เป็นหลัก มีทั้งร้านเสื้อแบรนด์ต่าง ๆ ร้านดีไซน์ท้องถิ่น ร้านชาชื่อดัง ร้านขนมริมทาง ถึงแม้จะดูเป็นย่านเศรษฐกิจแต่ความจริงถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่การขุดพบถนนอีกเส้นใต้พื้นดินบ่งบอกว่าที่นี่เป็นศูนย์รวมพ่อค้าหาบเร่ในสมัยราชวงศ์ซ่ง หลักฐานของอู่เรือเก่าแก่ ขุดพบวัตถุโบราณ มากมายจึงมีบางช่วงของถนนที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ ด้วยการครอบกระจก ให้เราเห็นสภาพถนนเก่าแก่ใต้พื้นดิน ประหนึ่งชมนิทรรศการของสะสมแบบใหม่แบบสับ

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 6 ลงที่สถานี Beijing Lu ทางออก B

พอฟ้าเริ่มมืดเราจะเริ่มเห็นแสงจากป้ายร้านค้า จอ LCD บนอาคารได้อย่างชัดเจนขึ้น หากให้เปรียบก็ฟีลเหมือนเดินสยาม เมียงดง ชิบูย่าได้เลยทีเดียว เพราะมีร้านเยอะแถมจัดหน้าร้านกันได้เก๋กู้ดแบบแข่งขันกันสุดฤทธิ์ ล้ำกว่านั้นคือจอที่เห็นนี้เป็น 3D ด้วยนะ โดยธีมที่กำลังเปิดอยู่นี้จะเป็นคอนเซปต์อวกาศ ยืนมอง Visual เขาทำสีสวย มูฟเมนต์เนียนสมจริง เหมือนจะทะลุออกนอกจอมาได้จริง ๆ เป็นกราฟฟิกที่ทำถึงมากคุณน้า.. 

013 Da Long Yi Hot Pot ( May Flower Plaza )

สิ่งที่ขาดไม่ได้ทุกครั้งที่มาจีนคือการแวะกินชาบูหมาล่า ก่อนกลับที่พักเราปักหมุดมาที่ ‘Da Long Yi’ สาขา May Flower Plaza ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากถนนคนเดิน ร้านนี้มีสาขาแม่อยู่ที่เฉิงตู ก่อตั้งมานานถึง 11 ปี จากนั้นความปังก็บังเกิดจนสามารถเปิดได้มากกว่า 2,000 สาขาทั่วโลก ตรงกับสโลแกนของร้านที่ตั้งใจจะเป็น ‘Hot pot for the world’ นั่นเอง สตันแรกมอบให้กับการตกแต่งที่เขาตั้งใจทำออกมาเป็นแบบโรงเตี๊ยมจีนโบราณ มาทั้งศาลา กำแพงแบบจีน หลังคากระเบื้องดำ ฉากกั้นฉลุลวดลายจีน โต๊ะไม้ทรงโบราณ ฯลฯ พนักงานดูแลดีประดุจญาติมิตร และของที่จัดเสิร์ฟสวยฟูเต็มจาน คุณภาพดีเวอร์ พระเอกคือซุปซิกเนเจอร์ที่รวมเครื่องเทศกว่า 20 ชนิด ใช้เวลาปรุงนานกว่า 4-5 ชม. มอบความเผ็ดร้อนชาสะใจ จุ่มอะไรลงไปก็อร่อยฟิน

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 1 หรือ 2 ลงที่สถานี Gongyuanqian ทางออก E

Day 3

014 Guangdong Museum 广东省博物馆

‘Guangdong Museum’ สถานที่ที่เก็บสะสมคอลเลกชันมากกว่า 166,000 ชิ้น (ชุด) ฉะนั้นจะมาเป็นมิวเซียมแบบทั่วไปไม่ได้ เริ่มความจึ้งตั้งแต่อาคารสีดำขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 67,000 ตารางเมตรหน้าตาเคร่งขรึม ภายในประกอบด้วยชั้นใต้ดิน และชั้นบน 5 ชั้น พื้นที่จัดแสดงได้รับอินสไปเรชันมาจากลูกบอลสลักงาช้างจีนโบราณ โถงอันกว้างใหญ่ถูกครอบด้วยแผ่นกระจกโปร่งแสงมีเท็กซ์เจอร์เป็นเส้น ๆ ยามแสงตกกระทบจึงมีเงาพาดไปตามมุมต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบ แต่ละจุดนั้นเป็นเส้นเรขาคณิตที่เชื่อว่าเหล่า Perfectionist เห็นจะต้องพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย APM ลงที่สถานี Grand Theater ทางออก B

สำหรับห้องจัดแสดงสายอาร์ตอาจจะต้องเสียใจนิดหน่อย เพราะเขาไม่ได้เน้นงานศิลปะแบบร่วมสมัย แต่อาจจะมีนิทรรศการหมุนเวียนเข้ามาบ้าง งานส่วนใหญ่จะนำเสนอเรื่องของประวัติศาสตร์-วัฒนธรรมของกวางตุ้งในรูปแบบที่น่าสนใจ เช่นของสะสมของราชวงศ์ในอดีตสามารถแบ่งออกได้เป็น 7 ธีม ส่วนห้องที่เราชอบที่สุดอยู่บนชั้น 3 จำลองพื้นที่เหมือนเราได้อยู่ใต้ทะเลลึก มีปลาตัวโตห้อยประดับประหน่ึงว่ายวนในน้ำอย่างมีชีวิต ข้าง ๆ กันเป็นโครงกระดูกไดโนเสาร์อันยิ่งใหญ่ เรียกว่าสร้างแต่ละห้องออกมาได้จึ้งอลังการชวนว้าวตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียว 

015 Guangzhou Opera House

เปลี่ยนโหมดจากมิวเซียมฟีล educate มาชมสิ่งปลูกสร้างล้ำ ๆ กันบ้างที่ ‘Guangzhou Opera House’ กลุ่มอาคารรูปทรงเหมือนก้อนหินที่วางทับซ้อนกันอย่างไร้ระเบียบแต่มีดีเทลน่ามองล้อไปกับธรรมชาติเกี่ยวกับการกัดเซาะทางธรณีวิทยาจากหุบเขาและแม่น้ำ ถูกออกแบบโดย Zaha Hadid ตัวแม่แห่งวงการสถาปัตย์ที่มีผลงานปัง ๆ กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก เน้นการสื่อสารความล้ำยุคผ่านเส้นโค้ง จนที่นี่ได้กลายเป็นหนึ่งในสิบโรงโอเปร่าที่ดีที่สุดในโลกจาก USA Today และโรงละครที่สวยที่สุดในโลก จาก The Telegraph อีกด้วย

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย APM ลงที่สถานี Grand Theater ทางออก A

นอกจากภายนอกจะงดงามแล้ว เรื่องโครงสร้างด้านในยังเก็บดีเทลได้แกรมสุด ๆ มีช่องแสงโค้งให้เราร่วมเฟรมกับ Canton Tower ไม่ซ้ำใคร โรงโอเปร่าแห่งนี้สามารถจุคนได้ถึง 1,687 ที่นั่ง มีระบบเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง มี experimental theatre อีก 350 ที่นั่ง พร้อมห้องซ้อม 3 ห้อง เคยได้จัดงานระดับโลกมามากมายตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา รวมแล้ว 3,300 กว่ารายการ มีผู้ชมเข้าออกมากถึง 5.5 ล้านคน เอาจริง ๆ ไม่ต้องมีงานอะไร แค่มาเดินถ่ายรูปเราว่ามันก็คุ้มสุด ๆ แล้ว

016 Dongshankou

โลเคชันนี้ละมุนละไมดีต่อใจมาก ‘Dongshankou’ ย่านคนชิคที่เต็มไปด้วยอาคารทรงยุโรป มีทั้งอาคารอิฐแดง ปูนทาทับสีเหลืองมัสตาร์ด กรอบประตูมีความเป็นโรมัน บ้างเป็นเหล็กดัดสไตล์ตะวันตก เป็นเพราะเมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางการพัฒนาพื้นที่อยู่อาศัย ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงทำให้มีความผสมผสาน พร้อมพื้นที่ส่วนกลางไวบ์ดี ๆ อย่างสวนสาธารณะ โบสถ์ โรงเรียน จนได้ขึ้นทะเบียนเป็นพื้นอนุรักษ์โบราณทางวัฒนธรรมด้วย แนะนำว่าใครที่ตั้งใจมาเดินถ่ายรูป ลองซื้อดอกไม้สักช่อมาเป็นพร็อป รับรองว่าได้รูปเข่ออ้ายสมใจ ขนาดเรามาวันฝนตกรูปที่ออกมาอย่างกับโปสเตอร์หนังเลย ถ้ามาวันฟ้าเปิดต้องสะพรึงแน่นอน

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 1 หรือ 6 ลงที่สถานี Dongshankou ทางออก E หรือ F

ตามบ้านช่องละแวกนี้ ปัจจุบันก็ได้กลายเป็นร้านค้าขายเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์จีนฝีมือคนรุ่นใหม่ จัดร้านเก๋ ๆ มีคาแรกเตอร์ราคาแรงหน่อย แต่แพทเทิร์นเลิศแบบที่สายแฟต้องใจสั่น รวมไปถึงคาเฟ่ที่ทำสายฮอปอย่างเราใจเหลวไม่แพ้กัน มีทั้งสไตล์โฮมมี่ โมเดิร์น คลาสสิก เอาชาแบบจีน เบเกอรีตะวันตก เกาหลีเกาใจมีให้เลือกครบ!! ขอกระซิบก่อนว่าวันศุกร์-อาทิตย์คนจะเยอะหน่อยนะลองแพลนกันดี ๆ ล่ะ

017 Crispy Dog Bagel

ร้านไอต้าวหมาสีฟ้าแสนคิวต์ที่แอบซ่อนอยู่ในอาคารอิฐแดงสุดคูล ‘Crispy Dog Bagel’ ถ่ายรูปจากหน้าร้านไม่มีคนเชื่อเลยว่าเราอยู่ประเทศจีน ทั้งโครงสร้างตึก รั้ว ผ้าใบ ประตูทางเข้านี่มันยุโรปชัด ๆ เดินเข้ามาเราจะได้กลิ่นของขนมอบหอมฟุ้งไปท่ัว โชยมาพร้อมกับกลิ่นกาแฟ การตกแต่งภายใน เรียกว่ายังคงเสน่ห์ของวันวานเอาไว้ ด้วยการเปลือยอิฐแดงที่มีร่องรอยจากกาลเวลา จัดวางโต๊ะ เก้าอี้ เคาน์เตอร์ไม้ง่าย ๆ ฟีลเหมือนอยู่บ้าน กลางร้านจัดวางขนมเต็มโต๊ะให้เราเลือกหยิบแล้วไปจ่ายเงิน พร้อมของที่ระลึกสไตล์โฮมมี่เป็นจาน ชาม กระเป๋า ดินสอ สติ๊กเกอร์ ของกระจุกกระจิกถูกใจเราที่สุด

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 1 หรือ 6 ลงที่สถานี Dongshankou ทางออก E หรือ F

จากชื่อเราก็รู้ได้เลยว่าเมนูเด็ดของร้านจะต้องเป็นเบเกิลแน่นอน ซึ่งเขามีให้เลือกทั้งแบบแป้งผสมรสชาติต่าง ๆ มีหน้าให้เลือกหลากหลาย พร้อมครีมชีสรสมากมาย เราลองเลือกมา 2 รสชาติ ชิ้นแรกเป็นเบสิกเบเกิลอบร้อน ๆ กรอบนอกนุ่มใน มีความเหนียวนิด ๆ ปาดกับแยมรสหวานอมเปรี้ยวจับคู่กับลาเต้ได้อย่างดี อีกรสเป็นเบเกิลหน้าชีส อบร้อนให้เยิ้มหน่อย ๆ มีความเค็ม ๆ หอม ๆ เหมาะกับกับอเมริกาโน่เย็น พอร์ชันกำลังดีกินแบบสบายท้อง ใครเป็นแฟนคลับเบเกิลแนะนำให้ลิสต์ร้านนี้ไว้ได้เลย 

018 Zhengjia Polar Ocean World

สถานที่หลบร้อนที่เหมาะสมกับคนคูล ‘Zhengjia Polar Ocean World’ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่อยู่ภายใน Grandview Mall ได้รับการบันทึกจาก Guinness World Record เป็น deep-sea real-life exhibition tank ด้วยความยาว 40.809 เมตร และลึกมากถึง 9 เมตร ปิดกั้นด้วยกระจกบานใหญ่ให้เราชมน้อง ๆ ได้แบบพาโนรามา ที่นี่รวบรวมสัตว์ไว้มากกว่า 300 สายพันธุ์ รวมแล้วมีจำนวน 10,000 ชนิด ถูกแบ่งออกเป็น 10 ธีมหลัก ๆ อาทิ แหล่งกำเนิดชีวิตอันน่าอัศจรรย์, ป่าอเมซอนอันลึกลับ, อาณาจักรลับของแมงกะพรุน, การสำรวจใต้ทะเลลึกที่แปลกใหม่และน่าตื่นเต้น, ชนเผ่าขั้วโลกน้ำแข็ง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีโชว์มากมาย และพื้นที่เด็กเล่นสำหรับลูกหลาน ครบฉบับที่มาเที่ยวคนเดียวก็ชิล มากับแฟนก็ดี มากับครอบครัวก็ได้ ยิ่งมีลูก ๆ น่าจะยิ่งสนุกเลยล่ะ

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 1 ลงที่สถานี Sports Center ทางออก A

ไฮไลต์สำหรับเราเวลาได้ไปอะควาเลียมมักจะเป็นโซนแมงกระพรุน ซึ่งที่นี่ก็สามารถจัดแสงสีได้งดงามอลังการไม่แพ้ใคร แถมน้อง ๆ ยังลอยล่องอยู่เต็มตู้จนเแทบไม่มีช่องว่างให้ดูโหลงเหลง นั่งมองเพลินประหนึ่งตกอยู่ในภวังค์ และอีกโซนที่ว้าวมากคือวาฬเบลูก้ายักษ์ ที่กำลังว่ายเกาะกลุ่มดูขี้เล่น แอบเวียนมาเข้าเฟรมอย่างรู้งาน โดยน้อง ๆ เป็นนักแสดงตัวเอกที่คอยเรียกเสียงปรบมือจากการแสดงในทุก ๆ วัน ยังมีโชว์นางเงือกตีครีบพริ้วไหวอยู่ในตู้สวย ๆ หรือจะเป็นโชว์ให้อาหารที่เหล่าปลาน้อยใหญ่จะว่ายกรูมาที่จุดเดียว มองแล้วมันแสนจะเพลินเลย

Day 4

019 Sihai Equestrian Manor 四海庄园

เช้าวันสุดท้ายขอพาออกนอกเมืองไปยังจุดเช็คอินที่บอกเลยว่าทำได้ถึง ทำได้จึ้ง สุด ๆ  กับ ‘Sihai Equestrian Manor’ สวนสาธารณะยอดฮิตของเหล่าวัยรุ่นกวางโจวที่มักมาทำคอนเทนต์กัน ทันทีเมื่อเราเดินเข้ามาสู่ใจกลางสวน บรรยากาศที่สัมผัสได้นั้นเหมือนมาเดินเล่นกลางป่ามากกว่า ฟีลเหมือนจะมีอะไรบางอย่างโผล่มาเซอร์ไพรส์เราได้ตลอดเวลา ทั้งต้นไม้ที่สูงใหญ่ พุ่มไม้แซมสร้างเลเยอร์ให้พื้นที่สีเขียวมีความสลับซับซ้อน เขาได้แอบซ่อนบางอย่างให้เราได้ตามล่า ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ยักษ์ประหนึ่งทรานส์ฟอร์เมอร์ รถคลาสสิกสุดหรูกลางลานหญ้า โรงน้ำชาริมทะเลสาบ และที่ชอบสุด ๆ  คือตู้กระจกยาวใหญ่ที่มีซากวาฬเพชรฆาตจากชายฝั่งตะวันตกของแปซิฟิก พร้อมโครงกระดูกห้อยไว้ เป็นฉากที่เหมือนหลุดไปอยู่ในหนัง Sci-fi เลยทีเดียว เอาเป็นว่าใครเป็นนักล่าสปอตถ่ายรูปบอกเลยว่าพลาดไม่ได้

การเดินทาง : เรียกรถ Taxi ผ่าน DiDi ในแอป Alipay สะดวกที่สุด ( พิกัดนี้อยู่นอกเมือง )

020 Yuxi Shuzhai (御溪书斋)

พื้นที่สาธารณะแบบใหม่แบบสับ แบบล้ำยุคไม่มีใครเกินกับ ‘Yuxi Shuzhai (御溪书斋)’ ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 3 ของ Hi City Mall เรียกว่าเป็นห้องสมุดที่ยกระดับหนอนหนังสือให้กลายเป็นบุคคลไฮแฟชั่นก็ไม่ผิด ด้วยการสร้างมิติในการจัดวางหนังสือเหมือนงานศิลป์ เน้นกระจกให้พื้นที่ดูกว้าง ใช้วัสดุสะท้อนแสงไฟ ประหนึ่งเราเดินอยู่ในห้วงรัตติกาลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ติดตั้งดาวน์ไลต์แทนแสงดาว จนถูกเรียกว่า ‘星空图书馆’ ห้องสมุดดวงดาวบนท้องฟ้า และอย่าลืมแวะถ่ายรูปกับมุมไฮไลต์ที่เป็นอุโมงค์ไฟ นอกจากความสวยแล้วที่นี่ยังเป็นเหมือนคลังความรู้แห่งใหญ่ ล่าสุดมีหนังสือมากกว่า 20,000 เล่ม มีทั้งเรื่องศิลปะ วรรณกรรม เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การเงิน ฯลฯ ถ้าอ่านภาษาจีนเป็นเราต้องขลุกอยู่เป็นวันแน่นอน

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 2 ลงที่สถานี Nanzhou ทางออก A

021 Guangzhou Circle

อาคารที่สายมูอย่างเราเห็นแล้วรู้สึกเป็นมงคลอย่างยิ่ง ‘Guangzhou Circle’ สิ่งปลูกสร้างทรงกลมสูง 138 เมตร มีทั้งหมด 33 ชั้น โดดเด่นด้วยรูตรงกลางกว้างถึง 48 เมตร เป็นที่ตั้งของบริษัทพลาสติกที่มีตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ออกแบบโดย Joseph di Pasquale สถาปนิกชาวอิตาลี ที่ได้รับโจทย์ให้สร้างเป็นแลนด์มาร์กที่แสดงความเป็นจีน และเป็นไอคอนิกของเมือง เขาจึงใช้แรงบันดาลใจจาก ‘บี๋’ แผ่นหยกกลมมีรูตรงกลางที่คนจีนใช้เสริมฮวงจุ้ย และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของราชวงศ์จีนเมื่อ 2,000 ปีที่ใช้เป็นจานหยกคู่ เขาจึงตั้งใจสร้างสะท้อนน้ำให้สื่อถึงความหมายดังกล่าว แถมยังสอดคล้องกับเลข 8 ที่เป็นเลขมงคล และเป็นสัญลักษณ์อินฟินิตีอีกด้วย ใครเวลาเหลือ ๆ แวะมาเช็คอินถ่ายรูปคู่ก็ดูเก๋ไม่เบานะ

จุดถ่ายรูปจะอยู่ฝั่งตรงข้ามอาคาร พิกัด : Nanpu Jinxiu Peninsula Pier (Ferry Station) / 南浦锦绣半岛码头(轮渡站)
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 2 ลงที่สถานี Nanpu ทางออก D แล้วต่อบัสสาย 310 หรือ Taxi

022 BAIETAN GBA ART CENTER 白鹅潭大湾区艺术中心

ไปต่อแบบไม่หยุดยั้งกับอีกมิวเซียมอันยิ่งใหญ่ อลังการทั้งเรื่องของพื้นที่ และการโชว์ผลงานระดับโลก ‘BAIETAN GBA ART CENTER’ กลุ่มอาคารสีขาวที่ตั้งเลียบแม่เพิร์ล บนพื้นที่มากถึง 145,000 ตารางเมตร ตั้งใจวางรูปทรงให้เหมือนเรือที่อัดแน่นไปด้วยสมบัติทางศิลปะและวัฒนธรรม ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนแนวคิดที่พร้อมออกเดินทางสู่โลกกว้าง แบ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ 35,000 ตารางเมตร และพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการขนาด 40,000 ตารางเมตร แยกย่อยได้ 21 ห้องที่สามารถรองรับศิลปะได้แทบทุกรูปแบบ ทั้งของสะสม ภาพวาดโบราณ ไปจนถึงงานร่วมสมัยตั้งแต่ภาพวาดไปจนถึงงานปั้น ใด ๆ คือเล่นใหญ่และทำถึงในทุกมิวเซียมจริง ๆ เลยพี่จีน ยอมแล้ว!!!!

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 1 ลงที่สถานี Fangcun ทางออก B

งานที่จัดแสดงส่วนใหญ่จะเป็นนิทรรศการหมุนเวียน จัดวางโชว์เอาไว้มากกว่า 3 เดือนขึ้นไป ช่วงที่เรามานั้นมีเกือบ 20 นิทรรศการเลยทีเดียว อาทิ งานจิตรกรรมในช่วงศตวรรษที่ 16-17 ของ Galleria Borghese, งานศิลปะด้วยการฉายแสงสีทรงนามธรรมบนจอที่มีรูปทรงคล้ายผลึกคริสตัล, งานกราฟฟิกคูล ๆ งานประติมากรรม ตัวการ์ตูนเจ๋ง ๆ ที่อาจจะมาแรงในอนาคต แม้กระทั่งผลงานของป้า Yayoi ยังมีอยู่ในนี้ด้วยเช่นกัน ใครที่ชอบหาไอเดียจากงานอาร์ต แนะนำให้เตรียมเวลาไว้ 1 วันได้เลย

023 Yongqingfang 广州永庆坊

ส่งท้ายทริปกันในย่านเมืองเก่าที่ถูกชุบตัวใหม่ จนดูสดใสฟรุ้งฟริ้งกว่าเมื่อก่อนหลายสิบเท่า ‘Yongqingfang’ อดีตท่าเรือที่เคยทำหน้าที่เชื่อมโยงจีนตะวันออกและตะวันตกสมัยราชวงศ์ชิง กลุ่มอาคารใหญ่ที่เห็นนี้ฉายแววความคึกคักในสมัยก่อนได้อย่างชัดเจน มีการอนุรักษ์อาคารเดิมที่ยังแข็งแรง และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ผิดกฎหมายออก เพิ่มพื้นที่สาธารณะ ปรับระบบระบายน้ำใหม่เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ทำให้ความเป็นอยู่ของผู้คนละแวกนี้ดีขึ้น ยามค่ำคืนก็อย่าลืมมาถ่ายรูป Moon Bridge สะพานทางเชื่อมที่ติดไฟไว้ใต้สะพาน เมื่อสะท้อนกับน้ำแล้วจะกลายเป็นภาพพระจันทร์เสี้ยวอันโด่งดัง และอีกกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคือการนั่งเรือชมวิวไปในคลองเล็ก ๆ ฟีลลิงเวนิสหน่อย ๆ

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 1 หรือ 6 ลงที่สถานี Huangsha ทางออก B

บรรยากาศที่นี่เรียกว่าดีมาก ๆ มันไม่ได้ดูเก่าจนเลี่ยน เพราะบางร้านก็ขึ้นโครงสร้างใหม่แต่ก็สามารถกลมกลืนกันไปได้อย่างดี แถมแต่ละร้านยังฟาดฟันกันตามประสาคนเทสต์ดี กวาดกล้องไปร้านไหนก็ได้ภาพเจ๋ง ๆ ทั้งโลโก้ที่ดึงดูด Pop-up การ์ตูนน่ารัก ๆ กราฟฟิกที่เพนต์ออกมาแล้วดูไม่เชยไม่ตกยุค เป็นการงัดความครีเอทีฟมาเรียกลูกค้าได้ปังสุด ๆ 

ปรายตาไปมาก็ได้เจอกับร้านชาที่คุ้นเคยจนต้องพุ่งตัวเข้าใส่ทันทีกับ ‘Hey Tea’ ร้านที่มีโลโก้ชายหนุ่มยกแก้วขึ้นดื่มสุดป็อป โดยสาขา Yongqingfang เขาออกแบบได้ดีม๊ากก อยู่ภายในอาคารหินสีเทา ตัดกับกรอบประตูไม้สร้างความอบอุ่น ภายในร้านมีทั้งหมด 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นเคาน์เตอร์รับออร์เดอร์ มีที่นั่งนิดหน่อยลามมาถึงหน้าร้าน ส่วนชั้นสองจะจัดเป็นโต๊ะนั่งชิล มีกระจกบานใหญ่รับแสงธรรมชาติ พร้อมแมกไม้ที่ช่วยบดบังแดดรำไร บรรยากาศเหมาะแก่การพักผ่อน เราสั่งชาองุ่นเมนู Best Seller รสชาติหวานอมเปรี้ยวหอมสดชื่น รับรู้ถึงความ High quality ของชา ส่วนชานมไข่มุกก็แสนจะครีมมี นมนัว ๆ มาคู่กับไข่มุกที่ทำแบบ Slow cooked มีความนุ่มหนึบเป็นเมนูนัมเบอร์วันตลอดกาล

กระแส Pop Mart มันก็ร้อนแรงเกินจะต้าน เราเลยจบทริปนี้ด้วยการไปจุ่มน้องคาแรกเตอร์ตัวโปรดมาสักกล่องสองกล่อง ซึ่งที่ Yongqingfang เขาก็เพิ่งเปิดสาขาใหม่เอี่ยมอ่อง จัดตกแต่งสวยงาม พื้นที่กว้างขวาง มีของใหม่ของแรร์แทบทุกซีรีส์ บางคอลเลกชันมีขายเฉพาะในจีน ใครอยากได้ของฝากน่ารักก็เดินเข้ามาได้เลย 

สำหรับการเดินทางในเมืองกวางโจว แทบทุกสถานที่เราสามารถเข้าถึงด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 2 หยวน ( ประมาณ 10 บาท ) ซึ่งเขามีหลายสายมาก ๆ ครอบคลุมไปทั่วทั้งเมือง วีธีการเดินทางก็ใช้ Baidu Map (เป็นแมปจีนที่ละเอียดฟีลลิง Google Map) ว่าจะไปสถานีอะไร จากนั้นเข้าไปที่ Guangzhou Metro app เพื่อดูว่าต้องขึ้นรถไฟสายไหน ต้องไปเปลี่ยนรถไฟที่จุดไหนบ้าง ซึ่งไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด แต่ถ้าใครอยากเดินทางสบาย ๆ ก็สามารถเรียกรถผ่าน DiDi ในแอป Alipay ตัดเงินผ่านบัตรได้เลยเช่นกัน หารกับเพื่อนแล้วราคาไม่แพง แถมไม่ต้องกังวลเรื่องหลงทางหรือโดนโก่งราคาด้วย

และนี่คือบรรดาสถานที่กว่า 23 พิกัด พร้อมเหตุผลที่อยากจะแจ้งให้เพื่อน ๆ ได้รับรู้กันว่า ‘กวางโจว’ คืออีกหนึ่งเมืองที่ควรค่าแก่การเปิดซิงเที่ยวจีนครั้งแรกที่สุด.. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทางที่สะดวกสบาย เทคโนโลยีอันล้ำสมัย ความซิวิไลซ์ คนรุ่นใหม่ที่เริ่มมีความเป็นสากล ให้ความสำคัญกับศิลปะและการออกแบบร่วมสมัย แต่ถ้าใครคิดว่าเที่ยวกวางโจวเมืองเดียวไม่หนำใจ สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงไปเพิ่มความฟินต่อที่เซินเจิน แล้วบินตรงจากเซินเจินกลับกรุงเทพฯ กับแอร์เอเชียก็ได้เช่นกัน