รีวิวญี่ปุ่น :: A Summer Taste of Kyushu – Ultimate 5-Days Kagoshima/Miyazaki” Itinerary 🇯🇵

เปิดโพย 21 พิกัดสุดอันซีนจาก “Kagoshima – Miyazaki” 2 จังหวัดที่ห่างไกลจากการรับรู้ของใครหลาย ๆ คน แห่งภูมิภาค Kyushu 

ญี่ปุ่นทริปนี้เราขอพาทุกคนไปสัมผัสซัมเมอร์สุดฟินในดินแดนแห่งแมกไม้ที่เกาะคิวชู กับเมืองรองสุดฮิดเด้น คาโกชิม่า-มิยาซากิ 2 จังหวัดที่ไม่แมสแต่พร้อมสร้างความใจฟูแบบไร้ที่ติ กับแพลนเที่ยว 5 วัน จัดเป็นโร้ดทริปชิล ๆ ให้ทุกคนได้เลือกตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเหล่าไฮเดรนเยียที่พร้อมใจกันผลิดอกบานสะพรั่งแต่งแต้มสีสันให้ความเขียวชอุ่มของต้นไม้ใบหญ้า ความน้ำเงินระยิบระยับของผืนทะเลได้อย่างลงตัว ไหนจะร้านอาหาร คาเฟ่ ไหนจะมิวเซียมที่มีกิมมิกเก๋กรุบไม่แพ้ใคร ตลอดจนจุดถ่ายรูปแสนคาวาอีและจุดเช็คอินอันซีนอีกมากมาย … ลองเลื่อนดูกันได้เลยว่าทริปเที่ยวคิวชูของเราจะโฮ่งขนาดไหน!

การเดินทางสู่บ้านหลังที่สองในครั้งนี้ เราเลือกใช้บริการของแอร์เอเชีย สายการบินราคาประหยัดที่เสถียรที่สุด กับเส้นทางบินตรงลงสู่ Fukuoka ไฟลต์ FD236 เวลา 23:55 – 07:05 น. ลงเครื่องปุ๊บออกร่อนได้ทันที ส่วนขากลับจะเป็น FD237 เวลา 08:15 – 11:40 น. ช่วงรถไม่ติดกลับบ้านได้ชิล ๆ และแน่นอนทุกครั้งเราจะไม่พลาดบริการเสริม Premium Flex ที่ตอบโจทย์ทุกความสะดวกขณะบินไว้ให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนวันและเวลาเดินทางได้ถึง 2 ครั้ง / น้ำหนักโหลดใต้เครื่อง 20 กิโลกรัม / เลือกที่นั่งได้ตามชอบ / อาหารอุ่นร้อนที่สับเปลี่ยนเมนูมาให้ลองไม่หยุดหย่อน ส่วนจานโปรด ณ เวลานี้ยกให้ ‘ข้าวหน้าปลาซาบะย่างซีอิ๊ว’ เปิดกล่องมาเจอปลาย่างชิ้นโตวางแผ่อย่างงดงาม ราดซีอิ๊วหวาน ๆ เค็ม ๆ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ แล้วรู้สึกเหมือนขาได้ก้าวเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นแล้วข้างนึง รสชาติทำถึงมากคุณน้า

Kagoshima

ก่อนจะเริ่มตะลุยเช็คอิน … เรามาทำความรู้จัก Kagoshima คร่าว ๆ ก่อนเลย คาโกชิมะหนึ่งในจังหวัดของภูมิภาคคิวชูที่อุดมไปด้วยเกาะแก่งกลางทะเลมากกว่า 600 เกาะ ยาวไปจนเกือบถึงโอกินาว่าเลยทีเดียว ถือเป็นจังหวัดที่มีภูเขาไฟเยอะเป็นอันดับ 3 ของประเทศ และยังมีภูเขาไฟตัวมัมที่ยังคงคุกรุ่นนามว่า ‘ซากุระจิมะ’ ที่มีความสูงกว่า 1,117 เมตร ทำให้ภาพแลนด์สเคปของคาโกชิมะนี้อลังการงานสร้างกว่าเมืองไหน ๆ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งแช่ออนเซ็นยอดฮิตของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย สำหรับคนไทยแบบเรา ๆ ที่บินลงFukuoka ก็สามารถเดินทางข้ามด้วย Kyushu Shinkansen มาได้เลย ใช้เวลาเพียง 1.25 ชม.เท่านั้น จากนั้นค่อยมาเช่ารถแบบเราก็จะสะดวกสุด ๆ 

Day 1

001 Kagoshima City Aquarium

มาเมืองเกาะ หมุดแรกที่เราอยากมาชมคงหนีไม่พ้นการไปยืนดูฝูงปลาตีครีบที่ ‘Kagoshima City Aquarium’ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสูง 7 ชั้น ขึ้นชื่อว่าใหญ่ที่สุดในคิวชู ตั้งอยู่ริมมหาสมุทร ทำหน้าที่พาผู้คนลงสู่โลกใต้น้ำมานานกว่า 27 ปี แต่ก็ยังดูไม่ตกยุคด้วยการออกแบบอาคารแสนยูนีคเป็นที่น่าจดจำ ภายในเต็มไปด้วยนิทรรศการรูปแบบทันสมัยน่าสนใจด้วยการจัดแสงสีภายใต้บรรยากาศเงียบสงบ พร้อมกับน้องฉลามวาฬมาสคอตแสนน่ารักประจำถิ่น ที่สำคัญจากบนตึกเรายังสามารถเทควิวภูเขาไฟซากุระจิมะและอ่าวคิงโคะได้แบบพาโนรามาอีกด้วย 

ในนี้มีสัตว์น้ำมากถึง 800 สายพันธุ์ รวมกว่า 10,000 ชีวิต แต่ละตัวก็จะถูกจัดแสดงตามธีมต่าง ๆ อาทิ ทะเลหมู่เกาะนันเซ จะเป็นปลาเขตร้อน ซุกตัวอยู่ในปะการังหลากสี, ทะเลลึกคาโกชิมะ จะเป็นสัตว์ที่เจอในพื้นที่เท่านั้น, ห้องแสดงแมงกะพรุนมุมโปรดที่เราชอบเป็นพิเศษ ส่วนไฮไลต์ของอะควาเลียมก็คือตู้ปลายักษ์ มีความลึก 13 เมตร กว้าง 25 เมตร บรรจุน้ำ 1,500 ตัน มีพระเอกเป็นฉลามวาฬซึ่งมีให้เห็นไม่มากนัก เวียนว่ายพร้อมฝูงปลาทูน่า ปลาโบนิโตะ (นิยมเอามาทำปลาแห้งขูดฝอย) ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปลาที่ว่ายไปตามกระแสน้ำคุโรชิโอะนั่นเอง 

002 Shiroyama Park Observation Deck

จะเรียกว่าต้องมนต์สะกดของโลกใต้ทะเลก็คงไม่ผิด เพราะเดินออกมาอีกทีพระอาทิตย์ก็ใกล้จะตกดินแล้ว เราเลยรีบบึ่งมาที่ ‘Shiroyama Park Observation Deck’ จุดชมวิวอันเป็นหน้าเป็นตาของเมืองคาโกชิมะ ตั้งอยู่บนความสูง 107 เมตร ลักษณะเป็นสวนสาธารณะ มีพื้นที่กว้างเต็มไปด้วยร่มเงาของต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปี ถือเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติขนาดย่อมสำหรับการศึกษาแมลงของเด็ก ๆ เมื่อมองไปเบื้องหน้าเราจะเจอกับความงดงามของภาพเมืองที่อัดแน่นไปด้วยตึกรามบ้านช่อง ทอดออกไปสู่ชายฝั่ง และไปจบที่ภูเขาไฟซากุระจิมะ ซึ่งเราชักภาพมาได้สวยตรงปกเหมือนที่เห็นตามสื่อท่องเที่ยวของเมืองเป๊ะ!!  

003 Tontoro Tenmonkan Arcade Restaurant

เมื่อเสร็จสิ้นจากการเก็บแสงเย็นเราก็รีบมาหาของกินก่อนจะหิวจนหงุดหงิดที่ ‘Tontoro Tenmonkan Arcade Restaurant’ ร้านราเมงชื่อดังของเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตั้งแต่น้ำซุปที่ทำจากหมูคาโกชิมะ กระดูกไก่ โบนิโตะ และวัตถุดิบท้องถิ่นอีกมากมายนำมาเคี่ยวจนมีสีเหลืองทองเข้มข้น ราดมาบนราเมงเส้นหนาเหนียวนุ่มหนึบหนับ โปะทับด้วยหมูโทโรชาชู หมูสันคอที่ทางร้านคัดมาอย่างดี ในหมู 1 ตัวจะมีส่วนที่ใช้ได้เพียง 200-300 กรัมเท่านั้น ชิ้นเนื้อจะมีมันแทรกฉ่ำ ๆ หมักและเคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนมีเท็กซ์เจอร์ละลายในปาก รสชาติหวานเค็มอยู่ในตัว สมดุลกับเส้นและซุปพอดิบพอดี

004 Tenmonkan Mujaki Shirokuma Cafe

ตบด้วยของหวานจาก ‘Tenmonkan Mujaki Shirokuma Cafe’ ร้านน้ำแข็งไสหมีขาวสุดคิวต์เมนูของหวานประจำเมือง ที่ความจริงเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องน้ำแข็งไสมาตั้งแต่ยุคโชวะ ซึ่งร้านนี้ก็ถือเป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมานานกว่า 75 ปี นอกจากจะเป็นร้านขวัญใจของชาวคาโกชิมะแล้ว ยังเป็นท็อปลิสต์ของเหล่านักท่องเที่ยวเช่นกัน ร้านตั้งอยู่ใจกลางย่านชอปปิง Tenmonkan เดินทางสะดวก ติดตั้งป้ายขนาดใหญ่หาง่าย ตะโกนความเป็นหมีขาวมาแต่ไกล พื้นที่ร้านกว้างขวาง ถ้ามาช่วงวันหยุดหรือไพรม​์ไทม์อาจจะต้องต่อคิวนิดหน่อย แต่รับรองว่าสิ่งที่ได้ลิ้มรสนั้นจะตราตรึงจนลืมไม่ลงเลยทีเดียว

สำหรับสายหวานอย่างเราก็สั่งมาลองทั้งเมนูซิกเนอเจอร์ ‘Shirokuma’ แปลตรงตัวว่าหมีขาว เป็นถ้วยสีขาว ๆ ประกอบด้วยน้ำแข็งเกล็ดหิมะที่ทำจากนมโฮมเมดหวานกลมกล่อม ผสมน้ำผึ้ง จัดวางผลไม้ตามฤดูกาล และเจลลี่สีสดใสรสชาติเปรี้ยวหวานสดชื่นเหมาะกับซัมเมอร์สุด ๆ อีกเมนูเป็นพี่หมีมัตจะมีเฉพาะซีซันนี้ เราจิ้มสั่งเพราะความน่ารักล้วน ๆ ซึ่งเขาทำออกมาได้หอมกลิ่นชาเขียวเน้น ๆ กินคู่กับโกโก้ร้อนแล้วมันละลายละมุนผ่านคอลงท้องได้แบบไหลลื่น เป็นร้านน้ำแข็งไสที่ต้องยกนิ้วให้เลย

005 Tenmonkan Shopping Street

ปิดจบวันแรกด้วยการมาเดินย่อยในย่าน ’Tenmonkan Shopping Street’ ถนนคนเดินที่มีโดมปิดคลุมบังแดดบังฝนให้เราสามารถเดินชอปได้ตลอดวัน ทั้งสองข้างทางที่เราเดินผ่านอัดแน่นไปด้วยร้านค้าหลายร้อยร้าน ซึ่งนอกจาก Global Brand ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องสำอางที่เราหมายปองแล้ว ยังมีสินค้าท้องถิ่น ร้านขายของฝากให้เราได้เลือกซื้อ หรือจะมาหากิจกรรมทำก็มีทั้งห้องสมุด เกมเซ็นเตอร์ และร้านอาหารชื่อดังมากมาย เอาเป็นว่าใครมากับเพื่อนก็ปักหมุดไว้แล้วกระจายกันไปตามหาความฝันของตัวเองได้เลย

Day2

เดย์ทูนี้จะขอออกไปไกลจากตัวเมืองนิดนึง ขับรถมุ่งสู่ ‘Ibusuki 指宿市’ เมืองที่อยู่ตอนใต้ของจังหวัดคาโกชิมะ ขึ้นชื่อเรื่องความสมบูรณ์ทางทะเล มีชายหาดอันงดงาม จึงกลายเป็นเมืองตากอากาศที่คนญี่ปุ่นต่างหมายปอง ทั้งเรื่องอาหารทะเล ชาเขียว ขนมญี่ปุ่นดั้งเดิม สถานที่ท่องเที่ยวสุดจึ้งหนึ่งเดียวในโลก ส่วนไฮไลต์อันโด่งดังคือการนั่งรถไฟ Ibusuki no Tamatebako รถไฟสีขาวดำโดยฝั่งขาวหันหน้าไปทางทะเล และสีดำหันไปทางภูเขา ภายในมีกลิ่นอายแสนคลาสสิกด้วยการใช้วัสดุไม้ที่ใช้ทำเรือยอร์ช แต่ด้วยรอบนี้เราขับรถเที่ยวเองเลยยังไม่ได้ใช้บริการ ขอแปะไว้ก่อน เดี๋ยวกลับมาเก็บซ้ำอีกรอบแน่นอน

อีกจุดสำหรับเหล่าสาวกอนิเมะชื่อดัง ‘Pokemon’ จะต้องร้องกรี๊ด เมื่อต้องทำมิชชันเดินเก็บภาพฝาท่อที่เป็นภาพตัวละครชื่อดัง ‘Eevee (อีวุย)’ น้องทำหน้าที่เป็นมาสคอตประจำเมืองตั้งแต่ปี 2019 เพราะคำพ้องของชื่อ Ibusuki นั้นพ้องกับ Eevee-suki ที่แปลว่าฉันรักอีวุยนั่นเอง ฝาท่อเมืองนี้จึงออกแบบมาภายใต้ธีม ‘Eeveelution’ เป็นร่างต่าง ๆ ของน้องมีทั้งหมด 9 ลาย ซึ่งกระจายอยู่ทั่วเมือง และแน่นอนว่าเราก็เก็บมาได้ครบอย่างน่าภาคภูมิใจ

006 Saraku Sand Bath Hall

จุดแรกสำหรับเมืองนี้คือหมุดหมายเดียวที่มีในโลก ‘Saraku Sand Bath Hall’ ออนเซ็นทรายร้อนที่มีความเป็นมายาวนานกว่า 300 ปีหรือนานกว่านั้น ซึ่งเรื่องราวของที่แห่งนี้ค้นพบจากบทความของบาทหลวงที่เคยมานอนอยู่ในหลุมทรายเมื่อปี 1549 นั่นเอง ต่อมาในช่วงเอโดะจึงมีการบันทึกถึงออนเซ็นทรายร้อนในการบำบัดโรคและดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน ว่ากันว่าการนอนแช่ทรายร้อนที่นี่จะช่วยในเรื่องการไหลเวียนโลหิต โรคประสาท โรคไขข้อ อาการปวดหลัง ปวดข้อเข่า อัมพาต รักษาเรื่องกระดูก กล้ามเนื้อ เป็นต้น มีให้เลือกแช่ทั้งในร่มและกลางแจ้ง เราแค่ไปเปลี่ยนชุดยูกาตะแล้วออกมานอนให้พี่ ๆ นำทรายมากลบได้เลย ความน่ารักอยู่ตรงร่มที่สดใสกางอยู่เหนือหัว วางกันอย่างเป็นระเบียบ เห็นหัวคนโผล่ขึ้นมาแล้วมันชวนเรียกรอยยิ้มสุด ๆ 

007 Municipal Sōmen-noodle restaurant in Karafune Ravine

เรื่องอาหารที่ควรค่าแก่การกินช่วงหน้าร้อน เราขอยกให้ร้าน ‘Municipal Sōmen-noodle restaurant in Karafune Ravine’ กับเมนูโซเมง ซึ่งถือกำเนิดมาจากหุบเขาโทเซ็นเคียว เมืองอิบุซึกินี้นี่เอง บรรยากาศของร้านจะเป็นโถงเพดานสูงกว้างขวางขนาดรองรับได้หลายร้อยคน ซึ่งช่วงเทศกาลน่าจะคึกคักไปด้วยผู้คน แต่ละโต๊ะจะมีอ่างอะคริลิกใสทรงกลมมีรูตรงกลางวางอยู่ รอบ ๆ จะมีน้ำที่กำลังวิ่งวน ซึ่งคลื่นน้ำที่เห็นนั้นมาจากแรงดันธรรมชาติจากแหล่งน้ำแสนบริสุทธิ์ของหุบเขาโทเซ็น ซึ่งถือเป็น 1 ใน 100 แหล่งน้ำที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น โดยในแต่ละวันมีน้ำไหลผ่านเป็นสิบตันเลยทีเดียว 

ที่เราบอกว่าเป็นเมนูเหมาะกับหน้าร้อนก็เพราะน้ำที่เราเห็นนี้จะเป็นน้ำเย็นอุณหภูมิราว ๆ 13 องศา เหมาะสมกับเส้นโซเมง วิธีกินเราต้องคีบเส้นลงไปอยู่ในน้ำวนสักพัก ก่อนคีบขึ้นมาจิ้มซอส แล้วซู้ดเข้าปาก กินพร้อมกับเครื่องเคียงอย่างปลาย่าง ข้าวปั้น ปลาดิบท้องถิ่นแกล้มช่วยสร้างเท็กซ์เจอร์ และรสชาติที่วาไรตีขึ้น ถือเป็นมื้อที่ได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ แบบจึ้งแบบปัง ถ้าพลาดจะต้องเสียดาย

008 Lake Ikeda and the Legend of Isshi

อิ่มปุ๊บก็เดินหน้ากันต่อแบบไม่หยุดพักมุ่งตรงสู่ธรรมชาติในพื้นที่ของ ‘Lake Ikeda and the Legend of Isshi’ ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในคิวชู ด้วยเส้นผ่าศูนย์กลางยาวถึง 4 กม. เส้นรอบวง 15 กม. มีความลึกราว ๆ 233 ม. ถือว่าลึกเป็นอันดับ 4 ของญี่ปุ่น เกิดจากการประทุของภูเขาไฟครั้งใหญ่กว่า 6,000 ปีก่อน ทำให้มีทั้งหิน ขี้เถ้าระเบิดออกมาจนหน้าดินพังทลาย เกิดเป็นปล่องภูเขาไฟและถูกเติมเต็มด้วยน้ำฝนที่สะสมมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นทะเลสาบ ซึ่งลึกลงไปข้างล่างก็ยังคงมีภูเขาไฟที่ยังไม่มอดดับอยู่ด้วยเช่นกัน ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของดินรอบ ๆ จึงอุดมไปด้วยพืชพรรณ ดอกไม้ตามฤดูกาล มีมุมสะพานสำหรับเทควิวกว้างแสนโรแมนติกที่มีภูเขาไดมอนดาเกะอยู่เบื้องหน้า พร้อมความบานสะพรั่งของดอก rape blossoms สีเหลืองจำนวน 9 แสนดอกปูพรมเป็นวงกว้างดูน่ารักไปซะหมด

นอกจากทัศนียภาพที่งดงามแล้ว รอบ ๆ ยังมีรูปปั้นสัตว์ประหลาดนามว่า Issie (イッシー, Isshī) ที่มีคนกล่าวขานกันว่าน้องแอบซ่อนตัวอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ด้วย เล่ากันว่ามีชาวบ้านเห็น Issie เมื่อปี 1978 หลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏอีกเลย มีแค่เพียงรูปปั้นนี้เท่านั้นให้เราพอจินตนาการได้ เลยต้องขอร่วมเฟรมชักภาพด้วยสักสองสามใบ แต่ที่เห็นแล้วทำเราตื่นตะลึงคาตาเลยคือปลาไหลยักษ์ ที่เป็นสายพันธุ์พิเศษ มีความยาวมากถึง 2 เมตร มีข้อมูลว่าอาศัยอยู่ใต้ทะเลสาบนี้เป็นจำนวนมากเลยทีเดียว

อีกสปอตที่ขอแนะนำให้มารับพลังงานดี ๆ ‘Golden Torii’ ประตูโทริอิสีทองที่พบเห็นไม่บ่อยนักในญี่ปุ่น ตั้งอยู่หน้าทะเลสาบที่มีภูเขาไคมอนดาเกะเป็นองค์ประกอบอันสวยงาม บริเวณนี้ถูกตั้งเป็นพาวเวอร์สปอตที่ผู้คนมักมากราบไหว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองทะเลสาบแห่งนี้ ทั้งเรื่องโชคลาภด้านการเงิน โดยมีเครื่องบูชา พร้อมตะกร้าให้เราโยนเหรียญขอพรไว้เสร็จสรรพ ฉะนั้นใครเป็นสายมูชอบลุ้นหวยก็ลองมาไหว้แล้วซื้อล็อตโต้ของญี่ปุ่นสักใบ เผื่อได้เป็นเศรษฐีในแดนอาทิตย์อุทัยกับเขาบ้าง 

009 danken COFFEE (ダンケンコーヒー) いけだ湖パクス店

พอเข้าบ่ายแก่ ๆ เรามาหลบแดดพร้อมเติมคาเฟอีนกันที่ ‘danken COFFEE’ คาเฟ่ฟอร์มเก๋ ตัวอาคารถูกออกแบบให้เป็นทรงโค้งมนเหมือนทั้งภูเขา และคลื่นบนผิวน้ำให้เราจินตนาการได้หลากหลาย ทาทับด้วยสีขาวโดดเด่นจากความฟ้า เขียวของธรรมชาติโดยรอบ ภายในเป็นโถงเพดานสูง เห็นโครงท่อไฟ แท่งเหล็กสไตล์ลอฟต์ เน้นโทนขาวดำและงานไม้ จึงให้ทั้งความเท่คูลผสานอุ่นตาไปพร้อม ๆ กัน ด้วยโลเคชันติดริมน้ำเราเลยเลือกสั่งซิกเนเจอร์ ‘Coffee Frost’ หวาน ๆ เย็นๆ ออกมานั่งเทควิวด้านนอก บอกเลยว่าเฮาส์เบลนด์ของร้านเป็นเมล็ดโคลอมเบีย แทนซาเนีย มีความเข้มละมุนเหมาะกินกับนมสุด ๆ 

010 NISHI-ŌYAMA Station

อีกพิกัดเด็ดที่สายถ่ายรูปต้องไป ‘NISHI-ŌYAMA Station’ ที่มองเผิน ๆ ก็เหมือนสถานีชนบททั่วไป แต่เหตุผลที่ทำให้ใครต่อใครต่างต้องมาเช็คอิน นั่นเพราะสถานีแป่งนี้ถือเป็นสถานี JR ที่อยู่ใต้สุดของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีดีเทลแสนคาวาอี้จนทำเราใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่ว่าจะเป็นทางรถไฟที่ขนาบข้างด้วยทุ่งหญ้าและท้องนาพร้อมภูเขาไคมอนดาเกะเต็มลูกอยู่ด้านหลัง เดินถัดมาอีกหน่อยจะเจอตู้ไปรษณีย์สีเหลืองที่ถูกเรียกว่า ‘ตู้ไปรษณีย์แห่งความสุข’ ดูสดใสชวนอมยิ้ม ที่เลิศไปกว่านั้น ช่วงที่เรามาตรงกับหน้าไฮเดรนเยียแย้มบานพอดี เลยได้เฟรมน่ารักเกินต้านแบบนี้มาฝากกันด้วย

011 Cape Nagasakibana

ส่งท้ายวันกันแบบตรงธีมเมืองชายฝั่งกับวิวชายทะเลงาม ๆ ที่ ‘Cape Nagasakibana’ แหลมขนาดเล็กที่อยู่ใต้สุดของแหลมซัตซุมะ จุดนี้เราจะเห็นภูเขาไคมอนดาเกะได้แบบพาโนรามา ยิ่งได้มองเรื่อย ๆ ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคล้ายกับพี่ภูเขาไฟฟูจิอย่างกับพี่น้องท้องเดียวกัน สมแล้วที่ได้สมญานามว่า ‘ซัตซุมะฟูจิ’ มุมถ่ายภาพไฮไลต์อยู่ตรงหัวใจดวงโต เมื่อมองลอดไปจะเป็นไคมอนดาเกะอยู่ตรงกลางพอดีเป๊ะ ผู้คนจะมานั่งชมทั้งช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตก นอกจากนี้ยังเป็นเซฟโซนของเต่าทะเลที่จะมาวางไข่ในหน้าร้อนอีกด้วย 

ในบริเวณเดียวกันยังมีพาวเวอร์สปอตให้เราขอพรเรื่องความรักที่ ‘Ryugu Shrine’  จากตำนานเรื่องเล่าว่ามีชายชาวประมงได้ช่วยชีวิตเต่าตัวหนึ่งเอาไว้ ซึ่งเต่าตัวนั้นเป็นเจ้าหญิงโอโตะฮิเมะที่แปลงกายมา เพื่อเป็นการตอบแทนจึงเชิญชายผู้นั้นไปอยู่ในวังใต้ทะเลด้วยกัน วิธีการขอพรที่นี่ก็แสนจะยูนีค เขาให้เราเขียนคำอธิษฐานไว้บนเปลือกหอยแล้วนำไปวางไว้ที่ฐานรูปปั้นของทั้งสอง จากนั้นรอเป้าหมายที่ขอพรถึงทักแชทมาได้เลย

Day 3

012 Sakurajima

เดย์ทรีขอเปลี่ยนบรรยากาศจากที่มองภูเขาไฟจากมุมไกลมาหลายวัน ลองข้ามฝั่งมาอยู่ใกล้ ๆ แทน ณ  ‘Sakurajima’ ภูเขาไฟที่เป็นไอคอนประจำเมืองคาโกชิมะนั่นเอง บนนี้มียอดเขาอยู่ทั้งหมด 3 แห่ง Kita-dake สูง 1,117 เมตร, Naka-dake สูง 1,060 เมตร, Minami-dake สูง 1,040 เมตร ปัจจุบันยอดมินามิดาเกะยังมีการปะทุอยู่ เราจะยังเห็นควันที่ลอยออกมาตลอดเวลาจริง ๆ ทางการจึงห้ามไม่ให้เข้าใกล้ในระยะ 2 กิโลเมตร สำหรับคนที่เช่ารถมาก็สามารถเอาเรือขึ้นเฟอร์รีแล้วขับเที่ยวได้เลย โดยมีรอบเรือให้ทุก ๆ 15-20 นาที หรือถ้าใครมีเวลาก็สามารถขับรถอ้อมไปตามเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังภูเขาไฟได้เช่นกัน แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าอ้อมไกลมาก เฟอร์รี่นี่ล่ะสะดวกสุด 

นอกจากนี้ยังมีเช็กอินสปอตอีกมากมายให้เราตามล่าโดยเราสามารถเที่ยวด้วยการขับรถ, เช่าจักรยานปั่น, ขึ้นรถบัส และเดินเท้าได้เลย ขึ้นอยู่กับการจัดรูทเที่ยวของเราเอง เส้นทางรอบภูเขาไฟจะอยู่ราว ๆ 35 กิโลเมตร หลัก ๆ จะเป็นแหล่งออนเซ็น อ่างแช่เท้า ศาลเจ้า ศูนย์ให้ข้อมูล กิจกรรมพายคายัค และที่เห็นนี้เป็นจุดชมวิว ‘Karasushima’ มีประติมากรรม Portrait of a Shout งานแกะสลักจากหินลาวาเหมือนคนกำลังเปล่งเสียงตะโกนสู่ฟ้า พร้อมกีต้าร์คู่ใจ มีแรงบันดาลใจจาก Tsuyoshi Nagabuchi ที่มาจัดคอนเสิร์ตร็อกที่นี่ตลอดทั้งคืนเมื่อปี 2004 ในวันนั้นมีคนมาร่วมฟังถึง 75,000 คนทั้ง ๆ ที่ที่นี่มีประชากรอยู่เพียง 6,000 คนเท่านั้น  ถือเป็นประวัติการณ์ที่จะต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์จริง ๆ 

นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญโบร่ำโบราณให้เราได้ชื่นชม อาทิ ‘Kurokami Buried Torii (Shrine Gate)’ ประตูศาลเจ้าสูง 3 เมตรถูกกลบฝังอยู่ใต้ดิน โผล่พ้นขึ้นมาเพียงด้านบนเท่านั้น เกิดจากเหตุการณ์ภูเขาไฟปะทุครั้งใหญ่เมื่อ 110 ปีก่อน ทำให้หินและเถ้าถ่านปกคลุม ทางชุมชนตัดสินใจปล่อยไว้แบบนี้เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติของจังหวัดให้เราได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และน่ากลัวของธรรมชาติ อีกสปอตห้ามพลาดอยู่ที่ ‘Sakurajima Yogan Nagisa Park Footbath’ บ่อแช่เท้าตรงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จัดทัศนียภาพให้อยู่ท่ามกลางความเขียวสบายตา พร้อมภูเขาไฟที่ยังไม่หลับใหล ถือเป็นวิวแช่เท้าที่ไม่เคยเห็นที่ไหนตั้งแต่เที่ยวญี่ปุ่นมาเลย

013 Hirataya ぢゃんぼ餅 平田屋

ข้ามกลับมายังฝั่งคาโกชิมะก็เริ่มหาของว่างรองท้องก่อนเป็นอย่างแรกที่ ‘Hirataya ぢゃんぼ餅 平田屋’ ร้านโมจิแบบโบราณที่มีประวัติมาตั้งแต่สมัยซามูไร วางขายเมนู ‘เรียวโบโมจิ’ ของหวานประจำถิ่นที่ทำสดทุกวัน พระเอกคือแป้งข้าวเหนียวอย่างดีจากจังหวัดซากะ ราดซอสเข้มข้นเคลือบแป้งมาฉ่ำ ๆ เปล่งแสงเป็นประกาย รสชาตินี่ยกให้เป็นโมจิชั้นนำของประเทศ ทั้งความเหนียวนุ่มหอมกลิ่นข้าวเต็มสิบ ซอสที่มาเติมรสหวาน ๆ เค็ม ๆ หอมซีอิ๊วอย่างเพอร์เฟกต์ กินคู่ชาเขียวร้อนแล้วมันอร่อยจนใจเจ็บ ล้างความหนืดตัดความเลี่ยนทำให้กินได้หมดแบบไม่สะดุดเลยแม่ 

014 Kirishima Open Air Museum

ก่อนย้ายเมืองเราขอทิ้งท้ายกับการชมอาร์ตที่ใฝ่ฝันกันที่ ‘Kirishima Open Air Museum’ พิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ตรงเชิงเขาคิริชิมะ บนพื้นที่กว้างขวางถึง 130,000 ตร.ม. เน้นจัดแสดงงานกลางแจ้งซึ่งมีให้เราชมมากกว่า 20 ชิ้นงาน แต่ละชิ้นนั้นไม่ใช่เล่น ๆ เนื่องจากเป็นของศิลปินชื่อดังทั้งในและต่างประเทศ อย่างศิลปินที่เราคุ้นเคย Yayoi Kusama กับงาน ‘Flowers of Shangri-la’, ‘Male/Female’ งานหล่อเหล็กสูง 8 เมตร โดย Jonathan Borofsky, ‘You are the Art’ โดย Choi Jengwha ศิลปินชาวเกาหลี จัดวางกรอบหลุยส์สีทองขนาดใหญ่วางกระจายท่ามกลางลานหญ้าเขียวคลีน แต่ถ่ายรูปจากมุมไกลจึ้งจนตาแตกเลย

ภายในอาคารสีขาวทรงกล่องแนวยาวที่ดูเรียบง่ายนี้ยังมีการจัดแสดงทั้งงานหมุนเวียนและถาวรให้เราได้เยี่ยมชม อีกชิ้นที่เราตั้งใจมาดู ‘High Heel’ รองเท้าส้นสูงลายจุดสีสดใสของแม่ยาโยอิ แล้วที่นี่ยังทำให้เรารู้จักกับ Minami Ichida ศิลปินท้องถิ่นที่สร้างผลงานโดยใช้การผสมเสียงและสีให้กลมกลืนกัน เนื่องจากอาการทางจิตจึงไม่สามารถสร้างภาพในหัวได้ เป็นงาน ‘Sounds Emerging from a Blue World’ เสียงในโลกสีฟ้าของเธอนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่ตั้งอยู่หน้ากระจกให้เราได้จิบกาแฟเทควิวสวน ร้านขายของที่ระลึกที่มีงานของศิลปินคนโปรดวางป้ายยาไว้มากมาย เรียกว่าต้องจิตแข็งพอสมควรไม่งั้นหมดตัวแน่นอน 

Day 4

Miyazaki

อีกจังหวัดห่างไกลที่หลาย ๆ คนยังไม่รู้จัก ‘Miyazaki’ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะคิวชู เป็นอีกพื้นที่ที่ทำให้เราตกหลุมรักญี่ปุ่นหัวปักหัวปรำ แม้จะยังไม่ป็อปในหมู่คนไทยแต่สำหรับชาวญี่ปุ่น ที่นี่ถือเป็นฮิดเดนเจมส์ที่จะต้องมาเที่ยวสักครั้ง เพราะนอกจากอากาศจะดีอบอุ่นตลอดปี เขายังครบครันทั้งภูเขา ทะเล วัดวา กิจกรรมอันน่าตื่นตะลึง พิพิธภัณฑ์ พร้อมอาหารขึ้นชื่อเป็นเมนูย่างเมนูทอด เหมาะสมกับคนนิสัยอ้วนอย่างเราเป็นที่สุด เรียกว่าเป็นเมืองครบเครื่องไม่แพ้ใคร และมีจุดไฮไลต์ไม่แพ้เพื่อนเลยล่ะ

015 Tonari no Totoro Bus Stop

สถานที่ที่เราขอเรียกมันว่าความรัก ‘Tonari no Totoro Bus Stop’ สถานีรถบัสของเพื่อนรักตัวอวบอ้วน Totoro สัตว์ประหลาดยอดนิยมผลงานจาก Studio Ghibli หากใครเป็นแฟนตัวยงขออนิเมชันเรื่องนี้คงจะจำฉากที่ซัตสึกิและเม พี่น้องสองสาวตัวหลักของเรื่องมายืนรอคุณพ่อที่ท่ารถบัสท่ามกลางฝนโปรยปราย เป็นฉากแรกแสนน่ารักที่ได้เจอกับ Totoro ที่นี่เกิดขึ้นจากสองตายายที่อยากฉลองชีวิตแต่งงานครบ 70 ปีด้วยการมอบของขวัญชิ้นเอกให้แก่หลาน ๆ โดยการใช้วิชาช่างปูนที่สั่งสมมานานสร้าง Totoro ขนาดยักษ์วางไว้กลางไร่นา มีภูเขาลูกโตอยู่ด้านหลังสร้างไวบ์สดใสเหมือนหลุดมาจากในหนังเป๊ะ ไม่แปลกใจเลยที่จะกลายเป็นโฟโต้สปอตส่งเสียงเรียกผู้คนมาเที่ยวเมืองนี้ได้อย่างล้นหลาม

016 Obi Town & Castle Ruins

เจอความใจฟูของคาแรกเตอร์ตัวโปรดแล้ว มาดูความรุ่งเรืองของเมืองมิยาซากิครั้งก่อนกันบ้างที่ ‘Obi Town & Castle Ruins’ เมืองเก่าที่สร้างห้อมล้อมปราสาทเอาไว้จนได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติ เราเห็นร่องรอยของความเจริญเมื่อ 280 ปีก่อนได้อย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมที่คล้ายเมืองเก่าป็อป ๆ จนถูกเรียกเป็น little Kyoto แต่ละหลังคุมโทนด้วยสีขาวตัดไม้สีเข้มเปี่ยมมนต์ขลัง แซมด้วยพุ่มไม้สีเขียวชอุ่มที่แทรกมาทุกหนแห่ง ตึกรามบ้านช่องทุกอย่างของเขาได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี สะอาดขนาดว่าที่ระบายน้ำจากบนเขาใสจนเห็นปลาคาร์ปว่ายไปมาเลยทีเดียว เหมาะที่จะเช่ากิโมโนสีชมพูอ่อนแมตช์กับเพื่อนสาว หรือให้แฟนใส่ยูกาตะมาเดินแอ๊บเป็นหนุ่มสาวสมัยเอโดะก็เนียนได้อยู่นะ

มาดูที่มาสคอตของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้กันบ้างกับ ‘ปราสาทโอบิ’ (Obi Castle) ปราสาทที่ผ่านการปกครองมายาวนานถึง 14 รุ่น ก่อนจะถูกทำลายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เหลือไว้เพียงกำแพงปราสาทที่สร้างจากหิน 5,700 ก้อน ก่อนจะมาสร้างขึ้นใหม่ให้คล้ายเดิมมากที่สุด เราแนะนำให้ทุกคนเดินสำรวจรอบ ๆ ปราสาทด้วย เพื่อชมบ้านพักของเหล่าขุนนาง-ซามูไรแอบซ่อนอยู่ในป่าสนซีดาร์ พืชเศรษฐกิจของเมืองที่จะผลิใบเขียวอย่างงดงามในหน้าร้อน ร่วงหล่นผลัดใบเป็นสีแดงในหน้าหนาว และยังมีต้นซากุระแต่งแต้มสีสันในฤดูใบไม้ผลิ เรียกว่ามาช่วงไหนก็เก็บภาพสวย ๆ กลับไปได้แบบไม่ซ้ำ

017 Sun Messe Nichinan

จากนั้นก็มาเดินย่ำฮัมเพลงกันต่อที่ ‘Sun Messe Nichinan’ ตั้งใจมาเซย์ไฮกับแบบจำลองมรดกโลกอันโด่งดั่งอย่างโมอาย (Moai) รูปปั้นยักษ์ที่ถูกพบอยู่บนเกาะอีสเตอร์ประเทศชิลีกว่า 600 ตัว ซึ่งที่นี่ถือเป็นแห่งแรกและแห่งเดียว ที่ได้รับอนุญาตจากเกาะให้สร้างแบบจำลองได้ โดยมีทั้งหมด 7 รูปวางอยู่ริมผาที่ฉากหลังคือทะเลสีน้ำเงินเข้มอันกว้างใหญ่ รอบ ๆ เป็นลานหญ้าเนินเขาเขียวฉ่ำตาให้เราได้เดินเล่น นั่งเล่นอย่างสบายอารมณ์ ฟีลลิงเหมือนสวนสาธารณะในอุดมคติเป๊ะ

ด้วยความที่หินของเกาะอีสเตอร์ไม่ได้รับอนุญาตให้ถูกเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ โมอายของ Sun Messe Nichinan จึงสร้างโดยการใช้หินของหมู่บ้านชิราคาวะ จังหวัดฟุกุชิมะ เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นมรดกโลก แม่แบบมาจาก Ahu Akibi เป็นแบบเดียวที่หันหน้าออกสู่มหาสมุทร สำหรับที่ญี่ปุ่นเชื่อว่า 7 รูปนี้มอบโชคลาภได้ถึง 7 เรื่องเรียงจากทางขวา จะมีโชคด้านวิชาการ, โชคการเงิน, โชคเรื่องแต่งงาน, ดวงชะตาในภาพรวม, โชคด้านความรัก, โชคด้านสุขภาพ, โชคการงาน หากอยากได้โชคด้านไหนก็เดินไปแตะเลย หากใครเดินชมจนเหนื่อยก็สามารถเข้าไปใช้บริการร้านอาหาร แช่ออนเซ็นด้านในกันได้อีกด้วย

018 𝐅𝐮𝐭𝐨 𝐧𝐨 𝐓𝐨𝐭𝐨𝐫𝐨 富土のトトロ

ยังคงมูฟออนไม่ได้จากการเป็นติ่งของ Totoro ตอนนี้เรามาอยู่ที่ ‘𝐅𝐮𝐭𝐨 𝐧𝐨 𝐓𝐨𝐭𝐨𝐫𝐨 富土のトトロ’ ตั้งอยู่ใกล้เมือง Nichinan สปอตนี้นอกจากจะมีฉากจุดจอดรถบัสเหมือนในหนังแล้ว ยังมีภาพเพ้นต์คิวต์ ๆ ของ Cat bus ให้เราไปร่วมเฟรม และตัวที่ชอบมากที่สุดคือ Makkuro Kurosuke น้องตัวดำที่มีบทบาททั้งในเรื่อง My Neighbor Totoro และ Spirited Away ซึ่งเจ้าของที่นี่เขาตั้งใจสร้างไว้เพื่อเป็นของขวัญให้แม่ที่บ่นว่าอยากมี Totoro ตัวใหญ่อยู่ที่บ้าน ลูกสาวจึงสานฝันให้เป็นจริง ด้วยการเทคอนกรีตปั้นรูปทรงโค้งมนออกมาได้อย่างประณีต จนกลายเป็น Installation อันสมบูรณ์แบบ ถึงแม้เขาจะเปิดให้เป็นสาธารณะแต่บ้านที่เห็นนั้นเป็นที่อยู่อาศัยจริง ๆ ฉะนั้นใครไปเที่ยวก็ช่วยรักษาความสะอาด รักษาความสงบกันด้วยล่ะ

019 Kakushigura ぐんけい本店 隠蔵

ได้เวลาของสายกินที่ตั้งหน้าตั้งตารอเราแนะนำอาหารจานเด็ดในร้าน ‘Kakushigura ぐんけい本店 隠蔵’ ร้านที่มีกลิ่นอายนิปปอนอย่างชัดเจน ตั้งแต่ด้านหน้าสร้างเป็นกำแพงหินพร้อมประตูทางเข้าทำจากไม้แบบโบราณ มีป้ายไม้อันใหญ่ดูโออ่า เปิดเข้ามาภายในจะเจอกับบรรยากาศค่อนข้างเป็นกันเองเข้าถึงง่าย ด้วยโครงร้านทำจากไม้ผสมปูน จัดวางโต๊ะเก้าอี้ทั้งแบบนั่งโต๊ะ และนั่งพื้นสไตล์ญี่ปุ่น กั้นฉาก ตั้งโต๊ะให้มีความเป็นส่วนตัว

มิยากิเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อไก่เรียกว่า ‘จิโดริ’ ไก่บ้านสายพันธุ์ดั้งเดิมที่นิยมเลี้ยงกันในแถบซัตสึมะ ซึ่งไก่ที่เขานำมาใช้จะต้องมาจากฟาร์มที่เพาะเลี้ยงในมิยาซากิ ได้รับรองมาตรฐาน JAS โดยกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่นเท่านั้น ด้วยความที่เป็นเมืองไม่แออัดสามารถเลี้ยงไก่แบบปล่อย ทำให้เนื้อของเขาแน่นเด้งรสชาติเข้มข้น ยิ่งเอามาทำเมนู ‘jidori no sumibiyaki‘ เนื้อไก่หั่นชิ้นพอดีคำนำมาย่างถ่านปรุงรสด้วยเกลือ พริกป่น จนกลายเป็นสีดำหอมกลิ่นถ่านคละคลุ้ง นัวมากับกลิ่นไก่และมันไก่ธรรมชาติหวาน ๆ ถือเป็นโปรตีนชั้นเลิศ ที่ขนาดกินเสร็จแล้วยังเก็บเอาไปฝันเลย 

Day 5

020 Cape Togenkyo

เช้าวันสุดท้ายนี้เราขอมาเติมความสดใสกันที่ ‘Cape Togenkyo’ แหลมริมทะเลที่สวยดั่งภาพในจินตนาการ  จากบนนี้เราจะเห็นวิวทะเลฮิวงะนาดะที่อยู่ในคาบสมุทรโทมิได้อย่างกว้างขวางไกลสุดลูกหูลูกตา โดยการเข้าชมที่นี่จะต้องเสียค่าเข้านิดหน่อย ราคาขึ้นอยู่กับช่วงเวลา แต่รับรองว่าตลอดทางเดิน เพื่อน ๆ จะได้ภาพไปหลายเซ็ตอย่างแน่นอน 

หากมาช่วงฤดูร้อนก็จะเจอความงดงามแบบเท่าทวีคูณกับภาพดอกไฮเดรนเยียสีม่วง ชมพู ฟ้ากว่า 2 ล้านดอก พร้อมใจกันเบ่งบานกระจายทั่วพื้นที่ที่กว้างถึง 20 เฮกเตอร์ ลาดไปตามเนินเขาและริมผา แล้วยังมีดอกไม้พันธุ์อื่น ๆ ที่จะผลิบานตามฤดูกาลอีกเช่นกัน อาทิ ดอกพีช ซากุระ จาคารันดา และเฟื่องฟ้า เอาเป็นว่าใครที่ชอบเที่ยวสวนดอกไม้ อยากได้รูปจึ้ง ๆ ก็ลองเช็กช่วงเวลาที่หน้าเว็บไซต์เขาอีกทีนะ

021 Takachiho Gorge

จบทริปกันแบบโฮ่งแบบแกรนด์ จนต้องร้องว้าวอ้าปากค้าง กับอีกตัวเด่นประจำทริป ‘Takachiho Gorge’ ช่องเขาทาคาจิโฮะที่เกิดจากการแข็งตัวของธารลาวาในยุคโบราณ เกิดเป็นวิวสุดตระการตาจนเราต้องขอยกให้เป็น no.1 ของเมืองนี้ไปเลย เมื่อได้พายเรือเข้าไปอยู่ท่ามกลางแนวหน้าผาที่ตั้งตระหง่านประหนึ่งกำแพงสูงชันกว่า 80 เมตร พร้อมลวดลายอันงดงามของธรรมชาติ สัมผัสละอองน้ำชื้นเย็นจากน้ำตก Manai ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในญี่ปุ่น ปลิวกระทบผิวเราตลอดเวลา บวกกับเสียงน้ำที่ช่วยสร้างความสดชื่น พร้อมปล่อยใจจอยให้ไหลไปกับแม่น้ำ Gokase สีเขียวมรกต รวมองค์ประกอบทั้งหมดแล้วมันงดงามดั่งภาพวาดเลยจริง ๆ

สำหรับกิจกรรมที่นี่เราสามารถเลือกได้ว่าจะเลือกเที่ยวแบบเดินศึกษาตามเส้นทางธรรมชาติระยะ 1 กิโลเมตร เพื่อเสพอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด หรือจะเลือกเช่าเรือพายไปตามช่องแคบอย่างที่เราทำ ค่าบริการจะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ราคาอยู่ราว ๆ 4,100 – 5,100 เยน ระยะเวลา 30 นาที สามารถขึ้นได้สูงสุด 3 คน เรียกว่าราคาคุ้มค่าสุด ๆ เพราะโอกาสที่จะได้พายเรือท่ามกลางหุบเขาดึกดำบรรพ์ที่สวยขนาดนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ เลยนะ

สำหรับทริปนี้เราอยากให้ทุกคนเห็นว่าญี่ปุ่นหน้าร้อนที่ทุกคนมองข้ามมันเป็นอีกช่วงเวลาดี ๆ ที่ควรค่าแก่การมาเยี่ยมเยือน นอกจากนักท่องเที่ยวจะน้อย เดินทางง่ายไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวแล้ว บรรดาธรรมชาติยังเต็มเปี่ยมไปด้วยสีสัน มีชีวิตชีวามากกว่าฤดูไหน ๆ ยิ่งเที่ยวเมืองรองอย่างคาโกชิมะ-มิยาซากิ ก็จะยิ่งเห็นอีกมุมชนบทที่แสนจะน่ารัก เหมือนภาพจินตนาการในนิยายญี่ปุ่นที่เคยอ่านไว้เป๊ะ ใครอยากเที่ยวญี่ปุ่นอีกมิติก็รีบมาตามรอยกันได้เลย 

แพลนเที่ยว 5 วัน

Day 1 ::

001 Kagoshima City Aquarium
002 Shiroyama Park Observation Deck
003 Tontoro Tenmonkan Arcade Restaurant
004 Tenmonkan Mujaki Shirokuma Cafe
005 Tenmonkan Shopping Street

Day 2 ::

006 Saraku Sand Bath Hall
007 Municipal Sōmen-noodle restaurant in Karafune Ravine
008 Lake Ikeda and the Legend of Isshi
009 danken COFFEE (ダンケンコーヒー) いけだ湖パクス店
010 NISHI-ŌYAMA Station
011 Cape Nagasakibana

Day 3 ::

012 Sakurajima
013 Hirataya ぢゃんぼ餅 平田屋
014 Kirishima Open Air Museum

Day 4 ::

015 Tonari no Totoro Bus Stop
016 Obi Town & Castle Ruins
017 Sun Messe Nichinan
018 Futo no Totoro 富土のトトロ
019 Kakushigura ぐんけい本店 隠蔵

Day 5 ::

020 Cape Togenkyo
021 Takachiho Gorge