กลับมาอีกครั้งกับ พัทยา เมืองพักตากอากาศที่เหมาะแก่การมาสร้างโมเม้นต์วีคเอนด์สั้น ๆ รับซัมเมอร์แสนธรรมดาให้น่าประทับใจ โดยทริป 2 วัน 1 คืน แบบตัวแม่ครั้งนี้ … เราเก็บกระเป๋าที่อัดแน่นไปเอ้าท์ฟิทสวย ๆ พร็อพเก๋ ๆ แล้วพาทุกคนออกเดินทางไปรับลมทะเลและเริงร่าท้าไอแดดกับ 7 พิกัดที่บรรจงคัดสรรมาเสิร์ฟ เพื่อนเอาใจสายโซเชียลโดยเฉพาะ เร่ิมจากล่องเรือไม้หาทำคอนเทนต์แสนเก๋ แล้วไปปิกนิกแบบชิคเท่ ณ หาดลับ ก่อนจะเช็คอินที่พักน้องใหม่แสนเก๋ แล้วปิดทริปด้วยคาเฟ่ดีไซ์ดี ร้านอาหารฟีลเมืองนอก อีกสักอย่างละ 1 แน่นอนว่าปลอบประโลมหัวใจด้วยพิกัดดีงามเกินต้านแล้ว ก็ต้องไม่ลืมปลอบประโลมผิวหน้าของทุกคนให้เนียนใสด้วยไอเท็มคู่ใจที่ควรมีในทุกทริป “The NEW Moisturizing Soft Cream” มอยส์เจอไรเซอร์สูตรบางเบาที่ล่าสุดทาง La Mer The next generation พร้อมมอบความชุ่มชื้นแบบเต็มขั้นปกป้องผิวให้แข็งแรง ปรับสูตรใหม่พร้อม สู้แดด สู้ลม ไม่มีหวั่นแม้วันร้อนมาก!
ทริปทะเลท้าแดดแบบนี้ นอกจากบิกินี่ตัวจิ๋ว แว่นกันแดด หมวกสานใบใหญ่แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับสาว ๆ อย่างเรา สกินแคร์ก็ถือว่าสำคัญมากนะ เพราะเป็นตัวช่วยในการปรนนิบัติผิวให้เนียนนุ่มน่ามอง เช่นเดียวกับ The NEW Moisturizing Soft Cream จาก LaMer ผู้ช่วยคนเก่ง ให้ผิวเปล่งประกาย ต่อต้านริ้วรอยแห่งวัยได้ดี ด้วยส่วนผสมอย่าง Miracle Broth™ ที่ช่วยผลัดเซลล์ที่เป็นหัวใจสำคัญของทุกครีมสูตรจาก LaMer ให้ผิวอิ่มเอิบจากภายใน เพื่อผิวที่กระชับและดูสุขภาพดี
DAY 1
01 : หาดลับ ซอยนาเกลือ 18
เปิดประเดิมโลเคชั่นแรกแบบลับ(ที่จะไม่ลับอีกต่อไป) กับหาดที่มีชื่อว่า หาดลับ พิกัดซอยนาเกลือ 18 เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยปังมุมใหม่ของเมืองพัทยา เรียกได้ว่าเป็น hidden gem เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากบรรยากาศดี มีความสวยงามตามธรรมชาติในแบบฉบับทะเลน้ำใส ทรายนุ่ม ไม้แพ้ทะเลทางฝั่งอันดาแล้ว ยังมีโขดหินน้อยใหญ่ให้เราได้ปีนป่ายไปยืนหรือนั่งครีเอทท่าเก๋ ๆ ถ่ายรูปได้รัว ๆ โดยมีฉากหลังเป็นสีฟ้าไล่ระดับของท้องทะเลสวยงามสมมงหาดลับพัทยาที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักสุด ๆ
เมื่อได้รูปสวย ๆ จนฉ่ำใจแล้ว เราก็เลือกทำเลเหมาะเจาะ พร้อมหยิบเอาเซ็ทปิกนิกริมชายคิ้วท์ ๆ อย่างร่มชายหาดสีขาวมินิมอล เก้าอี้ชายหาดสีขาวแซมเขียวตัดกับท้องทะเล มาจัดแจงประกอบวางจนเป็นรูปร่างที่ลงตัวพอดิบพอดี และแน่นอนว่าไม่ลืมที่จะหยิบพ็รอพตามสไตล์สาวเก๋อย่างหมวกสาน ตระกร้าหวาย และหนังสือเล่มโปรดมาอ่านเคล้าไปกับการจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ท้าไอแดด สลับกับการเหม่อมองชมวิวทะเลใสแจ๋วที่อยู่เบื้องหน้าแบบเพลิดเพลินหัวใจ
เพื่อความเป๊ะความปังของรูปเซ็ทนี้ สาว ๆ อย่างเราก็ต้องสู้แดด ถ่ายกันตอนแสงจ้า ท้องฟ้าใสไร้เมฆนี่แหละเลิศสุด แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ต้องกังวลเพราะเราผ่านการบำรุงสม่ำเสมออย่างล้ำลึกมาแล้วด้วย The NEW Moisturizing Soft Cream จาก La Mer ที่นอกจากจะมอบความชุ่มชื้นเหมือนคนดื่มน้ำวันละ 8 แก้วบวก ๆ แล้ว ยังช่วยฟื้นคืนความอ่อนเยาว์ ต่อต้านริ้วรอยแห่งวัยที่เริ่มขยับมาใกล้เราทุกที พร้อมเผยผิวที่แลดูเปล่งปลั่ง ยกกระชับ แลดูผิวสุขภาพดี ทำให้เรากล้าที่จะเฉิดฉายเงยหน้าท้าแดดทุกองศา เพราะมั่นใจว่ามอยส์เจอไรเซอร์สูตรใหม่ล่าสุดที่แสนจะบางเบาตัวนี้ช่วยปลอบประโลมผิวเราได้ดีแน่ ๆ
02 : Brouke.Cafe
สลัดภาพบีชเกิร์ลกลับสู่โหมดคาเฟ่ฮอปปิ้งกันที่พิกัดต่อมา Brouke.Cafe คาเฟ่เปิดใหม่ริมหาดจอมเทียนที่ชิคบาดจิตสวยบาดใจ ด้วยการออกแบบที่เน้นรูปทรงกลมมน โค้งเว้าตัดทรงเลขาคณิต สบายตาด้วยโทนขาวดำ พร้อมพร็อพถ่ายรูปเก๋ไม่เหมือนใคร กับหินสีดำและพื้นทรายสีขาว มีดีเทลเล็ก ๆ ที่มองแล้วรู้สึกถึงเกลียวคลื่นของทะเล แถมยังมีกระจกเงาให้เราถ่ายสตอรี่เพลิน ๆ พอกวาดตามองดูโดยรอบแล้วรู้สึกว่าทางร้านช่างใส่ใจ ทำทุกอย่างจนออกมาลงตัวสุด ๆ
เปิดประตูก้าวเข้ามาในร้านก็ให้ฟีลเหมือนเดินดู Exhibition ใน Art museum พอบวกกับแสงแดดที่ส่องเข้ามาในช่วงบ่าย ยิ่งทำให้ร้านดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก Vibes ดีมาก งานนี้จะมานั่งเทควิวฟ้าครามพร้อมแอร์เย็นฉ่ำ ชมทะเลใสท้าแดดอีกสักกรุบก็ดีงามไปหมด บอกเลยไม่ว่าจะมุมไหน สาว ๆ ก็ได้รูปสวย ๆ กลับไปแน่นอน
ในส่วนของเมนู… ทางร้านจะเน้นชาเขียวเป็นหลัก โดยตั้งใจคัดชาเกรดพรีเมียมนำเข้าจากญี่ปุ่นมาเบลนด์อย่างลงตัว แต่ก็ยังมีขนมและเครื่องดื่มอื่นอีกเพียบอีกเช่นกัน เราสั่งเมนู I’m Corn และ I’m Strawberry พายโฮมเมดเนื้อเนียนแน่นหวานอ่อน ๆ พายสูตรพิเศษของทางร้าน ท็อปด้านบนด้วยมูสครีม ก่อนจะวางข้าวโพดและสตรอว์เบอร์รีลูกโตหวานฉ่ำไว้ด้านบนเอาใจสายหวานไปเต็ม ๆ ในส่วนของชาเขียวเขาก็มีสายพันธุ์มัทฉะให้เลือกกว่า 6 ชนิด เราเลือกเมนู Pineapple Match มัทฉะผสมน้ำผลไม้ รสชาติและกลิ่นละมุนสร้างความสดชื่นท่ามกลางอากาศร้อนได้อย่างมาก สั่งมาทานคู่กันรับรองว่าไม่ผิดหวัง
03 : จุดชมวิวป้ายพัทยา
โลเคชั่นถัดมาถือได้ว่าเป็นหนึ่งในท็อปลิสต์ของเหล่าอินสตาแกรมเมอร์ยุคนี้ไปแล้วกับ จุดชมวิวป้ายพัทยา ที่ทำให้เราเกือบลืมไปเลยว่านี่มันคือพัทยาไม่ใช่ปูซาน ด้วยองค์ประกอบแสนลงตัว มองเห็นเส้นขอบฟ้าที่มีทั้งทะเล ท่าเรือ ตึกสูง ถนนสวย ต้นไม้สีเขียวสบายตา ไร้ซึ่งสิ่งรบกวนสายตา ทำให้ชมวิวกว้างไกลได้เพลิน ๆ แบบ 180 องศา โดยพิกัดถ่ายภาพที่เป็นแลนด์มาร์กคือถนนเส้นยาวบนเนินให้เราถ่ายรูปนำสายตามองเห็นวิวด้านหลัง เป็นจุดชมวิวที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าเด็ด ถ้าแต่งตัวเผ็ซ ๆ เฟียส ๆ มาก็จะได้ภาพโปรไฟล์ใหม่แบบสุดปังกลับไป
เกือบลืมอวด เอ้ย!!!! บอกต่อสาว ๆ ว่า The NEW Moisturizing Soft Cream จาก La Mer ที่เราพกมาในทริปสั้น ๆ รับซัมเมอร์ครั้งนี้ น้องมาพร้อมกระเป๋าเครื่องสำอางทรงกล่อง ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา พร้อมหูจับด้านบนรูปทรงแบน เพื่อให้ง่ายต่อการหยิบจับ แถมยังสะดวกต่อการพกพาไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะถือสวย ๆ หรือใช้เป็นพร็อพถ่ายรูปก็ดูเป็นสาวชิคเก๋ดูแพงขึ้นมาทันที
04 : Terra Nara Hotel
ทริปนี้เราเลือกพักที่ Terra Nara Hotel โรงแรมใหม่แกะกล่องในพัทยาซอย 4 กับการออกแบบสุดมินิมอล ดูเกาหลีเกาใจด้วยการคุมโทนทั้งหมดด้วยสีขาวโทนสว่าง ภายใต้อาคารสุดเก๋ดีไซน์ประตูและลูกเล่นต่าง ๆ ให้มีความโค้งมน บริเวณล้อบบี้เป็นพื้นที่ Open Air ผนังเปิดโล่งรับลมแบบเต็ม ๆ แถมยังสร้างกิมมิกได้อย่างน่าสนใจยามแสงพาดลงมาตามแต่ละช่วงเวลา จนกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่เราต้องขอไปโพสท่าเก๋ ๆ สักแชะสองแชะ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็น Pet Friendly สามารถพาน้องหมาน้องแมวตัวโปรดมาพักแบบแฮปปี้ได้ด้วย
ที่นี่มีห้องให้เลือกพักทั้งหมด 4 Room Type เราเลือกเป็น Junior Suite เมื่อเข้ามาด้านในห้องสิ่งที่เราชอบมาก ๆ คือการจัดวางห้องที่แบ่งระหว่างโซนเตียงนอน และโซนนั่งเล่นได้ลงตัว รวมถึงบรรยากาศ เพราะทุกครั้งที่มองไปยังผนังโค้งมนและเฟอร์นิเจอร์สีไม้ จะรู้สึกถึงความมินิมอลแบบน้อยแต่มากที่ไม่ตะโกนมากจนเกินไป แต่เป็นความรู้สึกชวนผ่อนคลาย ส่วนอีกหนึ่งสิ่งที่โดนใจคือทางโรงแรมมี Netflix ให้เราได้ผ่อนคลาย อีกทั้งยังมีระเบียงส่วนตัวที่สามารถมองเห็นสระน้ำของโรงแรม ให้เราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศชิล ๆ ได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่โรงแรมไปฟิน ๆ ถึงเวลาเตรียมผิวก่อนเข้านอนแบบ ด้วย La Mer The NEW Moisturizing Soft Cream มอยส์เจอไรเซอร์สูตรบางเบาที่ปรับสูตรใหม่ ซึมเข้าผิวโดยตรงมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ตลอดวัน อีกทั้งยังช่วยต่อต้านการเกิดริ้วรอยได้ดี ซึ่งแพคเกจจิ้งเขามาในรูปแบบกระปุกสีขาวสกรีนโลโก้แบรนด์แบบตะโกนว่า La Mer ไว้ตรงกลาง ดูเรียบหรูสมมงลูกคุณสุด ๆ เสริมความผ่อนคลายด้วยการใช้ Facial roller หรือ Gua shaในการปรนิบัติผิว ให้ความรู้สึกผ่อนคลายพร้อมนอนฟังเสียงคลื่นทะเล มีความสุขมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ถ้าอยากบำรุงผิวแบบล้ำลึก เราก็ต้องทามอยส์เจอไรเซอร์ให้เป็น สเต็ปแรกหลังการล้างหน้า ให้เริ่มจากใช้ไม้พายสีขาวขนาดพอเหมาะตักครีมมาวอร์มที่นิ้วก่อน แล้วจึงค่อย ๆ แตะลงบนใบหน้าที่แก้มสองข้าง หน้าผาก คาง และจมูก ใช้ปลายนิ้วค่อย ๆ ถูครีมจากบริเวณจมูกไล่ออกไปถึงแก้มจนครีมซึมลงในชั้นผิว แล้วจึงใช้ปลายนิ้วถูครีมบริเวณที่คาง จมูก และหน้าผาก ใช้นิ้วกลางนวดขึ้นเบา ๆ จากนั้นให้ใช้ฝ่ามือประกบหน้าให้พออุ่น ๆ พร้อมตบเบา ๆ เป็นอันเสร็จ และอย่าลืมว่าขั้นตอนสำคัญคือการนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะจะยิ่งช่วยทำให้ประสิทธิภาพของครีมทำงานได้ผลดียิ่งขึ้นด้วยนะ
ก่อนแยกย้ายพักผ่อน ขอป้ายยาสาว ๆ กันสักนิด คือเราอยากจะบอกเล่าความรู้สึกหลังจากได้ใช้ The NEW Moisturizing Soft Cream และผลลัพธ์ที่ทำให้เลิฟสุดๆ อันดับแรกที่อยากกดเลิฟคือแพ็กเกจจิ้ง เราชอบการออกแบบตัวกระปุกครีม ซึ่งทำออกมาได้ดี สามารถพกพาไปได้ทุกทริป สำหรับเนื้อครีม สัมผัสค่อนข้างบางเบา เหมาะกับทุกสภาพผิว ใช้แล้วรู้สึกได้ถึงความชุ่มชื้น แต่ไม่เหนอะหน้า อีกทั้งยังซึมเข้าสู่ผิวได้ไวและไม่ทิ้งความมันบนผิวหน้า ผลลัพธ์คือต้องบอกว่าชอบมาก(ที่สุด) เพราะช่วยเรื่องช่วยเติมความชุ่มชื้นให้คนผิวแห้งแบบเราได้เริ่ด แถมยังช่วยให้ผิวเรียบเนียนกระชับ ปลอบประโลมผิวได้ดี ยิ่งเจออากาศร้อนมาเที่ยวทะเลแบบนี้ แนะนำให้ทาเช้าและก่อนนอนไปเลยจะดีมาก ๆ
DAY 2
เช้าวันที่สองของทริป เราตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นพร้อมผิวที่เปล่งปลั่ง ดูอิ่มฟูเหมือนคนนอนหลับเต็มอิ่ม ซึ่งเคล็ดลับเทคนิคดูแลผิวให้สดชื่นของเราคือการพักผ่อนที่เพียงพอ ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่อัดแน่นด้วยคุณภาพ และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งอาหารเช้าของโรงแรมจะมาแบบเซ็ทตามที่เราสั่งไว้ตั้งแต่ตอนเช็คอิน โดยมีให้เลือกทั้งแบบอเมริกันสไตล์ไปจนถึงอาหารไทย เสิร์ฟพร้อมผลไม้ น้ำส้ม ชา กาแฟ และของหวาน
อีกส่วนของโรงแรมที่ถ่ายรูปสวยจึ้งจะเป็นสระว่ายน้ำตรงกลางที่ออกแบบให้มีความโค้งมน ตัดกับตัวตึกสีขาวเรียบ ๆ พร้อมไล่ระดับเป็นเลเยอร์สวยลงไปตามความลึก มีวาง Beach Bed ไว้รอบสระให้ได้นอนอาบแดดกันเพลิน ๆ หลังมื้อเช้าเราเลยไม่พลาดที่จะรีบขึ้นไปเปลี่ยนชุดแล้วมาเดินสับ ๆ รับวิตามินดีจากแดดยามเช้า เพิ่มความสดใสซาบซ่า
ยิ้มโชว์ผิวสู้แดดแบบฟาด ๆ ได้อย่างเต็มที่ ความมั่นใจได้เลยว่าว่าผิวของเรารับการดูแลมาอย่างดี ด้วยมอยส์เจอไรเซอร์สูตรบางเบาที่ปรับสูตรใหม่การเพิ่ม Moisture Spheres หลากหลายขนาดเข้ามา สูตรใหม่เข้มข้นกว่าเดิมและเนื้อสัมผัสที่นุ่มเป็นพิเศษเพราะอัดแน่นด้วย Miracle Broth™ ที่ซึมซาบเข้าสู่ผิวอย่างตรงจุด ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวที่ถูกทำลายเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
05 : หาดดงตาล
พอเช็คเอ้าท์จากที่พัก ก็ได้เวลามาชิลเอ้าท์รับลมทะเลกันต่อที่ หาดดงตาล ชายหาดยาวพร้อมทรายนุ่มและคลื่นทะเลอันนิ่งสงบ ความโดดเด่นคือเหล่าต้นมะพร้าวสูงใหญ่ที่ขึ้นเรียงอยู่ริมหาด เป็นอีกหนึ่งโลเคชั่นที่เหมาะแก่การแวะมาเดินเล่นกดชัตเตอร์ไปเรื่อย ๆ นั่งฟังเสียงคลื่น อาบแดดริมหาด พายเรือคายัค หรือเตรียมของมาปิกนิกอ่านหนังสือเบา ๆ สักเล่ม ก็ล้วนผ่อนคลายสบายอารมณ์เป็นที่สุด
06 : NAVASOUL
หลังจากเดินเล่นเพลิน ๆ จนแดดร่มลมตก ช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ ก็ได้เวลาที่เราจะออกไปทำกิจกรรมสุด Exclusive ล่องเรือไม้สุดคลาสสิคกับ NAVASOUL ไฮไลต์คือการล่องเรือหัวโทงชมวิว ทานอาหาร และจิบไวน์แบบ Private จากหาดพัทยา ที่มั่นใจได้เลยว่าเราจะได้รูปสวยดังใจหวังแน่นอน ด้วยการตกแต่งเรือที่สวยงามไม่เป็นสองรองใคร จัดวางองค์ประกอบลงตัวไม่ว่าจะเป็นผ้าม่านโปร่งบาง หมอนอิง และเบาะรองนั่ง ล้วนแต่คุมโทนสีขาวครีม สำหรับเส้นทางของเรือลำนี้จะมีให้เลือก 2 รูท คือพัทยา-จอมเทียน และ พัทยา-หาดวงอำมาตย์ ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวัน
กินดื่มอย่างลูกคุณหนูไม่เกินจริงถ้าเราได้มาล่องเรือไม้สุดคลาสสิค NAVASOL การได้มานั่งชิลชมวิว พร้อมเติมพลังกับอาหารหลากเมนู เคล้าลมทะเลเอื่อย ๆ กับบรรยากาศแสนจะไพรเวท ยิ่งลมทะเลปะทะโดนผิวยิ่งรู้สึกถึงช่วงเวลาพักผ่อนที่คอมพลีท ยิ่งมีตัวช่วยดี ๆ The NEW Moisturizing Soft Cream จาก La Mer ก็ยิ่งมั่นใจที่จะเฉิดฉายหันหน้าเข้ากล้อง เพราะผิวเรามันปังตลอดเวลา
เต็มอิ่มกับพื้นน้ำสีฟ้า คล้อยตามเสียงคลื่นแบตเตอรี่ในใจเราก็ไต่ระดับสู่ความสุขแบบเต็มพิกัด ขาล่องเรือกลับฝั่งเราเลยขอขยับขึ้นมานั่งแอคท่าเหม่อ แกล้ง ๆ เผลอแบบเบา ๆ บนหลังคาเรือ ปล่อยใจจอยไปกับคลื่นลม รูปที่ออกมาก็ได้ฟีลสาวไฮโซสุด ๆ
07 : Castello Di Bellagio Pattaya
ก่อนกลับเข้ากรุงฯ เราขอแวะ Castello Di Bellagio Pattaya คาเฟ่กึ่งร้านอาหารสไตล์อิตาเลียน ที่สวยจนเราต้องร้องอู้หูตั้งแต่เลื่อนเห็นฟีสในโซเชียลเลยต้องกดเซฟเข้าลิสต์อย่างว่องไว ตัวตึกใช้สีอ่อนสไตล์เรียบหรู โดดเด่นด้วยทรงโค้งของประตู หน้าต่างบานใหญ่ช่างดูร่วมสมัยเข้ากับบรรยากาศโดยรอบ แบ่งสเปซไว้สำหรับสวนสวยปลูกดอกไม้ ต้นไม้ เรียงรายแถวริมทางเดิน ทำให้เราได้ทอดสายตามองเพลิน ๆ ระหว่างจิบกาแฟ
จะเลือกนั่งด้านในก็แสนเก๋ เพราะเค้านำเฟอร์นิเจอร์วินเทจงาม ๆ มาจัดวางแมทช์กัน ดูเรียบหรูสบาย ๆ จนกลายเป็นเสน่ห์ที่น่าจดจำ หรือจะเลือกนั่งมุมเอ้าท์ดอร์รับแสงแดด ชมวิวชิล ๆ บนดาดฟ้าสไตล์หนุ่มสาวอิตาลีก็ดีงามไม่แพ้กัน
ถ้าแวะมาที่นี่เราแนะนำให้ลองสั่งเมนูชาร้อนคุณภาพดีที่มีให้เลือกหลายกลิ่นมาทานคู่กับ Caviar Tiramisu เค้กที่สเฟียร์กาแฟออกมาคล้าย ๆ กับไข่ปลาคาร์เวีย ด้านล่างเป็นทิรามิสุเค้กที่ฉ่ำด้วยชีสและเลดี้ฟิงเกอร์แบบฉ่ำ ๆ เหมาะกับการพักเบรกนั่งพักแบบเพลิน ๆ ยามบ่าย หรือใครเป็นคอกาแฟที่ร้านก็มีเมนูให้เลือกเช่นกัน จะทานคู่กับขนมอบสดใหม่ร้อน ๆ จากเตาอย่าง Choux Cream กรอบนอกนุ่มในก็อร่อยเข้ากัน
มาพัทยาทีไรเวลาก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก แม้เป็นทริปสั้น ๆ รับซัมเมอร์ 2 วัน 1 คืน ช่วยฮีลใจได้ดีมากกก ยิ่งช่วงนี้เริ่มเป็นไฮซีซั่นของทะเลแล้ว เพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพก็มาตามรอยเราได้เลยรับรองแฮปปี้ ได้รูปสวยปังในทุกโลเคชั่น แต่ใด ๆ ก็คืออย่าลืมเตรียมตัวช่วยดี ๆ ที่จะทำให้ผิวดูนุ่มชุ่มชื้น เรียบเนียนกระชับ พร้อมเผยผิวที่เปล่งประกายทุกองศาเหมือนที่เรามี La Mer “The NEW Moisturizing Soft Cream” มอยส์เจอไรเซอร์สูตรบางเบา สูตรใหม่ล่าสุด ที่เราพกติดติดกระเป๋าอยู่ตลอดเพื่อความอุ่นใจ เพราะเขาจะช่วยปลอบประโลมผิวให้สมดุลอยู่เสมอ จึงเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้ในทุกทริปที่เราเดินทาง!