รีวิวกาญจนบุรี :: Make The Best Of Your 72 Hours In Kanchanaburi With Xiaomi 13 Pro

นี่คือ 72 ชั่วโมงกับ 7 โลเคชั่นที่ทำให้ใจสั่นระรัวกับ Kanchanaburi จังหวัดที่มาเที่ยวกี่ครั้งก็ยังตกหลุมรักได้ไม่เบื่อ ทั้งสายน้ำ ภูเขา แมกไม้ธรรมชาติมากมาย อีกทั้งยังไว้ลายความเก๋ด้วยคาเฟ่หลากสไตล์ให้ได้ฮอปปิง ไม่ว่าจะฟีลฟาร์มกรีน ๆ เกาหลีอปป้า หรือจะมาแบบนอร์ดิกเรียบเก๋พร้อมมุมสุดเท่ที่แชะภาพตรงไหนก็แฮปปี้ได้ทุกเวลา และ 3 วัน 2 คืน ที่กาญจนบุรีจากนี้ จะมีแต่รูปสวย ๆ แบบ 300% เพราะเรามากับ Xiaomi 13 Pro สุดยอดสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดจาก Xiaomi ที่พัฒนากล้องร่วมกันกับ Leica แถมอัดแน่นด้วยฟังก์ชั่นหลากหลายให้เรากลายเป็นมือโปรขึ้นอีก 30 เท่า อีกทั้งยังเรียบหรูในรูปลักษณ์ แจ่มในระบบ จะสวย จะดี จะเจ๋งขนาดไหน เข้ามาดูข้างในกันเลย

สำหรับคู่ควงออกทริปของเราครั้งนี้คือ Xiaomi 13 Pro สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Xiaomi ยืนหนึ่งด้วยเลนส์กล้อง Optical ที่พัฒนาร่วมกับ Leica อย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยกล้องหลังทุกตัวมีความละเอียดเท่ากันอยุ่ที่ 50 MP โดยกล้องจะมีเซ็นเซอร์ IMX989 ขนาด 1 นิ้ว พร้อมกันสั่น HyperOIS / กล้องอัลตราไวด์มีมุมกว้าง 115 องศา โฟกัสได้ใกล้สุด 5 ซม. / กล้องเทเลโฟโตมีความยาวของเลนส์ 75 มม. โฟกัสได้ใกล้สุด 10 ซม. และกล้องหน้า 32 MP เรียกว่าชัดแจ๋วทุกมุมมองกันไปเลย

01 Thai Paper Factory 

ปักหมุดพิกัดแรกแบบสตอรี่แน่นมุมถ่ายรูปคูลไปที่ โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี โรงงานเก่าแก่ที่แม้จะถูกปิดไปแล้ว แต่ก็ยังมีกลิ่นอายความเก๋าอยู่มิเสื่อมคลาย โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรีแห่งนี้ สร้างขึ้นช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ราว ๆ 85 ปีก่อน เป็นโรงงานกระดาษแห่งที่ 2 ของไทยอยู่ในสังกัดกระทรวงกลาโหมในสมัยนั้น โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โรงงานยุโรปหาชมยาก และยังถือเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงสังคมจากเกษตรกรรมให้เป็นอุตสาหกรรมของกาญจนบุรีอีกด้วย

พอเดินเข้ามาจากประตูใหญ่เราจะพบกับอาคารแนวยาวสีครีม สูงใหญ่ ตามผนังมีกระจกติดเป็นแผงอย่างมีระเบียบ ตรงข้ามอาคารเป็นลานหญ้ากว้างใหญ่ ที่มองเห็นโกดังเก็บของสีครีมอยู่ไกล ๆ ฟีลลิ่งเหมือนอยู่ต่างประเทศไม่มีผิด ตามซอกอาคารจะมีตึกที่ผุพัง เปิดโล่งบ้าง ปิดทึบบ้างให้เราเห็นความรกร้าง มีแสงเงสพาดผ่านสวยงามแปลกตาอย่างไม่น่าเชื่อ จนเราสามารถครีเอทภาพตามจุดต่าง ๆ ได้แบบไม่ซ้ำ แล้วยิ่งได้เจ้า Xiaomi 13 Pro ที่มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 50 MP ทุกช่วงระยะ ไม่ว่าจะถ่ายทอดมุมมองไหนก็คมชัดระดับโปร เกลี่ยแสงได้เนียนแต่งภาพต่อได้ง่าย หรือจะลงรูปแบบสด ๆ ก็ไม่ติด แถมเขายังมีลูกเล่นกล้องอีกมากมายให้เราเลือกใช้ ทั้งแนวสตรีทเทา ๆ หรือพอร์ตเทรตงาม ๆ 

ในส่วนของตัวเครื่องก็ต้องบอกเลยว่า … ดีไซน์เรียบหรูดูอิลิแกนซ์ ด้วยด้านหลังที่ใช้วัสดุจากเซรามิกสุดพรีเมียมหน้าจอใหญ่มีความโค้งมนแบบ ultra durable 3D curve ให้เราสัมผัสได้อย่าง Smooth ถือไปไหนก็มีแต่คนเหลียว หยิบขึ้นมาถ่ายรูปทีไรก็มีแต่ความมั่นใจ

02 Monaz River Kwai Kanchanaburi

มาในส่วนที่พักทริปนี้ของเราบอกเลยว่าตอบโจทย์คนที่หลงใหลในสีเอิร์ทโทนสุด ๆ กับ Monaz River Kwai โรงแรมที่ออกแบบสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ เน้นสีน้ำตาลเข้มตัดกับธรรมชาติโดยรอบได้อย่างลงตัว เริ่มจากเดินเข้ามาเราจะพบกับเสาไม้เนื้อสวยยืนตระหง่านเรียงกัน 4 คู่ ถัดมาเป็นรีเซปชั่นแบบโอเพ่นแอร์ พร้อมพี่ ๆ พนักงานที่รอต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม ตรงกลางจะมีสระน้ำทรงสี่เหลี่ยมผืนฟ้าสีฟ้าสดใส ล้อมด้วยอาคารสีเข้ม และต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกอย่างเป็นระเบียบ ส่วนห้องพักทางเราต้องขอเทใจให้กับความเรียบเท่ในการตกแต่ง ทีชอบสุดคืทุกห้องจะมีกระจกบานใหญ่พร้อมระเบียงให้เราออกไปสูดอากาศ ชมแมกไม้ภายนอกได้อย่างสบายตา ตอนเช้ามีแสงสวย ๆ พาดเข้ามาในห้องแบบจึ้ง ๆ

03 CHAN nature cafe’

คาเฟ่ยืนหนึ่งแห่งกาญจนบุรี เรียกว่ากลายเป็นแลนด์มาร์กของเหล่าอินฟลูและคาเฟ่ฮอปไปแล้วก็ว่าได้ ณ ร้าน CHAN nature cafe’ ร้านกาแฟสไตล์บ้านนอร์ดิกซ์ในฝัน เน้นการตกแต่งน้อยแต่มากแบบญี่ปุ่น อาคารหนึ่งมีพี่กังหันลมเป็นพระเอกให้เราได้ถ่ายรูป ส่วนนางเอกของยกให้ Sky walk ที่ชมวิวมุมสูงยื่นออกไปนอกอาคาร สำหรับผู้มาเยือนได้ชมวิวของธรรมชาติแบบ 180 องศา ถ้าเดินสำรวจรอบ ๆ เขายังมีโซนแคคตัส แลนด์ออฟน้องบองที่ชูช่อใหญ่โตอย่างงดงาม ซึ่งเป็นพันธุ์ที่หาดูยาก ๆ ทั้งนั้น แถมได้มุมถ่ายรูปเป็นร้อยรูปไปอัพลงได้ถึงเดือนหน้าเลย 

ร้านนี้เราขอเน้นให้กับเหล่าชาเขียวเลิฟเวอร์ เพราะเขามีบาร์มัทฉะที่จัดเสิร์ฟมัทฉะเกรดพรีเมียมส่งตรงจากญี่ปุ่น ชงโชว์กันแบบสด ๆ แก้วต่อแก้ว ให้รู้กันไปว่าเขาเป็นสเปเชียลลิสต์ด้านชาจริง ๆ ซึ่งรสชาติก็ไม่ผิดหวังความหอมและความเข้มของชานั้นเข้ากับส่วยผสมอื่น ๆ ได้กำลังดี ในส่วนของการถ่ายภาพ ถ้าอยากได้ภาพอาหารเก๋ ๆ  เราแนะนำให้ปัดนิ้วไปที่โหมด Portrait ในระยะ 90 mm ใช้ Soft focus ที่ผลลัพธ์จะออกมาแบบภาพใบล่าง ที่จะดูละมุนละไมถูกใจสาวหนาวแน่นอน

และสำหรับโลเคชั่นนี้เราขอแนะนำให้ทุกคนอยู่ลากยาวจนถึงค่ำกันไปเลย เพราะเขาจัดไฟในสวนให้เป็นนิปปินสไตล์ได้น่ารักน่าหยิกมาก ๆ โดยความคิ้วท์ของภาพที่เก็บมาฝากเราใช้ Night Mode ในการสรรค์สร้าง ซึ่งจะบอกว่าระบบ AI ของเครื่องสามารถปรับแสงเองได้อัตโนมัติ รายละเอียดคมชัด ทั้งการไล่สีของท้องฟ้ามาครบ ไฮไลต์ของดวงไฟไม่โอเวอร์จนเสียรายละเอียด แถมไม่มีแสงแฟร์กระทบเลนส์ แก้ได้ทุกปัญหา เอาไปเลยสามผ่านกับการถ่ายรูปตอนกลางคืน

ในส่วนของ Portrait ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้อีก เพราะประทับจิตประทับใจมากเหลือเกิน … เขาจัดมาให้ถึง 4 ระยะ 4 รูปแบบ เอาให้สายถ่ายภาพละลายหลังแบบจุก ๆ  กับระยะเลนส์ที่มีตั้งแต่ 35 / 50 / 75 / 90 mm พร้อมประสิทธิภาพการสร้างโบเก้ที่เนียนสวย มอบมิติของภาพได้อย่างไร้ที่ติ แค่เรากดปุ่มโฟกัสก็ประมวลผลให้อย่างรวดเร็ว โดยที่ระยะ 35 mm(BW) ได้ภาพแบบขาวดำ ส่วน 50 / 75 mm เป็นเลนส์ Portrait ปกติที่เรามักใช้กัน ส่วน 90 mm จะได้ภาพแบบ Soft Focus มีลูกเล่นเข้าไปอีก ดีงามจริง ๆ

04 Lycka Cafe’

อีกคาเฟ่ที่มีความลอฟต์ แต่มีกลิ่นอายความโคเรียอย่างเนืองแน่น ที่ Lycka Cafe’ ด้วยตัวร้านที่เน้นวัสดุปูนเปลือยสีเทา ดำ ตัดด้วยกระจกใส เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ก็จะเน้นสีขาว และเนื้อใส ทำให้มองไปทางไหนก็ดูเก๋กรุบลงตัวเหมือนคาเฟ่เกาหลีสไตล์แมน ๆ คุยกับครัช.. ยิ่งช่วงบ่ายแก่ ๆ ที่แสงแยงทำมุมกับคานปูนหน้าร้าน พาดผ่านเข้ามาภายใน เกิดเป็นลวดลายเท่ ๆ ก็ยิ่งเทใจให้แล้วครึ่งหนึ่ง พอได้ลิ้มชิมรสชาติกาแฟและขนมเขาแล้วก็ต้องขอให้ใจไปเต็ม ๆ แต่ก่อนไปที่ของกินเราขอพาไปถ่ายรูปมุมเด็ด ๆ เป็นอินสไปร์ให้ทุกคนกันก่อน 

และเมนูที่เลือกในร้านนี้ เราก็ไม่พลาดสั่งขนมอบซิกเนเจอร์ ‘CROON’ ขนมเนื้อครัวซองต์ที่ทำหน้าตาออกมาเหมือน MOON ทรงน่ารัก มีให้เลือกรสคาราเมล ช็อกโกแลต และครีมสตรอว์เบอร์รี่ที่เราสั่ง ส่งกลิ่นหอมตั้งแต่เขาเดินเอามาวาง พอได้จิบคู่กับ Dirty อันแสนกลมกล่อม มันอร่อยจนเราหยุดไม่ได้เลยจริง ๆ 

05 Kappa Gardens Farm

ฟาร์มคาเฟ่ของเหล่าคนรักการขี่ม้า หรือใครยังไม่เคยก็สามารถเปิดประสบการณ์ที่นี่ได้เช่นกันกับ Kappa Gardens Farm ร้านคาเฟ่วิวเขาที่ให้เราเทควิวทุ่งหญ้ากลางหุบเขาแบบชิล ๆ ตัวร้านจะตกแต่งหลายอารมณ์หน่อย มีซุ้มที่ใช้ผ่าขาวมุงให้ร่มเงาภายในเป็นชุดเฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือจะเป็นมุมปิกนิกก็มีผ้าปู หมอน ตะกร้าดอกไม้ไว้เป็นพร็อพให้เสร็จสรรพเหมาะกับสาว ๆ ส่วนหนุ่ม ๆ อย่างเราก็ขอมุ่งตรงไปที่ไฮไลต์บริเวณฟาร์มม้า นั่งเล่นกับน้อง ๆ ที่ออกมาเล็มหญ้าอย่างสบายใจ ทำให้เราสบายตาไปด้วย ใครอยากทำกิจกรรมขี่ม้าเขาก็มีบริการขี่ม้าเทรลชมธรรมชาติด้วย เตรียมชุดมาถ่ายรูปเท่ ๆ กันได้เลย

นอกจากจะเห็นไฮไลต์ของสถานที่แล้ว เราขอแอบบอกเคล็ดลับเด็ดในการถ่ายรูปให้ได้มู้ดโทนเท่ ๆ ด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องนี้สักหน่อยด้วย Leica Authentic Look ผสานกับฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกมากมาย อย่างอันนี้เราใช้ Leica natural ที่ปรับลดความจัดจ้านลงดูเป็นธรรมชาติ, Leica Monochrome แบบขาวดำปกติ และLeica Monochrome ที่จะปรับความคอนทราสมากขึ้นส่วนสื่ออารมณ์ภาพมากขึ้นไปอีก

สำหรับเช็ตภาพมาสเตอร์พีชในทริปนี้ขอยกให้เลนส์ 35 mm(BW) ที่ถ่ายทอดมาในรูปแบบภาพขาวดำ อย่างแรกคือเราชอบการสร้างมิติของภาพ ที่ปรับได้ดั่งใจด้วยปลายนิ้ว จนสามารถแคนดิดการขยับตัวจองม้าและครูฝึกได้อย่างรวดเร็ว และละลายสวยงาม อย่างที่สองคือแสงเงา ที่เป็นหัวใจของภาพแนวนี้ ที่สามารถสื่ออารมณ์ของสิ่งมีชีวิตออกมาได้อย่างดี

06 gloi cafe

มาถึงกาญเราก็ต้องหาร้านนั่งชมวิวริมน้ำกันสักหน่อย เอาจริง ๆ gloi cafe ร้านนี้เราชอบตั้งแต่ด้านหน้าที่มีความมินิมอลขั้นสุดด้วยอาคารทรงเหลี้ยม มีผนังกว้างเรียบเนียบจัดวางของตกแต่งน้องชิ้นแต่แฝงความเก๋กรุบ แค่ตรงนี้ก็ถ่ายรูปได้เป็นสิบ พอเดินผ่านประตูทรงโค้งเข้าไปก็จะเจอกับห้องโล่ง ๆ ที่มีชุดโต๊ะวางกระจายอยู่ พร้อมกลิ่นกาแฟหอมรัญจวนจากเคาน์เตอร์กาแฟข้าง ๆ ทะลุออกไปอีกด้านก็จะเป็นวิวแม่น้ำแคว มีเก้าอีกและร่มจัดวางแบบคุมโทน หรือจะถ่ายแอ๊คท่าถ่ายรูปบนดาดฟ้าที่เขาจัดมุมไว้ให้เราครีเอทรูปได้เก๋ ๆ แอบกระซิบนิดนึงว่าช่วงบ่าย ๆ ทางแสงดีม๊าก

ในส่วนเมนูที่เราสั่งจะเป็น Yuzu anchan ที่มอบรสหวานเปรี้ยว และกลิ่นส้มยูซุหอมสดชื่นมาแบบจัดเต็ม เติมความหวานให้มีแรงเที่ยวเพิ่มอีกนิด ด้วยมูสเนื้อนุ่มละมุนลิ้น กลิ่นชาเขียว มีเท็กเจอร์กรุบกรอบจากช็อกโกแลตที่ท็อปอยู่ด้านบน นั่งเล็มไปเรื่อย ๆ พร้อมอ่านหนังสือที่ชอบสักบท ก็ถือเป็นการใช้เวลาที่เพอร์เฟคที่สุดแล้ว

07 W STORY

ขอเลือกโลเคชั่นนี้เป็นที่สุดท้าย เพื่อให้เราจบรีวิวแบบฟินเนเล่ที่สุดใน W Story คาเฟ่วิวแม่น้ำ ภูเขา และทางรถไฟซิกเนเจอร์แห่งเมืองกาญ มีที่นั่งให้เลือกทั้งโซนอินดอร์นั่งตากแอร์เย็นฉ่ำ หรือจะเอาท์ดอร์รับลมธรรมชาติเฟรซก็ได้ทั้งนั้น โดยเมนูของทางร้านมีทั้ง coffee, non-coffee และขนมมากมายให้เราเลือก ไม่ว่าจะเป็นเค้กมะพร้าว เรดเวลเวด ช็อคโกแล็ต ชีสเค้ก หรือจะเป็นคอฟเฟิลหลากทอปปิ้ง เรียกว่าครบทุกความชอบ เหมาะกับคนทุกกลุ่มจริง ๆ

สำหรับที่นี่เขาสร้างมาแบบเอาใจสาว ๆ นักแชะ หนุ่มนักถ่ายภาพเป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นมุมกรอบไม้ให้เราไปนั่งโพสท่าเท่ ๆ เห็นฉากหลังเป็นวิวเทือกเขากับแม่น้ำ หรือไปยืนตรงระเบียงกระจกเห็นวิวธรรมชาติแบบพาโนราม่า แวะเข้าไปถ่ายรูปกับตัวร้านสีขาว ที่โดดเด่นจากความเขียวฟ้ารอบ ๆ แต่กลับน่ารักจนใจบาง ยกกล้องไปตรงไหนก็ถ่ายรูปได้สนุกทุกมุมเลย

นอกจากกล้องจะว้าวแล้ว.. รุ่นนี้มาพร้อมกับซิปเซ็ตของ Snaodragon Gen2 ที่เร็วและแรงขึ้นกว่าเดิม จอแสดงผล WQHD + dynamic 120Hz AMOLED display รองรับ Dolby Vision และ Dolby Atoms แถมการชาร์จไฟยังทำได้เร็วถึง 120W Hyper Charge และชาร์จแบบไร้สาย เรียกว่าเหมาะทั้งเล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียลได้แบบลื่นปรื๊ด.. ซึ่งใน Series นี้นอกจาก Xiaomi 13 Pro ที่เราใช้แล้ว ยังมี Xiaomi 13 ด้วย ใครอยากลองสัมผัสตัวจริง ก็ช้อปเลยที่ Xiaomi Store ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ (BaNANA IT/ Jaymart/ TG FONE/ CSC IT City) ร้านค้าเครือข่ายมือถือ (AIS, True5G, DTAC) และร้านค้าออนไลน์

แค่เวลาไม่นานที่เราได้ใช้เวลาในกาญจนบุรี บอกเลยว่าเป็นการพักผ่อนที่แสนจะสมบูรณ์ อิ่มเอมทั้งใจที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่อะไรสวย ๆ อิ่มทั้งกายที่ได้หาขนมเครื่องดื่มอร่อย ๆ ในคาเฟ่สไตล์ที่ชอบ และท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องแบกกล้องให้หนัก เปลี่ยนเลนส์ให้เหนื่อยด้วยการพกสมาร์ตโฟนที่เหมาะกับทริปท่องเที่ยวที่สุดอย่าง Xiaomi 13 Pro ใครอยากสัมผัสความอิ่มเอมเหล่านี้ก็อย่าลืมไปจับจองแล้วมาตามรอยเรากันนะ