เชื่อว่าทุกคนล้วนมีสถานที่สุดโปรดในหัวใจ ให้ออกเดินทางไปหาอินสปายเรชั่นและเติมพลังอยู่เสมอ เราเองก็เช่นกันเมื่อมีเวลาว่างก็มักจะหาทริปแจ่ม ๆ เพื่อไปรีทรีทร่างกายสักคืน วันหยุดรอบนี้ขอพาเพื่อน ๆ ไปเช็คอิน ‘อุทัยธานี’ หนึ่งในจังหวัดโปรดของเราที่มีความครบเครื่องแบบสุด เราจะได้เจอกับความเงียบสงบ ได้ขับรถกินลมชมธรรมชาติสุดอลัง ได้สัมผัสมนต์ขลังของป่าดึกดำบรรพ์ ได้ซุกตัวในอ้อมอกต้นไม้ยักษ์รุ่นปู่ทวด จบด้วยการได้แต่งตัวไปหามุมถ่ายรูปคูล ๆ ในคาเฟ่ฟีลโฮมมี่ไว้อัพเดทโปรไฟล์ใหม่ และเหนือสิ่งอื่นใดคือได้ปล่อยอารมณ์ให้ไหลไปกับการเที่ยวอันแสนสุข
แน่นอนว่าอุทัยทริปของเราในครั้งนี้ จะขาดเพื่อนร่วมทางอย่าง Lambretta X300 ไม่ได้เด็ดขาด! ด้วยความที่เป็นสกู๊ตเตอร์ DNA อิตาลีแบบเข้มข้น มาในคอนเซปต์ Heritage to Future ยืนหนึ่งเรื่องความคลาสสิก ถูกออกแบบให้มีความล้ำสมัยระดับไฮเอนด์ พร้อมยังดีไซน์มิติใหม่ ผ่านรูปทรง Diamond Lines วาดลวดลายบนตัวรถ ซึ่งถือว่าเป็นการก้าวสู่ New Generation อย่างแท้จริง ที่สำคัญสมรรถนะดีงาม มีฟังก์ชั่นการใช้งานตอบโจทย์ทั้งขับขี่ในเมืองและต่างจังหวัด มีให้เลือก 4 สี ด้วยกันคือ Milano Green (เขียว), Lucente Black (ดำ), Gemma White (ขาว) และ Argento Grey (เทา) ในราคาสุดเร้าใจเพียงแสนห้าเท่านั้น
01 : หุบป่าตาด
พิกัดแรกขอเริ่มด้วยจุดเช็คอินยอดฮิตของเมืองอุทัยธานี ‘หุบป่าตาด’ โลเคชั่นที่จะทำให้หัวใจเราเต้นตึกตักเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในหนังจูลาสิค พาร์ค อย่างไงอย่างงั้น ที่นี่เป็นป่าดงดิบขนาดใหญ่ มีถ้ำหินปูนที่เกิดจากการถูกน้ำฝนกัดเซาะมาเป็นเวลานาน จนเกิดโพรงถ้ำทำให้ด้านในเต็มไปด้วยหินงอก หินย้อย โขดหินและต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ กิจกรรมที่นี่คือการปล่อยให้ธรรมชาติได้บำบัดโดยที่เราต้องขยับร่างกายแบบลุย ๆ สักนิด ด้วยการเดินลอดถ้ำหินปูนเข้าไปประมาณ 40 เมตร ใช้ไฟฉายส่องทางสักหน่อยเพื่อนำไปสู่หุบเขาที่เป็นป่าต้นตาด ต้นไม้โบราณเป็นพืชตระกูลปาล์มที่ไม่สามารถปลูกเองได้จะขึ้นเองตามเนเจอร์เท่านั้น เรียกว่าเป็นความอาร์ตที่ถูกธรรมชาติสร้างสรรค์อย่างลงตัว
แม้เส้นทางจะไม่ไกลมากแต่ก็พอได้เหงื่ออยู่บ้าง จะบอกว่าทางเดินค่อนข้างสะดวก ไม่อันตรายไม่ต้องปีนป่ายอะไร ซึ่งระหว่างทางจะมีป้ายให้ข้อมูลและมีจุดพักเหนื่อยให้เรานั่งพักผ่อนหย่อนใจและชมวิวเป็นระยะ ๆ นอกจากจะได้ชมความสวยงามตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติแล้ว ยังได้สัมผัสความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้ใบหญ้าเต็มไปหมด แถมยังมีมุมกรีน ๆ เท่ๆ ให้รัวชัตเตอร์อีกเพียบ เราว่าที่นี่เหมาะมากที่เหล่าอินสตาแกรมเมอร์ จะแวะมาเช็คอินสร้างสตอรี่ให้เป็นจุดไข่ปลา
ไม่นานเราก็เดินมาถึงจุดไฮไลต์ มีความ Unseen ในแบบที่ไม่คาดคิดกับภาพอุโมงค์หินที่เรียกกันว่าโถงกลาง ซึ่งกำลังฉายภาพความเขียวชอุ่มของต้นตาดและพันธุ์ไม้มากมายอยู่เบื้องหน้า จนเราอดไม่ได้ที่จะจินตนาการว่าได้ย้อนเวลากลับไปยุคไดโนเสาร์เลยทีเดียว เพราะมองไปทางไหนก็ดูเขียวสบายตาเต็มไปหมด
02 : บ้านชายเขา
ไม่ไกลจากหุบป่าตาด ยังมีอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสุดคูลที่ฮอตฮิตติดกระแส และยังมาพร้อมมุมถ่ายรูปสุดปัง ชื่อว่า ‘บ้านชายเขา’ ซึ่งก็มีทิวเขาหินปูนสลับซับซ้อนทอดแนวยาว มองไปมองมาบรรยากาศโดยรอบก็มีความละม้ายคล้ายต่างประเทศอยู่บ้าง เรามาแวะพักคนและรถ เพื่อซึมซับบรรยากาศ ภูเขา ต้นไม้ แสงแดด ปล่อยจอยเสพธรรมชาติ พอลองหามุมถ่ายรูปดี ๆ ก็เนียน ๆ เหมือนไปเที่ยวต่างแดนอยู่นะ
นอกจากจะเป็นโลเคชั่นที่ถ่ายรูปสวย เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวอย่างเราแล้ว ที่นี่ยังเป็นลานกางเต็นท์สุดฮอตบนทุ่งหญ้ากว้างที่เหมาะมากสำหรับสายแคมป์ปิ้งมือใหม่อีกด้วย เนื่องจากเดินทางง่าย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ หรือถ้าใครไม่ใช่สายแคมป์แต่เป็นสายคอนเทนต์จะเตรียมเก้าอี้สนาม พร้อมพร็อพอย่างเซ็ทปิกนิกมาหาทำ Reels ลงอินสตาแกรมเก๋ ๆ ก็ได้ไม่ติดเลยสักนิด
ก่อนที่จะมูฟไปโลเคชั่นถัดไป ใครที่ชอบ Road trip เที่ยวสั้น ๆ 2 วัน 1 คืน แบบเราต้องเลิฟ Lambretta X300 คันนี้แน่ ๆ เพราะออกแบบมาให้ใช้งานง่ายเน้นความสะดวกสบาย เบาะนั่งยาวแถมยังนุ่ม ในส่วนของ STORAGE BOX ช่องเก็บของใต้เบาะก็มีความกว้างมากพอที่จะใส่สัมภาระส่วนตัวอย่างหมวกกันน็อค ของปิกนิก พร็อพกระจุกกระจิก หรือเสื้อผ้ามาออกทริปได้ชิล ๆ เลย
ความเท่ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะเพื่อนร่วมทางสุดหล่อเข้ม Lambretta X300 ของเรามาพร้อมดีเทลแบบแน่น ๆ ทั้งชุดไฟท้าย LED Combination Light ดีไซน์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครกับขีดตั้งขนาดใหญ่พอ ๆ กับป้ายทะเบียน ซึ่งรวมไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉินอยู่ในชุดเดียวกันเลย ส่วนไฟหน้าก็ถูกออกแบบให้เป็นรูปทรงหกเหลี่ยม ดูเท่เข้ากับทุกโลเคชั่น ไม่ว่าจะจอดรถไว้ที่ไหนก็ดูโดดเด่น สะกดทุกสายตาแน่นอน
03 : บ้านนับดาว
ยามเย็นก่อนฟ้ามืดนับว่าเป็นเวลาอันเหมาะเจาะกับการขับสกู๊ตเตอร์คู่ใจไปเช็คอินต่อที่ ‘บ้านนับดาว’ ที่พักในคืนนี้ของเรา โดยจุดเด่นคือเขามีบ้านเพียง 4 หลังเท่านั้น ทำให้ผู้เข้าพักรู้สึกไพรเวทเป็นส่วนตัวสุด ๆ ทุกหลังถูกออกแบบและตกแต่งอย่างเก๋กรุบในสไตล์โมเดิร์นสีเข้มขรึม ตัดกับธรรมชาติสีเขียวที่โอบล้อมอยู่ทั่วบริเวณ เหมาะกับการมาพักผ่อนในวันชิล ๆ มาก ซึ่งทุก ๆ องค์ประกอบของที่นี่ก็ช่างดูเข้ากันอย่างพอดิบพอดีกับ Lambretta X300 สีดำ Lucente Black สุดเท่คันนี้ของเรามากจริง ๆ
และทันทีที่เปิดประตูก้าวเข้ามาในห้องพักก็รู้สึกอยากทิ้งตัวทันที ภายในถูกตกแต่งแบบเรียบง่าย ดีไซน์เพดานสูงโปร่งโล่งสบายชวนพักผ่อนสุด ๆ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกหลัก ๆ ครบครัน อีกทั้งยังออกแบบให้เปิดรับแสงธรรมชาติจากกระจกใสบานใหญ่ ทำให้เราได้ชมวิวธรรมชาติด้านนอกแบบเต็มตา แต่ถ้าใครกลัวแสงแดดรบกวนยามเช้าล่ะก็สามารถเลือกปิดม่านหรือมูลี่ลงมาได้ นอกจากนี้ยังมีระเบียงให้ออกไปยืดเส้นยืดสายหรือถ่ายรูปเท่ ๆ ด้วยนะ รับรองว่าถ้าลงโซเชียลแล้วต้องมีคน DM มาถามชื่อที่พักและตามมาปักหมุดแน่นอน
ตลอดวันแรกที่เราได้ขี่ Lambretta X300 สีดำ Lucente Black คู่ใจที่สวยคลาสสิกคันนี้ตะลอนเที่ยวแบบลุย ๆ สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกว่าชอบมาก ๆ ก็คือหน้าจอแสดงผลที่มีเรือนไมล์ส่วนบนเป็นแอนาล็อกแสดงผลร่วมกับจอ LCD ด้านล่างในกรอบสี่เหลี่ยม บังลมหน้ามีช่องแตรที่เป็นซิกเนเจอร์ และมีปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิด-ปิดเบาะ ทำให้เราใช้งานง่าย สะดวกสบายครบเครื่องที่สุด
04 : ต้นไม้ยักษ์บ้านสะนำ
บิดคันเร่งออกตัวกันอีกครั้ง โดยมีจุดหมายอยู่ที่ ‘ต้นไม้ยักษ์บ้านสะนำ’ ซึ่งตั้งอยู่ที่ชุมชนบ้านสะนำ อำเภอบ้านไร่ เป็นต้นเซียงยักษ์เก่าแก่อายุหลายร้อยปี ตั้งสูงล้ำค้ำฟ้าตระหง่านท่ามกลางป่าหมาก มีรากขนาดใหญ่ที่แผ่สาขาค้ำยันออกไปให้ทุกคนได้มากอด ถ่ายรูปซุกตัวในรากไม้ ซึ่งเราสามารถมาเดินเล่นชมวิวและถ่ายรูปได้ทุกมุมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากจะได้รูปที่สวยปังแล้ว สายลมอ่อน ๆ ที่ปราศจาก PM 2.5 ก็เปิดโอกาสให้เราได้หายใจจนเต็มปอดแบบที่ทำไม่ได้ที่กรุงเทพฯ อย่างเต็มที่
05 : จุดชมวิวผาร่มเย็น
ไปต่อกับอีกหนึ่งสถานที่ชมวิวสุดป๊อบในอำเภอบ้านไร่ ที่เราปักธงในใจว่าต้องมาสักครั้งนั่นก็คือ ‘จุดชมวิวผาร่มเย็น’ ที่ตั้งอยู่ตรงโค้งถนนรูปตัวยู พิกัดก่อนถึงน้ำตกผาร่มเย็น ระหว่างสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจี หันไปทางไหนก็รู้สึกได้ถึงพลังความสดชื่นเต็มเปี่ยม จุดนี้เราสามารถชมวิวถนนโค้งสวย ๆ ได้แบบสุดลูกหูลูกตา แถมยังมองเห็นจุดเริ่มต้นของน้ำตกผาร่มเย็นได้แบบไกล ๆ ด้วยล่ะ
แม้ว่าการเดินทางมายังจุดชมวิวจะมีความลาดชัน และมีการไต่ระดับความสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่เรื่องของการขับขี่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะสมรรถภาพรถดี มีระบบกันสะเทือน ด้านหน้าของ Lambretta X300 เป็นอาร์มลิงก์คู่ แถมด้านหลังโช้คอัพคู่มาพร้อมล้อแม็กขนาด 12 นิ้ว มีระบบเบรกเป็นดิสก์หน้า-หลัง พร้อม ABS ทั้งสองล้อ ทำให้เรามั่นใจในทุกการขับขี่ จะกี่โค้ง กี่เส้นทางที่ต้องลุยก็ไม่มีหวั่นเลย
06 : เกาะเทโพ
ออกตัวต่อไปเพื่อเก็บบรรยากาศกรีน ๆ ที่ ‘เกาะเทโพ’ อำเภอเมืองอุทัยธานี เกาะกลางแม่น้ำสะแกรังที่นักท่องเที่ยวมักจะมาเช็คอิน กิน เที่ยว ช้อปปิ้งสินค้าชาวบ้าน และกักกอดธรรมชาติด้วยการชมวิวสองข้างทางที่เต็มไปด้วยทุ่งนาและสวนผลไม้ ฟีลสโลว์ไลฟ์สโลว์ใจ เหมาะมากที่จะมาใช้ชีวิตช้า ๆ สัมผัสวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ที่ส่วนใหญ่ยังทำอาชีพเกษตรกรรมอันแสนเรียบง่าย หากเราเดินเล่นตามถนนเส้นหลักจะได้ดื่มด่ำกับวิวรอบด้านแบบ 360 องศา หากใครอยากตามมาเที่ยวบ้างเราแนะนำช่วงเวลายามเช้าและก่อนพระอาทิตย์ตกจะได้ไม่ร้อนและแสงสวยที่สุด
มุมไฮไลต์ที่ห้ามพลาดของที่นี่ คือสะพานแขวนเกาะเทโพ ที่ทำหน้าที่เชื่อมระหว่างตลาดสดเทศบาลและวัดอุโปสถาราม เพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่ใช้สัญจรกันไปมา และยังสามารถชมวิวได้แบบสบายตาโดยมีต้นไม้ สายน้ำ และใบหญ้าเป็นแบล็คกราวน์ แม้ที่นี่จะเป็นชุมชนเล็ก ๆ แต่กลับเต็มไปด้วยธรรมชาติสวยงามอลังการ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนของเกาะเทโพก็จะเจอแต่มุมปัง ๆ ล้อมรอบตัวเราไปซะหมด
07 : Keva Cafe Uthaithani
และก่อนจะเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ก็ขอแวะถ่ายรูปเท่ ๆ คู่กับ Lambretta X300 สีดำ Lucente Black สกู๊ตเตอร์สายพันธุ์คลาสสิกที่บริเวณด้านหน้าคาเฟ่ใหม่แกะกล่องในจังหวัดอุทัยธานี ‘Keva Cafe Uthaithani’ ก่อน ตัวคาเฟ่ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่และทุ่งหญ้าพริ้วไหวลู่ลม มาในโทนสีขาวสะอาดตา ดีไซน์โค้งมน มีกลิ่นอายสไตล์มินิมอลอย่างลงตัวในทุกมุม งานนี้บอกเลยว่ามาร้านเดียวคุ้มมาก เพราะได้ทั้งดื่มกาแฟ ชิมขนม และได้ทั้งรูปโปรไฟล์ใหม่เลยทีเดียว
เมนูของทางร้านก็จัดว่าจบครบในที่เดียว เพราะมีทั้งเมนูคาวและหวาน ในส่วนของเครื่องดื่มคอกาแฟทั้งหลายก็น่าจะถูกใจ เพราะมีเมล็ดกาแฟให้เลือกหลายแบบ แต่ใครไม่ใช่สายกาแฟทางร้านก็มีชา และเมนูโซดาต่างๆ อีกมากมายให้สั่งเช่นกัน แต่แนะนำให้สั่งมาทานคู่กับขนมปังนึ่งสังขยาชาไทยที่อบสดใหม่ร้อน ๆ สูตรพิเศษของร้าน และครัวซองค์ Homemade รับรองว่ารับความฟินกลับไปแบบเต็ม ๆ ไม่มีกั๊ก
จบแล้วกับทริปสั้น ๆ เน้นความชิล 2 วัน 1 คืน ในจังหวัดอุทัยธานี ที่การันตีได้เลยว่ามาเที่ยวที่นี่แล้วต้องอยากกลับมาซ้ำอีกแน่นอน เพราะมีครบทั้งที่เที่ยวธรรมชาติตอบโจทย์สายลุย ที่พักเก๋ ๆ ของสายชิล คาเฟ่ชิค ๆ แต่ไม่ว่าใครจะชอบเที่ยวสายไหนก็แฮปปี้แน่ ถ้าเดินทางไปพร้อมกับ Lambretta X300 สกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีกลิ่นอายความเป็นอิตาลีอย่างเข้มข้น ที่ทำให้เราอุ่นใจไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จะขึ้นเขาลาดชันก็สบาย ๆ ปลอดภัยหายห่วงเพราะสมรรถนะเขาดี ทีนี้จะกี่โค้ง กี่เส้นทางที่ต้องลุยก็ไม่มีหวั่น แถมยังหาที่จอดง่ายเพราะขนาดกำลังดี ทั้งสวยคลาสสิกแบบนี้ก็ต้องจับจองเป็นเจ้าของกันสักคันแล้วนะ