รีวิวเชียงราย :: ENJOY WINTER in Chiang Rai | 2023 _ เมืองรอง มิรู้ลืม

เที่ยวเมืองรองที่จะมอบความประทับใจแบบมิรู้ลืมครั้งนี้ เราขอเริ่มด้วยการทักทายแบบหวาน ๆ ด้วยคำว่า “สวัสดีเจ้า” แล้วพาทุกคนบินลัดฟ้าสู่เหนือสุดแดนสยาม ณ เมืองล้านนานามว่า “เชียงราย” จังหวัดเงียบ ๆ ที่จะทำให้ช่วงเวลาพักผ่อนของเราหมุนอย่างช้า ๆ ไปกับลมหนาวบนยอดดอยที่มีอากาศเย็นตลอดปี ปรนเปรอตัวเองด้วยการกินดีอยู่ดีครบทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารเทสดี สตอรี่แน่น คาเฟ่สไตล์โฮมมี่ ชิคเก๋ และร้านสเปเชียลตีที่เน้นวิวธรรมชาติ รวมถึงนอนแผ่กายปลอบประโลมจิตใจในที่พักแสนมินิมอลอัดแน่นไปด้วยความสะดวกสบาย ตื่นสาย ๆ ออกไปมิวเซียมชมศิลปะ แวะเช็คอินกับสถาปัตยกรรมว้าว ๆ เอาให้เป็น 3 วัน 2 คืนที่แสนคุ้มค่า จนใครได้มาตามรอยจะต้องอยากเลื่อนตั๋วอยู่ยาว ๆ เหมือนเราแน่นอน

ทริปนี้เราขอเริ่มต้นแบบไม่เสียมู้ดกับ AirAsia สายการบินที่ตรงเวลาที่สุด มีรูทบินตรงสู่เมืองรองมากที่สุด มีโปรปัง ๆ มาให้เราใช้บ่อยที่สุด และจะยิ่งคุ้มที่สุดถ้าซื้อ Value pack เพราะจะได้ทั้งน้ำหนักกระเป๋า 20 กิโลกรัม เลือกที่นั่งทำเลปัง ๆ พร้อมอาหารร้อนได้อีกหนึ่ง ซึ่งช่วงนี้เราแนะนำให้ลองเป็น Shokupan Chicken & Cheese Sandwich เมนูใหม่ล่าสุดที่อร่อยหนักมาก ในส่วนไฟล์ทของแอร์เอเชียที่ไปเชียงราย เขามีให้เลือกหลายช่วงเวลาตามความสะดวก จัดทริปมาฟิน ๆ เที่ยวเฉพาะเชียงราย หรือจะจับคู่กันกับ พะเยา แบบบินรอบเดียวเก็บเมืองรองได้ 2 จังหวัด ก็ถือว่าคุ้มค่า เป็นทริปเก๋ไก๋ประทับใจ มิรู้ลืม 

Day1

01 Urge home.cafe

เริ่มต้นทริปแบบสายแฟเต็มขั้นกับ Urge home.cafe คาเฟ่ใหม่ล่าสุดในอาคารสี่เหลี่ยมสีเหลืองอ่อนดูมินิมอล โดดเด่นอยู่กลางลานหินกว้าง ตัดกับฟ้าครามยามฤดูหนาว ยิ่งดูโคเรียสุด ๆ เปิดประตูเข้าไป นอกจากกลิ่นหอมของกาแฟที่ฟุ้งละมุนไปทั่วร้านแล้ว การตกแต่งยังน่าประทับใจไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หลากทรง หลายสไตล์ ที่ถูกจัดเข้าคู่ได้อย่างแปลกตาแต่ลงตัว บริเวณเคาน์เตอร์ถูกบุด้วยไม้เนื้อเดียวกันยาวไปถึงผนัง เพิ่มความอบอุ่น อีกด้านของร้าน ติดภาพกราฟฟิกเต็มกำแพงดูเท่มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

ส่วนเรื่องกาแฟของที่นี่จะเป็นแบบ Slowbar มีเมล็ดให้เลือกหลากหลายทั้งจากแม่ฮ่องสอน ตาก Brazil Kenya Ethiopia Cold brew และเมนู non coffee เช่น นมวานิลลา ชาเขียว ชาไทย ฯลฯ เสิร์ฟมาพร้อมขนมหน้าตาเรียบ ๆ สไตล์โฮมเมดแต่อร่อยจัด ๆ โดยเฉพาะชีสเค้กที่เรากินไปว้าวไป เป็นการเติมพลังให้เราไปเที่ยวดอยช้างต่อได้อีกยาว ๆ เลย 

02 Abonzo Paradise 

ไต่ระดับความสูงขึ้นมาเรื่อย ๆ เป็นเวลาชั่วโมงนิด ๆ ก็ได้พบกับอากาศหนาวฟิน ๆ ได้ตามล่าทะเลหมอกนุ่ม ๆ กันที่ดอยช้าง โดยหมุดแรกที่เราปักมาคือ Abonzo Paradise คาเฟ่และที่พักสุดป๊อปของดอย ที่แขกไปใครมาก็ต้องแวะถ่ายรูปกับต้นไม้แห้งต้นใหญ่ ที่โผล่พ้นไหล่เขามาทักทายอย่างโดดเด่น พร้อมชื่นชมวิวเวิ้งเขาแบบเต็มตา ท้าลมหนาวได้ทุกอณูเพราะร้านนี้เป็นแบบ Open Air และที่ชอบกว่านั้นคือวัสดุการตกแต่ง ทั้งชานระเบียง เฟอร์นิเจอร์ จะมีความเป็นอาข่าอยู่ ซึ่งเป็นชุมชนของพื้นที่นี้นั่นเอง

จริง ๆ เราชอบร้านนี้ตั้งแต่ได้อ่านคอนเซปต์ของเขาแล้ว ด้วยความที่เจ้าของเป็นชาวอาข่าที่ปลูกกาแฟมาตั้งแต่รุ่นปู่ และโดนกดราคามาตลอด เขาจึงเริ่มพัฒนากาแฟของตัวเองเพื่อเพิ่มมูลค่า ให้คนในชุมชนมามีส่วนร่วม จนสามารถเรียกผู้คนมาลิ้มรสกาแฟดอยช้างแท้ ๆ พร้อมบรรยากาศน่าอภิรมย์นี้ได้ เมนูที่เราเลือกมีทั้ง Cold Brew กาแฟดริป ซึ่งบอกเลยว่าบอดี้กาแฟเบานุ่ม กลิ่นหอม มีความอมเปรี้ยวที่ปลายรส สร้างความสดชื่นได้เยอะมาก ๆ ส่วนสายนมต้องลอง Dirty และลาเต้ร้อนของทางร้านก็ดีงามไม่แพ้กัน

03 Mobu

แน่นอนว่ามาถึงดอยช้างพื้นที่ที่สูงกว่า 1,700 เมตรจากระดับน้ำทะเล เราต้องไม่พลาดที่จะหาที่หลับนอนเทควิวเขาให้ฉ่ำตา ตากลมหนาวให้ฉ่ำใจ เพราะเขามีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี สำหรับครั้งนี้ เราเลือกนอนที่ Mobu ที่เพิ่งเปิดมาไม่นาน ให้เราดื่มด่ำกับบริการแสนประทับใจ เริ่มต้นด้วย Welcome Set ชุดใหญ่มารออยู่ในห้อง มีทั้งน้ำส้ม ผลไม้ เค้ก ของว่าง เต็มอิ่มตั้งแต่เช็คอินกันเลยทีเดียว

การตกแต่งมีความเรียบเท่ และอบอุ่นในเวลาเดียวกัน เหมาะกับคนชิคเก๋อย่างเราเป็นที่สุด ด้วยการเน้นความโมเดิร์นผสานมินิมอล แต่ยังไม่ลืมที่จะเติมความละมุนไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ รู้สึกโปร่งสบายด้วยขนาดห้องนอน ห้องน้ำที่ใหญ่กำลังดี สุขภัณฑ์ใช้ของมีคุณภาพ ดีไซน์สวย และจุดที่พลาดไม่ได้เลยคือ ระเบียงห้องที่มีอ่างแช่น้ำ กรอบหน้าต่างสี่เหลี่ยมผืนผ้า ให้เห็นวิวเขากว้าง 180 องศา เฝ้ารอเวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน เราจะเห็นภาพฟ้าเปลี่ยนสี ฉาบเงาทิวเขา ดูสวยงามประหนึ่งภาพศิลปะอันทรงเสน่ห์

หลังดื่มด่ำกับวิว แยกย้ายกันหามุมสงบนั่งอ่านหนังสือ ฟังเพลง ก็ถึงเวลามื้อเย็นที่เราเลือกเป็นชุดชาบู ซึ่งเขาจะจัดโต๊ะให้เรากินไป ชมพระอาทิตย์ตกไป ตอนที่ท้องฟ้าเริ่มถูกแทนที่ด้วยสีส้มทอง ชมพู ม่วง และเข้าสู่ห้วงราตรี มันดีจนละสายตาไม่ได้ ยิ่งมีอากาศเย็น ๆ ไอน้ำซุปหอม ๆ เคล้าบทสนทนาเฮฮากับเพื่อน ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่เพอร์เฟคสุด ๆ สำหรับสายปิ้งย่างเขาก็มีหมูกระทะเป็นอีกตัวเลือกนะ และที่สำคัญ ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในราคาห้องแล้ว รู้สึกคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปจริง ๆ

Day 2

หากใครได้มานอนที่ดอยช้าง เราขอให้สละเวลานอนสักนิด ตื่นเช้าก่อนแสงขึ้นสักหน่อย เพื่อมาทักทายไอหมอกบาง ๆ ที่กำลังไหลผ่านไหล่เขาช้า ๆ เคล้าเสียงนกร้องระรื่นหูเข้ากับบรรยากาศ สูดอากาศไร้ฝุ่นควัน พร้อมจิบชากาแฟของที่พัก ละเลียดมื้อเช้าแบบฟิน ๆ ที่เขามีให้เลือกทั้งออมเล็ต ไข่เบเนดิกต์ ไข่คน ไข่ดาว ที่ให้เลือกได้คนละสองแบบ คู่กับขนมปัง สลัด ข้าวต้ม และผลไม้ เติ่มพลังให้เราเที่ยวต่อได้ตลอดวัน

04 Akha FarmVille

เช้านี้ขอสวมบทฟาร์มเมอร์บนเขา ใส่เสื้อกั๊กตัวเก่งพร้อมหมวกเบเร่ต์มาที่ Akha FarmVille ด้วยการปรับเนื้อที่กว่า 30 ไร่ บนบ้านแสนเจริญ ดอยวาวี ใกล้ ๆ กับดอยช้าง เป็นฟาร์มแกะบนยอดเขาที่ชมวิวได้รอบ 360 องศา พร้อมน้องแกะที่เดินมาทักทาย รับอาหารจากมือเราอย่างละมุนละไม ให้เราได้ภาพสวยไม่เหมือนใคร โดยเขาจะมีค่าเข้าฟาร์มคนละ 100 บาท/คน สามารถไปแลกเครื่องดื่มประเภทชาไทย ชาพีช และชามะนาวได้ 1 แก้ว หรือใช้เป็นส่วนลดเมนูอื่น ๆ ได้เช่นกัน 

ทริคง่าย ๆ ให้ได้รูปสวย ๆ แนะนำให้มาตั้งแต่ 7:30 น.ที่พระอาทิตย์กำลังขึ้น ฉากหลังเป็นทิวเขาแนวยาว และฟ้าอันกว้างใหญ่ไร้สิ่งปลูกสร้าง ซื้ออาหารแกะมาล่อ พอมีน้อง ๆ มารุม เราก็จะได้ภาพแบบหนุ่มสาวรักสัตว์ ภายใต้แสงอ่อนยามเช้า  ถือเป็นอีกสปอตที่เหมาะกับคนรักการถ่ายภาพ เพราะครีเอทได้หลายมุม

05 อ้าย : AY

กลับเข้าเมืองด้วยการปักหมุดมาที่ อ้าย : AY ร้านกาแฟรุ่นบุกเบิกของเหล่าคาเฟ่ฮอปเชียงราย ในบ้านไม้สองชั้นกลางสวนโล่งกว้าง มีบึงน้ำให้นั่งชิล แสดงถึงไลฟ์สไตล์ที่เรียบง่าย ให้ความรู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้าน การตกแต่งทุกอย่างคุมโทนได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นชุดโต๊ะหวายเบาะขาวครีม เก้าอี้พับไม้ผ้าใบสีขาว ร่ม ดอกไม้ที่ปลูกเลื้อยมาตามรั้วยังเป็นสีขาวเลย มันทำให้ดูสบายตาไปซะหมด 

เมนูที่เราสั่งคือกาแฟบ้านอ้าย ที่เสิร์ฟมาในพวงกาแฟโบราณ ให้ฟีลสภากาแฟสมัยก่อน แต่ละแก้วจะมีชอตกาแฟ นม น้ำแข็ง ขนมหวานใส่มาให้เรามิกซ์เอง และสั่งขนมปังปิ้งมากินเคียง เขาปิ้งได้หอมกลิ่นเตา กรอบนอกนุ่มในมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่น ๆ อย่างหมั่นโถว บราวนี่ บานาน่าเค้ก นมเฉาก๊วย ฯลฯ เรียกว่านั่งนาน ๆ สั่งเพลินได้ไม่ซ้ำเลยทีเดียว

06 Khaosoi 100 Year (ข้าวซอยร้อยปี สูตรตาหงษ์)

ทุกคนนนน!!!!! เอาปากกามาจด ปักหมุดหัวใจสำหรับมื้อเที่ยงไว้ที่นี่ได้เลย กับ ข้าวซอยร้อยปี สูตรตาหงษ์ ร้านดังสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น เกาหลีก็คือมาที่นี่กันหมด เป็นสูตรข้าวซอยที่สืบทอดมานานกว่า 108 ปี เดินทางตรงมาจากเชียงตุง โดดเด่นด้วยรสชาติไม่เหมือนใคร เพราะส่วนผสมทุกอย่างเขาทำเองทั้งหมด ใช้ความพิถีพิถันขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเทศที่เขาจะผึ่งแดด คั่วไฟ บดทำเป็นน้ำพริกด้วยตัวเอง เติมแต่งรสต่าง ๆ ด้วยเครื่องปรุงธรรมชาติ เช่น ความเปรี้ยวจากมะขามเปียก น้ำมะนาว ยอดส้มป่อย รสเค็มจากน้ำปู๋ กะปิ รสหวานจากชะเอม เป็นต้น เส้นหมี่กรอบที่เห็น ก็ทำจากน้ำมันมะพร้าวที่เจียวจากขิงและขมิ้น

นอกจากข้าวซอยแล้ว เขายังมีสตูว์หมูที่ใช้เวลาเคี่ยวนานเป็นวัน ๆ ไหนจะน้ำพริกหนุ่มแคปหมูที่ทอดสดใหม่ทุกวันอีก และด้วยความไม่เหมือนใครนี้ จึงเป็นที่ต้องการของผู้คนมากมาย ใครอยากมากินจะต้องโทรจองล่วงหน้า โดยเขาจะจัด 3 รอบ/วัน คือเวลา 11:30 / 12:30 / 13:30 น. จัดเป็นคอร์ส ๆ ตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย จานหลัก สลัด และของหวาน รวมประมาณ 5 เมนู 

หากใครกลัวกินไม่จบคอร์สก็ไม่เป็นไร พอเริ่มรู้สึกอิ่ม เราสามารถแจ้งขอหยุดการรับอาหารได้ โดยเขาจะคิดตามคอร์สที่เรากินจริง แต่อย่าลืมเผื่อท้องไว้สำหรับของหวาน ทั้งไอศกรีมโบราณท็อปด้วยโฟมกาแฟแสนละมุน ไอศกรีมบ๊วยอุเมะ และไอศกรีมลิ้มจี่ฟีลโฮมเมด ตกแต่งด้วยดอกไม้สดสีมุ้งมิ้ง ทุกรสมันอร่อยสดชื่นจนตาวาว เป็นการจบมื้ออาหารที่ฟินจริง ๆ

07 Vanabu Garden Stay 

วันนี้เราแพลนเข้าที่พักไวหน่อย เพราะอยากมาใช้เวลากับเพื่อน ๆ ในสเปซส่วนตัวกว้าง ๆ และที่ที่ตอบโจทย์ที่สุด ณ เวลานี้คือ Vanabu Garden Stay บ้านในสวนฟีลบ้านพักตากอากาศ แม้จะไม่มี Service เหมือนโรงแรมทั่วไป แต่ก็เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ด้วยคอนเซปต์ที่ต้องการให้เราหลีกหนีความวุ่นวาย ใช้เวลาร่วมกับคนรู้ใจทั้งเพื่อน ครอบครัว และคนรัก 

สิ่งแรกที่ทำให้เรากดจองแบบไม่ลังเลเลย คือบรรยากาศที่ดูสงบเงียบ และการตกแต่งแบบโคซี่ผสมโมเดิร์น กระแทกสายตาจนใจบางไปหมด ตัวบ้านเป็นอาคารยาวชั้นเดียว แยกโซนครัว ห้องนอนและห้องน้ำเป็นสัดส่วนชัดเจน ที่ผนังห้องจะมีกระจกบานใหญ่เป็นแนวยาว เห็นทั้งด้านในที่ตกแต่งแบบเก๋คูล และเห็นสวนด้านนอกที่จัดอย่างเป็นระเบียบ อย่างกับหลุดออกมาจากนิตยสาร แค่เดินสำรวจถ่ายรูปเล่นกัน ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงแล้ว โดยเขามีบ้านพักบริการเพียง 2 หลัง สามารถเข้าพักได้หลังละ 2 คน (เสริมได้ 1-2 คน) ฉะนั้นต้องทำการจองมาก่อนนะฮะ

ส่วนการสร้างบรรยากาศมื้อค่ำของเขาก็ไม่เป็นรองใคร เพราะเราสามารถออเดอร์เซ็ตย่างบาร์บีคิวของที่พักได้ เขาจะมาวางโต๊ะกลางสวน พร้อมเตาปิ้งเสร็จสรรพ บอกเลยว่าฟีลดีเหมือนปาร์ตี้ยามเย็นในต่างประเทศมาก ๆ ส่วนอาหารที่จัดโต๊ะนั้น เรียกได้ว่าพร้อมถ่ายรูป เทียนเอย ชุดจานชาม ทำให้มู้ดการสังสรรค์ของเราเป็นไปอย่างสวยงาม หรือใครจะไปซื้ออาหารจากที่อื่น มาจอยกับชุดอาหารด้วยก็ไม่ว่ากัน เพราะอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น

พอน้ำค้างเริ่มมา เราก็มูฟเข้าสู่ด้านใน บริเวณโต๊ะอาหารตัวยาวกลางบ้าน เริ่มกินยกที่สองกันต่อ กับเซ็ตชีสบอร์ดที่เราสั่งที่พักเอาไว้ พร้อมจิบไวน์แดง ถือเป็นการจับคู่ที่เพอร์เฟ็กต์เหมาะแก่การนั่งสนทนายาว ๆ พออาหารเครื่องดื่มหมด ก็สามารถเดินตรงไปห้องนอนเข้าสู่ห้วงนิทราได้เลย 

Day3

เช้าวันสุดท้าย ที่เราตื่นมาแบบซึม ๆ อาลัยอาวรณ์ไม่อยากกลับ เพื่อสลัดความรู้สึกเหล่านี้ออก เราเลือกเริ่มต้นวันด้วยการดริปกาแฟ ดื่มด่ำกับบรรยากาศให้มากที่สุด ซึ่งอุปกรณ์ทั้งหมดนี้ทาง Vanabu Garden Stay เขามีให้พร้อม แถมวัสดุของแต่ละชิ้น ก็เรียกได้ว่าพรีเมียมสุด ๆ สามารถดริปกาแฟแบบมือโปรได้เลย และอีกอย่าง ทางแสงเช้าของที่นี่เหมาะกับการถ่ายรูปมาก ๆ เป็นไรแดดกระทบเงาต้นไม้พอดี พักคืนเดียวได้รูปเป็นร้อยเลยนะเนี้ย

08 Ary Bridge (ขัวศิลปะ)

ด้วยความที่ชาวชายเรียง เอ้ย!! เชียงรายนั้นให้ความสำคัญกับศิลปะมาก ซึ่งส่วนใหญ่เราจะเห็นรีวิวผลงานศิลปะจากศิลปินแห่งชาติบ้าง ศิลปะไทยบ้าง แต่ความจริงก็ยังมีพื้นที่ที่จัดแสดงผลงานร่วมสมัยอยู่เช่นกัน นั่นคือ ขัวศิลปะ ขัวเป็นภาษาเหนือแปลว่า สะพาน จึงนิยามได้ว่า ที่นี่คือสะพานที่เชื่อมศิลปะสู่สังคมนั่นเอง โดยพื้นที่เขาจะเป็นอาคารสองชั้น เปิดให้เหล่าศิลปินมาจัดแสดงผลงาน ตั้งใจให้เป็นฮับของคนที่หลงใหลในศิลปะมาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อจุดประกายไอเดียสร้างผลงานของตัวเอง บางช่วงจะมีงานจัดแสดงคอนเสิร์ต เวิร์กช็อป การประกวดผลงาน ฯลฯ ซึ่งเราสามารถเข้าชมได้ฟรีด้วย 

ตัวตึกเป็นอาคารสองชั้นแนวยาว โล่งโปร่ง ผนังสีขาวเรียบ ๆ สำหรับติดแสดงงานศิลปะ ซึ่งเขาจะเน้นแบบหมุนเวียนทั้งหมด ช่วงที่เรามา จะเป็นงานรวมของหลาย ๆ ท่าน มีงานสวย ๆ อยู่เยอะมาก ทั้งงานสีน้ำมัน ภาพธรรชาติเสมือนจริง ภาพนามธรรม ภาพบุคคล ทุกคนมีสไตล์ที่ไม่ซ้ำ ทำเราเดินดูได้เป็นชั่วโมงเลยทีเดียว 

09 วัดร่องเสือเต้น (Blue Temple)

มาแอ่วเหนือเมืองล้านนาที่ขึ้นชื่อเรื่องวัดสวยทั้งที ทางเราก็ไม่พลาดที่จะคัดวัดปัง ๆ ให้เราได้ทั้งภาพสวยพร้อมมูเตลูไปในตัว ใน วัดร่องเสือเต้น ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง โดดเด่นด้วยการฉาบทั้งวัดเป็นสีน้ำเงิน ส่องประกายวิบวับยามสะท้อนแดด ซึ่งแต่ก่อน บริเวณนี้เป็นวัดร้าง ชาวบ้านละแวกนี้ไม่มีวัดประกอบพิธีในวันสำคัญ จึงมีการสร้างวัดร่องเสือเต้นนี้ขึ้นมา ด้วยฝีมือการสร้างและออกแบบโดยคุณพุทธา กาบแก้ว หรือ สล่านก ศิลปินชาวเชียงราย หนึ่งในลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัยนั่นเอง 

หลังจากที่เราเดินละเมียดชมความละเอียดชดช้อยของงานปูนปั้น งานแกะสลัก การเล่นสีเสร็จ ก็มาชมความอลังการภายในกันต่อ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ องค์ประธานสีขาวนวลสูงใหญ่กว่า 6.5 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระรอดลำพูนจำนวน 88,000 องค์ และแก้วแหวนเงินทองฝังไว้อยู่ใต้ฐาน นอกจากไม่เป็นรองเรื่องสถาปัตยกรรมแล้ว ยังไม่เป็นรองเรื่องความขลังด้วยนะเธอ

10 Singha Park

เอาจริง ๆ ถ้าใครมาเชียงรายแล้วไม่เคยมา Singha Park เราว่าพวกเธอยังมาไม่ถึงนะ เพราะเขากลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวประจำเมือง จัดงานเฟสติวัลยิ่งใหญ่มากมาย มีกิจกรรมให้เล่นและเยี่ยมชมได้ตลอดวัน สมกับที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พูดให้เห็นภาพชัด ๆ คือเหมือนเปลี่ยนพื้นที่กว่า 8,000 ไร่ เป็นอาณาจักรแห่งการท่องเที่ยวสายกรีน ไม่ว่าจะเป็นทุ่งดอกไม้ ไร่ชา คาเฟ่ฮอป สวนสัตว์ กิจกรรมแอดเวนเจอร์ท่ามกลางธรรมชาติกว้างใหญ่ ฯลฯ เรียกว่าเหมาะกับกลุ่มคนทุกเพศทุกวัยเลยล่ะ

สำหรับคนมาครั้งแรก เราขอแนะนำให้ใช้บริการฟาร์มทัวร์ นั่งรถรางชมรอบ ๆ มีรถออกทุกครึ่งชั่วโมง จะแวะจุดไหนนานเท่าไหร่ก็ได้ แต่ทางเราเคยมาแล้ว ขอมุ่งตรงมาลิ้มรสชาที่คิดถึงก่อนเลย ที่ร้านชาไทย บริเวณไร่ชาขั้นบันไดกินพื้นที่กว่า 600 ไร่ พร้อมวิวอ่างน้ำกว้างสร้างภูมิทัศน์ที่ดูชุ่มชื้น โดยชาของเขาจะเป็นอู่หลงเบอร์ 12 สายพันธุ์จากไต้หวัน รวมกว่าแสนต้น ส่งกลิ่นยอดอ่อนใบชาโชยมาแตะจมูก พอได้ลิ้มรสขนมและเครื่องดื่มจากชานี้ ก็ถือว่าสดชื่นแบบเต็มร้อยเลยทีเดียว 

พอแสงแดดเริ่มอ่อนแรง เราก็เริ่มออกตัวเช่าจักรยานมาปั่นเล่นไปรอบอ่างเก็บน้ำ ชมดอกสุพรรณิการ์ เข้าทุ่งดอกคอสมอส ซึ่งเป็นฤดูที่น้อง ๆ ออกดอกกันอย่างหน้าชื่นตาบาน มีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปเช็คอินไม่ขาดสาย ถ้าใครอยากตื่นเต้นหน่อยก็สามารถไปเล่น Zipline โรยตัวชมวิวจากอาคารสูง 8 ชั้น ให้เห็นมุมสูงของไร่ด้วยตาเปล่า หรือจะไปเล่น ATV ขับรถเส้นทางธรรมชาติชมรอบ ๆ ก็ไม่เลวเช่นกัน

เรียกว่าเป็นวันสุดท้ายที่แสนชิล เป็นการตั้งใจมาพักผ่อนที่ได้ผ่อนคลายจริง ๆ เราได้พักสายตาไปกับธรรมชาติกว้างใหญ่ อิงแอบในหมู่ดอกไม้ช่วยชูใจให้เบิกบาน แล้วยิ่งวิวพระอาทิตย์ตกที่กำลังสะท้อนน้ำท่ามกลางอากาศสิบองศาแบบนี้ มันดีงามเกินจะหาคำมาบรรยายได้เลย

11 Vinyl & Wine 

ไถหน้าฟีดไอจีเล่นเรื่อย ๆ ตาเจ้ากรรมดันไปเห็นร้านคนเก๋น่าเช็คอินอีกหนึ่ง เลยมาขอทิ้งทวนก่อนกลับกันที่ Vinyl & Wine ร้านไวน์เปิดใหม่ที่ขายทั้งอาหาร ไวน์ พร้อมเปิดดนตรีเทสต์ดีจากแผ่นไวนิลแสนคลาสสิก การตกแต่งมีความโมเดิร์น และกลิ่นอายเรโทรหน่อย ๆ เข้ากับยุคสมัย เรียกว่าเป็นร้านที่เอาใจทุกโสตประสาท เพื่อการกินดื่มที่แท้ทรู โดยร้านจะเริ่มเปิดตั้งแต่หกโมงเย็นถึงเที่ยงคืน ใครเป็นสายชิลก็ชวนกันมากินดื่มยาว ๆ ตลอดคืนได้เลย

แน่นอนว่าเมนูของทางร้านจะต้องออกไปในทางที่ดื่มคู่กับไวน์ได้อย่างลื่นคอ ส่วนใหญ่เลยเป็นพวกสปาเกตตี พาสต้าและสเต็ก รสชาติจัดอยู่ในขั้นอร่อยใช้ได้ ที่ประทับใจสุด ๆ คือไวน์ที่มีให้เลือกเยอะมาก ส่งตรงมาจากหลากหลายประเทศ หลายเบลนด์ คลอกับดนตรีสดในร้านก็ยิ่งฟินเนเล่กันไปใหญ่ ถือเป็นการจบวันที่ทุกคนในทริปเปรมปรีดิ์อิ่มเอมไปด้วยความสุข

สำหรับการเดินทางตลอดทั้งทริปในรอบนี้ เราเลือกใช้บริการรถเช่าของ Avis บริษัทเช่ารถมาตรฐานระดับสากล ที่มีบริการหลายจังหวัดทั่วประเทศ ยิ่งใครบินกับแอร์เอเชียรับส่วนลดพิเศษไปเลย 50 บาทต่อวัน เพียงแค่จองล่วงหน้าผ่าน avisthailand.com/airasia โดยสามารถจองและเดินทางได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 66 คุ้มกว่านี้จะมีที่ไหนอีก?

ถ้าให้เรานิยามเชียงรายทริปนี้ เราขอเปรียบเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ครบรสความสนุก ทั้งได้คาเฟ่ฮอปปิ้งแบบที่ชอบ กินอาหารเคล้าสตอรี่อันยาวนาน วิ่งเล่นปั่นจักรยานปล่อยใจไปในสวนดอกไม้เหมือนเด็ก ๆ สัมผัสมนต์ขลังของศิลปะ และสถาปัตยกรรมร่วมสมัย ดื่มด่ำกับวิวเขาพร้อมท้องฟ้าเปลี่ยนสีที่สวยสะกด ได้พักผ่อนในที่พักแสนดีที่ทำเราเป็นสุขทุกค่ำคืน เป็นเมืองที่ผสมผสานทุกอย่างอย่างลงตัว ที่มาอีกกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อเลย ซึ่งทั้งหมด 11 พิกัดที่รวมมาให้นี้ก็น่าจะเป็นเสน่ห์ของเมืองรองที่ทำให้ใครเที่ยวตามแล้วมิรู้ลืมอย่างแน่นอน