ทริป 2 วัน 1 คืน ครั้งนี้เราอยากชวนทุกคนลงใต้ไปเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวที่จะทำให้เข้าใจคำว่า “สุขยั่งยืน” กันที่ “บ้านห้วยใหญ่ ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง” เข้าไปสัมผัสชุมชนแบบใกล้ชิดเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิต ตามหาธรรมชาติสุดอันซีนอย่าง ‘ผาซ่อนเมฆ‘ จุดเช็คอินอันซีนใหม่ล่าสุดที่เชื่อว่าใครหลายคนยังไม่เคยเห็น แวะพายเรือเล่นในอ่างเก็บน้ำชิลล์ ๆ ลิ้มรสความหวานชื่นของน้ำผึ้งสดจากรัง ที่เดินลัดเลาะเข้าไปเก็บถึงฐานการเรียนรู้ด้านการเกษตร ณ ‘อ่างเก็บน้ำหลุมพอลาย’ อิ่มท้องกับอาหารท้องถิ่นที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ โดยก่อนจบทริปก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน โดยเฉพาะเหล่าอาหารแปรรูปที่อร่อยจนหยุดกินไม่ได้ สำหรับเราการเดินทางสั้น ๆ ครั้งนี้บอกได้เต็มปากเลยว่าแสนดี มีเสน่ห์ ทำให้ได้สัมผัสธรรมชาติรอบตัวอย่างเต็มที่ รอยยิ้มอันแสนจริงใจ เสียงหัวเราะอันสดใส เเละความอบอุ่นของชาวบ้านที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบเราอย่างดี ซึ่งทั้งหมดนี้เราเชื่อว่าใครที่มาจะต้องหลงรักไปตาม ๆ กันอย่างแน่นอน
“ตรัง” จังหวัดเล็ก ๆ ที่หากพูดถึงเรื่องเที่ยว … หลายคนคงจินตนาการถึงท้องฟ้าอันสดใส และทะเลอันดามันสีครามระยิบแสงสวย ๆ แต่ครั้งนี้เราอยากนำเสนอมุมมองที่แตกต่างออกไป เพราะที่จังหวัดแห่งนี้ยังมีอีกหนึ่งจุดเช็กอินใหม่แกะกล่องรอเซอร์ไพร์ส ใช่แล้วทุกคน… ตามที่ได้เกร่ินไปแต่แรกว่าทริปนี้เราจะเดินทางเข้าไปผัสธรรมชาติและวิถีชุมชนแบบใกล้ชิดกันที่ ‘บ้านห้วยใหญ่’ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรของหมู่บ้านเล็ก ๆ ใน ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ที่มีการพัฒนาภูมิปัญญาร่วมกับคนในหมู่บ้านมาอย่างต่อเนื่องและมีกิมมิกที่น่าสนใจมากมายรอต้อนรับอยู่ โดยเฉพาะ ‘ผาซ่อนเมฆ’ ที่กลายเป็นจุด Unseen ใหม่ในจังหวัด
ณ ‘บ้านห้วยใหญ่’ แห่งนี้ รับหน้าที่ดูแลโดย ‘ผู้ใหญ่กัง’ บุญรอด บุญช่วย ผู้ใหญ่หนุ่มไฟแรงผู้เป็นเสาหลักของชุมชน แม้ที่นี่จะเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่เค้าก็กวาดรางวัลมาแล้วอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นรางวัลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง อยู่เย็น เป็นสุข ประจำปี 2565, โครงการคัดเลือกหมู่บ้านเข้มแข็งตามแนวทางแผ่นดินธรรม ประจำปี 2565 ฯลฯ เห็นแล้วคนต่างจังหวัดแบบเราก็อดภูมิใจแทนคนในหมู่บ้านไปด้วยเลย โดยจุดเริ่มต้นของสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ภายในหมู่บ้านมาจากการเริ่มปรับตัวของคนในชุมชนช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้บ้านห้วยใหญ่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่มีดีทั้งฐานการเรียนรู้ทางเกษตรที่กระจายตัวอยู่รอบหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการประมงเลี้ยงปลานิล การเลี้ยงผึ้ง การเลี้ยงหมูหลุม การเพาะปลูกกัญชาในโรงเรือน ฯลฯ ที่ช่วยสร้างรายได้ให้คนในชุมชนได้อย่างยั่งยืน ไปจนถึงการค้นพบจุดเช็กอินใหม่ของธรรมชาติบนยอดผาเหนือเมฆ ที่เราจะพาทุกคนขึ้นไปเยือนกัน สำหรับใครที่อยากมาเที่ยวสัมผัสความโลคอลแบบนี้ก็สามารถติดต่อผู้ใหญ่กัง ก่อนเดินทางเข้ามาได้ที่เบอร์ 089-289-3900 แล้วตามเราไปเที่ยวกันได้เลย
DAY 1
01 อ่างเก็บน้ำหลุมพอลาย
เริ่มกันที่ไฮไลต์แรกในหมู่บ้านกับ “อ่างเก็บน้ำหลุมพอลาย” ที่ผู้ใหญ่บ้านพาเราไปชมความสวยงามของอ่างเก็บน้ำที่มีอายุกว่า 38 ปี ซึ่งเริ่มสร้างในช่วงสมัยปี 2517 เพื่อกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ทำการเกษตรในช่วงหน้าแล้ง ครั้งแรกที่เข้าไปก็ได้พบกับความสงบนิ่งของผืนน้ำที่กว้างขวางกว่า 28 ไร่ รอบ ๆ เป็นผืนป่าและต้นไม้หลากหลายสายพันธ์ุที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ได้เป็นอย่างดี บางจุดจะมีศาลาเล็ก ๆ ให้เรานั่งพักผ่อนหย่อนใจ และเป็นศาลาที่ชาวบ้านมาแวะพักทานข้าว เม้าท์มอยตามประสา หลังจากทำการประมงเลี้ยงปลาอีกด้วย สำหรับกิจกรรมที่นี่คือการให้ธรรมชาติได้บำบัด ปล่อยกายปล่อยใจไปกับสายลมเย็น ๆ หรือถ้าอยากลุย ๆ หน่อย ก็สามารถคว้าไม้พายออกลงเรือคายักไปพร้อมกับพี่ ๆ ในหมู่บ้านก็สนุกสนานเพลิดเพลินเลยทีเดียว และตรงนี้ยังเป็นอีกหนึ่งจุดที่สายตกปลาต้องชื่นชอบเพราะมีปลาหลากหลายสายพันธุ์ให้นักตกปลาได้ประลองฝีมือกันด้วย
02 ฐานการเรียนรู้ด้านการเกษตรในชุมชน
ที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งจุดที่เป็นฐานการเรียนรู้วิถีเกษตรของชาวบ้านอีกด้วย เราจะได้เห็นภาพการทำประมงน้ำจืดด้วยการเพาะเลี้ยงปลานิลในกระชัง งมหอยขม และเส้นทางสายน้ำผึ้ง ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยเห็นภาพอย่างใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน นอกจากนี้ยังมีจุดอื่น ๆ ของหมู่บ้านที่หากมีเวลามากพอ ทางเราก็อยากให้ทุกคนลองเดินไปชมไม่ว่าจะเป็นสวนยาง สวนผลไม้ของลุง ๆ ป้า ๆ ในหมู่บ้านที่มีทั้งพืช ผัก ผลไม้หลายชนิดให้ลองเก็บชิมกันสด ๆ หลายสวนเลี้ยงหมู วัว และปลูกข้าวไว้ทานเองด้วย เอาจริงเราว่าการท่องเที่ยวเชิงเกษตรกำลังเป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่น่าสนใจมาก
โดยจุดไฮไลท์ที่เราที่ทำเราว้าวมากเป็นพิเศษเห็นจะเป็นการเก็บรวงผึ้งจากรัง เพราะไม่เคยเห็นจากไหนมาก่อนจริง ๆ โดย พี่ ๆ ในชุมชนลงทุนสวมชุดมนุษย์อวกาศตัวโคร่งมาสาธิตวิธีการเก็บน้ำผึ้งให้ดูกันแบบเรียล ๆ จังหวะนี้เราจะได้เห็นผึ้งฝูงใหญ่ที่บินฮือออกมาจากรัง ถ้าไม่ได้เห็นวิธีการทำที่ปลอดภัยจากพี่ ๆ มือใหม่อย่างเราต้องได้โดนเหล็กในเสียบกันสักจุดสองจุดแน่นอน ฮ่าาา หลังจากนั้นรวงผึ้งสด ๆ ก็มาอยู่ในมือเราเรียบร้อย ก่อนจะได้ลองชิมความหวาน ที่บอกเลยว่าน้ำผึ้งของที่นี่หวานหอมแบบพอดี ๆ แล้วออร์แกนิกแบบสุด ๆ เอนจอยมาก เพราะเป็นกิจกรรมใหม่ ๆ ที่เพิ่งเคยมีโอกาสได้ลองทำ
03 ช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ในชุมชนติดไม้ติดมือกลับบ้าน
หลังจากที่สนุกสนานกับกิจกรรมพอหอมปากหอมคอ อีกหนึ่งความประทับใจคือระหว่างเที่ยวก็ได้ช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ในชุมชน! ซึ่งผลผลิตเหล่านี้ก็ได้มาจากกิจกรรมที่เราเพิ่งทำไปเมื่อสักครู่ พี่ ๆ ในหมู่บ้านเค้าไม่ได้มาทำเกษตรโชว์นักท่องเที่ยวแบบเล่น ๆ เท่านั้น เพราะหมู่บ้านนี้เรียลจริงอะไรจริง อย่างปลานิลที่เลี้ยงในกระชังชาวบ้านก็เอามาแปรรูปเป็น ‘ปลาส้ม’ และ ’ปลาไสอวน’ ของดีของเด็ดประจำหมู่บ้าน ที่เราไม่ซื้อกลับบ้านไม่ได้ เพราะกลิ่นหอม ๆ และหน้าตาน่าทานเวลาทอดออกมาแล้วยั่วน้ำลายแบบสุด ๆ ซึ่งพี่หนึ่งที่เป็นประธานกลุ่มแปรรูปบ้านห้วยใหญ่ ก็เล่าให้ฟังว่าเลือกเอาปลานิลที่เลี้ยงในหมู่บ้านมาทำเพราะเป็นการถนอมอาหารสไตล์ภาคใต้ ที่เก็บได้นาน ที่สำคัญหรอยแรง! โดยเฉพาะ ‘ปลาส้ม’ ที่ผสมผสานระหว่างอาหารอีสานและใต้รวมกัน รสชาติจะเข้มและเปรี้ยวหอมหวานกว่าสามารถกินกับข้าวเหนียวและข้าวเจ้าได้ด้วย และ ‘ปลาไสอวน’ จะมีรสชาติเค็มและเปรี้ยวเล็กน้อยแต่จะได้กลิ่นหอมของข้าวคั่ว แพ็คใส่กล่องอย่างดีรับรองว่าอาหารถึงมือก็ยังสดมากกกกกก
นอกจากนี้ก็ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อย่างคุ้กกี้กล้วยตาก น้ำพริกปลานิล ใบกัญชาอบแห้งสำหรับชง และนิลลี่พาย ขนมทานกรุบกริบแบบใหม่แบบสับที่นี่ที่แรก ที่ทำพายรูปปลาน่ารักตะมุตะมิออกมาเป็นไส้ปลานิล! หอมอร่อยเป็นของฝากที่เราแนะนำเลย ใครที่อยากลองชิมน้ำผึ้งสดจากรังพร้อมแพ็คเกจจิ้งน่ารัก ๆ ที่พี่ ๆ ในหมู่บ้านทำกันเอง และของฝากที่อร่อยระดับ OTOP ก็ตามไปซื้อกันได้ที่กลุ่ม FB ‘ตลาดสุขยั่งยืน’ หรือกดลิ้งนี้ https://www.facebook.com/groups/298615821408667/permalink/781991436404434/ แล้วไปช้อปกันได้เลย
04 ครัวป้าชู
มาถึงตรังถ้าไม่ได้กินอาหารใต้ถือว่าพลาดมาก มื้อเย็นวันนี้ก็ได้เวลามาหาของอร่อย ๆ ประจำถิ่นกันสักหน่อย ผู้ใหญ่บ้านพาเราไปฝากท้องที่ร้านแถวคลองชีกันที่ ‘ครัวป้าชู’ ฝีมือคุณป้าและลูกสาวที่กลับมาบ้านเกิดเพื่อถ่ายทอดอาหารรสมือแม่ให้เราได้ทาน ที่นี่มีเมนูชูโรงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกุ้งผัดสะตอ ต้มกะทิปลาส้ม ปลาไสอวนทอด ส่วนทีเด็ดของป้าชูคือเมนู น้ำพริกหยำเอกลักษณ์ของภาคใต้ทานคู่กับชะอมทอด แกงเหลืองรสจัดจ้านแบบพริกแกงใต้ ผัดฉ่าปลาหมึกแบบเน้น ๆ และปลาตะเพียนทอดราดน้ำจิ้มสามรส อร่อยมงลงมาก ๆ นอกจากรสชาติแล้ว …. ร้านนี้พิเศษสุด ๆ ด้วยวัตถุดิบที่สดมาก เพราะทางร้านจะรับผลผลิตมาจากชาวประมงในชุมชนโดยตรง เอาเป็นว่าใครที่หลงรักอาหารใต้ และมีแพลนมาเที่ยวตรังเร็ว ๆ นี้ แวะมาลองกันได้ที่ร้านป้าชู คลองชี เปิดเวลา 10.00-21.00 น. ปิดทุกวันพุธ
DAY 2
05 ผาเหนือเมฆ
และก็ถึงไฮไลต์ที่เราอยากบอกต่อสายเทรกกิ้ง สายรักธรรมชาติ ให้ออกเดินทางมาลองสัมผัสความสวยงามของ “ผาเหนือเมฆ” สักครั้ง เพราะที่นี่เป็นจุด Unseen ที่ชาวบ้านเดินขึ้นไปค้นพบโดยบังเอิญ ลงมาบอกต่อปากต่อปาก และร่วมแรงรวมใจกันพัฒนาทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ ซึ่งการจะขึ้นไปพิชิตยอดนั้นจะเริ่มต้นจากนัดเจอกันที่ศูนย์นักท่องเที่ยวบริเวณหน้าหมู่บ้าน เวลาประมาณตี 5 จุดนี้เราต้องทำการโทรนัดแนะกับผู้ใหญ่บ้านก่อนให้เรียบร้อย เค้าจะมีรถกระบะรับส่งของชาวบ้าน (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนิดหน่อยรวมกันสี่ห้าคนไม่กี่ร้อยบาท ราคาน่ารักมาก) พร้อมไกด์ชุมชนที่ได้รับการอบรบสามารถดูแลนักท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัยและมืออาชีพมาก ๆ รอเราอยู่ แล้วจากนั้นก็ออกเดินทางซิ่งรถขึ้นไปบนจุดเริ่มต้นเดินกันได้เลย ระหว่างทางก็จะผ่านหมู่บ้าน และสวนยางของชุมชน พี่ ๆ ก็จะคอยเล่าเรื่องสนุก ๆ ให้ฟังอย่างเพลิดเพลินตลอดทาง เผลอแปปเดียวก็ถึงที่หมายเตรียมออกลุย!
แม้เส้นทางจะไม่ไกลมากบนความสูงเพียง 260 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่เราขอเล่าความโหดในระยะทาง 700 เมตรให้ฟัง เช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นพวกเรามีเพียงไฟฉายคนละหนึ่งดวง ออกเดินเท้าไปพร้อมกับเสียงพูดคุยของพี่ ๆ ที่ขนกันมาทั้งหมู่บ้านเพื่อให้กำลังใจนักท่องเที่ยวอย่างเราตลอดทาง ด้วยความที่ผืนป่าแห่งนี้ยังไม่มีคนรู้จักมากนั้น เส้นทางที่เราขึ้นไปเลยเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้ใบหญ้าดูเขียวสบายตาเต็มไปหมด นับรวมถึงทางเดินใหม่ ที่เพิ่งถางออกบางจุดให้เป็นทางเดินเล็ก ๆ ยังมีทั้งร่องรอยของก้อนหินที่ก่อตัวเป็นขั้นบันไดตามธรรมชาติ ขี้หมูหรึ่งหรือหมูดินให้พบเจอกันบางตามจุด
ระหว่างทางสั้นแต่จะมีจุดท้าทายที่สูงชันเกือบตลอด ชนิดที่ต้องใช้เชือกปีนป่ายกันขึ้นไป ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนจะถึงจุดเช็กอินหลักที่เรียกว่า ‘ผาเหนือเมฆ’ ตรงนี้จะเป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา ถ้าโชคดีจะเจอทะเลหมอกที่สวยงามไหลผ่านให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพบรรยากาศแบบเต็มอิ่ม จุดนี้ความเหนื่อยที่สะสมมาตลอดทางหายไปทันใดแทนที่ด้วยความสวยงามแบบไม่คาดคิด ว่าเมืองตรังจะมีวิวสุดปังอลังกาลได้ขนาดนี้ ด้านบนจะมองลงไปเห็นสวนยางพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน และถนนเส้นสวยที่ตัดผ่านนำมุมนำสายตาได้แบบพอดีเป๊ะ ถือเป็นเช้าที่ดีที่สุดของเราอีกวันเลย
นอกจากนี้เรายังเดินต่อไปยังจุดชมวิวได้อีกสามจุดที่มีความท้าทายรอนักท่องเที่ยวปีนป่ายไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า คือ ผาหินตั้ง ผาสมาธิ และผาปักธงเป็นจุดสุดท้าย ที่ต้องโรยตัวดึงเชือกเพื่อขึ้นไปยังจุดที่ชันที่สุดและแคบที่สุด ทำเอาเราหอบแฮก ๆ แต่โชคดีที่มีจุดพักให้หายใจหายคอ และแวะพักหยิบ ‘กล้วยตากในวัง’ ของดีขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของบ้านห้วยใหญ่ที่เป็นเหมือน Energy Bar ออกมาเติมพลังให้ลุยต่อไปจนถึงผาปักธงที่เหมือนจุดแห่งการเอาชนะใจตัวเองได้ บอกเลยว่ากล้วยตากช่วยชีวิต เติมน้ำตาลให้เลือด แถมอิ่มท้องอร่อยจนต้องซื้อกลับบ้านสองสามกล่อง!
ตรงจุดยาก ๆ ก็จะมีพี่ ๆ ไกด์ชุมชนคอยช่วยเหลือรับรองว่าปลอดภัยหายห่วงเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์สนุก ๆ ที่แฮปปี้ที่สุดของการมาเที่ยวในชุมชนครั้งนี้ แต่วันนี้เราอาจจะโชคร้ายไปสะหน่อยที่ลมด้านบนค่อนข้างแรง ทำให้พัดพาหมอกเช้านี้หายวับไปกับตา ถ้าใครมาช่วงเดือนพฤศจิกายน ธันวาคม ไปจนถึงเดือนมกราคม โดยเฉพาะคืนที่มีฝนตกก่อนออกเดินทางรับรองว่าได้ชมภาพหมอกหนา ๆ แถมยังได้ชมดอกรักเขาบานสะพรั่งทั่วทั้งเขาแบบปัง ๆ กันอย่างแน่นอน แต่เท่านี้ก็ได้เปลี่ยนบรรยากาศและรูปสวย ๆ กลับมาเพียบแล้ว ประทับใจมาก!!!!
06 หลานย่ารีสอร์ท
หลังจากที่เราเดินลงมาจากผาเหนือหมอกช่วงสาย ๆ ก่อนเดินทางกลับผู้ใหญ่บ้านพาเราทัวร์ต่อไปที่บ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง “หลานย่ารีสอร์ท” ต.กะลาเส อ.สิเกา ที่พักในสวนกว่า 6 ไร่ ของคุณลุงอ๋อง สนอง แสนสุข พ่อค้าผลไม้กลับมาพลิกผืนนาปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมืองจนเหลืองอร่าม พร้อมเปิดชงชากาแฟและอาหารอร่อยขายกลางทุ่งนาราคาหลักสิบแต่วิวหลักล้านในเมืองตรัง ซึ่งเมนูไฮไลต์ของที่นี่ก็คือผัดไทกุ้งตัวโตที่น้ำซอสอร่อยโคตร โดยคุณลุงตั้งใจอยากให้พื้นที่ตรงนี้เป็นที่พักสบาย ๆ และเเหล่งเรียนรู้ทางการเกษตรเลยเปิดเป็นรีสอร์ทเล็ก ๆ ที่มีครบทั้งร้านอาหารและคาเฟ่ให้นักเดินทางที่ใช้เส้นทางสายตรัง-กระบี่, ควนกุน, วังวิเศษและอำเภอเมืองตรัง ได้ใช้เป็นจุดพักรถและพักผ่อนไปในตัว บรรยากาศที่นี่จึงเต็มไปด้วยซุ้มไม้กลางทุ่งให้นั่งพัก ต้นไม้และผลไม้ที่คุณลุงตั้งใจปลูกเอง รวมถึงทางเดินกลางทุ่งนาให้นั่งห้อยขาจิบกาแฟเก็บภาพสวย ๆ กลับไป นอกจากนี้ยังมีของใช้สมัยโบราณของคุณปู่คุณย่าสมัยยังหนุ่มยังสาวซึ่งหาดูได้ยากในสมัยนี้สะสมไว้ให้ชมเป็นจำนวนมาก ที่นี่เปิดเวลา 10.00-21.00 ปิดทุกวันอังคาร ใครที่อยากมาพักผ่อนค้างคืนก่อนออกเดินทางไปขึ้นเขา ก็สามารถติดต่อได้ที่ www.facebook.com/profile.php?id=100064818198089 หรือโทร 089-5905911
07 Manila Cafe’
เราขอปิดท้ายทริปหลังจากโบกมือบ๊ายบายผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านที่น่ารักทุกคนด้วยการกแวะเติมคาเฟ่อีนให้ชุ่มคอกันสักแก้วสองแก้วตามประสานักฮอปก่อนกลับบ้านที่ร้าน “Manila Cafe” ที่ถือเป็นร้านชื่อดังในเมืองตรังที่วัยรุ่นทั่วบ้านทั่วเมืองต้องแวะมาจิบกาแฟ เราบังเอิญได้พูดคุยกับเจ้าของร้านซึ่งน่ารักใจดี ที่เป็นลูกหลานคนตรังก่อนจะกลับมาพลิกฟื้นบ้านเก่าโบราณกว่า 100 ปีหลังนี้ ที่มีเอกลักษณ์เป็นทรงมะนิลาแบบดั้งเดิม ให้กลายเป็นร้านกาแฟชิค ๆ พร้อมเปิดประตูไม้บานเก่าเหนือบันไดพาเราขึ้นไปชมผลงานศิลปะงาม ๆ ด้านบน ถูกใจคนรักงานอาร์ตที่ชื่นชอบศิลปะกันอย่างแน่นอน เราจะเห็นไอเท็มของวินเทจสะสมและรถเวสป้าคันงามจอดเป็นพร้อพเก๋ ๆ อยู่หน้าบ้าน ทำให้บ้านหลังนี้ดูไม่เก่าเลยเพราะผสมผสานไปด้วยความทรงจำในอดีต และความเท่ที่บ่งบอกถึงคาแรกเตอร์เจ้าของร้านได้เป็นอย่างลงตัว
ส่วนเมนูเครื่องดื่มของที่นี่ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งสายกาแฟแบบสโลว์บาร์ อย่าง Dirty เข้ม ๆ ก็มี เมนูเครื่องดื่มโซดาเย็นชื่นใจก็มา ไปจนถึงขนมไทยหาทานยากและอาหารอิ่มท้องสไตล์คนตรังให้ได้ลิ้มลองฝากท้องกันด้วย
สุดท้ายความประทับใจของการมาท่องเที่ยวเชิงเกษตรสไตล์โลคอลที่ “บ้านห้วยใหญ่ ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง” แบบที่ได้ลงไปใกล้ชิดกับชาวบ้านและคนในชุมชนเป็นอะไรที่ดีต่อใจมาก ๆ เพราะได้แลกเปลี่ยนทั้งความรู้ วัฒนธรรมพื้นถิ่น เดินเนียนไปกับชาวบ้านเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตและภูมิปัญญาแบบชาวบ้านที่ไม่ล้าสมัยแต่ว้าวจนเราต้องปรบมือให้ และเห็นถึงความ “สุขยั่งยืน” และการพัฒนาต่ออย่างไม่สิ้นสุดของคนในชุมชน เราเลยอยากใช้โอกาสนี้ชวนเพื่อน ๆ เดินทางออกเที่ยวไทยไปทำความรู้จักกับหมู่บ้านห้วยใหญ่แห่งนี้ ชิมอาหารและของฝากอร่อย ๆ ฝีมือคนท้องถิ่นแท้ ๆ ตามไปดูวิถีชีวิตแบบเรียล ๆ และแบกเป้เข้าป่าคว้าไฟฉายร่วมเดินทางไปกับพี่ ๆ ไกด์ชุมชน เพื่อชม Unseen แห่งใหม่ของจังหวัดตรังไปพร้อม ๆ กัน ประกาศให้ทุกคนรู้ประเทศไทยของเรายังมีที่เที่ยวสวย ๆ อีกเพียบ แล้วอย่าลืมกลับมาเล่าความประทับใจให้ฟังกันด้วยน
สามารถติดต่อผู้ใหญ่กังก่อนเดินทางเข้ามาได้ที่เบอร์ 089-289-3900 และอย่าลืมตามไปชิมฝีมือความอร่อยของผลิตภัณฑ์ในชุมชนได้ที่กลุ่ม FB ‘ตลาดสุขยั่งยืน’ หรือกดลิ้งนี้ https://www.facebook.com/groups/298615821408667/permalink/781991436404434/