มีคนบอกเราว่าดอกไม้ ต้นหญ้า สายน้ำรักฤดูฝนมากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่พวกมันได้ฟื้นคืนยอดใบที่เคยโน้มลงดินกลับมาชูช่ออวดความสดชื่นแก่โลกอย่างสวยสดอีกครั้ง ทริปนี้เราเลยขอออกเดินทางแบบ Road Trip ไปพิสูจน์ความจริงยังดินแดนชุ่มฝน ที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ณ เมืองเจ้าของสโลแกนฝน 8 แดด 4 “ระนอง” จังหวัดเล็กแดนใต้ที่พร้อมพรั่งด้วยพิกัดหลากสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นภูเขาหญ้ากว้างใหญ่ ท้องทะเลสีคราม ร้านอาหารขึ้นชื่อ คาเฟ่สุดคิ้วท์ สตรีทอาร์ตสุดป๊อป และที่พักสุดฟิน รับรองว่าเราจะพาเช็คอินแบบครบรส แน่นอนว่า Road Trip ทั้งทีงานนี้ต้องไปกับรถคลาสสิคระดับตำนานอย่าง Lambretta V200 Special สีขาว Lucido White สุดมินิมอล คู่หูที่เข้าขา รู้ใจลุยได้เหนือจรดใต้ แถมท้ายพ่วงด้วยความเท่ระดับตำนานคันนี้เท่านั้น ถ้าพร้อมแล้วออกเดินทางพิสูจน์ความงามด้วยตาตัวเองพร้อมกันได้เลย
Day 1
01 ภูเขาหญ้า ( Phu Khao Ya )
โลเคชั่นแรกเราเชื่อว่าเกินกว่า 70% ของคนที่มาจังหวัดระนอง ต้องเคยมาเยือนพิกัดสุดฮิตแห่งนี้ ภูเขาหญ้า ลูกเตี้ยหัวโล้นไร้ต้นไม้ใหญ่ทั้ง 3 ลูกนี้ ตั้งอยู่ตำบลหงาว อำเภอเมืองระนอง เป็นจุดท่องเที่ยวที่สามารถมาได้ตลอดทั้งปี แต่จะได้พบหญ้าที่มีสีสันต่างกันในแต่ละช่วง หากอยากเห็นภูเขาหญ้าสีเขียวแนะนำให้มาช่วงฤดูฝน แต่หากอยากชมภูเขาหญ้าสีทองก็ต้องมาในฤดูแล้ง และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ภูเขาหญ้าแห่งนี้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า ภูเขาหญ้าสองสี’ นอกจากจะยืนแอคท่าเท่ ๆ อยู่ด้านล่างแล้ว หากใครเป็นสายลุยก็สามารถเดินขึ้นไปชมความสวยงามที่ด้านบนภูเขาแต่ละลูกได้ด้วย
และความล้านเลี่ยนเตียนโล่งที่เท่ากันของผืนหญ้าที่เหมือนมนุษย์รังสรรค์บนภูเขาแห่งนี้ ความจริงเกิดจากธรรมชาติบันดาลล้วน ๆ บวกกับได้เหล่าเด็กเลี้ยงวัวที่พาวัวมาเลี้ยงอีกนิดหน่อย ก็ได้วิวสวยปิ๊งเหมือนวิ่งอยู่ในฟาร์มวัวที่ ตปท. สักแห่งหนึ่ง ทั้งที่จริง ๆ แค่ ตจว. ของบ้านเราเท่านั้นเอง
แม้จะบอกว่าภูเขาแห่งนี้ไร้ต้นไม้ใหญ่ แต่ก็ใช่จะไม่มีต้นไม้เลยสักต้น เพราะหากหามุมดี ๆ เราก็ยังเห็น Alone Tree ยืนเดี่ยว ๆ ให้ร่มเงาอย่างเดียวดายอยู่บ้าง เราเล็งมุมเจ๋ง ๆ ที่ร่มเงากำลังเหมาะวางโต๊ะ หยิบขนม วางแก้วกาแฟ เปิดหนังสือ เลือกเพลย์ลิสต์มานั่งชิว ๆ อ่านหนังสือพร้อมชมวิวน้ำตกหงาวฝั่งตรงข้ามแบบเพลิน ๆ สักหนึ่งอึดใจ
การเดินทางไม่ว่าครั้งไหน นอกจากวางแผนการเที่ยวแล้ว วิธีเดินทางก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ทริปนี้เราเลือกออกชิลแบบโร้ดทริป เพราะชอบช่วงเวลาที่ได้สัมผัสเรื่องราวระหว่างเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นสายลม กลิ่นดิน ไอแดด อยากแวะที่ไหนก็ไปได้ อยากจอดตรงไหนก็สะดวก โดยเฉพาะเมื่อร่วมทางกับ Lambretta V200 Special สี Lucido White สกู๊ตเตอร์ระดับตำนานจากอิตาลีในดวงใจ ที่มีรูปโฉมสวยโดดเด่นสไตล์วินเทจ มีระบบการออกแบบที่ล้ำหน้า ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดการนำวิศวกรรมการออกแบบเครื่องของเครื่องบินวัสดุคุณภาพสูงมาผลิตเป็นโครงสร้าง จึงทนทาน น้ำหนักเบา ดูแลรักษาง่าย ในด้านการขับขี่ยังพัฒนาช่องลมให้ลมวิ่งผ่านเข้าสู่ภายในการขับเคลื่อน เครื่องยนต์จึงมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น จะใกล้ไกลเราก็เทใจให้คันนี้เลย
02 โรตีนิสรา ( Roti Nissara )
ขับชมวิวเพลิน ๆ เข็มเวลาก็เดินจนเกือบถึงเลข 12 ท้องเลยร้องอย่างช่วยไม่ได้ เมนูเด็ดเจ้าดังแห่งเมืองระนองที่เราอยากแนะนำคือ ร้านโรตีนิสรา หรือโรตีบ้านหงาว ตำนานความอร่อยจากอินเดียที่ถูกส่งต่อมากว่า 30 ปี ร้านอาหารเช้าที่มีให้บริการทั้งโรตีแบบคาวทานคู่กับน้ำแกง โรตีหวานทานคู่เนยนม รวมถึงเครื่องดื่มชากาแฟ และอาหารพื้นบ้าน แม้จะเป็นร้านเล็ก ๆ แต่ผู้คนก็เข้าออกแทบไม่ขาดสาย แค่นี้ก็การันตีได้แล้วว่าโรตีเจ้านี้เป็นขวัญใจทั้งของชาวเมืองและนักท่องเที่ยวแค่ไหน
ได้ยินความอร่อยระดับตำนานมาขนาดนี้เราจึงเลือกสั่งเมนูไฮไลท์อย่างโรตีแผ่นกลมที่ผ่านการทอดด้วยไฟปานกลางจนได้โรตีแบบกรอบนอกนุ่มใน หอมกลิ่นเนย มากินกับแกงกะหรี่ไก่ โดยเน้นตามตำราเป๊ะว่าจะต้องใช้มือฉีกโรตีแล้วจิ้มน้ำแกง ส่วนที่เหลือก็สั่งเมนูอื่น ๆ อย่างละนิดละหน่อยมาลองชิม ไม่ว่าจะเป็นห่อหมกปลาอินทรีหอม ๆ ข้าวยำน้ำบูดู ไก่ทอด และชาเย็นอีก ถึงจะได้อารมณ์ ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่ามันอร่อยทุกอย่างเลยครับผ๊มมมมมมมม
03 Piti home cafe & eatery
บรรยากาศชุ่มฉ่ำกับกาแฟอุ่น ๆ เป็นอะไรที่เข้ากันดีเหมือนเรากับ Lambretta สุดคลาสสิคคันนี้ มีร้อนมีเย็น มีอ่อนหวานมีสดใส ทานอาหารกลางวันเสร็จเราก็ขอแวะเติมพลังคาเฟอีนที่ Piti home cafe & eatery คาเฟ่สไตล์มินิมอลโฮมมี่ ในภูธารารีสอร์ท คาเฟ่สีขาว ไม่เล็กไม่ใหญ่ ตกแต่งสวย มีดีเทลเด่น เน้นประตูหน้าต่างขอบโค้ง เพิ่มความสดชื่นด้วยต้นไม้สีเขียวขจี และมีดีที่เหล่าแมวเหมียวขนปุยหลากหน้าหลายตาเป็นตัวชูโรง
ถึงที่นี่จะไม่เปิดตัวว่าเป็นคาเฟ่แมว แต่จากปริมาณและคุณภาพของเจ้าสี่ขาที่วิ่งไปวิ่งมาทั่วร้านก็สามารถเรียกคะแนนจากเหล่าทาสได้ไม่น้อย ใครอยากเล่นกับน้อง ๆ รับรองถูกใจ แต่อย่าลืมเล่นกับน้องแบบสุภาพ เบามือ ที่สำคัญอย่าเอาอาหารคนให้น้องทานนะ
สั่งเครื่องดื่มและขนมหวานเรียบร้อย เราก็มานั่งคอยที่มุมหน้าร้าน อากาศกำลังดีนั่งรอไม่นาน Americano yuzu Soda, Scones และ Strawberry Shortcake ก็มาเสิร์ฟถึงที่ ทุกเมนูอร่อยจริง ๆ ถ้าไม่ติดว่าอิ่มจนไม่ไหวแล้วต้องมีเบิ้ลแน่ ๆ ส่วนใครที่ไม่ใช่คอกาแฟเค้าก็มี non coffee อีกหลากลายเมนูให้เลือก แต่ที่เราอยากแนะนำคือ Piccolo Cocao โกโก้สุดเข้มข้น เพราะไม่เน้นนม แต่กลับเพิ่มช็อกโกแลตกรุบกรอบเข้ามาแทน บอกเลยเข้มข้น นัวเต็มปากถึงใจมาก
04 เมืองเก่าระนอง ( Ranong Old Town )
คาเฟอีนถึงร่างกายย่อมสดชื่นมีแรงไปต่อ เราขับ Lambretta V200 Special สกู๊ตเตอร์วินเทจสี Lucido White ลัดเลาะเรื่อยมาจนถึง ย่านเมืองเก่าระนอง บนถนนเรืองราษฎร์ ถนนสายหลักใจกลางเมือง พื้นที่ส่งผ่านวัฒนธรรม ประเพณี และเรื่องราวของเมืองระนองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่กรมศิลปากรได้ทำการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้เรียบร้อย ดังนั้นเราจึงเห็นอาคารบ้านเรือนมีเสา และซุ้มประตูเป็นรูปโค้งเรือนตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมแนวชิโนโปรตุกีสแทรกอยู่ตลอดทั้งแถบ
รถเก๋ากับเมืองเก่าช่างเข้ากัน ยามเย็นวันนี้เราเข้าสู่โหมดชิวฟีลสโลว์ไลฟ์ ขับรถฮอปเข้ามุมนู้นแวะมุมนี้ มองดูเรื่องเล่า เฝ้าดูเรื่องราวผ่านริ้วรอยบนผนังเก่า ตรงนี้มีทั้งร้านค้าโบราณ ร้านหนังสือเก่า ร้านของฝาก รวมถึงโรงภาพยนตร์สักรินทร์ และโรงหนังพฤตินันต์ ที่แม้ทั้ง 2 โรงจะปิดให้บริการไปแล้ว แต่ความเท่กลับไม่เปลี่ยนไป ชอบมุมไหนเราก็แวะมุมนั้น ไม่รีบไม่ร้อน
นอกจากตึกเก่า ๆ ที่คอยเล่าเรื่องราวของย่านนี้ ถนนเรืองราษฎร์เส้นนี้ยังมี Street Art ที่รังสรรค์โดยคุณสติกร ทองพบ อีก 3 จุด จุดที่ 1 บริเวณทางขึ้นศาลเจ้าฮกเต็กสือ จุดที่ 2 บริเวณข้างโรงเรียนสหายวิทย์ และจุดที่ 3 บริเวณทางลงที่จอดรถตลาดสดเทศบาลเมืองระนอง ซึ่งแต่ละที่ก็มีสีสันและเรื่องราวที่ต้องการจะสื่อแตกต่างกัน ใครมาเมืองระยองก็อย่าลืมแวะเช็คลิสต์ ณ จุดเช็คอินที่น่ารัก ๆ แบบนี้ได้
บรรยากาศรอบข้างที่แสนจะคลาสสิค ช่างเข้ากันกับ Lambretta V200 Special สกู๊ตเตอร์ระดับตำนานจากอิตาลี เพื่อนคู่ใจที่แสนจะวินเทจของเราเป็นที่สุด โดยเฉพาะดีเทลเล็ก ๆ อย่างหน้าปัดเรือนไมล์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายคลาสสิคยุค 60 ซึ่งตรงกันข้ามกับเทคโนโลยีภายในซึ่งเป็นแบบ Semi-Digital Display บอกฟังก์ชั่นครบครัน แถมยังเพิ่มลูกเล่นความคูลด้วยหน้าจอที่สามารถปรับโทนสีได้ ทั้งยังมีช่องสำหรับเก็บสัมภาระด้านหน้า ตัวช่วยเพิ่มความสะดวกในการจัดเก็บสิ่งของ พอบวกกับพื้นที่พักเท้าขนาดใหญ่ และการออกแบบเบาะให้นุ่มนั่งสบายทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนด้วยรูปทรงทันสมัย แต่กลับไม่ได้กระทบกับรูปลักษณ์วินเทจภายนอก ดังนั้นนอกจากสมรรถนะเยี่ยม ขับสบาย ยังใช้เป็นพร็อพสุดป๊อบสำหรับสายวินเทจได้อย่างไม่มีที่ติอีกด้วย
Day 2
05 12 Cafe & Bakery
เช้าวันที่ 2 เราพาตัวเองมาเติมคาเฟอีนที่ 12 Cafe & Bakery คาเฟ่สไตล์โฮมมี่ ที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองระนอง เจ้าของได้ทำการเปลี่ยนบ้านพักของตัวเองให้ออกมาน่ารัก อบอุ่น ให้อารมณ์เหมือนเราแวะมาหาเพื่อนและดื่มกาแฟยามเช้ามากกว่าแวะมาคาเฟ่ซะอีก เพราะขนาดเรายังไม่ทันจอดรถเสร็จดี ก็มีเพื่อนซี้สี่ขาสีน้ำตาลอ่อนและน้ำตาลเข้ม รีบวิ่งมาคอยต้อนรับเหมือนรู้จักกันมานาน ซ้ำยังไปนั่งรอหน้ามุมถ่ายรูปสุดคิ้วท์ตรงกระจกวงกลมหน้าร้านอย่างรู้งานทั้ง 2 ตัว
เลื่อนเปิดประตูสีน้ำตาลบานใหญ่ เราก็เข้าสู่ตัวร้านขนาดกะทัดรัด ที่มีมุมให้เลือกนั่งพักหลากหลาย แต่ละมุมก็มีวิวดี ๆ สีเขียวขจีและบรรยากาศสบาย ๆ รายล้อม ด้านในใช้ผนังสีขาวและเฟอร์นิเจอร์สีไม้เป็นธีมหลัก ชวนผ่อนคลายอารมณ์ไปกับกลิ่นหอมฟุ้งของกาแฟ และเบเกอรี่โฮมเมด
เครื่องดื่มและเบเกอรี่ทางร้านก็มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ แต่เราขอสั่งเมนูแนะนำที่ชวนสดชื่นอย่าง “Yuzu Espresso” น้ำส้มยูสุ โดดเด่นเพราะความหอมและความเปรี้ยวหวานเข้ากันได้ดีมาก ๆ กับรสชาติเข้มหอมกลมกล่อมของกาแฟ และเข้ากันได้ดีขึ้นไปอีกเมื่อทานคู่กับเมนู Signature ของร้านอย่าง “ครัวซองต์บ็อกซ์กาหยูคาราเมล” ครัวซองต์ทรงสี่เหลี่ยมรูปกล่อง ที่กรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมซอสคาราเมลสูตรโฮมเมดของทางร้าน โรยหน้าเพิ่มความกรุบกรอบด้วยกาหยูหรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของดีภาคใต้ เช้าวันนี้ก็กลายเป็นวันดี ๆ อีก 1 วัน
06 บ้านไร่ไออรุณ ( Baan Rai I Arun )
ออกจากเมืองระนองเรามุ่งหน้าไปยังอำเภอกะเปอร์ สู่ที่พักที่เหมาะสำหรับผู้ใฝ่หาธรรมชาติ ชอบความเป็นส่วนตัว และต้องการมาพักผ่อนจริง ๆ บ้านพักทั้ง 17 หลังนี้ ออกแบบโดย คุณเบส วิโรจน์ ฉิมมี สถาปนิก และเจ้าของแห่ง “บ้านไร่ไออรุณ” ฟาร์มสเตย์ในจังหวัดระนองภายใต้แนวคิด สร้างผืนแผ่นดินของครอบครัวที่มีอยู่ให้กลายเป็นบ้านในฝันที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งบ้านทุกหลังได้เเรงบันดาลใจมาจากความฝันที่อยากจะมีบ้านเเบบนี้ในวัยเด็ก โดยที่พักแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ พื้นที่ส่วนกลางที่จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสกับวิถีธรรมชาติ เรียนรู้ความเรียบง่ายของชีวิต และโซนที่พัก ซึ่งออกแบบมาให้มีความแตกต่างกัน และทิ้งระยะห่างกันพอประมาณเพื่อความส่วนตัว
เมื่อมาถึงที่พักเราก็จะเข้าสู่โซนพื้นที่ส่วนกลาง ในบ้านไม้ 3 ชั้น สูงโปร่ง มีม้านั่งไม้ยาวไว้รอรับการเช็คอิน และจิบน้ำสมุนไพร Welcome Drink มีของที่ระลึกเป็นสินค้าเกษตรและสินค้าทำมือขาย ด้านข้างกันจะเป็นสวนผลไม้ แปลงผัก และธารน้ำสายยาว พื้นที่สำหรับเรียนรู้และสัมผัสวิถีธรรมชาติ แค่เข้ามาในโซนนี้เราก็รู้สึกได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้นแล้ว
พอเดินเข้าไปเรื่อย ๆ สู่โซนของที่พัก เราก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความสดชื่นของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี ทางเดินสีน้ำตาลอ่อน และบ้านหลากทรงหลายรูปแบบ ที่เหมาะทั้งกับการมาพักเดี่ยว มาพักกับคู่รัก มาพักกับครอบครัว หรือจะมาพักกับเพื่อนฝูงก็น่าสนุก ดังนั้นจะมาที่นี่อีกสักกี่ครั้ง หากได้ห้องต่างกันไปฟีลลิ่งแต่ละหลังก็ต่างกันค่อนข้างมาก แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ทุกหลัง เน้นการตกแต่งหลักด้วยวัสดุจากธรรมชาติ ทำให้เมื่อตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าสีเขียว ใต้เมฆขาวปุกปุย ก็ไม่ขัดตาเลยสักนิด เหมือนเราได้มาต่อเติมความฝันนอนพักบ้านต้นไม้ บ้านในนิยายในวัยเด็กไม่มีผิด
หลังจากเช็คอินเข้าที่พักดื่มด่ำกับธรรมชาติ และผ่อนคลายกับอากาศที่กำลังสบาย เรื่องราวก็ดำเนินมาถึงช่วงเวลาสำคัญ อาหารเย็น เซตเมนูที่เราเลือกสั่งแบบจัดเต็มไว้ตั้งแต่ตอนเช็คอิน รวมจุดเด่นของจังหวัดระนองไม่ว่าจะเป็นซีฟู้ด ปู กุ้ง หมึกสดใหม่ อาหารพื้นบ้าน ที่หลากหลาย ทั้งรสจัดและรสอ่อน ทั้งแบบผัดและแบบแกง นอกจากรสชาติจะถูกปากถูกใจแล้ว ดอกไม้นานาชนิดที่เราเห็นอยู่ตรงนี้ ก็ล้วนทานได้เพราะเป็นดอกผลจากบ้านไร่ไออรุณเอง แถมยังตกแต่งจานได้สวยงามน่าถ่ายรูป จัดเป็นมื้อเย็นที่เติมเต็มทั้งอาหารตา อาหารใจ อาหารปากอย่างยอดเยี่ยม
Day 3
ท่ามกลางบ้านไร่ที่อุดมไปด้วยไออุ่นของอรุณรุ่ง เช้านี้เราเดินลัดเลาะตามแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ เพื่อไปทานอาหารมื้อเช้าที่ประกอบด้วยเซตขนมจีน มีน้ำยา น้ำยากระทิ และแกงไตปลา เสิร์ฟพร้อมผักสด ดอกไม้สด และไข่ไก่ต้ม พ่วงด้วยขนมไทยใบตองห่อ ผลไม้ ชา และกาแฟ แน่นอนอาหารยังคงอร่อย การจัดเสิร์ฟแสดงออกถึงความใส่ใจ จะทานก็ดี จะถ่ายรูปก็สวย เป็นอีกหนึ่งมื้อที่อิ่มเอมใจมาก ๆ
จบจากอาหารมื้อเช้าเราก็เดินย่อยสักพัก และใช้เวลาที่เหลือสัมผัสกับวิถีแห่งธรรมชาติ ใช้เวลาให้หมดไปช้า ๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ทำตัวตามสบาย วางนาฬิกา วางโทรศัพท์ เปลี่ยนมาเดินเล่นชมสวนดอกไม้ แวะดูแปลงผัก สูดกลิ่นไอดิน ดมกลิ่นไอแดด เดินไปเรื่อย ๆ ค่อยเปลี่ยนไปปั่นจักรยานเอื่อยเฉื่อย ชมบรรยากาศสองข้างทาง รับอากาศบริสุทธิ์รอบที่พัก อยู่ที่นี่เราได้พักผ่อนแบบจริง ๆ จัง ๆ ไร้เสียงดังเกินควร ไร้สิ่งเกินจำเป็น อยู่กับธรรมชาติแบบธรรมชาติชาร์ตพลังชีวิตให้กลับมาเต็มเหมือนเดิม
07 อุทยานแห่งชาติแหลมสน ( Laem Son National Park )
ออกจากที่พักแนวธรรมชาติ เราก็ขอมุ่งหน้าไปเก็บจุดเช็คอินสุดท้าย สถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองระนอง อุทยานแห่งชาติแหลมสน อุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่เกือบสองแสนไร่ กินพื้นที่ริมทะเลตั้งแต่ตำบลราชกรูด จ.ระนอง ไปจนถึงอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา รวมถึงครอบคลุมเกาะต่าง ๆ ในทะเลอันดามันอีก 2 เกาะ ได้แก่ เกาะค้างคาว และหมู่เกาะกำ แค่นี้ก็คงจะพอยืนยันได้แล้วว่าที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์มากแค่ไหน
ท่ามกลางความกว้างใหญ่จนถึงขั้นไพศาล และจุดเช็คอินตระการตามากขนาดนี้ เราขอเลือกปักหมุดมาหยุดที่ หาดบางเบน หาดทรายขาวริมทะเลอันดามันที่มีวิวเรียบ ๆ กว้าง ๆ มองไกลได้จนถึงขอบฟ้าและขอบน้ำ แค่ได้มาเดินเล่น ๆ เก็บบรรยากาศสะอาดตา สัมผัสอากาศให้ชื่นใจ หามุมถ่ายรูปกับฟ้าใส อย่างขอนไม้เก่าที่ล้มตัวบนหาดทรายละเอียด เท่าที่ก็เพียงพอแล้ว
เต็มอิ่มกับมุมทะเลริมหาด เราก็ย้ายตัวเองมานั่งหลบร้อนใต้แนวทิวสนสูงสีเขียว กิ่งใบแน่นขนัดเป็นมุมพักที่ให้ร่มเงา เหมาะกับการมาปิกนิกออนเดอะบีช หยิบเก้าอี้ กางโต๊ะ วางอุปกรณ์ดริปกาแฟ ตั้งเตา เติมน้ำร้อน รอฟังเสียงน้ำเดือดท่ามกลางเสียงคลื่น ค่อยรินรดให้น้ำร้อนไหลผ่านเมล็ดกาแฟบด อดทนรอสักนิดจวบจนกลิ่นกาแฟโชยหอมกรุ่น ค่อยยกดื่มกาแฟอุ่น ยามสายลมอ่อนพัดส่งผ่านความสุข เป็นจังหวะชีวิตเรียบง่ายที่ทำให้ใจเต้นแรงมาก ๆ
ผ่านเส้นทางยาวไกลตลอดทั้งทริป แต่เราก็ไม่มีสะดุดสักจุดเดียว เพราะ Lambretta V200 Special ขับขี่ด้วยเกียร์ออโตเมติก CTV ขับเคลื่อนด้วยสายพาน พร้อมเครื่องยนต์ 168.9 ซีซี 13 แรงม้า 1 สูบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ จึงไหลลื่นทุกจุดหมาย เสริมความปลอดภัยให้มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยระบบเบรค CBS ดิสก์เบรคหน้าหลัง พร้อมทั้งระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Telescopic ระบบกันสะเทือนหลังแบบคู่ จะเข้าโค้ง ขึ้นทางลาด ลงทางชันก็ไหวที่สำคัญเป็นมิตรกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานท่อไอเสีย Euro 4 เดินทางแบบใส ๆ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ทัวร์ครบเครื่อง เที่ยวครบรส ณ แดนฝน 8 แดด 4 ฉ่ำชื่นชุ่มใจด้วยไอแห่งความสุข ใครมองหาที่เที่ยวใหม่ ๆ หลากรสชาติก็ตามรอยเรามาได้ไม่มีผิดหวัง ส่วนการโร้ดทริปคือการเดินทางที่นอกจากขับเคลื่อนรถไปข้างหน้าแล้ว จิตใจของเราก็เหมือนได้เดินทางไปข้างหน้ามากยิ่งขึ้นด้วย อาจเพราะบนถนนลาดยางถูกปูด้วยการเรียนรู้ สองข้างทางที่เขียวขจีคือวิถีของชีวิต คนแปลกหน้าคือประสบการณ์สดใหม่ และปลายทางคือแผนการขั้นต่อไป นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราเสพติดการเดินทาง ถึงแม้ตอนนี้พวกเรายังต้องระวังตัวอยู่มาก แต่ก็อย่าขังตัวเองจนเกินไป ออกมาหาไอแดด ออกมาหาท้องฟ้ากันบ้างดีกว่า และอย่าลืมหากใครกำลังมองหาสกู๊ตเตอร์คู่ใจไว้ใช้เดินทางใกล้ เดินทางไกล ขึ้นเหนือล่องใต้ก็อย่าลืมเว้นหัวใจให้ Lambretta V200 Special ได้เข้าไปนั่งด้วย