ทริปนี้ขอเอาใจสาวสายโซเชียล ด้วยทริปปลดผ้าเริงร่าท้าแดด 2 วัน 1 คืน เที่ยวทะเลฟีลอโลฮ่า ณ หัวหิน เมืองพักตากอากาศสุดชิค ที่อยู่ใกล้กรุงฯ แค่ระยะประชิดเท่านั้น รอบนี้เราจะพามาพักผ่อนในที่พักน้องใหม่ฟีลไลค์ไมอามี่บีช เช็คอินจุดชมวิวสุดจึ้งตะลึงใจ แล้วไปชิลกันต่อยังคาเฟ่และบีชคลับแสนเก๋ และแน่นอนว่าทริปนี้เรามั่นใจในทุกท่วงท่า กล้าโชว์ผิวได้อย่างเต็มที่ เพราะได้รับการปลอบประโลมอย่างดีจาก La Mer “The NEW Advanced Treatment Lotion” โลชั่นบำรุงผิวสูตรน้ำที่ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ สุขภาพดีอยู่ตลอดเวลาได้รีเฟรซทั้งร่างกาย ฮีลจิตใจ บำรุงผิวเต็มขั้นขนาดนี้บอกเลยว่าจบทริปแบบสวยเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอกอย่างแน่นอน
ไปเที่ยวทะเลทั้งที สิ่งที่ขาดไม่ได้ของสาว ๆ ยุคนี้ นอกจากชุดว่ายน้ำสีสด แว่นตาทรงสวย หมวกปีกกว้างแสนเก๋แล้ว ทางเราขอแนะนำอีกหนึ่งไอเท็มที่เป็นจุดเริ่มต้นของผิวสุขภาพดี ที่ทั้งประโลมและเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเปล่งปลั่งในทุกอณู อย่าง The NEW Advanced Treatment Lotion โลชั่นบํารุงผิวสูตรนํ้าสูตรใหม่ล่าสุดจาก La Mer ที่มาพร้อมคุณสมบัติที่ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างเข้มข้น หรือ “Serum Strength” ช่วยลดเลือนเส้นริ้ว ร่องลึก กระชับรูขุมขน มีส่วนผสมของน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth™ ที่มากกว่าสูตรเดิม ไม่ว่าทริปนี้หรือทริปไหน จะท้าแดด รับลมเท่าไหร่ ผิวก็ไม่ดรอป ดีขนาดนี้ก็ต้องมีติดกระเป๋าไว้แล้วนะทุกคน
DAY 1
01 : Sundance Dayclub
เปิดประเดิมโลเคชั่นแรกด้วยความปังแบบไม่มีอะไรมากั้นได้ที่ Sundance Dayclub บีชคลับสุดหรูริมทะเลที่มาพร้อมความเป็นส่วนตัวแบบเอ็กซ์ครูซีฟ โมเดิร์น ลัคชัวรี่ กับคอนเซ็ปต์ SIP-DIP-DINE มีไฮไลต์อยู่ที่สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ติดหาดหน้ากว้าง 40 เมตร คุมโทนด้วยร่มสีขาว และ Day Bed สีเบจอ่อน ๆ ให้อารมณ์ผ่อนคลายที่โก้หรูดูลูกคุณเป็นอย่างมาก ดูสอดรับกับสีของน้ำทะเลและท้องฟ้าได้อย่างลงตัว ชวนให้อยากนอนอาบแดดนั่งชิลไปทั้งวัน ยิ่งใครเป็นสายโซเชียลละก็ มาที่นี่รับรองว่าได้อัพสตอรี่แบบจุดไข่ปลาเรียกพี่แน่นอน
นอกจากจะให้ความสำคัญกับทุกดีเทลของงานสถาปัตยกรรมที่สวยงามชวนให้เราหลงรักตั้งแต่แรกเห็นแล้ว ที่นี่ยังแบ่งโซนที่นั่งเป็นสัดส่วนอย่างดี หากเราหันหน้าออกไปทางทะเล ด้านซ้ายมือสุดก็จะเป็นโซน Sunrise ซึ่งจะเสิร์ฟอาหารไทย เน้นใช้วัตถุดิบท้องถิ่นสด ๆ และปรุงให้ได้รสชาติอร่อยถึงเครื่อง มี Sunken Pool Bar ที่เราสามารถออร์เดอร์เครื่องดื่มได้จากในสระเลย รวมถึงมีเซ็ตโต๊ะเก้าอี้ในสระเพื่อให้นั่งจิบเครื่องดื่มสวย ๆ ด้วย
ส่วนเราขอมานั่งหลบร้อนที่ Daybed ในฝั่ง Sunset Pool Bar Grill เป็นครัวตะวันตกที่เน้นเสิร์ฟอาหารทะเลแบบยุโรปที่อร่อยเลิศไม่แพ้ฝั่งครัวไทย มีเมนูให้เลือกสั่งเยอะมาก ทั้งเบอเกอร์ สปาเก็ตตี้ สเต็ก สลัดต่าง ๆ รวมถึงเครื่องดื่มที่มีทั้ง Cocktail, Mocktail และเครื่องดื่มพิเศษอีกมากมายให้เลือกได้ตามความชอบ ถ้าใครคิดไม่ออก แนะนำให้ลองสั่ง Aloha Beaches เครื่อมดื่มดับร้อนที่มีส่วนผสมจากน้ำสับปะรด, น้ำเชื่อมใบเตย, กะทิเทียนหอม และน้ำมะนาว มอบความสดชื่นให้เราทุกครั้งที่จิบ
ที่นี่ก็มีพร็อพห่วงยางใสน่ารักไว้เอาใจสาว ๆ ให้หยิบยืมมาถ่ายรูปลอยตัว และแน่นอนว่ามาบีชคลับทั้งทีทางเราก็ไม่พลาดจะหยิบบีกีนี่ตัวจิ๋วมาใส่ แล้วโดดลงไปในสระอินฟินิตี้พูล แช่น้ำคลายร้อนกันสักหน่อย บอกตรงนี้เลยว่าถึงแดดจะแรงแค่ไหนเราก็ไม่หวั่นใจ เพราะเรามีตัวช่วยบำรุงดี ๆ อย่าง The NEW Advanced Treatment Lotion ที่แค่ใช้ครั้งแรกก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างเพราะ Treatment lotion สูตรใหม่ตัวนี้พิเศษกว่าใคร เพราะปกติแล้วน้ำตบทั่วไปจะให้คุณประโยชน์ได้แค่ด้านใดด้านหนึ่ง แต่ The Treatment Lotion ของ La mer สามารถช่วยบำรุงผิวได้ถึง 3 คุณประโยชน์ภายในขวดเดียว ทำให้ได้ผิวหน้าที่สดใสกว่าเดิม ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น แถมยังเติมความชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิว จากส่วนผสมที่เพิ่มมากขึ้นของ Miracle BrothTM เรารู้สึกได้เลยว่าผิวของเราดูอิ่มฟูและชุ่มชื่นมากขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ และ Treatment lotion สูตรใหม่นี้ยังเพิ่มส่วนผสมพิเศษ The Revival Ferment™ ที่ช่วยป้องกันและปลอบประโลมผิวจากอาการแพ้ และรอยแดงต่างๆ ซึ่ง Treatment lotion สูตรใหม่นี้ถึงแม้จะเพิ่มส่วนผสมพิเศษมากมาย แต่ก็ยังอ่อนโยนต่อผิวเราเหมือนเดิม ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้นะ
02 : Drip Rim Lay
ฟาดรูปร้อยแอ็คท้าแดดที่บีชคลับไปแล้ว ขอพาร่างมานั่งชิลกันต่อที่ร้านกาแฟเล็ก ๆ แสนอบอุ่นริมทะเล ที่บอกคำเดียวเลยว่าสายดริปไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงจริง ๆ โดยร้าน Drip Rim Lay นั้นเป็นร้านกาแฟแนว Specialty Coffee มาพร้อมมุมโซฟาสีครีมกับกรอบหน้าต่างรอบด้าน จุดเช็คอินฮอตฮิตที่ชาวอินสตาแกรมเมอร์ต้องห้ามพลาด หรือใครอยากรับลมทะเลฟังเสียงคลื่นก็มีโต๊ะพร้อมเก้าอี้ริมหาดให้เลือกนั่งเช่นกัน
ในส่วนของเมนูกาแฟ บอกเลยว่าตอบโจทย์คอกาแฟอย่างแน่นอน ด้ายความที่เป็นร้านกาแฟแนว Specialty Coffee จึงมีเมล็ดกาแฟให้เลือกเยอะมาก ทั้งเมล็ดไทย และต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Ethiopia, Columbia และ Brazil ถ้าเลือกไม่ถูกบาริสต้าก็จะแนะนำกาแฟที่เหมาะกับเราให้ ซึ่งปัจจุบันทางร้านก็มีการเพิ่มเมนู Espresso จากเครื่องทำกาแฟที่ใช้มือโยกแบบ Manual เข้ามา ทำให้มีเมนูกาแฟที่หลากหลายเอาใจคอฟฟี่เลิฟเว่อร์แบบสุด ๆ
03 : The Standard Hua Hin
แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าที่นี่คือหัวหินจริง ๆ ทุกอย่างฟีลไลค์ไมอามี่มาก ใช่จ้าทุกคน!!!! เรากำลังพูดถึง The Standard Hua Hin รีสอร์ทหรู 5 ดาวติดชายทะเลน้องใหม่ หนึ่งในเครือของแบรนด์โรงแรมสัญชาติอเมริกัน ที่เอากลิ่นอายงานออกแบบของ Le Corbusier มาผสานกับความร่วมสมัย รูปทรงเรขาคณิต และเอกลักษณ์ท้องถิ่นของหัวหินได้อย่าลงตัว คุมมู้ดแอนด์โทนด้วยสีเหลือง ขาว แบบชิค ๆ มีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์ริมหาด รวมถึงยังเป็นโรงแรมแบบ Pet-Friendly ที่อนุญาตให้เราและเพื่อนสี่ขามาพักผ่อนอย่างแฮปปี้
เลี้ยวรถเข้ามาจอดปุ๊บเราก็จะเจอกับความชิคทุกอณูตั้งแต่โลโก้แบรนด์ที่ติดกลับหัวไว้ ตั้งใจให้แขกที่มาพักได้พบกับความสนุกตั้งแต่แรกเห็น พอเดินถัดเข้ามาก็จะเป็นโซนของล็อบบี้ที่เป็นพื้นที่ Open Air รับลมเย็น ๆ ริมทะเลพร้อมเก้าอี้โค้งตัวใหญ่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเก้าอี้นั่งรถในชานชาลาสถานีรถไฟหัวหิน มาพร้อมช้อปเล็ก ๆ ขายของกระจุกกระจิกน่ารักที่เป็นงานแฮนเมดจากแบรนด์ไทยผสมกับของ Premium จากโรงแรม The Standard จากทั่วโลก เรียกได้ว่าสาว ๆ สายแฟชั่นต้องมีโดนตกสักชิ้นแบบไม่รู้ตัวแน่นอน
ที่นี่มีทั้งหมด 199 ยูนิต แบ่งเป็น 2 โซนหลัก คือโซนโรงแรมจะเป็นที่พักบนตึกสีขาว ทุกห้องมีระเบียงมองเห็นวิวสวนสวยที่มีต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่านแผ่กิ่งก้านอยู่กลางลาน และอีกโซนเป็นโซนวิลล่าอยู่ติดกับหน้าชายหาด มีลักษณะคล้ายหมู่บ้านในแถบเมดิเตอร์เรเนียน ด้านนอกทาสีขาวสบายตา ส่วนด้านในห้องตกแต่งด้วยโทนสีสดใส เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีกลิ่นอายเรโทรเล็ก ๆ ดิสโก้หน่อย ๆ ซึ่งทาง The Standard ได้แรงบันดาลใจมาจากบ้านพัก Twin Palms House ของ Frank Sinatra ที่แคลิฟอร์เนียในยุค 50s นั่นเอง
ห้องพักในทริปนี้เราเลือกแบบ Standard Pool Villa มีพื้นที่กว้างถึง 106 ตารางเมตร มาพร้อมเตียงคิงไซส์ และพื้นที่นั่งพร้อมเดย์เบ้ด มินิบาร์ ลำโพงบลูทูธไว้เปิดแทร็คลิสต์สุดโปรด มีห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มาพร้อมเรนชาวเวอร์และอ่างอาบน้ำ แถมด้วยไฟดิสโก้ให้เราเปิดเพลงแล้วเต้นแบบไม่แคร์ใคร หรือจะแช่อ่างท่ามกลางไฟดิสโก้ก็ไม่ติด ที่สำคัญสระว่ายน้ำยังเป็นระบบจากุชชี่ ให้แช่ได้ชิล ๆ ทั้งวี่ทั้งวันแบบไพรเวท งานนี้ไม่ว่าจะมากับแฟน กับเพื่อนซี้ก็ดีต่อใจแฮปปี้แถมได้รูปดี ๆ เด็ด ๆ กลับไปอีกเพียบแน่นอน
แต่ก่อนจะออกไปสำรวจมุมถ่ายรูปมุมต่อไป เราก็ไม่ลืมที่จะดูแลผิวให้เปล่งปังด้วย The NEW Advanced Treatment Lotion โลชั่นสูตรน้ำจาก La Mer สูตรใหม่ล่าสุดจาก La Merเพราะมีการเพิ่มปริมาณส่วนผสมเฉพาะของ La Mer หรือที่เรียกว่า หรือที่เรียกว่า Serum Strength ช่วยลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน ให้ผิวเราดูสุขภาพดี ชุ่มชื้นและรู้สึกสดชื่นแม้อยู่กลางแดด นอกจากนี้เค้ายังปรับ Packaging ใหม่ไม่ใช่แค่ให้ดูสวยและทนอย่างเดียวนะ แต่ยังเป็น Eco-friendly Package ด้วยวัสดุที่สามารถนำไป recycle ได้ด้วย ผิวสวยด้วยและยังได้รักษ์โลกอีก ตอนนี้เจ้า Advanced Treatment Lotion กลายเป็นไอเท็มเด็ดที่ต้องพกไปด้วยทุกทริปและใช้ทุกวันไปแล้ว
เมื่อผิวพร้อมออกแดดเต็มที่ก็ถึงเวลาหามุมดี ๆ อวดผิวสวยฉ่ำให้หนุ่มเหลียวมองกันไปเลย จากโซน Pool Villa หากเราเดินไปบริเวณหน้าหาดก็จะเจอพื้นที่ส่วนกลาง กับโซนสระว่ายน้ำที่มี Beach Bed สีเหลืองสดใส ส่งตรงมาจาก Miami พร้อมผ้าเช็ดตัวสีเหลืองแบบเข้าธีมริมสระสีน้ำเงินเข้ม ให้เรานอนอาบแดด ฟังเสียงคลื่น หรือจะสั่ง Cocktail จาก Lido Bar มาจิบริมสระก็ดีไปหมด
ข้าง ๆ The Pool ก็ยังมี Surf Club ให้เลือกเล่นกีฬาทางน้ำได้เต็มที่ มู้ดตรง Surf Club นี้ยามเย็นที่แสงสาดลงมาพอดีคือสวยมาก แค่ยืนแกล้ง ๆ ถือบอร์ดถ่ายรูปก็คือปังไม่ไหวแล้วแม่
Day 2
เช้าวันที่สองของทริป เราตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นพร้อมผิวที่เปล่งปลั่ง ซึ่งเคล็ดลับเทคนิคดูแลผิวให้สดชื่นแบบเรานั้นก็ง่ายมาก หลังทำความสะอาดผิว ซับผิวหน้าให้แห้งหมาด ๆ แล้วใช้ The NEW Advanced Treatment Lotion หยดเพียง 4-5 หยด กดแตะเบา ๆ ลงบนผิวเพื่อกระตุ้นการไหลเวียน เพราะหลังทำความสะอาดใหม่ ๆ นี่แหละที่รูขุมขนจะเปิดรับการปลอบประโลม ซึมซับลงไปในชั้นผิว ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่เราฟินมาก เพราะ Treatment lotion สูตรใหม่จาก La Mer มาพร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ Active Liquid Hydrogel ที่ให้ความรู้สึกตอนทาโลชั่น นุ่มสบาย รู้สึกดีขึ้นมากเนื้อโลชั่นเบาสบายผิว ทำให้ซึมเข้าผิวได้ดีมากขึ้น โลชั่นสูตรใหม่ของ La Mer ตัวนี้กลายเป็นอีกหนึ่งไอเท็มลูกรักของเราเวลาไปเที่ยวเลยแหละ
แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยเราก็เดินสับ ๆ มารับประทานมื้อเช้าที่ห้องอาหาร Lido Restaurant โดยอาหารเช้าของที่นี่จะเสิร์ฟแบบบุฟเฟ่ต์ มีอาหารให้เลือกทานเยอะมาก และอร่อยถูกปากมากเช่นกัน ขนมปังมีให้เลือกกว่า 10 ชนิดเลยทีเดียว ส่วนบรรยากาศในห้องอาหารนั้นเน้นโทนสีไม้ธรรมชาติ ดูสว่าง สบายตา ตกแต่งแซมด้วยต้นไม้ และเบาะสีเขียว ส้ม ครีม ลายใบไม้ต่าง ๆ ดูสดใสได้อารมณ์แบบ Tropical Vibes เลย
04 : Skoop Beach Cafe
พอเช็คเอ้าท์จากที่พัก ก็ได้เวลามาเติมความเฟรชกับอีกหนึ่งคาเฟ่สุดฮิปริมหาดเขาตะเกียบ Skoop Beach Café ตัวร้านเป็น Beach Front Cafe ในบรรยากาศสุดเก๋ภายใต้อาคารชั้นเดียวสีขาว คลีน ๆ มีกระจกบานใหญ่ติดอยู่ทุกด้านให้เรานั่งมองวิวทะเลในทุกช่วงเวลาได้ไม่มีเบื่อ แถมมาพร้อมคอนเซ็ปต์ที่ไม่เหมือนใคร เสิร์ฟอาหารเช้าตลอดทั้งวัน แบบ All-day Breakfast และยังมีเมนูไฮไลต์อย่างไอศกรีมโฮมเมดที่มีกว่า 10 รสชาติ ให้เราเลือกสั่งมาถ่ายรูปน่ารัก ๆ เก็บไว้อัพเป็นรูปคั่นลงไอจีก็ดีงาม
สั่งไอศกรีมให้ไวแล้วรีบวิ่งไปถ่ายรูปกับมุมฮิตในโซนเอ้าดอร์ ที่ทางร้านทำเป็นบาร์สีแดงขาวสดใสริมทะเล ใครเห็นก็แวะถ่าย ส่วนตัวไอศกรีมนั้นนอกจากจะเป็นไอศกรีมโฮมเมดที่รสชาติอร่อยหวานกำลังดีแล้ว เรายังสามารถเลือกโคนสีสันน่ารัก และเพิ่มท็อปปิ้ง โรยเม็ดน้ำตาลสายรุ้ง มาชร์เมลโล่ว หรือจะปักโอริโอ้ในสไตล์เราก็ได้ ครีเอทรับซัมเมอร์กันได้เต็มที่เลย นอกจากนี้ก็ยังมีอีกมุมอยู่ด้านบนดาดฟ้าของอาคารสีขาวที่สามารถเดินขึ้นไปถ่ายรูปเล่นได้ไม่ซ้ำใคร
05 : Palm Springs
เติมความเฟรชด้วยไอศกรีมสุดคิ้วท์ไปแล้ว ขอแวะมาเช็คอินเติมคาเฟอีนและน้ำตาลเข้าร่างกันต่อที่ Palm Springs คาเฟ่เปิดใหม่ไม่ไกลจากปากน้ำปราณฯ มีพื้นที่กว้างขวางถึง 1 ไร่ ตัวคาเฟ่เป็นตึกสี่เหลี่ยมสีขาว รายล้อมด้วยสวนแคคตัสที่ถูกจัดวางอย่าลงตัว พร้อมมุมนั่งเล่นให้ชิลได้ทั้งโซนด้านในและด้านนอก งานนี้แนะนำให้เตรียมชุดแมทช์มาให้ดี จะลุคเท่เสื้อครอปโชว์เอวก็เก๋ หรือลุคหวานกระโปรงระบายไว้หมุนตัวโชว์ผิวสวยได้อย่างมั่นใจ เพราะเราบำรุงมาอย่างดีด้วยโลชั่นสูตรใหม่จาก LA MER
ในส่วนเมนูเครื่องดื่มของร้านนั้นค่อนข้างหลากหลาย มีให้เลือกทั้งอิตาเลียนโซดา สมูทตี้ผลไม้ โกโก้ ชาเขียว รวมถึงเมนูกาแฟก็มีให้สั่งเพียบ ทั้ง Slow Bar และ Espresso Machine แถมยังมีเมล็ดกาแฟจากแหล่งปลูกทั่วโลกให้คอกาแฟเลือกสั่งด้วย ส่วนเมนูเค้กที่ห้ามพลาด แนะนำเป็น Lemon Yellow Cake เมนูที่ขายดีเสมอของทางร้าน
06 : หาดทรายน้อย
ยังพอมีเวลาเหลืออีกนิด ยามเย็นก่อนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เราเลยแวะมาเดินเล่นกันที่ หาดทรายน้อย หาดเล็ก ๆ อีกแห่งของหัวหินที่เงียบสงบ คนไม่พลุกพล่าน และไม่มีสิ่งก่อสร้างรกตา ทุกอย่างยังคงเป็นธรรมชาติ แถมด้านข้างของหาดขนาบด้วยแหลมหินที่ยื่นลงไปทะเลสูงสวยงาม ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสน้ำทะเลจะเป็นสีเขียวอมฟ้า เม็ดทรายขาวละเอียด สวยปังไม่แพ้ทะเลที่ไหนเลยจ้า
น้อยคนจะรู้ว่าที่หาดทรายน้อย สามารถเดินขึ้นตรงเนินหินมาชมวิวสวย ๆ โดยจากด้านบนเราจะมองเห็นโค้งอ่าว มีไฮไลต์เป็นต้นไม้เดียวดายที่ขึ้นอยู่บนหินพร้อมแบล็คกาวน์เป็นทะเลสีฟ้ากว้างสุดลูกหูลูตาให้เราเดินถ่ายรูปเล่น สำหรับเราที่นี่ถือเป็นมุนอันซีนของหัวหินอีกหนึ่งจุดเลย แนะนำว่าให้มาช่วงเย็น เพราะแสงสวยมาก แถมอากาศสบาย ๆ มีลมพัดตลอด
สำหรับสาว ๆ ที่ยังแพลนไม่ได้ว่าเดือนนี้จะไปไหน ลองเช็คลิสต์ตามรอยเที่ยวเมืองตากอากาศหัวหิน 2 วัน 1 คืน แบบเราดู รับรองฟินในทุกโลเคชั่น ได้รูปสวยปังแน่นอน แต่ถ้าใครถามว่าดูแลตัวเองยังไง!!!!! ก็บอกเค้าไปเลยสิคะว่าเรามีตัวช่วยดี ๆ ให้ผิวพร้อมทุกสถานการโลชั่นบำรุงผิวสูตรน้ำที่ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ ณ์จาก La Mer “The NEW Advanced Treatment Lotion” สุขภาพดีอยู่ตลอดเวลาแบบ Day to Night ไม่ว่าจะเดินทางทริปไหนพกติดกระเป๋าไว้ก็อุ่นใจได้เสมอ คอนเฟิร์มมมมมม!!!!!!!