รีวิวเชียงราย :: Enjoy Refreshing Trip with 6 Locations in Chiang Rai

ทริปส่งท้ายลมหนาวปีนี้ ขอพาทุกคนเข้าสู่อ้อมกอดกลางขุนเขาแห่ง “เชียงราย” ให้ร่างกายได้ปะทะอากาศดี ๆ พร้อมวิวงาม ๆ โดยการเดินทาง 3 วัน 2 คืนรอบนี้ เราคัดสรร 6 โลเคชั่นแสนดี มาเพื่อสนองนีดคนอยากพักผ่อนชิล ๆ เน้นรีทรีตร่างกาย ไล่มาตั้งแต่คาเฟ่สุดชิคถ่ายรูปลงไอจีได้คอนเทนต์ปัง ๆ ไร่ชาฮอตฮิตที่ต้องแวะเช็คอินแบบพลาดไม่ได้ ฟาร์มแกะบนยอดดอยที่โอบล้อมด้วยขุนเขาและไอหมอก รวมถึงนอนซึมซับบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติใน Jungle Bubbles สุดเอ็กซ์คลูซีฟระดับ 5 ดาว ที่มีน้องช้างมานอนเป็นเพื่อนตลอดคืน …

ที่เที่ยวเพอร์เฟคขนาดนี้ ..ทางเราก็ต้องเตรียมผิวหน้าให้เปล่งประกายพร้อมเฉิดฉายทุกองศาเข้ากล้องแล้วปังตลอดเวลา ด้วยตัวช่วยดี ๆ ที่จะทำให้ผิวเราดูนุ่มชุ่มชื้น เรียบเนียน กระจ่างใสทั้งกลางวันและกลางคืนกับสองครีมอนุภาพสุดล้ำทั้ง Crème de La Mer และ The Eye Concentrate จาก La Mer แบรนด์คุณภาพที่ถูกใจเราเสมอ งานนี้บอกได้เลยว่าพกติดกระเป๋าไว้รับรองอุ่นใจทุกทริปแน่นอน

DAY 1

01 : Lilhouse.cafe

แลนด์ดิ้งถึงเชียงรายสวย ๆ  เราก็รีบตรงดิ่งมาเช็คอินยังจุดหมายแรกของวันกันที่ Lilhouse.cafe คาเฟ่สีขาวในบ้านหลังคาจั่ว 2 ชั้น ที่ดูธรรมดา แต่โดดเด่นท่ามกลางสีเขียวของทุ่งนาผสานกลิ่นอายของธรรมชาติที่น่ารักของเชียงราย ตัวร้านเป็นสไตล์ Cozy & Minimal แฝงความอบอุ่นละมุนใจไว้ในทุกมุม เหมาะกับการมานั่งจิบกาแฟและถ่ายรูปสร้างคอนเทนต์เพลิน ๆ ตามสไตล์ชาวมินิมอลอย่างเราเอามาก ๆ

พอเข้ามาในร้านเราก็สัมผัสได้ถึงความใส่ใจในดีเทลการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นหน้าต่างที่เปิดรับให้แสงธรรมชาติสาดส่องเข้ามาภายในร้านได้แบบเต็ม ๆ มีบันไดวนสีขาวเป็นจุดนำสายตา เชื่อมระหว่างชั้นบนและชั้นล่างเข้าด้วยกัน โดยพื้นที่ชั้นล่างจะเป็นส่วนของคาเฟ่แบบ indoor แต่พอขึ้นไปชั้นสองก็จะมีที่นั่งแบบ outdoor ให้เราสูดอากาศบริสุทธิ์ ชมวิวทุ่งนาพร้อมแบล็คกาวน์เป็นทิวขาสุดสายตา องค์ประกอบต่าง ๆ

ในส่วนของเมนูทางร้านก็จัดเสิร์ฟออกมาได้น่ารักแถมรสชาติดีงาม ใครสายกาแฟแนะนำให้สั่ง Lil House Coffee เป็นกาแฟ Cold Brew สูตรพิเศษของทางร้านท็อปด้วย Vanilla ไซรัป ส่วนสาวหวานซ่อนเปรี้ยวเราแนะนำเป็น Begin again เครื่องดื่มที่ได้ความหอมหวานจากลิ้นจี่และพีช ความซาบซ่าจากโซดา ย่ิงได้ทานคู่กับ Basque Burnt Cheesecake หรือ Sugar Croffle สักชิ้น รับรองฟินแน่นอน

02 : Choui Fong Tea Plantation

มูฟออนมายังโลเคชั่นต่อไปที่ ไร่ชาฉุยฟง อีกหนึ่งจุดเช็คอินฮอตฮิตที่หากไม่แวะ ก็เหมือนยังมาไม่ถึงเชียงราย ที่นี่เป็นไร่ชาที่ตั้งอยู่บนเนินเขากว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ โดดเด่นไปด้วยต้นชาที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตามเนินเขาแต่ละลูก เราจึงสามารถไปชื่นชมไร่ชาและโพสท่าถ่ายรูปได้หลายจุด แต่มุมแลนด์มาร์กที่ห้ามพลาดจะอยู่ที่ด้านหน้าของไร่ที่ทางเดินทอดยาวไปตรงกลางให้เราเดินสวย ๆ ลงไปถ่ายรูปเล่นได้ โดยมีวิวของชาขั้นบันไดเป็นฉากหลัง ยิ่งถ้าให้ดีลองแมทช์สีชุดโทนสว่างไปสักหน่อย รับรองว่ารูปสวยทุกตรงจนเพื่อนยังงงแน่นอน

หากขับรถขึ้นมาด้านบนสุดของไร่ ก็จะเจอกับร้านอาหารและคาเฟ่ฉุยฟงที่เปิดโอเพ่นแอร์รับลมเย็น ๆ ตลอดทั้งวัน พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มและขนมหลากชนิดที่มีส่วนผสมหลักจากชาในไร่ ทั้งชีสเค้กชาเขียว เครปเค้กชาเขียว หมั่นโถว และเมนูน้องใหม่ล่าสุดอย่างครัวซองค์ชาเขียวไส้ทะลัก ในส่วนของเครื่องดื่มก็มีให้เลือกทั้งชาเขียวเฟรบเป้เย็นชื่นใจ หรือใครชอบชาร้อนก็มีชาอู่หลงให้จิบระหว่างชมวิวไร่ชาในมุมสูงอีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีโซนขายของฝากจำพวกใบชาแบบต่าง ๆ ผงชาเขียว และผลิตภัณฑ์จากชาอื่น ๆ ให้เลือกซื้อเป็นของฝากติดมือกลับไปด้วย

ก็ยิ้มเงยหน้ารับแดดไปเลยสิคะ!!!! ด้วยความมั่นใจอย่างแรงกล้าว่าผิวหน้าของเราที่ได้รับการบำรุงมาอย่างดีจาก มอยส์เจอไรเซอร์ของ La Mer ที่เป็นครีมบำรุงผิวสูตรเข้มข้น Crème de la Mer นี้ ช่วยให้ผิวหน้าของเราชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก ปกป้องผิวให้แข็งแรงสู้แดด สู้ลม สู้อากาศแห้งก็ไม่หวั่น โชว์ผิวได้แบบเต็ม ๆ แบบมั่นใจเกินร้อย

03 : Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort

ถึงเวลามาพักกายให้เปรมปรีกับรีสอร์ท 5 ดาว ติดริมโขง ที่ทำเอาเราใจเต้นรัว ๆ ตั้งแต่ได้เห็นภาพผ่านโซเชียล จนพอได้มาพักก็ประทับใจราวกับอยู่ในฝันที่ยังตื่นอยู่ Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort เป็นที่พักสุดหรูตั้งอยู่บนเนินเขาของผืนป่าสามเหลี่ยมทองคำ จุดบรรจบของชายแดนไทย ลาว และพม่า โดยครั้งนี้เราเลือกจองห้อง Three Country View Suite และซื้อแพ็คเกจเสริมห้องพักแบบโดมใสสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จังเกิ้ล บับเบิ้ล (Jungle Bubble) บอกว่าเลิศมาก ถือเป็นการเปิดประสบการณ์การพักผ่อนในรูปแบบใหม่สุด ๆ

ซึ่งภายในโดมใสนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมาก ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอนคิงไซส์ที่ปรับอุณหภูมิได้ รวมไปถึงห้องน้ำห้องอาบน้ำในตัว ทุกอย่างคือหรูหรา ใส่ใจดีเทล มีความเป็นส่วนตัว อย่างบับเบิ้ลที่เราเลือกพักเป็น Jungle Bubble Lodge ใหม่ล่าสุดที่เป็นแบบ 2 ห้องนอนคอนเนคติ้งถึงกัน ตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่น แถมมีสระว่ายน้ำขนาดเล็กสำหรับเด็ก ๆ งานนี้ไม่ว่าจะมาเป็นครอบครัวหรือมากับแก๊งค์เพื่อนก็คือแฮปปี้  เพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว

ความเอ็กซ์คลูซีฟยังไม่หมดเท่านี้ สำหรับใครที่เลือกมาพักที่ จังเกิ้ล บับเบิ้ล ทางรีสอร์ทก็จะมีมื้อดินเนอร์สุดพิเศษที่เสิร์ฟเป็นอาหารเหนือฟิวชั่น รสชาติถูกใจ พร้อมขนมหวานแบบไทย ๆ ที่เราชอบมาก แถมยังมีเหล่าฝูงช้างที่น่ารักน่าเอ็นดูมาอยู่กับเราตลอดทั้งคืนอีกด้วย บอกแล้วว่ามันตื่นเต้นว้าวซ่าไม่เหมือนที่ไหน และไม่ซ้ำใครจริง ๆ ใด ๆ ก็คืออยากให้ทุกคนลองหาโอกาสมานอนที่นี่กันสักคืน!

และก่อนที่จะหลับใหลไปในค่ำคืนสุดพิเศษนี้ หลังอาบน้ำล้างหน้าเรียบร้อย เราก็ไม่ลืมที่จะใช้ครีมบำรุงผิวสูตรเข้มข้น Crème de la Mer ที่เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ยอดนิยมที่ช่วยบำรุง ฟื้นฟูผิวเราทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวทนต่อสภาพอากาศที่ต้องเจอในแต่ละวันได้ดี เนื้อครีมไม่หนามากทำให้ทาแล้วรู้สึกผิวนุ่มขึ้นในทันที แถมยังช่วยให้ผิวเรียบเนียนกระชับ ยิ่งเจออากาศหนาว ๆ มาเที่ยวป่าเขาแบบนี้ แนะนำให้ทาก่อนนอนไปเลยจะดีมาก ๆ

ส่วนสาว ๆ คนไหนกังวลใจกับรอยคล้ำใต้ตา ที่ไม่ว่าจะนอนดึกมาหลายคืนหรือรู้สึกไม่มั่นใจเวลาแต่งหน้า เราแนะนำให้ทา THE EYE CONCENTRATE ครีมบำรุงรอบดวงตาสูตรเข้มข้น ที่จะช่วยสร้างความแข็งแรงของผิวและลดเลือนริ้วรอย รอยย่น และความหมองคล้ำของผิวบริเวณรอบดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยส่วนผสมที่เข็มข้นถึง 3 เท่า แต่ที่เราเลิฟไม่ไหวคือเนื้อครีมบางเบามากซึมซับเข้าสู่ผิวได้ดี ใช้แล้วสบายผิวแบบสุด ๆ

DAY 2

เช้าตรู่ของวันที่สองของทริป เราตื่นมาพร้อมความสดชื่นจากการนอนเต็มอิ่มหลับสบายท่ามกลางธรรมชาติและน้องช้าง พร้อมผิวที่เปล่งประกายฟูอิ่มน้ำ ทั้งนุ่มและชุ่มชื้นจนสัมผัสได้ งานนี้ต้องขอบคุณที่พักสุดชิลและสองตัวช่วยดี ๆ ที่มาดูแลผิวอย่างล้ำลึกจาก La Mer คราวนี้ก็โชว์งานผิวได้อย่างไม่มั่นใจ ไม่ต้องพกเมคอัพให้หนักกระเป๋า แค่เติมลิปเบา ๆ ปัดแก้มอีกหน่อยก็ดูเป็นสาวผิวใสสุขภาพดีแล้วละจ้า

เป็นความโชคดีมาก ที่เช้านี้อากาศเย็นสบายและมีหมอกลอยต่ำ ๆ มาคลอเคลียกับวิวเขา เราเลยเลือกทานมื้อเช้าแบบเก๋ ๆ เป็น Floating Breakfast ในสระว่ายน้ำพร้อมวิวแกรนด์ ๆ ที่ไม่ว่าทานจริงหรือแกล้ง ๆ ไปแอ้คติ้งถ่ายรูปก็ดีไปหมด

นอกจากห้องพักดีงามแล้ว ที่นี่เค้าก็มีกิจกรรมให้เราทำตลอดทั้งวัน และหนึ่งในกิจกรรมซิกเนเจอร์ที่ต้องห้ามพลาดก็คือ กิจกรรมเดินเล่นกับช้าง หรือ Walking with Giants จากแคมป์ช้างของมูลนิธิ โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล เอเชียน เอเลเฟนท์ (Golden Triangle Asian Elephant Foundation – GTAEF) ให้เราได้ไปสัมผัสและเรียนรู้พฤติกรรมช้างอย่างใกล้ชิดระหว่างที่พาน้องเดินท่ามกลางพื้นที่ธรรมชาติริมแม่น้ำรวก ดูเหล่าช้างหยอกล้อ พ่นน้ำ เล่นโคลน หรือเคี้ยวใบหญ้า ช้างที่นี่เป็นช้างที่ช่วยเหลือจากการตกงานหรือเคยเป็นช้างเร่ร่อนด้วยนะ บอกเลยว่าที่นี่ดูแลช้างเป็นอย่างดี เห็นน้องตัวใหญ่ไซส์บิ๊กแบบนี้แต่จริงๆ น้องน่ารักใจดีเฟรนลี่มาก ๆ

เปลี่ยนชุดให้ทะมัดทะแมงขึ้นแล้วมาสนุกกับอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะพาเราเพลิดเพลินไปกับวิวของธรรมชาติในโซนป่าของสามเหลี่ยมทองคำ โดยมีทั้ง Royal Enfield Classic 500 Sidecar รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ดีไซน์คลาสสิกย้อนยุค สไตล์ คาเฟ่ เรเซอร์ หรือใครชอบลุยแบบสุด ๆ แอนเวนเจอร์นิด ๆ ก็มีรถจี๊ปสีเขียวเข้มพาเราไปสัมผัสบรรยากาศของหมู่บ้านควาญช้าง และวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของอาณาจักรล้านนาแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

04 : RiRi Teahouse

ก่อนจะไปเช็คอินอีกยอดดอย เราขอแวะมาเติมความเฟรชระหว่างวันกันที่ RiRi Teahouse คาเฟ่น่ารักที่ห้อมล้อมด้วยป่าไผ่ มองไปทางไหนก็ร่มรื่นไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ ตัวร้านเป็นบ้านชั้นเดียวหลังน้อยออกแบบดีไซน์มาในสไตล์ญี่ปุ่น ตั้งอยู่ริมลำธารได้ยินเสียงน้ำไหลชวนผ่อนคลายแบบสุด ๆ คุมมู้ดแอนด์โทนด้วยสีเขียวตุ่น แซมความอบอุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน และโคมไฟสีขาว โซนที่นั่งก็มีให้เลือกเอนกายกันหลายมุม ไม่ว่าจะโซน indoor หรือโซนโต๊ะญี่ปุ่น outdoor ที่ใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุด ๆ  แค่หย่อนตัวลงบนเบาะกลม ๆ ก็รู้สึกดีจนไม่อยากลุกไปไหน

สำหรับเมนู … ทางร้านจะเน้นแบบโฮมเมด มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นผสมกับฝรั่งเศสอย่างลงตัว โดยซิกเนเจอร์ที่ควรสั่งเลยก็คือ มาเดอลีน มีให้เลือกลองหลายไส้ ส่วนใครอยากชิมขนมญี่ปุ่นแบบออริจินัลเราแนะนำให้สั่งเป็น Hanami Dango เสียบไม้ ทานคู่ถั่วคินาโกะและชาร้อนที่อิมพอร์ตมาจากประเทศญี่ปุ่น คือฟินลืมเลยเธอ

DAY 3

05 : Akha FarmVille

ตัดภาพมาเช้าวันสุดท้ายของทริปกันที่ Akha FarmVille จุดเช็คอินน้องใหม่ล่าสุดที่เราจะพาทุกคนมาสวมบทเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ที่นี่เป็นฟาร์มแกะบนเนินเขาของดอยช้างที่ดีจริง ขนาดวันที่เราไปมีหมอกก้อนใหญ่ลอยมาปกคลุม แต่อากาศก็ดีมาก ๆ แถมพอฟ้าเริ่มเปิดก็มองเห็นภูเขาซ้อนเป็นเลเยอร์หลายชั้นสลับไปมาสวยงามมาก ๆ แนะนำให้แพลนมาช่วงเช้า ๆ จะมีโอกาสเห็นทะเลหมอกและชมแสงเช้าไปพร้อม ๆ กันกับเหล่าน้องแกะขนปุกปุยสุดน่ารัก

สำหรับการเข้ามาเที่ยวที่นี่ จะมีค่าเข้าคนละ 100 บาท ซึ่งเราสามารถนำบัตรที่ได้ไปแลกเป็นเครื่องดื่มด้านในฟาร์มได้คนละ 1 แก้ว ส่วนใครอยากให้อาหารน้องแกะแบบใกล้ชิด ก็จะมีค่าอาหารอยู่ที่ชุดละ 30 บาท บอกเลยว่ามีอาหารเมื่อไหร่ น้องจะวิ่งตามอย่างไม่ลดละล้อมหน้าล้อมหลังเราทันที แต่แกะที่นี่ขนนุ่มฟูมากมีเจ้าแกะตัวจิ๋วเป็นนางเอกของฟาร์มที่ใครก็ต่างมารอถ่ายรูปกับน้องด้วยนะ

06 : Abonzo Coffee

ในมุมเล็ก ๆ ท่ามกลางขุนเขาที่สูงตระหง่านของดอยช้าง ยังมีอีกหนึ่งคาเฟ่ขึ้นชื่อของชาวอาข่ามีชื่อว่า Abonzo Coffee ร้านกาแฟกลางสายหมอก ที่เน้นออกแบบให้กลมกลืนธรรมชาติในสไตล์ญี่ปุ่นผสมความเป็นอาข่า ดูเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์มาก ตกแต่งด้วยสีขาวและไม้เป็นหลัก มีระเบียงใหญ่ ๆ ให้ออกไปนั่งรับลมชมวิวทะเลหมอกได้ ส่วนภายในก็เปิดโล่งให้ลมพัดได้อย่างทั่วถึง มี Slow Bar พร้อมบาริสต้าคอยดริปให้สำหรับใครที่อยากทานกาแฟ Special ด้วย

ด้วยความที่บนดอยช้างขึ้นชื่อเรื่องกาแฟมายาวนาน ทำให้คอกาแฟทั้งหลายมั่นใจได้เลยว่ากาแฟของที่นี่ต้องอร่อย หอม กลมกล่อม มีกลิ่นและรสชาติที่พิเศษเฉพาะตัว โดยเมนูแนะนำที่เราอยากพรีเซ้นขอเริ่มจาก Abonzo Drip Coffee กาแฟพิเศษที่บดแล้วมากรองด้วยกระดาษในเวลาและอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่มีการปรุงแต่ง จะได้รสชาติเปรี้ยวนำ ก่อนจะโดนความขมแทรกผ่านลำคอ แต่พอกลืนกลับกลายเป็นรสชาติหวานนิด ๆ หรือจะเป็นลาเต้ ทางร้านก็เทลาเต้อาร์ตได้สวยงามมาก รสชาติกลมกล่อมหวานมันกำลังดี นุ่มละมุนลิ้นสุด ๆ

ถึงแม้จะเป็นทริปสั้น ๆ 3 วัน 2 คืน กับ 6 โลเคชั่น ที่มาส่งท้ายอำลาลมหนาว แต่ก็ทำให้ร่างกายของเราที่เหนื่อยล้าได้ปะทะบรรยากาศดี ๆ พร้อมวิวสวย ๆ จากอ้อมกอดของธรรมชาติ ได้จิบกาแฟดี ๆ ได้ถ่ายรูปเช็คอิน ได้นอนหลับแบบเอ็กซ์คลูซีฟในจังเกิ้ลบับเบิ้ลพร้อมเหล่าน้องช้าง ที่ทุกอย่างมาพร้อมความรู้สึกดี ๆ เต็มไปหมด จนเรารู้สึกตกหลุมเชียงรายอีกครั้ง ไม่ต่างจากที่เรารักสองครีมอนุภาพสุดล้ำที่ช่วยปลอบประโลมผิวให้ชุ่มชื้น เรียบเนียน กระจ่างใสทั้งกลางวันและกลางคืนอย่าง Crème de La Mer และ The Eye Concentrate จากแบรนด์ La Mer ต่อไปไม่ว่าจะเดินทางทริปไหนพกติดกระเป๋าไว้ก็อุ่นใจได้เสมอ