รีวิวเขาใหญ่ :: 5 Locations “Khao Yai” to Visit in this winter with Xpander Special Edition

ยิ่งเข้าใกล้ปีใหม่ขึ้นเท่าไหร่บรรยากาศรอบ ๆ ก็เต็มไปด้วยความชื่นบาน จนทางเราอดไม่ได้ที่จะสรรหาโลเคชั่นแจ่ม ๆ มาให้ตามรอยกันสักแมตช์ รอบนี้ขอปักหมุดรับลมหนาวกันที่ “เขาใหญ่” เมืองที่ให้เราวิ่งเข้าใส่ธรรมชาติได้อย่างสบายใจ ฮอปปิ้งค่าเฟ่ใหม่ ๆ ได้ไม่รู้จบ และต่อจากนี้ขอผายมือให้ทุกคนพบกับสเปเชียลทริปกับธีมสุดปัง “เขาใหญ่เมืองคนชิค มิกซ์รวมมาให้เช็คอิน 5 ที่เที่ยวส่งท้ายปี สร้าง Moment สุดพิเศษไปกับ Xpander Special Edition” รถยนต์คู่ใจ สไตล์สปอร์ต ฟังก์ชั่นความสะดวกสบายครบครัน กว้างขวาง จุคนจุของได้เยอะ เริ่ม!!!

เที่ยวยกแก๊งรอบนี้เราเลือก Mitsubishi Xpander Special Edition ให้ดูแลเรื่องการเดินทาง และเอ็นเตอร์เทนพวกเราตลอดทั้งทริป เพราะนอกจากดีไซน์ที่ดูเท่สปอร์ตรอบคันแล้วภายในห้องโดยสารยังกว้าง รองรับได้มากสุดถึง 7 ที่นั่ง ทั้งยังปรับที่นั่งแถวสองและสาม เพื่อใส่สัมภาระได้แบบจุกๆ ขับเท่ ๆ ในเมืองเป็นรถครอบครัว หรือเอาลุยท่องเที่ยวขึ้นเขากับกลุ่มเพื่อนก็ได้หมดไม่ติดเลย

01 Like A Mountain

โลแรกขอเริ่มจาก Like A Mountain คาเฟ่แห่งใหม่ที่เราตั้งหน้าตั้งตารอคอยอยากจะมาไว ๆ เพราะเขาเปิดแค่ 4 วัน/สัปดาห์เท่านั้น(ศุกร์-จันทร์) ด้วยแนวคิดที่อยากจะทรีตจิตใจคนให้มาท่องเที่ยวแล้ว ก็อยากทรีตธรรมชาติรอบ ๆ ให้ได้พัก ให้คงความเขียวชอุ่มแค่ฟังคอนเซ็ปร้านก็ใจฟูแล้ว พอได้มาสัมผัสกับตาตัวเองก็ยิ่งเลิฟเข้าไปใหญ่กับอาคารเล็ก ๆ สีขาวดูมินิมอล รอบ ๆ เป็นลานหญ้ากว้างที่ตัดเรียบสวยงาม มีต้นไม้ใหญ่กระจายอยู่รอบ ๆ ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์สแกนดิเนเวีย มีกระจบรอบด้านให้แสงสาดมาตามช่วงเวลา ถ่ายรูปสวยตั้งแต่เช้ายันเย็น

เรื่องความอร่อยของขนมและเครื่องดื่มต้องบอกว่าไม่เป็นสองรองใคร ซึ่งแก้วที่เราขอยกนิ้วให้ก็คือ Like a Mountain กาแฟลาเต้ซิกเนเจอร์ของทางร้านที่ท๊อปด้วยก้อนวิปครีมกลม ๆ เสริมให้ความเข้มของกาแฟมีความมิ้ล์กี้ นุ่มลิ้น กับทีรามิสุ ขนมชูโรงประจำร้าน แค่คำแรกก็รับกลิ่นหอมของกาแฟอบอวลไปทั่วจมูก เท็กเจอร์ของครีมและแป้งก็แสนฟิน หรือใครเป็นแฟนตัวยงครัวซองต์ก็ห้ามพลาดเช่นกัน เขาทำสดใหม่ หอมกรุ่นจากเตาทุกวัน เรียกว่าเป็น Home Made Bakery ของแท้เลย

ส่วนด้านนอกเป็นพื้นที่โล่งกว้าง สามารถรองรับลูกค้าที่เดินเข้าออกตลอดวันได้อย่างดี จุดนั่งชิลที่เราชอบสุดคือบึงด้านหลังร้าน มีสะพานยื่นไปกลางน้ำ พร้อมร่มเงาของต้นจามจุรีอายุกว่า 100 ปี พื้นหลังเป็นบ้านทรงยุโรปโดดเด่นขับให้วิวที่ได้ดูมีเสน่ห์ขึ้นอีกหลายเท่าตัว

แน่นอนว่าระหว่างเดินทางเราสามารถ Connect ความสนุกได้ทุกช่วงเวลา กับฟังก์ชั่นภายในรถผ่านหน้าจอระบบสัมผัส SDA ขนาด 9 นิ้ว เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ให้เราโทรเข้า-ออก ดู map บนจอกว้างไม่มีหลง เปิดเพลลิสต์ที่ชอบฮัมเพลงไปตลอดทั้งทริป แถมยังมีช่องชาร์จมือถือแบบ Wireless Charger เพียงวางไว้ไฟก็เข้าอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้สายเสียบรุงรัง เหมาะกับคนยุคใหม่แบบพวกเราสุด ๆ

02 Rosebay Home Cooking Cafe

ร้านที่เราตั้งใจมาฝากท้องมื้อเที่ยงกัน แม้ Rosebay Home Cooking Cafe จะเป็นคาเฟ่เปิดใหม่แต่ก็เห็นหลายคนแนะนำว่าอาหารเขารสเด็ดเหมาะกับคนเผ็ช ๆ อย่างเรา เห็นหน้าร้านแล้วอินเนอร์มันมารีบกระโดดลงรถเพื่อถ่ายรูปเช็คอินกับตัวบ้านทรงคันทรี ฉาบด้วยสีขาวตัดกับท้องฟ้าสดใส มีของตกแต่ง ประตูและกรอบหน้าต่างที่ทำจากไม้ทำให้บรรยากาศหน้าร้านดูเป็นมิตรน่าคบหา

ด้านในร้านจะมีกลิ่นหอมของอาหารและกาแฟอยู่จาง ๆ ไม่เสียมูทเพราะครัวเขาเป็นแบบเปิด ให้เราเห็นเหล่าพ่อครัวกำลังรังสรรอาหารกันแบบสด ๆ ส่วนของโต๊ะที่นั่งก็จะเน้นความโล่งเพดานสูง ดูโปร่งสบายเฟอร์นิเจอร์ไม้ไม่หลุดคอนเซ็ปโฮมคุกกิ้ง ใครมาคนเดียวเขามีน้องตุ๊กตากระต่ายตัวโตมานั่งเป็นเพื่อนเป็นกิมมิกน่ารัก ๆ ของร้านด้วยนะ

อาหารคือดีย์สมคำร่ำลือเลย นี่สั่งมา 2 อย่าง เด็ดทุกอย่างทั้งข้าวผัดกระเพราคลุกหมูสับกากหมูไข่ดาว และข้าวผัดกระเพราเนื้อสันในไข่ดาวคู่ เขาผัดได้หอมกลิ่นกระทะ คลุกได้เข้าเนื้อกลมกล่อมทุกคำที่กินจริง ๆ ส่วนกาแฟที่ลองสั่งมาชิมก็หอมละมุน ด้วยเมล็ดคั่วผสมที่มีความเข้มหน่อยจึงเหมาะกับเมนูผสมนม

03 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

จัดชุดลุย ๆ ให้พร้อมแล้วขับรถพุ่งมาที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เดสทิเนชั่นประจำทริปที่ขาดไม่ได้ของเรา ที่นี่คืออุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย เราเลิฟทั้งบรรยากาศ การได้เห็นสัตว์ป่าน้อยใหญ่ออกมาอวดโฉมกันไม่ซ้ำหน้า และยิ่งมาช่วงฤดุหนาวขนาดตอนบ่ายอุณภูมิยังแค่ 20 ต้น ๆ เท่านั้น พออยู่ในร่มเงาต้นไม้ถือว่าเย็นกำลังดี แถมหายใจก็สดชื่นสุด ๆ

จุดเช็คอินภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เรียกว่ามีเยอะจนสามารถเที่ยวได้แบบสองวันสามวันเลยทีเดียว แต่ถ้ามีเวลาไม่มาก เราได้คัดแลนด์มาร์กห้ามพลาดไว้ให้แล้ว จุดแรกที่อยากแนะนำคือ หอดูสัตว์หนองผักชี หอไม้ตั้งอยู่กลางทุ่ง บางมุมให้ฟีลเหมือนอยู่ทุ่งหญ้าสะวันนา ถ้ามาฤดูหนาวก็จะเจอกับทุ่งหญ้าสีทอง หากมาหน้าฝนก็จะเจอกับความเขียวขจีเต็มพื้นที่ มาฤดูไหนก็สวยไม่ซ้ำ ส่วนถ้าใครมาส่องแล้วเห็นได้ไม่สาแก่ใจ เราขอแนะนำให้ลองติดต่อทำกิจกรรมนั่งรถส่องสัตว์ตอนกลางคืนกับทางอุทยานดู รับรองว่าเจอชอตเด็ดแน่นอน

นอกจากจุดฮอตฮิตที่มีอยู่ทั่วอุทยานแล้ว ส่ิงที่เรามักจะทำอยู่บ่อย ๆ คือการมากางโต๊ะ เก้าอี้นั่งปิกนิก จิบน้ำกินขนมกันสัก 1 กรุบ ซึ่งพร็อพ กระเป๋าเดินทางที่เราจัดมาก็เยอะประหนึ่งย้ายบ้าน แต่ด้วยความจุของรถที่สามารถพับเบาะได้ถึง 2 แถวทำให้พื้นที่เก็บทั้งกว้างทั้งลึก  แถมมีที่แขวนชุด พร้อมช่องเก็บรองเท้าใส่ได้ถึง 3 คู่ ไม่ต้องกลัวชุดยับ ใครชอบเผื่อชุดไว้เปลี่ยนออกงาน คันนี้ตอบโจทย์มาก ๆ หรือจะใช้เป็นที่นั่งชิล พับเบาะปูนอนต่อเต็นท์สำหรับสายแค้มป์ปิ้งยังได้

สิ่งที่ชอบที่สุดคือความโฉบเฉี่ยวของรูปลักษณ์ภายนอก กับ Mitsubishi Xpander Special Edition ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าสีดำ กันชนหน้า-หลังตกแต่งสีดำ ล้ออัลลอยสีดำ ทุกอย่างคุมโทนด้วยสีดำทั้งหมด เข้ากับความสเปเชียลของรถรุ่นนี้จริง ๆ

มาต่อกันที่อีกจุดห้ามพลาดเลยกับ อ่างเก็บน้ำสายศร แอ่งน้ำกลางอุทยานที่มีถนนขับเลียบชมได้ อีกฝั่งเป็นป่าทึบจุดที่เหล่าสัตว์ป่าจะออกมาดื่มน้ำยามค่ำคืน ข้าง ๆ จะมีโป่งเทียมสำหรับช้างป่ามานอนเล่น จุดนี้เราจะได้เจอน้องกวางอย่างใกล้ชิด เดินชมเรื่อย ๆ เขามีจุดชมวิวกลางน้ำให้เราไปถ่ายรูปเล่น และต้นไม้แห้งทรงสวยเป็นองค์ประกอบของวิวเท่ ๆ ด้วย

จุดสุดป๊อปอย่าง น้ำตกเหวสุวัต ที่มากี่ครั้งก็ไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับน้ำตกสักที แต่ถ้ามาวันธรรมดาแบบนี้เรียกว่าโล่งสบาย ครีเอทมุมได้หลากหลายจะปีนหินก้อนไหนก็ไม่ต้องกลัวถ่ายติดคนเลย ที่สำคัญทางเดินลงน้ำตกเหวสุวัติเขาเจาะเป็นบันไดหินมีราวเหล็กจับเรียบร้อยเดินง่ายมาก อยากได้รูปสวย ๆ ต้องห้ามพลาดนะบอกเลย

04 Khaam Khaoyai

มาต่อกันที่ Khaam อีกคาเฟ่คุมคอนเซ็ป ที่นอกจากร้านสวยแล้วเมนูของร้านยังมีกิมมิกไม่เหมือนใครด้วยการขายชาเขียวโดยเฉพาะ ก่อนอื่นเลยต้องขอพูดตั้งแต่การตกแต่งที่เขาเน้นความเรียบง่ายสไตล์สวนญี่ปุ่นประยุกต์กับความโมเดิร์นของการออกแบบสถาปัตยกรรม ออกมาเป็นความลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งทางเข้าด้านหน้าไปถึงตัวอาคารเน้นสีขาว ปูพื้นด้วยสวนหินสีเทา สลับหญ้าเขียว แซมด้วยเสา ทางเดิน เฟอร์นิเจอร์ไม้ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

เข้าไปด้านในเราจะเจอกับเคาน์เตอร์รับออเดอร์ตรงกลางร้าน รอบ ๆ มีโซนที่นั่งหลายรูปแบบ เน้นโทนขาว น้ำตาล ที่เราสะดุดตาสุดคือบันไดวนเชื่อมต่อไปสู่ชั้นสอง ซึ่งเป็นที่นั่งแบบบาร์หันออกนอกอาคาร มีช่องให้มองวิว ตรงที่เห็นนี้ไม่มีกระจกกั้นนะคะ เป็นโอเพ่นแอร์ มองออกไปเจอธรรมชาติทอดยาวสุดสายตาเลย  พอมีลมเย็นพัดกลิ่นต้นไม้ กลิ่นดิน กลิ่นหญ้าเข้ามาก็เพิ่มความสดชื่นขึ้นได้เยอะมาก ๆ

เมนูมันก็จะเขียว ๆ หน่อยเอาใจเหล่า Green Tea Lover กันจุก ๆ ไปเลย รายชื่อเมนูที่เราขอมอบรางวัลปลดสกิลลิ้นทองยอดชาเขียวคือ Bamboo Matcha Melt Cake มูสชาเขียวชนิดพิเศษที่เสิร์ฟมาในกระบอกไม้ไผ่ โรยผงชาเขียวให้ได้ทั้งรสหวานอมขมนิด ๆ อัดแน่นไปด้วยกลิ่นชาเขียว อีกเมนู Must try คือโฮจิฉะคาราเมล ที่เราไม่คิดว่าชาเขียวจะเข้ากับคาราเมลกรุบ ๆ ได้ดีงามขนาดนี้

05 Lover Flower Farm

ปิดท้ายด้วยโลเคชั่นสุดละมุน ที่จะทำให้เขาใหญ่รอบนี้ของเราสดใสกับ Lover Flower Farm ทุ่งดอกเก็กฮวยบานฉ่ำ สร้างออร่าให้ไร่ทั้งผืนสว่างไสวด้วยสีเหลืองแสนคิ้วท์ ที่ไร่มีการจัดมุมถ่ายรูปเป็นจุด ๆ ทั้งตู้โทรศัพท์สีแดงตัดกันอย่างโดดเด่น หรือซุ้มผ้าพริ้วสวย ๆ ดูเป็นผู้หญิงอ่อนโยนบอบบางก็เข้าอยู่ ฉากหลังของไร่จะโอบล้อมไปด้วยทิวเขาขนาดใหญ่ บวกกับอากาศเย็นหลัก 10 องศา จนเรานึกว่าตัวเองเปิดว๊าบมาอยู่จังหวัดทางตอนเหนือขึ้นมาจริง ๆ

หน้าที่ของหนุ่ม ๆ นอกจากขับรถพาสาว ๆ มานี่แล้ว ก็ต้องเป็นตากล้องไปด้วยเลยสิครับ ส่วนหน้าที่ของสาว ๆ ก็แค่โพสกันไปเรื่อย ๆ วิ่งร่าไปทั่วไร่ เก็บให้ครบทุกมุมจนกว่าแสงจะหมด เพราะช่วงเวลาที่สวยที่สุดของที่นี่คือตอนพระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นวนิลลาสกาย นางแบบคนไหนเหนื่อยอ่อนก็มาเติมพลังได้กับน้ำเก็กฮวยหวานฉ่ำที่เขามีบริการไว้ด้วยเช่นกัน

ทริปดี ๆ ก็ต้องมากับผู้คนและสถานที่ที่ดีว่ามั้ย ?  อย่างยานพาหนะที่จะพาเราไปจะต้องมอบความสะดวกสบาย ขับง่าย คล่องตัว ที่สำคัญคือระบบความปลอดภัย  Mitsubishi Xpander Special Edition คันนี้แหละที่ตอบโจทย์เราทั้งภายใน ภายนอก กับสี Jet Black Mica พร้อมทั้งการขับขี่ ฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ และห้องโดยสารที่กว้างมากกกก จุได้ทั้งคน เก็บได้ทั้งของ เรียกว่าเหมาะกับทุกการเดินทางของกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัว ขับสนุก ถ่ายรูปก็สวยเท่เข้าง่ายกับทุกสถานที่