รีวิวเขาใหญ่ :: 9 Best Places to Visit in Khao Yai That Make Us Feel Like Feel Like Europe

เช็คอิน “เขาใหญ่” เมืองตากอากาศสุดชิครอบนี้ เรามาในตีมเที่ยวยังไงให้เหมือนบินไปต่างประเทศ กับ 9 พิกัดสุดหรูที่ดูคูลทุกองศา มีมาแนะนำทั้งคาเฟ่เปิดใหม่สไตล์ยุโรป ร้านสเต็กฟิลดี อโลนทรีรูปหัวใจสุดน่ารัก ที่พักดีไซน์เท่ จิบคอกเทลเก๋ ๆ ในโดมแก้ว โดยทั้งหมดภาพเราจะหล่อเท่ด้วยมือถือเพียงเครื่องเดียวแบบไม่เชื่อก็ต้อง เพราะ vivo X60 Pro 5G เค้าเป็นสุดยอดสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ทุกการถ่ายภาพจริง ๆ เอาเป็นว่าเตรียมชุดให้ดูวินเทอร์แบบผู้ดีอังกฤษ  หยิบหมวกเบเร่ต์มาสวม คว้ารองเท้าหนังมาใส่ ลากกระเป๋าเดินทางวินเทจสักใบ แล้วออกไปเที่ยวเขาใหญ่ด้วยกันเถอะ

001 : Within Khaoyai

ประเดิมโลเคชั่นแรกกันด้วยจุดเช็คอินน้องใหม่แกะกล่อง Within Khaoyai คาเฟ่ที่เห็นแว๊บแรกทำให้รู้สึกเหมือนบินไปถึงอังกฤษ มาพร้อมคอนเซ็ปเก๋ด้วยดีไซน์สวนหินด้านหน้าที่เหมือนกับ Stonehenge ทำให้มีมุมถ่ายรูปคูล ๆ เยอะมาก ตัวร้านจะเป็นสไตล์โมเดิร์นบาร์นเฮ้า โรงนาแบบโปร่ง ส่วนบรรยากาศรอบ ๆ จะร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ พร้อมสนามหญ้ากว้าง ๆ มีโต๊ะให้เลือกนั่งผ่อนคลายหลายมุม

โลเคชั่นเท่ปังขนาดนี้ เราก็ต้องมีรูปคูล ๆ สักหนึ่งเซ็ท และแน่นอนว่ากล้องหลักของทริปนี้คือ vivo X60 Pro 5G ไว้ใจได้เสมอ เพราะเค้ามากับความละเอียดสูงถึง 48 MP พร้อมเลนส์ให้เลือกใช้ถึง 3 ระยะ ถ่ายสวยปังทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ที่สำคัญยังจับมือกับแบรนด์ดังอย่าง ZEISS ร่วมพัฒนากล้องถ่ายรูป และยังนำเลนส์แบบ Optical ของ ZEISS มาใช้กับกล้องตัวนี้อีกด้วย เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าภาพสีสวยถูกใจ เก็บรายละเอียดครบถ้วนทุกใบแน่นอน

เก็บภาพคู่กับหินจนแทบทุกก้อนไปแล้ว เราขอนั่งพักจิบเมนูแนะนำแสนเก๋อย่าง Monday is Always Friday เป็น Dirty Coffee ที่มีกลิ่นส้มอ่อน ๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับ Edible Gold Leaf ด้านบน เวลาดื่มให้ฟีลหอมนุ่ม ส่วนใครอยากเติมความสดชื่นแนะนำเป็น Will You Marry Me มอคค่าคอฟฟี่ที่มีกลิ่นหอมกลีบกุหลาบ รสชาติหวานกำลังดี ทานคู่กับเค้กส้มและครัวซองค์โฮมเมทของร้านคือลงตัวมาก ๆ

002 : Aroma Cafe & Eatery

ถ้านึกถึงภาพหนุ่มสาวชาวยุโรปกำลังนั่งจิบกาแฟที่หอมกรุ่นในคาเฟ่สไตล์ Colonial ในเขาใหญ่เราแนะนำให้ทุกคนมาที่ Aroma Cafe & Eatery คาเฟ่ที่เพิ่งรีโนเวทใหม่ ทำให้มีดีไซน์ลงตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์เก่าไม้เนื้อดีสีเข้มมาตกแต่งภายในร้าน ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ ตู้สัตว์สตาฟ รวมถึงพร็อพต่าง ๆ มีหน้าต่างบานใหญ่ที่แสงแดดสาดส่องเข้าถึงทั้งวัน รวมถึงผ้าม่านสีขาวนวลตาทำให้ได้กลิ่นอายความวินเทจแบบผู้ดีอังกฤษเหมือนเราวาร์ปไปนั่งอยู่ในคาเฟ่แถบยุโรปเลย

นั่งถ่ายรูปกับมุมต่าง ๆ ในร้านสักพัก เมนูที่เราสั่งก็ทยอยมาเสิร์ฟ ซึ่งจานที่ถูกใจมากสุดจนอยากบอกต่อก็คือ Craffle Mixed Berry เป็นการมิกซ์แอนด์แมทช์ผสมผสานระหว่างครัวซองต์กับวาฟเฟิล ทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบอย่างดี ทำให้หอมกลิ่นเนยมาก ๆ ยิ่งทานคู่กับผลไม้ตระกูลเบอรี่ ไอศกรีมวานิลลา ราดด้วยน้ำผึ้งอีกหน่อยคืออร่อยลงตัวในทุกคำ

สำหรับเมนูสุดพิเศษซิกเนเจอร์ของร้านที่พลาดไม่ได้จะเป็น Affogato เครื่องดื่มยอดฮิตของชาวอิตาเลียน เป็นกาแฟเอสเพรสโซเข้มข้นราดลงบนไอศกรีมเจลาโต้ที่หวานฉ่ำ จนกลายเป็นรสชาติที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ปังขนาดนี้ก็ต้องขอเปลี่ยนเป็นเลนส์ซูม 2x (ระยะเท่าเลนส์ 50 mm.) เพื่อครอปภาพเข้าไปจับจังหวะขณะเทแบบใกล้ขึ้น ตัดฉากหลังที่รบกวนภาพออก ทำให้รูปที่เราได้มีมิติมากขึ้น

นอกจากนี้โซน outdoor ของทางร้าน ก็ยังมีมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ และพร็อพเท่ ๆ ไม่ว่าจะเก้าอี้ กระเป๋าเดินทาง ฯลฯ ให้เราหยิบจับมาถือติดมือถ่ายรูปได้ แถมไม่ต้องกังวลว่าถ่ายกลางแดดแล้วแสงจะจ้าเกินไป เพราะเจ้า vivo X60 Pro 5G ของเรา เค้ามีระบบ HDR ที่ช่วยบาล๊านซ์แสงในส่วนมืดและส่วนสว่างให้ไล่โทนออกมาอย่างสวยงามจ้า

003 : ทุ่งกังหันลม เขายายเที่ยง

เต็มอิ่มกับสองคาเฟ่พร้อมมุมถ่ายรูปเท่ ๆ ไปแล้ว ก็ถึงเวลาออกไปสูดความสดชื่นกันที่ เขายายเที่ยง ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าหลายล้านหน่วยต่อปี ส่งให้ครัวเรือนภายในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียงใช้แล้ว ยังเป็นสถานที่ที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถมาชมวิวเขื่อน อ่างเก็บน้ำ และทุ่งกังหันลมขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เราแนะนำให้มาช่วงบ่ายถึงเย็นแสงจะงามกำลังดี ถ่ายรูปสวยแน่นอน

เราชอบสีฟ้าบนท้องฟ้า และสีเขียวไล่เฉดบนต้นไม้ใบหญ้าของที่นี่มาก เลยขอเลือกเก็บภาพคู่กับกังหันลมด้วย Portrait Mode หรือถ้าชอบโทนภาพอื่น ๆ ที่ดูดีมีสไตล์ไม่ซ้ำใคร ในโหมด Portrait เค้าก็มีสไตล์ภาพต่าง ๆ ให้เราเลือกเล่นเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ZEISS Biotar ที่สามารถเพิ่มโบเก้เบลอหมุน ๆ ให้ภาพดูมีมิติมากขึ้น หรือฟีดเจอร์ Vintage Film ที่ให้มู้ดภาพดูเป็นภาพฟิล์มวินเทจ ย้อนยุคหน่อย ๆ เหมือนใช้กล้องฟิล์มถ่ายยังไงยังงั้นเลย

04 : Hotel Labaris Khao Yai

เพื่อเป็นเกียรติแก่พร็อพและชุดที่ขนมาเต็มกระเป๋า ที่พักก็ต้องลักชัวรีหน่อย ๆ Hotel Labaris Khao Yai โรงแรมที่อัดแน่นไปด้วยสตอรี่ จัดแผนผังให้เป็นเหมือนเขาวงกตในเทพนิยาย ตามชื่อที่มีรากศัพท์จากคำว่า Labyrinth ที่แปลว่าเขาวงกตในภาษาลาติน เมื่อเดินเข้ามาก็รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในดินแดนสุดพิศวง ตั้งแต่สวนด้านหน้าที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ดอกหญ้า พร้อมตัวตึกที่ออกแบบสูงใหญ่ดั่งปราสาท

สำหรับมุมถ่ายภาพเช็คอินยอดฮิตของที่นี่ คือซุ้มทางเชื่อมที่เห็นนี้เลย ซึ่งมีความสูงใหญ่มากถ้าใช้เลนส์ธรรมดาคงเก็บไม่หมด แต่ถ้าเป็น Ultra-Wide ของเจ้า vivo X60 Pro 5G ความละเอียด 13 MP ที่เก็บมุมกว้างได้กว้างถึง 120 องศานี้ละก็ สบายหายห่วงเก็บครบถึงยอด แถมการเกลี่ยสีและแสงยังคมชัดไม่เสียรายละเอียด นำไปปรับโทนแต่งสีต่อได้ง่ายอีกด้วย

ที่นี่ทุกคนสามารถใช้เวลาได้อย่างเพลิดเพลิน เพราะมุมถ่ายรูปเยอะมาก ซึ่งโซนที่เราไม่อยากให้พลาดเลยคือด้านหน้าทางเข้า Pool Villa เขาสร้างเป็น Infinite Forest สวนไร้ขอบเขตที่ใช้กระจกหลอกตาทำให้ดูมีหลายมิติ กับโซนสระว่ายน้ำแบบ Infinity Pool ที่สร้างลัดเลาะคดเคี้ยวเหมือนลำธารธรรมชาติ

005 : Lacol khaoyai

อีกโลเคชั่นที่ทำให้เราหายคิดถึงยุโรปไปได้แว๊บหนึ่ง กับการดินเนอร์ในโดมกระจก วิวภูเขาแสนโรแมนติกแห่งเดียวในเขาใหญ่ เพิ่มความหรูหราเข้าไปอีกกับการเสิร์ฟอาหารแบบ Fine Dining เป็นคอร์สอาหารเครื่องดื่มรสชาติพรีเมี่ยมจากเชฟระดับประเทศ ที่คัดสรรวัตถุดิบอย่างดี พร้อมกับการบริการชั้นเยี่ยม โดยที่ Lacol khaoyai จะจัดเป็นรอบ ๆ ต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้า ตามวันเวลาที่ทางร้านกำหนดไว้ เพื่อบรรยากาศที่มีหนึ่งเดียวในเขาใหญ่ ณ ตอนนี้บอกเลยว่าคุ้มค่ามาก ๆ

แต่สำหรับใครที่สนใจมาดินเนอร์สถานที่สวยแบบนี้ ต้องติดตามทางเพจของร้านเรื่อย ๆ ส่วนเราขอสั่งค็อกเทลแก้วสวย เสิร์ฟแบบ On The Rock มาจิบภายใต้แสงจันทร์ และแน่นอนเมื่อฟ้าเริ่มมืดความสว่างมีเพียงแสงไฟส้มจากร้านอาหาร ก็ถึงเวลาปัดนิ้วไปที่โหมด Super Night Camera 2.0 ช่วยชดเชยแสงให้ได้ภาพสว่างสดใส ลดนอยซ์ทำให้ภาพไม่เสียรายละเอียด

ส่วนการเซลฟี่ในที่แสงน้อยก็ไม่เป็นปัญหา เพราะมีโหมด Super Night Portrait มาให้ ช่วยปรับภาพให้สว่างขึ้น สีผิวเนียนสวยสมจริง โฟกัสได้อย่างชัดเจนสมเป็นกล้องอัจฉริยะที่สร้างมาเพื่อคนรักการถ่ายภาพทุกอย่างแบบเราจริง ๆ

อีกโหมดถ่ายภาพกลางคืนที่เราอยากให้ทุกคนลองคือ Super Moon การตั้งกล้องถ่ายพระจันทร์ในคืนที่ฟ้าเปิดโล่ง เราจะเห็นเท็กเจอร์ของดวงจันทร์ได้ชัดเจนกว่าโหมดธรรมดามาก หรือถ้าได้เข้าป่าขึ้นดอยในคืนเดือนมืดก็สามารถใช้ Astro Mode ที่เขาจะออโต้บาลานซ์ตั้งเวลาถ่ายดาวให้ โดยไม่จำเป็นต้องปวดหัวตั้งค่าเอง หรือจะใช้ Long- Exposure Mode เพื่อถ่ายเส้นไฟ พลุ น้ำตกก็ได้เช่นกัน

006 : BUCOLIC CAFE’

คาเฟ่ที่เห็นแว๊บแรกแล้วทำให้นึกบ้านกลางป่าที่มักตั้งอยู่ชานเมืองในประเทศฝั่งตะวันตก สำหรับ BUCOLIC CAFE’ เราชอบตั้งแต่โครงสร้างร้านที่เป็นเรือนกระจกผสมไม้ทรงยาวเพดานสูงสโลปไล่ระดับ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนตัดขาวดูมินิมอล มีผนังเป็นกระจกใสโปร่งแสงสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ด้านหน้าจัดสวนพร้อมบ่อน้ำเล็ก ๆ เข้ากับวิวทิวสนและภูเขากว้างสบายตา ถ่ายรูปมุมไหนก็ไม่เหมือนอยู่ในไทยเลยสักนิด

ด้วยความที่ผนังคาเฟ่ส่วนใหญ่เป็นกระจก ทำให้มีแสงธรรมชาติลอดเข้าร้านมาเต็ม ๆ เวลาถ่ายรูปเราเลยได้แสงที่อ่อนนุ่ม ยิ่งได้นั่งโต๊ะติดหน้าต่างมองเห็นวิวก็ยิ่งฟิน ส่วนเมนูมีให้เลือกเยอะมาก ทั้งชา กาแฟ สมูทตี้ รวมถึงขนมอีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเค้ก โดนัท ครัวซองต์ หรือแม้แต่ของคาวอย่างพิซซ่า ไส้รอก ก็จัดว่าครบตามแบบฉบับคาเฟ่เลย

อุปสรรคหนึ่งในการถ่ายภาพท่องเที่ยวของเราก็คือบางวันอากาศที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวย เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ซึ่งกล้องตัวนี้ก็ช่วยจัดการปัญหานี้ได้เป็นอย่างดีกับระบบ AI ให้เราสามารถถ่ายภาพ แล้วแยกปรับทีละส่วนได้ อย่างมุมหน้าร้านที่มีแสงแดดจัดเราก็แยกท้องฟ้า, ตัวคาเฟ่, ตัวคนออกจากกัน และค่อยปรับเพิ่ม-ลดความสว่างแต่ละจุดได้ หรือจะเลือกฟิลเตอร์เปลี่ยนท้องฟ้าที่มากับเครื่องก็ดีงามสุด ๆ

007 : Midwinter Geen

ขอตัดภาพมาแนะนำอาหารมื้อหนัก ๆ กันบ้าง กับ Midwinter Geen ร้านอาหารโคตรเท่ในเขาใหญ่ที่สามารถเติมเต็มให้เราทั้งอิ่มท้องและอิ่มใจ เพราะที่นี่มีดีทั้งอาหารและบรรยากาศ ฟีลเหมือนเราได้เข้ามาอยู่ในปราสาทสีเทาทรงยุโรป เรียบหรู คลาสสิค แต่มีกลิ่นอายของความลึกลับนิด ๆ ส่วนด้านหลังมีโรงนาตั้งโดดเด่นอยู่กลางลานกว้าง เป็นภาพที่สวยสะกดตาจริง ๆ

ภายในตกแต่งอย่างหรูหราเคล้าความโมเดิร์น เรียบแบบเท่ ๆ เห็นความเรียลจากอิฐและปูนเปลือย คานด้านบนพาดไปมาแต่กลับดูไม่รกหูรกตา มีตู้โชว์ไวน์ขนาดใหญ่ความสูงเท่าตัวปราสาท แสงไฟส้มอบอุ่นยิ่งทำให้ภายในมีบรรยากาศที่เป็นมิตร โซน Outdoor เหมาะสำหรับมื้อค่ำใต้แสงเทียน ส่วน Indoor ก็ให้เราหลบร้อนในมื้อเที่ยงได้สบาย ๆ

ทางร้านจะเน้นเสิร์ฟเป็นอาหารอิตาเลี่ยน ไทยฟิวชั่น เน้นการคัดสรรวัตถุดิบอย่างดี เราสั่งไส้กรอกแบบโฮมเมดรมควันอย่างพิถีพิถันด้วยไม้แอปเปิ้ล ทำให้ได้รสชาติและกลิ่นหอมไม่เหมือนใคร เฟตตูชินีซอสมะเขือเทสก็ฟิน ริบอายสเต็กก็หอมกลิ่นเนื้อ เท็กเจอร์นุ่มเคี้ยวเพลิน ซึ่งความดีงามทั้งหมดนี้ก็ถูกบันทึกไว้ด้วย vivo X60 Pro 5G อย่างชาญฉลาด เพราะเพียงแค่ยกกล้องกล้องขึ้นมา AI ก็ปรับแบบออโต้ไปที่โหมด Food (มีไอคอนโชว์เป็นรูปช้อนส้อม) โดยความฉลาดนี้จะช่วยปรับความคมชัด และไวท์บาลานซ์ให้ภาพอาหารดูน่าทานขึ้น

008 : ไร่ทองสมบูรณ์

เลื่อนฟีดไอจีมาเจอสปอตสุดคิ้วท์ ต้นไม้รูปหัวใจยืนโดดเดี่ยวอยู่กลางไร่ น่ารักจนต้องรีบเพิ่มลงลิสต์แล้วขับรถดิ่งมาอย่างไว ซึ่งน้องยืนรอพวกเราอยู่ภายใน ไร่ทองสมบูรณ์ สถานที่ที่มีกิจกรรม เครื่องเล่นสนุก ๆ เยอะมาก แถมยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ ที่พัก สามารถอยู่เก็บบรรยากาศได้เช้ายันค่ำเลย แต่ไฮไลท์ในการมาถ่ายภาพวันนี้ก็ต้องเป็น Alone Tree ต้นนี้ล่ะ โดยเราขอเพิ่มความเท่ด้วยการเช่าม้าขี่เข้าไป น้องจะได้มาช่วยเป็นองค์ประกอบให้ภาพดูคูลยิ่งขึ้น

อีกโหมดถ่ายรูปสุดเจ๋งที่เราประทับใจคือ Pro Spot Mode ที่ใช้ AI ในการตรวจจับความเคลื่อนไหวของเราโดยอัตโนมัติ ช่วยให้การจับจังหวะถ่ายภาพง่ายขึ้น มีโฟกัสที่แม่นยำ ขณะที่ม้ากำลังวิ่งเราก็ Snap ภาพเท่ ๆ ออกมาได้โดยไม่ต้องเทคใหม่ และยังมี Gimbal Stabilization 2.0 เทคโนโลยีกันสั่นที่พัฒนาขึ้นอีกขั้น เพื่อป้องกันการสั่นไหวแบบสี่แกนเลยทีเดียว ถึงมือไม่นิ่งก็ยังได้ภาพที่สวยคมโดยไม่ต้องพึ่งตัวช่วยอื่นเลยจ้า

009 : อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

เปลี่ยนจากชุดลูกคุณหนูเป็นชุดสายบู๊เดินลุยป่ากันหน่อยที่โลเคชั่นสุดท้าย อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แหล่งท่องเที่ยวที่เราต้องแวะทุกครั้งเมื่อมาเขาใหญ่ โดยไฮไลท์ที่เราชอบและมาแวะบ่อยสุดคือ น้ำตกเหวสุวัต น้ำตกขนาดกลาง มีความกว้างและสูงกำลังดี ตกลงมาเป็นแอ่งน้ำ ห้อมล้อมด้วยต้นไม้สีเขียวไล่เฉด หากเดินลึกเข้ามาอีกหน่อยเราจะเจอถ้ำที่มีอากาศเย็นชื้นและทรายนุ่มละเอียดให้เรานั่งเล่นถ่ายรูปเล่นกัน

ซึ่งโหมดที่เหมาะกับที่นี่มากสุดก็ต้องยกให้โหมด Waterfall โดยเครื่องจะประมวลผลให้สายของน้ำตกดูพลิ้วไหวเหมือนการถ่ายด้วย Speed ต่ำ เห็นน้ำฟุ้งเป็นสายสวยงามประหนึ่งช่างภาพมืออาชีพเลยล่ะ

อีกจุดที่ห้ามพลาดเลยคือ อ่างเก็บน้ำสารศร อ่างเก็บน้ำแนวยาวที่อีกฝั่งเป็นป่ารกทึบ ในยามค่ำคืนจะมีสัตว์ป่าออกมาดื่มน้ำ บริเวณใกล้ ๆ มีโป่งเทียมให้ช้างป่ามานอนเล่นด้วย ซึ่งในตอนกลางวันเราแบบนี้เราสามารถเดินหามุมถ่ายรูปกันได้ตลอดทั้งแนว มีทั้งระเบียงทางเดินริมน้ำ และทางราบที่เป็นพื้นหญ้า เหมาะกับการเอาโต๊ะมาวางตั้งปิกนิกถ่ายรูป ชมวิวที่สุด

ก่อนกลับขอเซลฟี่ปิดท้ายทริปกันหน่อยด้วยกล้องหน้าที่มีความละเอียด 32 MP ทำงานกับซอฟแวร์ได้ดีมาก มีรูรับแสงอยู่ที่ 2.45 สามารถเบลอพื้นหลังให้หน้าเนียนโดดเด่นมากขึ้น พร้อมฟังก์ชั่นโฟกัสดวงตา แค่ตั้งกล้องก็สามารถจับโฟกัสที่หน้าได้ทันที ไม่ใช่แค่สาว ๆ อย่างเดียวที่อยากได้ภาพหน้าเป๊ะ ๆ ผู้ชายอย่างเราก็อยากได้มุมที่ทำให้หน้าดูหล่อคูลเหมือนกันนะ

นอกจากเรื่องกล้องจะเทพแล้ว การดีไซน์ของ vivo X60 Pro 5G ก็เก๋ไม่แพ้กัน ยิ่งมาอยู่ท่ามการสถาปัตกรรมโมเดิร์นลักชัวรีจาก 9 โลเคชั่นที่เราคัดมาว่าเด็ดแล้ว ก็ยิ่งเสริมกันเข้าไปอีก ด้วยการออกแบบสไตล์ New Dual-Tone Step ฝาหลังไล่สีสันได้สองโทนเป็นสี Shimmer Blue เมื่อสะท้อนกับแสงแล้วจะไล่เฉดปรับเข้ากับทุกลุค สวยงามทุกมุมที่เห็นสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้ได้อย่างดีเลย ถ้าเพื่อน ๆ อยากจะมีไว้สักเครื่องสามารถไปจับจองเป็นเจ้าของได้แล้วที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศในราคาสุดน่ารัก 24,999 บาท ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.vivo.com/th/products/x60pro

ทั้งหมดก็คือทริปพักผ่อนเขาใหญ่ที่ทำให้เราสนุกจนลืมเวลา และลืมไปเลยว่าอยู่ประเทศไทย เพราะแต่ละโลเคชั่นมันให้ฟีลเหมือนอยู่ยุโรปมาก ๆ ทั้งสถาปัตยกรรม คาเฟ่ ร้านอาหาร แม้กระทั่งวิวธรรมชาติ เหลือก็แต่การจัดชุดให้ดูเป็นวัยรุ่นฝรั่ง หาพร็อพจัดเซ็ตให้ดูอินเตอร์  แล้วไม่ลืมหยิบมือถือคู่ใจ vivo X60 Pro 5G มาเป็นไอเท็มหลักในการเก็บภาพ รับรองว่าใครเห็นก็ต้องอิจฉาแน่แน่นอน