ทริปพักผ่อนสุดชิลรอบนี้ เราขอเปตัวเองด้วยที่พักสุดเก๋ CELES Beachfront Resort – Koh Samui บนเกาะสวรรค์สุดฮอตฝั่งอ่าวไทย ให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ กินหรูอยู่สบาย พร้อมกิจกรรมมากมายแบบเมดเล่ย์ ทั้งนั่งเรือไปทักทายน้องกวางที่เกาะราบ โพสท่าเก๋ ๆ คู่น้องหมูที่เกาะมัดสุม จุ่มตัวบนสระส่วนตัวในพูลวิลล่า นอนเอกเขนกอาบแดดฟังเสียงคลื่นกระทบทราย แถมพ่วงลิสต์ที่เที่ยวไฮไลต์บนเกาะสมุยมาให้เพื่อน ๆ ตามรอยกันอีกเพียบ บอกเลยว่านี่ … จะเป็น 4 วัน 3 คืนที่ฟู่ฟ่าตื่นมาด้วยรอยยิ้มอันสดใสแน่นอน
DAY 1 : Fly Boutique Feel Unique
เพื่อตอบโจทย์ทริปพักผ่อนสุดชิล เราเลยเลือกเดินทางกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส สายการบินเจ้าเดียวในไทยที่บินตรงลงเกาะสมุย โดยใช้เวลาบินจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 50 นาที แถมยังมีเที่ยวบินถี่มาก ๆ ถ้าปุบปับอยากบินมาเที่ยวสมุยก็สามารถซื้อตั๋วมาเที่ยวได้ง่าย ๆ เลย
ก่อนขึ้นเครื่องเราก็ไม่ลืมที่จะแวะไปใช้บริการเลาจน์ของสายการบิน โดยทุกคนที่ถือบัตรโดยสารของบางกอกแอร์เวย์ส สามารถเข้าไปกินขนมและเครื่องดื่มระหว่างรอได้ ซึ่งถ้าใครเดินทางด้วยชั้นธุรกิจ หรือเป็นสมาชิก Premier Flyer Bonus ก็จะได้สิทธิเข้าบูทีคเลาจน์ที่เป็นส่วนตัวขึ้นอีก ความพิเศษคือเราสามารถสั่งอาหารร้อนทานได้ มีเมนูให้เลือกหลากหลาย ใครเมื่อยก็มีเก้าอี้นวดไฟฟ้าพร้อมทีวีให้ดูซีรีย์ฟิน ๆ ดีงามขนาดนี้ต่อไปมีไฟท์บินอีกเมื่อไหร่คงต้องเผื่อเวลามาใช้บริการ Blue Ribbon Lounge ตอกย้ำความชีวิตดีให้นานขึ้นกว่านี้แล้วละ
นั่งมองวิวเกาะน้อยใหญ่ที่กระจายอยู่ทั่วอ่าวไทยได้ไม่นาน เครื่องก็แลนด์ดิ้งลงสนามบินสมุยอย่างปลอดภัย บรรยากาศรอบ ๆ ของที่นี่ดีมาก ให้ความรู้สึกชิลเหมือนเดินอยู่ในรีสอร์ท พอเข้ามาด้านในก็จะมีเค้าเตอร์ต่าง ๆ ไว้บริการนักท่องเที่ยว แต่สำหรับเราที่เข้าพักกับ CELES Beachfront Resort ก็จะมีพนักงานมารอรับ พร้อมแนะนำจุดต่าง ๆ บนเกาะ ก่อนจะพาขึ้นรถลีมูซีนแบบส่วนตั๊วส่วนตัว หรูหรา ทำให้รู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่เริ่มทริปเลยจ้า
เพื่อเสริมความเป๊ะปัง ให้ทริปนี้ราบรื่น เราเลยขอแวะไปแลนด์มาร์คแรกเพื่อกราบพระที่ วัดพระใหญ่ หรือที่ชาวเกาะสมุยเรียกว่า วัดพระใหญ่เกาะฟาน โดดเด่นด้วยพระพุทธรูปสีเหลืองทองปางมารวิชัยขนาดใหญ่ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดของทางภาคใต้ในประเทศไทย สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่ไกล ทำให้เป็นศูนย์กลางความศรัทธาของชาวบ้านบนเกาะสมุยมาเนิ่นนาน นอกจากนี้หากเราเดินขึ้นบันไดไปด้านบน ก็จะเจอกับจุดชมวิวมุมสูงที่สามารถมองเห็นธรรมชาติรอบเกาะสมุยได้สวยงามเต็มสองตาเลยจ้า
จากนั้นเราก็ตรงดิ่งมาเช็คอินที่ CELES Beachfront Resort ที่นี่เป็นบูทีครีสอร์ทแสนเก๋ โดดเด่นด้วยการออกแบบได้เรียบง่ายแต่ลงตัว กลมกลืนกับไปธรรมชาติ และวิถีชีวิตของชาวเล ตั้งอยู่ริมหาดบ่อผุด กึ่งกลางของเกาะสมุยพอดี จึงเป็นข้อดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ว่าจะนั่งเรือเฟอร์รี่มาลงท่าเรือที่หน้าทอน หรือนั่งเครื่องมาลงยังสนามบินสมุย ก็ใช้เวลาเดินทางต่อมายังโรงแรมได้ง่าย ๆ เพียง 15 นาทีเท่านั้น
จุดแรกที่เราประทับใจจะเป็นโซนล็อบบี้ ที่เค้าออกแบบเป็น Open Air เปิดโล่งให้ลมทะเลพัดเข้ามาเย็นสบาย เฟอร์นิเจอร์ไม้ส่วนใหญ่ใช้โทนสีสว่างดูสดใสสะอาดตา มีกิมมิคเก๋ ๆ ที่หลังคาเจาะรูเป็นช่องเหลี่ยม ๆ รับแสงแดดให้รอดผ่านลงมาได้ ส่วน Welcome Drink รีสอร์ทจะเสิร์ฟเป็นน้ำอัญชันมะนาว กับไอศกรีมกะทิสดเข้มข้น ที่แค่ตักเข้าปากปุ๊บก็เปลี่ยนอากาศที่ร้อนให้เย็นสบายสดชื่นขึ้นสิบระดับทันที
ในส่วนของห้องพักก็มีให้เลือกถึง 3 แบบ 3 สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นห้อง Deluxe Botanical ที่ออกแบบได้อย่างมีสไตล์คล้ายกับหมู่บ้านชาวประมง ตั้งเรียงรายไปตามทางเดินสู่ชายหาด คุมโทนสีเข้ากับธรรมชาติ แถมยังดูโปร่งสบายตาด้วยหลังคาทรงจั่ว เหมาะกับมากับเที่ยวเป็นกลุ่มเพื่อนและครอบครัวมาก ๆ จะเหมาทั้งหลังที่แบ่งออกเป็น 3 ห้องนอนย่อย ๆ ก็ยังได้ หรือใครชอบความเป็นส่วนตัวขึ้นอีกหน่อยก็ต้องเป็นห้อง Pool Villa เลยจ้า ที่ถึงแม้จะไม่ติดทะเลแต่ก็มีสระว่ายน้ำเกลือให้เราแหวกว่ายนอนแช่ฟิน ๆ ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
แต่สำหรับเราที่ตั้งใจมากพักผ่อน ปรนเปรอตัวเองช่วงวันหยุดทั้งที เลยเลือกห้องตัวท๊อปสุดของที่นี่อย่าง Beachfront Pool Villa ห้องพักแบบวิลล่าติดทะเล บนพื้นที่กว้างถึง 160 ตารางเมตรเลยทีเดียว มี Daybed อยู่บริเวณหน้าวิลล่า เมื่อไหร่เบื่อแอร์เย็น ๆ ในห้องก็ชวนคนรู้ใจออกมานอนอาบแดดกระหนุงกระหนิงชมวิวได้ แต่ใด ๆ ที่ถูกใจเรามากสุดก็คือสระว่ายน้ำเกลือขนาดใหญ่ด้านหน้าห้องนี่แหละ ใครชอบความไพรเวทต้องเลิฟมากแน่
ด้านนอกว่าสวยจนอยากลากกระเป๋าย้ายมา Staycation สักเดือนแล้ว ภายในห้องเองก็ดีงามมาก ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งของห้องพักก็มาคอนเซ็ปเรียบหรูดูดี เน้นสีขาวสะอาด มินิมอล พร้อมเตียงนอนที่ใหญ่ถึง 8 ฟุตเลย ส่วนหมอนของที่นี่เราก็สามารถเลือกได้ตั้งแต่ตอนเช็คอินว่าเราอยากได้แบบไหน นุ่ม แข็ง ขนเป็ด หรือยางพาราก็มีพร้อมบริการ มั่นใจได้เลยว่าคืนนี้หลับฝันดีแน่นอน
เดินทะลุจากห้องนอนชวนฝัน เราก็จะเจอกับห้องน้ำที่กว้างมาก แยกสัดส่วนอย่างดี แถมมี Bathtub ให้นอนแช่ตัวพร้อมโฟมบาธนุ่ม ๆ มองวิวทะเลเพลิน ๆ ได้ทั้งวัน เราชอบทุกอย่างของ Beachfront Pool Villa มาก รู้สึกได้ถึงความใส่ใจในรายละเอียด เพื่อให้วันพักผ่อนของเราเพอร์เฟ็คที่สุด ส่วนมุมมินิบาร์เค้ามีให้มาเป็นตู้พร้อมเครื่องดื่มเย็น ๆ ชื่นใจ และเครื่องกาแฟแบบแคปซูล คอกาแฟแบบเราก็กดดื่มได้ทั้งวันเลยจ้า
ช่วงบ่ายก็ถึงเวลาออกจากห้องสุดชิลมานั่งผ่อนคลายรับวิตามินซี จิบชาเอิร์ลเกย์ดี ๆ สักแก้วกับชุด Afternoon Tea ที่มีแต่ของน่าทาน ทั้ง Club Sandwich, Scone พร้อมแยมสตรอว์เบอร์รีและครีมสด, ทาร์ตผลไม้ หรือใครชอบขนมสไตล์ฝรั่งเศสก็มีให้เลือกทานในเซตเช่นกัน บอกเลยว่ารสชาติดีงามมีเอกลักษณ์มาก เพราะที่นี่เค้ามีครัวเบเกอรี่ของตัวเอง มั่นใจได้ว่าอบสดใหม่จากเตาทุกวัน ที่สำคัญทุกเมนูล้วนผ่านการครีเอทและใส่ใจในเรื่องวัตถุดิบจากเซฟมืออาชีพ
ฟินกับ Afternoon Tea Set ไปแล้ว สายโซเชียลทั้งหลายก็สามารถเพลินต่อได้กับมุมถ่ายรูปปัง ๆ เปลตาข่ายริมทะเล มองเห็นโค้งของชายหาดบ่อผุดที่สวยงาม จะโพสท่าชิค ๆ เหมือนหลุดออกจากแม็กกาซีน หรือจะแกล้งซบแฟนสักหน่อยก็มุ้งมิ้งอยู่ไม่น้อยเลยนะ
อีกหนึ่งความดีงามของที่นี่ คือ สระว่ายน้ำเค้าเป็นแบบ Infinity Pool ที่ระหว่างเราว่ายกรรเชียงตีขาอยู่ก็สามารถมองออกไปเห็นทะเลและเส้นของฟ้าได้เลย มีที่นั่งรอบสระรวมถึงมีบาร์เครื่องดื่มให้เราสั่งค็อกเทลมาจิบพร้อมชมวิวตรงหน้าอย่างแฮปปี้อีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีฟิตเนตให้สายเฮลตี้ไปออกกำลังกาย เบิร์นไขมันให้พุงสลายก่อนใส่บีกีนี่อวดหนุ่ม ๆ ด้วยนะ
ส่วนใครชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ที่นี่เค้ามีให้เลือกทำหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น พายเรือคายัค หรือ Stand Up Paddle Board นอกจากจะได้ออกกำลังกายฝึกสกิลการทรงตัวบนบอร์ดแล้ว เธอยังจะได้รูปสวย ๆ ที่ใครเห็นก็ต้องอิจฉาตาลุกวาว สำหรับใครที่ไม่เคยพาย ไม่มั่นใจว่าจะทรงตัวได้นานพอที่จะได้รูปสวย ๆ ไหม ก็ไม่ต้องห่วงไป เพราะเค้าก็มีพนักงานคอยสอนแนะนำการเล่นที่ถูกต้องพร้อมเสื้อชูชีพให้ใส่ตอนพายด้วย มั่นใจได้เลยว่าปลอดภัยแน่นอนจ้า
ก่อนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า เราขอมาเช็คอินบีชคาเฟ่ใกล้ ๆ ที่มาสมุยแล้วต้องห้ามพลาด SUMMER by Coco Tam’s ตั้งอยู่ริมทะเลในหมู่บ้านชาวประมง เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้และหวายเป็นหลัก ตกแต่งด้วยของกระจุกกระจิกน่ารักเต็มไปหมด ส่วนเมนูที่ห้ามลืมสั่งเลยก็คือ Acai Bowl ที่เสิร์ฟในกะลามะพร้าว มีให้เลือกหลายรสชาติ สีสันน่ารักมาก นอกจากสาว ๆ จะทานได้แบบไม่รู้สึกผิดเพราะแคลน้อยแล้ว ยังเอามาถือถ่ายรูปอัพลงไอจีคิ้วท์ ๆ ได้อีกหนึ่งกรุบด้วย
เราชอบบรรยากาศของที่นี่มาก เลยนั่งทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ Bean Bag ริมชายหาดด้านหน้าร้าน เก็บโมเม้นต์และบรรยากาศดี ๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตก แสงไฟดวงน้อย ๆ ก็ค่อย ๆ ทยอยเปิด จากที่เป็นบีชคาเฟ่เก๋ ๆ กลับกลายเป็นร้านที่โรแมนติคขึ้นมาทันตา
ดินเนอร์วันนี้ เราทานกันที่ Sea Grille Restaurant ห้องอาหารภายในรีสอร์ท โดยเลือกทานแบบ Fine Dining เป็นเมนูอาหาร Western ที่จะเริ่มจากอาหารเบา ๆ ไปหนัก และจบด้วยของหวาน โดยมีเชฟมาตีน้ำซีซาร์สลัดสด ๆ ให้เราทาน ต่อด้วยซุปครีมเห็ดรสชาติละมุนลิ้น และฟินกับ Tenderloin steak ที่เชฟเลือกใช้เนื้อสันในหนากำลังดี ย่างมาที่อุณหภูมิพอเหมาะ ทำให้เวลาทานจะได้กลิ่นและรสชาติของเนื้อที่ฉ่ำมาก ทานพร้อมไวน์ที่มาช่วยดึงรสชาติของเนื้อให้อร่อยยิ่งขึ้น ปิดท้ายด้วยของหวานสุดพิเศษ
DAY 2 :: Island Hopping ” Koh Rab – Koh Madsum – Koh Tan “
เดย์ทริปวันนี้เราจะไปเที่ยวกัน 3 เกาะ โดยเริ่มจาก เกาะราบ อีกเกาะลับสุดอันซีนที่อยู่ห่างจากสมุยเพียง 25 นาที สามารถเดินทางด้วยเรือหางยาวจากท่าเรือหาดท้องกรูด ฟีลลิ่งตอนแรกที่มาถึงคือว้าวมาก น้ำทะเลสีสวยใสไม่แพ้ฝั่งอันดามัน ทรายบนหาดก็ละเอียดนุ่มและขาวนวลจนแสบตา ทั้งเงียบสงบ นักท่องเที่ยวน้อย และยังเป็นเกาะที่อุดมสมบูรณ์มาก ๆ ส่วนไฮไลต์ความน่ารักของเกาะราบ เรายกให้เหล่าน้องกวางดาวที่รอเราไปป้อนอาหารย่างใกล้ชิด
มาเที่ยวถ่ายรูปนั่งริมทะเลธรรมดาเดี๋ยวเพื่อนหาว่าไม่เก๋ เราเลยจองเซ็ทปิกนิกของรีสอร์ทมาด้วย ข้อดีคือพร็อพที่เห็นทั้งหมดนี้เราก็ไม่ต้องแบกมาเองให้ยุ่งยาก แถมยังมีขนม ผลไม้ อาหารว่าง เครื่องดื่มเย็น ๆ รวมถึงแชมเปญมาให้เราจิบระหว่างนั่งชิลด้วย แค่หามุมเหมาะ ๆ ทำเลดี ๆ แล้วบอกพี่สตาฟว่าพี่คะ หนูจะปูตรงนี้! พี่สตาฟก็จัดการให้เราทั้งหมดเลย
จากเกาะราบเรามาต่อกันที่ เกาะมัดสุม หรือชื่อเล่นที่เรียกกันติดปากว่าเกาะหมู เป็นเกาะขนาดเล็กถูกล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียวงดงาม และทรายสีขาว เราสามารถเดินเล่นจากด้านหนึ่งของเกาะไปยังอีกด้านหนึ่งได้แบบชิล ๆ ที่นี่เหมาะแก่การมาดำน้ำดูปะการัง พักผ่อน นอนชิลอ่านหนังสือสักเล่ม ถ้าเบื่อก็ชวนน้องหมูลงมาถ่ายรูปที่หาดได้ หรือถ้าหิวรู้สึกคอแห้งอยากได้เครื่องดื่มเย็นชื่นใจสักแก้ว ก็มีบาร์เล็ก ๆ และร้านอาหารไว้ให้บริการ
ยอมรับว่าเคยเห็นรูปน้องหมูตัวเล็กน่ารักมาก่อน แต่พอมาเจอจริงก็แอบตกใจในความจ้ำม่ำ เพราะน้อง ๆ กินทั้งวันไม่หยุด เลยทำให้น้องอัพไซค์จาก XS เป็น XL ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ใครอยากให้อาหารน้อง ที่นี่มีขายหลายแบบเลย แต่เท่าที่เราสังเกตน้องจะชอบกินอาหารเม็ด ๆ มากที่สุด แนะนำอีกนิดว่าให้เลือกไปช่วงเช้าหรือช่วงเย็นเลยจะดีมาก เพราะนอกจากอากาศไม่ร้อนแล้วน้องหมูยังลงมาแช่ตัวในน้ำทะเลอีกด้วย
โปรแกรมสุดท้ายเรือจะมาจอดที่ เกาะแตน เพื่อให้เราลงไปดำน้ำชมความสวยงามของท้องทะเลด้านอ่าวไทย ถึงแม้ปะการังของที่นี่จะไม่ได้มีสีสวยรูปร่างแปลกตาเหมือนฝั่งอันดามัน แต่เค้าก็ไม่น้อยหน้าด้วยฝูงปลาหลากชนิดที่เยอะมาก แถมถ้าโชคดีก็ยังมีกระเบน เต่าทะเล ให้เราได้เห็นอีกด้วย
กลับจากเกาะแบบล้า ๆ เราเลยขอมาลองใช้แพคเกจใหม่ล่าสุดของรีสอร์ทที่ทำร่วมกับโรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นการเติม Vitamin C High Dose เข้าสู่ร่างกายผ่านทางเส้นเลือด เป็นการช่วยสร้างคอลลาเจนทำให้เซลล์แข็งแรงมากขึ้น และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้เราไม่เป็นหวัดง่ายด้วย ที่สำคัญยังกระตุ้นให้ผิวเปล่งปลั่งมีออร่า โดยขั้นตอนการให้วิตามินนั้นก็ชิลและง่ายมาก สามารถให้ได้ที่รีสอร์ทภายในห้องพักเราเลย เรื่องความปลอดภัยก็สบายใจได้มีคุณหมอพยาบาลมาดูแลอย่างดี
มื้อเย็นวันนี้เรามาฝากท้องกันที่ Trade Wind Restaurants อีกหนึ่งห้องอาหารตกแต่งฟีลไทยโมเดิร์น สวยงาม ดูดีตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้ ไปจนถึงโคมไฟ และเพื่อให้สมกับการมาเยือนเกาะสมุยเราไม่พลาดที่จะลองอาหารไทยพื้นบ้านรสชาติจัดจ้าน ทั้งแกงกะทิปลาอินทรีย์ เนื้อย่างจิ้มแจ่ว แต่ที่สุดในใจวันนี้ขอยกให้คั่วกลิ้งเครื่องแกงใต้ ยิ่งได้ทานคู่ค็อกเทลไหมไทย หรือบลูมาการิต้า รับรองว่าเป็นอีกมื้อที่ฟินมากแน่นอน
DAY 3 :: Slow Life in CELES Beachfront Resort
เริ่มต้นเช้าวันที่สามด้วยกิจกรรมชิล ๆ กับการ Walk on the Beach เดินเล่นทอดน่องริมชายหาดบ่อผุด หาดที่มีวิวพระอาทิตย์ขึ้นสวยงามมาก ยิ่งช่วงเช้าแบบนี้บนหาดแทบไม่มีคนเลย มีเพียงแค่เรา หาดทราย และเสียงคลื่นที่ซัดกระทบฝั่ง จากนั้นค่อยไปต่อด้วย Paddle Board Yoga ฝึกร่างกายและจิตใจให้เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ เพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ แถมยังช่วยฝึกสมาธิได้ผ่อนคลาย หรือถ้าใครอยากออกกำลังกายให้ได้เหงื่อสักหน่อย ที่นี่เค้าก็มี Thai Boxing Class ให้เราแจม
ยืนทรงตัวบน Paddle board จนท้องเริ่มร้องบอกว่าถึงเวลาของมื้อเช้า ซึ่งมื้อเช้าของที่นี่ก็เรียกได้ว่าดูดีพรีเมียมมาก ๆ เราสามารถเลือกได้ว่าอยากทานที่ไหน จะในห้องพักแบบส่วนตัวตอกย้ำความเป็นลูกคุณหนู แบบ Breakfast in Villa หรือจะไปทานที่ Sea Grille Restaurant ก็ได้เช่นกัน อาหารเช้าก็จัดเต็มมีให้เลือกเยอะมาก ทั้งอาหารไทย American Breakfast ขนมปังต่าง ๆ ชา กาแฟ น้ำผลไม้สด
แน่นอนว่าการพักผ่อนที่ดี นอกจากการนอนหลับ ก็คงเป็นการเข้าสปานวดให้ร่างกายเมื่อยล้ากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ซึ่งภายในรีสอร์ทก็มี Celes Spa ที่เพียงแค่ก้าวเข้ามาก็รู้สุกได้ถึงความผ่อนคลายสบายตา ดีงามทั้งดีไซน์และการตกแต่งที่กลมกลืนกับธรรมชาติ เราเลือกนวดแบบ Aromatherapy เป็นการนวดตัวด้วยน้ำมันอโรม่า ช่วยคลายความตึงเครียด ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต รวมถึงลดการเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี พอนวดเสร็จก็สบายตัวแบบขั้นสุด ลืมอาการปวดตึงกล้ามเนื้อไปได้เลย
ยามบ่ายของวันนี้ … เราเลือกทำกิจกรรมชิล ๆ สุดเอ็กซ์คลูซีฟ อีกหนึ่งอย่างกับ Picnic Lunch บนจุดชมวิวลับสุดอันซีนของเกาะสมุย โดยสามารถจองกิจกรรมนี้กับทางรีสอร์ทได้เลย จะมีบริการรถรับส่งถึงที่ พร้อมเซ็ทปิกนิกให้เราทานระหว่างชมวิวด้วย นอกจากนี้ระหว่างทางเรายังผ่านสวนผลไม้ที่มีผลไม้หน้าร้อนตามฤดูกาลให้ได้แวะเก็บแวะชิมกันด้วย หากใครมาช่วงทุเรียนก็จะได้ชิมทุเรียนสมุยที่เค้าว่ากันว่าอร่อยมาก
ด้วยความที่อยากให้เป็นมื้ออาหารที่พิเศษสุด เย็นวันนี้เราเลยเลือกทานที่ Villa หน้าห้องพักแบบส่วนตัว In Viila Dining ที่จะมีเชฟมาบริการย่างกันถึงหน้าห้องพัก เป็น Seafood BBQ ที่รับประกันความสดและอร่อยเหมือนเพิ่งยกขึ้นมาจากทะเล มีทั้งปลา หอย กุ้ง หมึก ครบครัน พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บถึงใจ กินพลาง จิบแชมเปญพลาง ก็กลายเป็นมื้อดินเนอร์ส่งท้ายทริปที่แฮปปี้สุด ๆ
DAY 4 :: Around Samui Island
หลังจากเช็คเอ้าท์เก็บกระเป๋า เราก็ออกไปใช้เวลาที่เหลือวันนี้เที่ยวตามจุดไฮไลต์ของเกาะสมุย โดยเลือกใช้บริการรถนำเที่ยวที่มาพร้อมพนักงานขับรถที่ชำนาญเส้นทางจาก www.smackone.com ที่นี่เค้ามีรถให้เลือกหลายแบบมาก ไม่ว่าเราจะมาเป็นคู่ มาเป็นแก๊งค์ หรือมาเป็นครอบครัว ก็พร้อมบริการตั้งแต่รถเก๋งไปจนถึงรถตู้กันเลย จะเลือกจองรถผ่านทางเพจเฟสบุ้คมาก่อนล่วงหน้า หรือค่อยมาดูที่สนามบินสมุย เค้าก็มีเค้าเตอร์ให้บริการเช่นกันจ้า
จุดแรกในลิสต์ของเรา ขอพาไปเช็คอินกันที่ The Cocoon อีกหนึ่งคาเฟ่ที่ดีไซน์เก๋มาก แถมยังมองเห็นวิวเกาะสมุยได้แบบสุดลูกหูลูกตา ร้านจะเป็นคาเฟ่แบบ Open-Air ทำให้เราได้รับแสงอ่อน ๆ และลมเย็น ๆ ตลอดเวลาทั้งวัน ใช้วัสดุที่ทำจากธรรมชาติอย่างไม้ไผ่เป็นหลัก เสิร์ฟทั้งของคาวและของหวาน ส่วนมุมไฮไลต์จะเป็นเปลตาข่ายยื่นออกไปจากตัวร้าน ถ่ายรูปออกมาคือปังไม่ไหว
สวรรค์ของฝรั่งแต่คนไทยน้อยคนนักจะรู้จักที่นี่ หาดท้องตะเคียน หรือ Silver Beach หาดลับบนเกาะสมุยที่ที่ซ่อนตัวอยู่กึ่งกลางระหว่างเส้นทาง หาดเฉวง และหาดละไม มีทรายสีขาวนวลนุ่มละเอียด น้ำทะเลก็มีสีฟ้าใสสวยงาม เสน่ห์ของที่นี่ที่เราชอบมากคือความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ทำให้ไม่ว่าเราจะมานอนอาบแดด หรือตั้งใจมาถ่ายรูปก็สบายไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครมารกเฟรมเลยจ้า และหากเดินเล่นไปจนสุดหาดก็จะเจอกับกองโขดหินริมทะเลมีทั้งก้อนเล็ก ก้อนใหญ่ เป็นอีกมุมที่สวยเก๋ไม่แพ้ริมหาดเลย
มาต่ออีกหนึ่งจุดเช็คอินที่กลายเป็นแลนด์มาร์คของการเที่ยวเกาะสมุย Overlap Stone ด้วยความสวยงามและมหัศจรรย์ของหินเล็กและใหญ่ที่ตั้งซ้อนกันบนเขาสูง ทำให้ถ่ายรูปออกมามุมไหนก็อลังการ มีสะพานให้เราเดินสับ ๆ ในมาดนางพญา งานนี้กระโปรงพลิ้วต้องมาแล้วจ้า สำหรับใครที่อยากไปถ่ายรูปจะมีค่าบริการคนละ 20 บาท แลกกับวิวอลังการตรงหน้าบอกเลยคุ้มค่ามาก
จุดสุดท้ายเรามั่นใจเลยว่าทุกคนต้องคุ้นตาเพราะเป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่ถ้านึกถึงที่เที่ยวสมุยเมื่อไหร่ ที่นี่จะต้องมาเป็นอันดับแรกเสมอ หินตา หินยาย โขดหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมหาดละไมนี้ เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล สายลม และแสงแดด จนเกิดเป็นโขดหินรูปร่างประหลาดบวกกับจินตนาการของหลายคนว่ารูปร่างคล้ายกับอวัยวะบางส่วนของร่างกายจึงเป็นที่มาของชื่อหินตา หินยาย จนทุกวันนี้
และก็จบทริปพักผ่อนที่ดีที่สุดบนเกาะสมุยแล้ว เป็น 4 วัน 3 คืนที่เติมเต็มชีวิตให้กลับมามีสีสันขึ้นเยอะมาก ได้พักผ่อนนอนหรูอยู่สบายใน Pool villa ส่วนตัวริมทะเลที่ CELES Beachfront Resort ได้ออกเกาะไปถ่ายรูปกับน้องกวางและน้องหมู ได้ทานอาหารอร่อยถูกปากแบบเต็มอิ่มในทุกมื้อ แถมยังได้เก็บลิสต์ที่เที่ยวไฮไลต์ของเกาะสมุยอย่างครบถ้วน สำหรับใครที่กำลังมองหาทริปสบาย ๆ กับคนรู้ใจ เราว่าเกาะสมุยนี่แหละตอบโจทย์ที่สุด มาเถอะแล้วจะรู้ว่าสมุยเด็ดกว่าคิดจริง ๆ สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากไปพักตามรอยเรา สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.celesresorts.com หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมทาง 077 900 999 // [email protected] // Add Line: https://lin.ee/7pnJ9IY