ในบรรดาหมู่บ้านสมัยเอโดะหลายแห่งที่กระจายอยู่ทั่วญี่ปุ่น อีกหนึ่งชื่อที่ทุกคนต้องหาโอกาสไปเยือนสักครั้งควรมี โออุจิ จูคุ หมู่บ้านโบราณกลางหุบเขาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของจังหวัดฟุกุชิมะ ที่นี่เราจะได้สัมผัสความสโลว์ไลฟ์แบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ผ่านถนนเส้นหลักของหมู่บ้านที่ถูกขนาบข้างเรียงรายไปด้วยบ้านเรือนชาวนาโบราณมุงหลังคาทรงหญ้าคาหนา ๆ ที่ตอนนี้ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นร้านขายของฝาก คาเฟ่ รวมถึงร้านอาหารมากมายที่มีเมนูสุดคลาสสิคอย่างโซบะเป็นไฮไลท์กับความเก๋ไก๋ที่ไม่เหมือนใคร คือเขาให้เราใช้ต้นหอมยักษ์ตักเส้นแทนตะเกียบ โอ้โห!!!! งานนี้ใครหลงรักความสงบ เรียบง่าย ความเป็นธรรมชาติ ตามแบบฉบับชนบทญี่ปุ่นมีตกหลุมรักแน่นอนจ้า
สำหรับ โออุจิ จูคุ แห่งนี้ เหมือนจะดูรุ่งเรืองกว่าหมู่บ้านเอโดะที่อื่น ๆ นั่นเป็นเพราะสมัยก่อน ตรงนี้เป็นเมืองแวะพักสำหรับพ่อค้า เนื่องจากอยู่ริมถนนชิโมสึเคะ (Shimotsuke) ถนนเส้นหลักสำหรับเดินทางค้าขายระหว่างอาณาจักรไอสึ (Aizu city ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัด Fukushima และจังหวัด Niigata) และเมืองอิไมชิ (Imaichi จังหวัด Tochigi) และเส้นทางเป็นไปอย่างยากลำบากไกลถึง 130 กม. ทุกคนจึงต้องแวะพักแรม และหาอาหารจากหมู่บ้านนี้ จนภายหลังมีการเปิดเส้นทางใหม่ ที่นี่ก็เงียบเหงาลงไปตามกาลเวลา เมื่อทางการเห็นถึงความสำคัญ และร่วมมืออนุรักษ์บ้านโบราณหล่านี้ ส่งเสริมให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว จึงเริ่มคึกคัก คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว นักเดินทาง จนเหมือนกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
อาชีพส่วนใหญ่ของคนพื้นที่ นอกจากทำการเกษตรแล้ว ก็คงจะเป็นการค้าขายที่ขายทั้งของฝากและขนมที่เป็นซิกเนเจอร์ของเมือง ทั้งขนมโบราณ ของเล่นวินเทจสไตล์ญี่ปุ่น เครื่องใช้ที่ทำจากไม้ต่าง ๆ ตลอดทางเดิน 500 เมตร บนถนนเส้นหลักของหมู่บ้าน การได้เห็นหมู่บ้านในหุบเขา ห้อมล้อมด้วยพืชพรรณธรรมชาติใหญ่โตแบบนี้ อากาศมันสดชื่นมากจริง ๆ นะ มิน่าคนเฒ่าคนแก่ที่นี้ถึงยังแข็งแรง มีกำลังในการทำงานกันอยู่
สำหรับเมนูขึ้นชื่อที่พลาดไม่ได้คงจะหนีไม่พ้น บะหมี่โซบะต้นหอม (Takato Soba) และปลาเทร้าต์ย่าง ที่กินแบบกรรมวิธีญี่ปุ่นโบราณประหนึ่งเราเป็นนักเดินทางสมัยเอโดะ คือใช้ต้นหอมญี่ปุ่นตักเส้นขึ้นมาแทนตะเกียบ อันนี้คือ..วัดสกิลการตักอาหารของเรามาก ๆ กินไปตะคริวจะกินนิ้วไปด้วย เกร็งแบบสุดกว่าจะได้แต่ละคำ แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นอรรถรสที่หาไม่ได้ที่ไหนแล้ว มาที่รสชาติเส้นโซบะกันบ้าง ..เส้นเหนียวนุ่มกินพร้อมซุปหวานอ่อน ๆ เค็มหน่อย ๆ แต่กลมกล่อมพร้อมกลิ่นหอมที่โชยตีจมูกเพราะโดนความร้อนของซุปนั้น เป็นความผสมผสานที่สร้างความสุขสมให้เราได้ไม่น้อย กินแกล้มกับปลาเทร้าต์ประจำท้องถิ่นย่างเป็นโปรตีนเสริม จากโซบะหน้าตาธรรมดา แต่ถ้ามีพรีเซ้นท์แปลกตาเสริมรสชาติให้ดีขึ้น มันก็กลายเป็นจานโปรดได้เหมือนกันนะ
ถ้าโซบะต้นหอมยักษ์ดูธรรมดาเกินไปสำหรับสายหวาน ขอแนะนำให้พวกเธอออกเดินทางตามหาความกิ๊บเก๋ของไอศกรีม ณ หมู่บ้านแห่งนี้ ที่ทางเรามั่นใจว่าไม่น่าจะหาทานที่ไหนได้ในญี่ปุ่นนั่นก็คือ ไอติมโซบะ เอาจริง ๆ คือเนื้อเหมือนซอฟเสิร์ฟทั่วไป แต่มันแปลกที่เป็นรสและกลิ่นโซบะที่ออกหวาน ๆ หน่อยนี่แหละ โดยรวมก็คือใช้ได้อยู่เด้ออออออ ….
หากเดินชิล ๆ กินคาวร้านนั้นนิด ชิมหวานร้านนั้นหน่อย เรื่อย ๆ จนสุดทางหมู่บ้าน เราขอแนะนำให้เดินตามคนหมู่มากขึ้นเนินเขาต่อไปอีกสักหน่อย พวกเธอก็จะได้พบกับภาพปั๊วะปังอลังการเว่อร์ เห็นบ้านเรือนโบราณกว่า 40-50 หลังคา ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาแบบนี้เลย เป็นมุมที่สวยจับใจมาก แบบว่าใครไม่ได้กดซัตเตอร์มุมนี้คือพลาดมาก
ในส่วนของสายมูที่ไปไหนต้องได้รับพร … แนะนำให้เลี้ยวซ้ายจากถนนเส้นหลักลอดเสาเสาโทริอิไม้ แล้วมุ่งหน้าเดินต่ออีกสัก 15 นาที ก็จะพบกับ ศาลเจ้าทะคะคุระ ( Takakura Shrine) ที่เชื่อว่าเป็นที่อยู่ของเทพผู้พิทักษ์ และที่ประดิษฐานของเจ้าชายโมจิฮิโตะ สมาชิกของราชวงศ์จักรพรรดิสมัยศตวรรษที่ 12 บรรยากาศภายในศาลเจ้าเงียงสงบ และร่มรื่นจากเงาของต้นซีดาร์ขนาดใหญ่อายุกว่า 800 กว่าปี ที่สูงกว่า 56 เมตร เพราะฉะนั้นจะแวะไปก็สำรวมกันด้วยนะทุกคน
การเดินทางไป Ouchi-juku ::
วิธีง่ายที่สุด คือการซื้อ Pass แบบเหมารวมทั้งหมด คือตั๋วรถไฟที่ใช้งานสาย Aizu ได้ 2 วัน และตั๋วบัสไปหมู่บ้านไป – กลั
1.นอนที่เมือง Aizu-Wakamatsu
กดตั๋วรถไฟไป Nishi-Wakamatsu Station (190 เยน) แต่เราจะลงที่ Yunokami Onsen ซึ่งระหว่างทางให้บอกนายตั๋
2.ไปจากโตเกียว
ให้นั่ง Shinkansen Tohoku ไปลงสถานี Koriyama และนั่งต่อไปสถานี Aizu-wakamatsu จากนั้นให้ทำตามข้อ 1 ***ถ้าจากจากโตเกียวกว่าจะถึงก็หมดไปครึ่งวันแล้ว เพราะฉะนั้นเราว่าไปนอนที่เมือง Aizu-Wakamatsu จะดูคุ้มกว่า
เช็คตารางรถบัส ไป-กลับ และตารางรถไฟ : https://bit.ly/2DVPVC1