ลมหนาวมาเยือนเป็นสัญญาณเตือนว่าได้เวลาออกไปเที่ยวภาคเหนือกันอีกครั้งแล้ว ครั้งนี้เราของเลือกเมืองน่านนคร เมืองเล็กๆ ที่มีเรื่องราวสุดน่ารักและความน่าประทับใจอยู่แบบเข้มข้น จนเราอยากจะขออยู่น่านแบบนานๆ นะจ๊ะ แต่ก็ทำได้เพียง 3 วัน 2 คืนเท่านั้น แต่ก็เป็นช่วงเวลามากพอที่ทำให้เราได้ดื่มด่ำกับอากาศบริสุทธิ์ อาหารที่แสนอร่อย และสถานที่ที่ชวนให้หลงใหล และที่สำคัญน่านรอบนี้เรายังได้ไปร่วมงานที่จะทำให้การท่องเที่ยวในครั้งนี้มีความสุขมากยิ่งขึ้นกับกิจกรรมดีๆ ส่งมอบสุขา สุขใจ แห่งที่สาม ของ King Power Thai Power พลังคนไทย อีกด้วย
บ่ต้องอู้นัก เจ็บคอ … มาออกเดินทางไปชมเรื่องราวที่เราร้อยเรียงกันได้เลยจ้าทุกคน!!
• Cacoa Valley
จากฟากฟ้ามหานครสู่สนามบินน่านนคร เราก็มุ่งหน้าเดินทางต่อไปที่ อ.ปัว เพื่อไปยังฟาร์มโกโก้ Cacoa Valley เพื่อตามไปดูให้รู้ถึงแก่นแท้ของโกโก้ว่ากว่าจะมาเป็นโกโก้นั้นเมล็ดของมันต้องผ่านอะไรมาบ้าง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้สัมผัสฝักโกโก้ของจริงจากบนต้น และยังได้พูดคุยถึงกระบวนการทำโกโก้ตั้งแต่การคัดเมล็ด การปลูก การดูแล เก็บเกี่ยว หมัก ตากแดด คั่ว ร่อนเปลือก แยกไขมัน จนออกมาเป็นโกโก้คุณภาพที่ให้เราได้บริโภคกันด้วยกรรมวิธีที่พิถีพิถันทุกขั้นตอน ซึ่งนับเวลาตั้งแต่ปลูกจนออกมาเป็นผลผลิตคุณภาพสูงก็ใช้เวลา 7-8 เดือนกันเลยทีเดียว
ชมฟาร์มกันพอได้ความรู้แบบหอมปากหอมคอก็ได้เวลาไปยังส่วนของคาเฟ่ที่เรารอคอย แต่ก่อนที่จะได้ดื่มด่ำกับโกโก้รสเข้ม เนื้อนุ่ม เราก็ขอตัวไปทำ Workshop ช็อคโกแลตกันก่อน และก็เป็นครั้งแรกของเราอีกครั้งที่ได้ลองทำช็อคโกแลตด้วยตัวเอง ซึ่งเอาจริงมันก็ไม่ยากอะไรนะ แถมมันก็สนุกสนานดีที่เราได้ลองเทใส่พิมพ์ ตกแต่งหน้าช็อคโกแลตในแบบของเรา ซึ่งหากใครสนใจเจ้ากิจกรรมชมฟาร์มและ workshop ทำโกโก้ เค้ามีเป็นแพ็คเกจแบบรวมที่พักด้วยเด้อ สามารถติดต่อสอบถามที่ร้านโดยตรงได้เลย
และแล้วก็มายังส่วนที่เรารอคอยเป็นที่สุดนั่นคือการได้เข้ามาในคาเฟ่แล้วเลือกเมนูโกโก้ทั้งร้อน เย็น และบราวนี่อีกหนึ่งชิ้นมานั่งละเลียดละเมียดละไมกันในคาเฟ่สองชั้นที่ตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่น เน้นแสงที่ส่องเข้ามาจากดวงอาทิตย์ และเพิ่มความสดชื่นจากธรรมชาติที่รายล้อม ไม่รู้ว่าเรามโนมากไปเองรึเปล่า แต่พอเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับโกโก้กันไปก่อนหน้านี้แล้วเรายิ่งรู้สึกว่าโกโก้ในมือของเรามันดูพิเศษยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวเลยล่ะ
• วัดศรีพันต้น
หลังจากที่ฟินสุดๆ กับโกโก้แล้ว เราก็เดินทางกลับเข้าเมืองน่านอีกครั้งเป็นสัญญานว่าทริปสุขใจของเราได้เริ่มอย่างจริงจังแล้วแก ที่แรกเราเริ่มกันที่ วัดศรีพันต้น วัดเก่าแก่ของเมืองน่านที่ถูกสร้างขึ้นโดยพญาพันต้นแห่งราชวงศ์ภูคา ในปี พ.ศ. 1960 มีความโดดเด่นตรงพญานาคเจ็ดเศียรสีทองอร่ามที่แผ่เศียรเฝ้าหน้าวิหารสีทองที่วิจิตรบรรจงไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบเหนือดั้งเดิม และโรงเก็บเรือที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดน่าน รวมถึงเรือแข่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งสามารถบรรจุฝีพายได้ถึง 100 คน ซึ่งมีชื่อว่าเรือเลิศเกียรติศักดิ์ (พญาฆึ)
• วัดมิ่งเมือง
จากวัดสีทองเรืองรองอร่ามเราก็มาต่อกันที่อีกหนึ่งวัดต้องห้ามพลาดของเมืองน่าน วัดสีขาวบริสุทธิ์ที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของจังหวัดน่านที่เคยรกร้างไปนานจนในปี 2400 เจ้าครองนครน่านในขณะนั้นได้ทำการสถาปนาวัดใหม่และตั้งชื่อว่า วัดมิ่งเมือง ก่อนที่จะได้รับการบูรณะอีกครั้งในปี 2527 เพื่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านนาร่วมสมัย โดยช่างฝีมือตระกูลช่างเชียงแสนได้ทำลายปูนปั้นที่ผนังอุโบสถ และช่างฝีมือท้องถิ่นยุคปัจจุบันได้วาดภาพจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องวิถีชีวิตของชาวเมืองน่าน
ส่วนเสาหลักเมืองที่ประดิษฐานอยู่นั้นสันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเข้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน โดยใช้ไม้สักทองขนาดสองคนโอบ ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 ฟุต สูง 3 เมตร ทรงกลมและหัวเสาเกลาเป็นทรงดอกบัวตูมด้วยความขาวหมดจด เช่นนี้วัดแห่งนี้จึงเหมาะมากที่จะมาไหว้พระพร้อมๆ กับเดินหามุมถ่ายรูปชิคๆ ไฮแฟชั่นสไตล์โว้คแบบสุดๆ
• วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
ความที่ชาวเมืองน่านนับถือพุทธศาสนามาตั้งแต่บรรพกาล เราก็จะได้เห็นวัดที่มีเอกลักษณ์หลากหลายตามยุคสมัยอยู่ได้ทั่วๆ ไป แต่ละที่ก็สวยงามโดดเด่นต่างกันไป เรามีเหรอจะพลาดก็ต้องขออนุญาตเก็บวัดสำคัญๆ และมุมถ่ายรูปที่จัดว่าเด็ดมาให้พวกแกได้เชยชม ซึ่งการันตีได้ว่าการเที่ยววัดที่น่านมันไม่ได้น่าเบื่อแบบชวนไปรดน้ำมนต์ หาของขลังไรงี้นะ มันมีความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่น่ามาถ่ายรูปจริงๆ เอาหล่ะไม่พิมพ์เยอะ เมื่อย!!! เราไปต่อกันเลยที่ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ชื่อเดิมวัดหลวงกลางเวียง ที่สร้างโดยพญาภูเข่ง ในปี พ.ศ. 1949 จุดเด่นของวัดนี้ก็ตามชื่อเลยจ้า คือภายในวัดรอบๆ เจดีย์จะมีรูปปั้นช้างที่ทำจากปูนอยู่รอบๆ ฐานของเจดีย์ อันเป็นเอกลักษณ์ที่เราเห็นได้บ่อยในศิลปะแบบสุโขทัยช่วงพุทธศตวรรษที่ 20 และพระพุทธนันนทบุรีศรีศากยพระพุทธรูปทองคำปางลีลาซึ่งทำจากทองคำ 65 เปอร์เซ็นต์ ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ควรไปสักการะ
• วัดภูมินทร์
วัดต่อมานี่ขึ้นชื่อในเมืองน่านมากถึงขนาดว่าใครมาเมืองน่านแล้วไม่ได้มาเยือนวัดแห่งนี้ก็คงคล้ายๆ กับที่ฝรั่งมาประเทศไทยแต่ไม่ได้กินผัดไทยยังไงยังงั้น วัดที่ว่าก็คือ วัดภูมินทร์ วัดที่มีภาพจิตกรรมฝาผนังสุดโด่งดังอย่างภาพ “กระซิบรักบันลือโลก” หรือภาพ “ปู่ม่าน ย่าม่าน” นั่นเอง วัดแห่งนี้เจ้าผู้ครองนครน่านโปรดให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2139 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ “พระอุโบสถจตุรมุข” ที่รวมเอาโบสถ์ วิหาร และเจดีย์เข้าไว้ในอาคารเดียวกัน เพื่อเป็นการจำลองแผนภูมิจักรวาลตามความเชื่อของศาสนาพุทธ โดยมีพระปางมารวิชัยหันหน้าออกประตูทั้งสี่ทิศ ที่นี่เหมาะแก่การแต่งผ้าเมืองมายืนถ่ายรูปพลางคิดว่าตัวเองเป็นเจ้ามิ่งหล้า เจ้าแม้นเมืองกำลังเอาข้าวมาถวายอาหารพระในเวลาเพลก็จัดว่าเก๋ไก๋สไลด์เดอร์นักขนาดเจ้า
• วัดพระธาตุเขาน้อย
ยัง ยัง วัดยังไม่จบจ้า งานนี้ไม่ขึ้นสวรรค์ก็ไม่รู้จะว่าไง แต่คือวัดที่นี่มันสวยไงจะผ่านเลยไปก็ทำใจไม่ได้ อย่าง วัดพระธาตุเขาน้อย ที่บอกเลยว่าห้ามพลาด เพราะวัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนเขาทำให้สามารถเป็นจุดชมวิวที่มองลงมาแล้วเห็นตัวเมืองน่านได้แบบอลังการ ยิ่งช่วงเช้าๆ ในหน้าหนาวที่หมอกอาจจะลอยมาทักทายยิ่งดูสดชื่น หรือช่วงยามเย็นที่แสงสีส้มกำลังย้อมตัวเมืองน่านยิ่งน่าดู ไม่ร้องอู้วหูวก็ไม่รู้จะว่ายังไง โดยวัดแห่งนี้ถูกสร้างมาเมินนนนขนาดตั้งแต่ปี พ.ศ.2030 โดยเจ้าปู่แข็งเพื่อเป็นที่ประดิษฐานองค์พระธาตุบนยอดดอยเขาน้อย และปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน พระพุทธรูปปางประทานพระที่ตั้งอยู่บนฐานดอกบัว ยอดพระเกศาทำจากทองคำแท้หนัก 27 บาท เนื่องในปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่เก้าทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบในปี 2542
• ถนนคนเมืองมิ่งเมืองดีเบส
ออกจากวัดมาด้วยหน้าตาผ่องใสไฮไลท์ก็ไม่ต้องการ เราก็ได้เวลาเข้าที่พำนัก พักผ่อน ล้างหน้าล้างตาสักเล็กน้อยเพราะบุญคงทำให้หน้าเราใสอิ่มเอิบพอตัวแล้ว เพื่อเตรียมออกไปเที่ยวสไตล์น่านๆ กันที่ ถนนคนเมืองมิ่งเมืองดีเบส ตลาดนัดเล็กๆ สไตล์พื้นเมืองที่เราสามารถหาซื้อของกินพื้นถิ่นและผ้าพื้นเมือง แล้วมานั่งกินอาหารชิวๆ ชมผ้าพื้นเมืองที่ซื้อมา และฟังดนตรีสดๆ ในบรรยากาศลมเย็นๆ เพลินๆ ก่อนกลับเข้าที่พักอีกครั้งเพื่อนอนเอาแรงสำหรับวันพรุ่งนี้ที่โรงแรมเวียงแก้วโรงแรมที่ตกแต่งสไตล์ล้านนาเลยให้บรรยากาศของเมืองเหนือไม่ว่าจะลุกจะเดินไปทางไหนก็มีความตะตอนยอน แบบอีกนิดก็จะฟ้อนไปทานอาหารเช้ากันแล้วจ้าพี่จ๋า
• โฮงเจ้าฟองคำ
ขอเริ่มต้นวันอันสดใสด้วยใจบริสุทธิ์หลังรับประทานอาหารเช้าแสนอร่อยที่โรงแรมแล้วเราก็มุ่งหน้าออกไปที่ โฮงเจ้าฟองคำ หรือบ้านเจ้าฟองคำ พิพิธภัณฑ์การทอผ้าลายน้ำไหลลายอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวเมืองน่านที่จะมีศิลปินท้องถิ่นมาขับร้องเพลงคำเมืองและดีดพิณให้ฟังกันเพลินๆ ซึ่งทุกถ้อยคำที่เค้าร้องนั้นไม่ได้มีการเขียนเนื้อไว้ก่อนแต่ประการใด แต่เค้ามาคิดเอาสดๆ กันที่หน้าเวทีกันเลยจ้า อารมณ์แบบลำตัดของภาคกลางแต่ก่อนนี้เลยอ่ะ ได้ฟีลมาก รู้สึกได้ถึงความเป็นธรรมชาติและความมีเสน่ห์ของคนเมืองน่านที่น่าตกหลุมรักเลยล่ะ แต่เราก็ไม่ได้มาแค่นั่งฟังชิวๆ นะจ๊ะ เรายังมาเพื่อทำกรวยข้าวตอกดอกไม้ สำหรับนำไปสักการะพระธาตุแช่แห้งกันด้วยจ้า
• พระธาตุแช่แห้ง
กรวยดอกไม้แสนสวยของเราก็เสร็จเรียบร้อย สิบนิ้วก็พร้อมประนมก้มกราบพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวเมืองน่านกันแล้ว พระธาตุแช่แห้ง แห่งนี้อยู่คู่บ้านคู่เมืองมากกว่า 600 ปีแล้วเลยทีเดียว โดยสถาปัตยกรรมของพระธาตุเป็นสถาปัตยกรรมที่รังสรรค์โดยช่างสกุลช่างน่าน เพื่อเป็นอนุสรณ์ความรักและความสัมพันธ์ระหว่างเมืองน่านกับเมืองสุโขทัยในอดีตที่แสนสุกปลั่งดั่งทอง
• เฮือนฮอม
อิ่มบุญแต่ไม่อิ่มท้องก็ทรมานเหมือนกันนาจา งานนี้เราเลยขอฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารเมืองอย่างร้าน เฮือนฮอม ร้านอาหารบรรยากาศล้านนาที่โปร่งสบาย ประดับด้วยธงแบบทางเหนือ และเพลงล้านนาที่มาช่วยขับกล่อมให้รสชาติอาหารเข้มข้นมากยิ่งขึ้น มาร้านอาหารพื้นเมืองทั้งทีเราขอจัดเน้นๆ ทั้งออเดิร์ฟเมือง ขนมจีนน้ำเงี้ยว และข้าวซอยไก่ ทุกอย่างบีบมะนาวนิด เติมพริกเผาอีกสักหน่อย อร่อยซะใจจนต้องร้องว่า ลำขนาดเจ้า ออกมาเบาๆ
• กิจกรรมส่งมอบสุขา สุขใจ แห่งที่สาม ณ สวนสาธารณะศรีเมือง อีกหนึ่งในโครงการ Community Power ที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและชุมชนให้เข้มแข็งแบบยั่งยืน
อิ่มกายา อิ่มบุญ แล้วก็ขอไปอิ่มใจกันที่พิธีส่งมอบห้องน้ำ “พลังคนไทย สุขาสุขใจ” ณ สวนสาธารณะศรีเมือง สวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางเมืองที่ชาวน่านทุกเพศทุกวัยได้ออกมาใช้บริการ ทั้งเดินเล่น ออกกำลังกาย พักผ่อน ซึ่งแต่เดิมได้ขาดแคลนห้องน้ำอันเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การท่องเที่ยวในที่นั้นๆ สุขสมบูรณ์ King Power Thai Power พลังคนไทย เค้าเล็งเห็นถึงความสำคัญในข้อนี้เลยได้ทำการส่งมอบห้องน้ำที่เป็นสาธาระณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ถูกสุขลักษณะ และรองรับได้ทุกช่วงวัยรวมถึงผู้พิการด้วย งานนี้เราต้องขอปรบมือให้ดังๆ เพราะหลายครั้งที่เราไปเที่ยวหลายๆ ที่แล้วไม่มีห้องน้ำจากความสุขก็เปลี่ยนเป็นทุกข์ถนัดได้เหมือนกันเด้อ
ซึ่งการมอบสุขาสุขใจในครั้งนี้ก็เป็นแห่งที่ 3 แล้วที่กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ ร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่งมอบห้องน้ำชุมชนในแหล่งท่องเที่ยวภายใต้โครงการ King Power Thai Power พลังคนไทยสุขาสุขใจ เพื่อยกระดับคุณภาพสาธารณูปโภคและสร้างมาตรฐานด้านความสะอาดของห้องน้ำในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยให้ทัดเทียมระดับสากล ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ส่งมอบสุขาสุขใจไปแล้ว 2 แห่งคือที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์อำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่ และสวนสาธารณะทุ่งศรีเมืองจังหวัดอุบลราชธานี โดยมีเป้าหมายมอบห้องน้ำให้กับชุมชนในแหล่งท่องเที่ยวจำนวนทั้งสิ้นถึง 10 แห่งด้วยกัน
• สุริยาการ์เด้น
อิ่มเอมกับบรรยากาศมากไปนิด ไม่ทันไรท้องก็หิวขึ้นมาอีกแล้วเราเลยไปทานอาหารกันที่ สุริยาการ์เด้น ร้านอาหารริมแม่น้ำน่านที่เสิร์ฟทั้งอาหารพื้นเมือง อาหารไทย อาหารจีน ให้เราเลือกอิ่มท้องได้ตามอัทธยาศัย แต่ละจานก็อร่อยถูกปากเรามากเว่อร์ แต่งานนี้เราขอมอบมงให้กับฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อนที่อร่อยจัดจ้านในย่านนี้จนต้องขอข้าวสวยร้อนๆ มากินเพิ่มกันทีเดียว
• บัวลอยป้านิ่ม
กินคาวไม่กินหวาน… เราเลยไปจัด บัวลอยป้านิ่ม บัวลอยเจ้าดังที่ใครมาเที่ยวน่านต้องแวะมาเช็คอินและกินกันให้หนำใจ เพราะครบเครื่องเรื่องขนมหวาน แถมยังอร่อยสมคำร่ำลืมจนได้ลง Guide Book แนะนำสถานที่ห้ามพลาดของเมืองน่านแทบทุกเล่ม ไอ้ครั้นจะไม่มาชิมคงจะเสียใจแย่ โดยเฉพาะเมนูบัวลอยของอร่อยขึ้นชื่อของร้านที่เหนียวนุ่ม หวานละมุน อุ่นละไม ดีต่อใจ อันตรายต่อพุง เพราะยิ่งกินยิ่งอร่อยจนต้องสั่งมาเพิ่มจนพุงปลิ้น ต้องกลิ้งกลับห้องไปนอนย่อยแบบฟินส์ๆ ในคืนนี้จ้า
• ร้านกาแฟเฮือนฮังต่อ
เวลาผ่านไปแป๊บๆ เราก็อยู่น่านมาสองวันสองคืนแล้ว เช้าวันสุดท้ายนี้เราเลยขอเอาใจสายคาเฟ่กันสักหน่อยที่ เฮือนฮังต่อ ร้านกาแฟที่เน้นใช้เมล็ดกาแฟในพื้นที่มาคั่ว บด และชง จนออกมากลมกล่อม หอมชื่นใจ คลายความง่วง และกระตุ้นความสดชื่นเหมือนยืนในดงดอกคอสมอสได้อย่างดี ที่นั่งก็มีให้เลือกทั้งด้านนอกและด้านในจะนั่งไหนก็มีมุมถ่ายรูปเด็ดๆ ไม่แพ้กัน แต่ที่สำคัญอย่าลืมไปยืนสดชื่นท่ามกลางดอกคอสมอสสีชมพูพริ้งภายในร้านของเค้าด้วยล่ะ เพราะมันน่าร๊ากม๊าก ถ่ายออกมาแล้วจากหน้าโหดๆ ก็ปรับเป็นโหมดคิตตี้ได้ในทันทีเจ้า
• ก๋วยเตี๋ยวไร้เทียมทาน
ก่อนกลับก็กลัวว่าต้องไปหิวบนเครื่องซึ่งมันก็ดูเป็นเรื่องที่แสนหดหู่ เราเลยขอไปจบกันที่อีกหนึ่งร้านเด็ดที่ทานเสร็จต้องยกนิ้วให้กับร้าน ก๋วยเตี๋ยวไร้เทียมทาน ที่มีสโลแกนว่ามาถึงเมืองน่านต้องซดดูกยำไร้เทียมทาน ไอ้เรามันก็คนจิตอ่อนเลยต้องขอมาลองก๋วยเตี๋ยวต้มยำเผ็ดๆ ที่ทีเด้ดคือกระดูกสันหลังหมูหมักให้อารมณ์คล้ายๆ เล้ง ให้เราได้เคี้ยวกร้วบๆ แต่ต้องไม่ลืมบีบมะนาวสดๆ เพิ่มความหอมจัดจ้านกันสักนิด เป็นอันสดใสวัยรุ่นชอบ กลับกทม. ด้วยความสำเริงสำราญทั้งกายและใจกันไป
3 วัน 2 คืน ในเมืองน่านที่อยากจะอยู่นานๆ นะจ๊ะ เพราะเราเชื่อว่าเมืองเล็กๆ อย่างน่านยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจและจะทำให้เราตกหลุมรักได้แน่ๆ เพราะขนาดวัดต่างๆ ที่เป็นสิ่งสร้างมาแต่โบราณยังน่ารักโดนใจวัยรุ่นยุคปัจจุบันอย่างเราเลย และเราขอย้ำกันอีกครั้งว่าการเที่ยววัดมันไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อเลยจริงๆ เพราะวัดแต่ละที่ของไทยมันอเมซิ่งกิงก่องแก้วทั้งในเรื่องของสถาปัตยกรรมและวิวทิวทัศน์ที่ไม่ว่าจะแต่งตัวแบบเมือง ใส่เสื้อยืดธรรมดา หรือว่าใส่กระโปรงสุดพริ้วไหวเราก็รับรองได้ว่าความสวยงามของสถานที่ที่สวยงามจะทำให้ออร่าของแกเลเวลอัพขึ้นมาได้อย่างแน่นอน หนาวนี้ถ้าไม่รู้จะไปไหนก็ไปน่านกันสินะ นะจ๊ะ