เพราะชีวิตคือการผจญภัยแต่ถ้าการผจญภัยในเมืองหลวงทำให้ชีวิตมีแต่ความหมองหม่นน่าเบื่อ ลองออกไปผจญภัยกลางป่าใหญ่ที่สวยงามมาตราฐานมรดกโลก หาอะไรแนวแอดเวนเจอร์เรียกเหงื่อทำ ให้ร่างกายสดชื่นตั้งแต่ตื่นยันหลับกันที่เขาใหญ่ ที่ไปกี่ทีก็ไม่มีคำว่าเบื่อ ที่รวบรวมไว้ซึ่งความดีงามของผืนป่า ธรรมชาติ ศิลปะ ที่พัก และคาเฟ่สุดเก๋ ที่จะทำให้ร่างกายต้องเสียเหงื่อและหมดพลังเหมือนกับพระอาทิตย์ที่สิ้นแสงในยามเย็น แต่พลังใจจะกลับมาเพิ่มขึ้นเหมือนพระอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ เป็นการชาร์จแบตให้ชีวิตมีเรี่ยวแรงไว้ไปผจญภัยต่อในวันต่อไป ดีต่อใจขนาดนี้ออกไปผจญภัยด้วยกันเลยดีกว่า
01 :: The Birder’s Lodge
ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าพอช่วงสายความหวานชักจะเริ่มตกๆ เราเลยขอพักเติมน้ำตาลเข้ากระแสเลือดกันในคาเฟ่สุดชิคที่ดีไซส์โดดเด่นสะดุดตาคล้ายกระท่อมไม้กลางป่าใหญ่ที่ทำให้จิตใจเบิกบานตั้งแต่แรกเห็น เราสั่งลาเต้มินต์สีฟ้าสดใส ยูสุเจลลี่นุ่มๆ รสหวานอมเปรี้ยว และยูสุโซดาที่มาพร้อมสายไหมสีขาวสุดฟรุ้วฟริ้งขัดกับหน้าตาคนร่วมแก๊งวันนี้ของเราเป็นที่สุด มานั่งดื่มให้คลายร้อนชิวๆ สักหน่อย
นอกจากนี้ด้านหน้าเค้ายังทำโกดังไม้ให้กลายเป็นตลาดนัดสุดเท่ที่เก๋ด้วยการรวมเอาสายรักสุขภาพมาขายอาหารคลีนๆ ไม่ว่าจะเป็นขนมปังธัญพืช ไอศกรีมโฮมเมค ต้นไม้ ไปจนถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับต่างๆ มาให้ช้อปกันแบบฟินๆ อีกด้วย ส่วนใครที่ชอบสไตล์การตกแต่งของเค้าก็สามารถจองห้องพักมานอนในกระท่อมกลางป่าสุดชิวแบบนี้ได้ด้วย
02 :: Paintball & ATV
ชิวยามเช้ากันพอหอมปากหอมคอก็ได้เวลาพร้อมลุยกันแล้ว แต่เหนือสิ่งอื่นใดพวกเราก็ไม่ลืมที่จะ #เปลี่ยนหน้าหมองให้หน้ามอง ด้วยไอเท็มที่เรากวาดลงกระเป๋ามาเป็นสิ่งแรกๆ นั่นก็คือ กานิเย่เมน พาวเวอร์ไวท์เซรั่ม spf30 ไอเท็มเด็ดที่จะมาช่วยให้ผิวดูหล่อใสเร็วในสามวัน พร้อมคุณสมบัติที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำแถมยังมี spf30 ที่ช่วยป้องกันแสงแดดจากทุกกิจกรรมแมนๆ ซึมเร็วไม่เหนียวเหนอะน่ะ เรียกได้ว่าทั้งบำรุงและป้องกันในคราวเดียว หาซื้อง่ายที่ 7-11 ในรูปแบบซองราคา 15 บาท และแบบขวดปั๊มสำหรับวันที่อยู่บ้านในราคา 299 บาท ขนาด 40 มล. ที่ห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ จะกิจกรรมไหนก็เอาอยู่แบบนี้ขอบอกว่าอย่าพลาดที่จะลอง
กายพร้อมใจพร้อมหน้าไม่หมองไม่มันมีกันแดดก็พร้อมแล้วที่พวกเราจะไปลุยกันให้มันส์ที่ ฟาวน์เท่นทรีรีสอร์ตและแอดเวนเจอร์เวิร์ล ที่นี่มีกิจกรรมกลางแจ้งให้เราเลือกหลากหลายกิจกรรมแต่กิจกรรมแรกที่พวกเราเห็นตรงกันว่าอันนี้แหล่ะห้ามพลาดก็คือ Paintball หลังจากจ่ายเงินและรับลูกกระสุนเรียบร้อยเจ้าหน้าที่ก็จะชี้ให้เราไปยังโซนเพ้นท์บอล เพื่อใส่ชุด ใส่หน้ากากและเสื้อกันกระสุน บอกกฎกติกาแล้วส่งปืนให้เราคนละกระบอก แบ่งพวกเราเป็น 2 ทีม ก่อนปล่อยตัวผู้เล่นเข้าสู่สนามรบที่จะไม่มีการนองเลือดมีแต่เหงื่อและสีจากกระสุนเท่านั้นที่จะไหลอาบไปทั่วสนาม งานนี้บอกเลยว่าทั้งร้อนและมันส์สุดๆ แต่ความสนุก และกานิเย่เมน พาวเวอร์ไวท์เซรั่ม spf30 ก็ทำให้ไอแดดเป็นแค่เรื่องจิ๊บๆ ถ้าใครยังไม่เคยลองเราขอแนะนำว่ากิจกรรมนี้มันต้องมาโดนจริงๆ
แข่งแบบทีมไปแล้วงานนี้ก็ถึงช่วงของการแข่งตัวต่อตัวด้วยการจับเวลาท้าความเร็วว่าใครจะฝ่าฝุ่นและแสงแดดมาได้ไวกว่ากันด้วยการขี่ ATV หรือเจ้ารถมอเตอร์ไซต์ขนาดเล็ก มีสี่ล้อ และใช้สำหรับทางวิบาก ก่อนจะไปต่อกันที่กิจกรรมยิงเป้าด้วยปืนเพ้นท์บอล ยิงธนู ยิงปืนโบราณ เพื่อเก็บแต้มสำหรับแข่งกันอีกสักรอบสองรอบ นอกจากกิจกรรมมันส์ๆ ต่างๆ ที่นี้เขายังมีกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ ให้ได้สนุกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพายเรือ ฐานเครื่องเล่นทางน้ำ รวมถึงโบลิ่ง และกิจกรรมกลางแจ้งอีกหลายกิจกรรม ใครที่อยากหาที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งเรียกเหงื่อกระตุ้นอะดีนลีนแบบไม่ไกล กทม. เราก็ขอแนะนำว่าที่เขาใหญ่นี่แหล่ะตอบโจทย์มาก
03 :: The Paz Khao Yai
เล่นกันไปหลายกิจกรรมจนใกล้หมดวันและเกือบหมดแรงไปพร้อมๆ กับแสงแดด ก็ถึงเวลาแห่งการพักผ่อน ผ่อนคลายร่างกาย และกล้ามเนื้อที่ เดอะปาซ เขาใหญ่ ที่พักใจกลางขุนเขาของเราในค่ำคืนนี้ แดดร่มลมตกหลังจากเราถอยรถเข้าซองเป็นที่เรียบร้อย พนังงานท่าทางสุภาพก็รีบขับรถกอล์ฟมารับเราแบบรวดเร็วทันใจ ก่อนจะพาเราไปเช็คอิน เก็บกระเป๋าเข้าห้องจนเรียบร้อย เรียกได้ว่าประทับใจกันตั้งแต่ก้าวแรกเลยทีเดียว
เก็บกระเป๋าแล้วอาบน้ำอาบท่าสักรอบหนึ่งก่อนในตอนเย็น แต่กิจกรรมของวันนี้ก็ยังไม่เสร็จสิ้นดี เพราะที่เดอะปาซเค้ามีทีเด็ดคือสระว่ายน้ำแบบ infinity pool ให้เราได้ว่ายน้ำท่ามกลางวิวสวยๆ และท้องฟ้าสีครามอมแสดแบบฟินๆ เราลอยตัวมองท้องฟ้าไปเรื่อยๆ แบบไม่ต้องคิดอะไร หายใจเข้าและออกช้าๆ เพื่อสูดกลิ่นของต้นไม้ใบหญ้าและกลิ่นดินที่ชื้นฝน สั่งคอกเทลเย็นๆ มาทานสักแก้ว แค่นี้ก็เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่โคตรมีความสุขแล้วแก
หลังจากนับแคลและพลังงานที่เสียไปของวันนี้มื้อเย็นเราเลยขอจัดเต็มด้วยอาหารอิตาเลียน ทั้งพิซซ่าซาลามี่ สปาเกตตี้หอยใหญ่ ซีฟู้ดหอยแมลงภู่อบเนย และซีซ่าสลัด แบบจัดมาเพื่อทดแทนพลังงานของวันนี้ ในห้องอาหาร FAVE’ ที่อยู่ถัดจากสระว่ายน้ำของโรงแรม เพื่อรับลมชมวิวยามค่ำและคุยกันถึงเรื่องราวในช่วงนี้ของแต่ละคนเพื่ออัพเดทชีวิตสุดแอนด์เวนเจอร์ที่ต้องเจอในเมืองหลวงกันจนมืด ก่อนจะกลับไปทิ้งตัวที่เตียงดูดวิญญานกันในห้องพัก
เช้าอันสดใสก็ได้เวลาที่เราจะไปต่อ แต่ถึงจะเร่งรีบหรือเช้าแค่ไหนเราก็จะไม่ขอปล่อยให้หน้าหมองไม่น่ามอง ด้วยการทา กานิเย่เมน พาวเวอร์ไวท์เซรั่ม spf30 ตัวช่วยเด็ดๆ ที่เป็นเคล็ดแบบไม่ลับของพวกเราเพื่อนเปลี่ยนหน้าหมองให้น่ามองได้ใน 3 วัน จะได้ไปทำกิจกรรมกันต่อได้แบบไม่ต้องกลัวว่าหน้าจะพัง …
อาบน้ำล้างหน้าทาครีมประแป้งเป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาออกมาทานอาหารเช้าที่มีให้เลือกมากมายทั้งอาหารเช้าแบบไทยๆ อย่างข้าวต้ม ผัดหมี่ หรืออาหารเช้าแบบฝรั่ง อย่างขนมปังไข่ดาวกับแฮม และสลัดผักสดๆ ที่พวกเรากินๆ ไว้เป็นพลังงานสำหรับการเดินทางสุดมันของเราในวันนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้น
04 :: Khao Yai Art Museum
เสพศิลป์ผ่านธรรมชาติที่เดอะปาซแล้วก็ได้เวลามาเสพงานสุดอาร์ตที่ เขาใหญ่อาร์ตมิวเซียม บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่นี้เป็นที่ตั้งของตึกสีขาวสูงสองชั้นรูปทรงทันสมัยชวนให้นึกถึงตึกในอนาคตที่ดูล้ำๆ ซึ่งก็คือหอศิลป์ที่มีขนาดใหญ่กว่า 1700 ตารางเมตร โดยที่เจ้าของต้องการให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่สำหรับผู้ที่สนใจในศิลปะและผู้ที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับศิลปะได้ใช้ประโยชน์จึงได้เปิดให้เข้าใช้บริการกันแบบไม่เสียเงินซักบาท และแม้ระหว่างทางที่ขับรถมาเส้นทางค่อนข้างที่จะเป็นหลุมเป็นบ่อ แต่เมื่อเราได้ก้าวมาถึงข้างหน้าและได้เห็นประติมากรรมหลายชิ้นที่ตั้งอยู่ด้านนอกที่ชวนให้เราคิดถึงความหมายของผลงานแต่ละชิ้น ซึ่งแม้จะไม่รู้ว่าความหมายแท้จริงคืออะไรแต่การได้ลองใช้เวลาพินิจพิจารณาสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างช้าๆ มันก็ทำให้เราได้เห็นมุมมองในตัวเองและเพื่อนๆ ได้มากขึ้นอีก
ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับจัดแสดงงานศิลปที่จัดแสดงผลงานของศิลปินชั้นนำในเมืองไทย นอกจากปฏิมากรรมทางด้านนอกแล้วด้านในก็มีการแบ่งห้องแสดงผลงานเป็นสามห้อง คือ ห้องแรกเป็นห้องที่รวบรวมรูปปั้นและรูปวาดของในหลวงรัชกาลที่เก้า ห้องที่สองจะเป็นห้องที่รวบรวมภาพวาดของอาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ส่วนห้องที่สามเป็นห้องที่รวบรวมภาพวาด ของศิลปินท่านอื่นๆ นอกจากนี้ที่ชั้นสองอย่างมีร้านกาแฟและร้านของฝากอีกด้วย โดยในแต่ละช่วงก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงและอาจจะไม่เหมือนกับที่เราได้มาเจอในขณะนี้
05 :: Yellow Submarine Coffee Tank
ออกจาก Art Museum เพื่อไปยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เราก็จะผ่านอีกหนึ่งคาเฟ่สุดชิคที่ท็อปฟอร์มมากในขณะนี้ของปากช่องนั่นก็คือ Yellow Submarine Coffee Tang ร้านกาแฟที่ได้การตกแต่งมาจากดีไซน์ของเรือดำน้ำที่ด้านนอกจะมีความทึบปิดสนิทแต่ด้านในจะมีความโปร่งโล่งและสามารถมองออกมาด้านนอกเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติได้ ยิ่งกำแพงสีดำสุดขรึมแต่มีดีเทลที่ลายของกำแพง และกรวดสีเทาๆ ที่พื้นด้านนอกที่ดูเข้ากั๊นเข้ากันยิ่งทำให้เรารู้สึกถึงคำว่าเรียบแต่โก้ที่แท้ทรู
ด้วยความแตกต่างและโดดเด่นทำให้ร้านกาแฟนี้มีลูกค้าแวะเวียนมาเป็นจำนวนมาก เพราะสามารถถ่ายรูปออกมาได้ดูเท่และเก๋จากทุกมุมโดนใจสายโซเซี่ยลแบบสุดๆ อย่างแน่นอน แถมรสชาติของของหวานและเครื่องดื่มทุกอย่างลงตัวสมราคาอีกด้วย พวกเราเลยเลือกช็อกโกแลตมิ้น ลาเต้ ชาเขียว และช็อกโกแลตลาวา นั่งละเลียดและเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายของเราก่อนจะออกไปลุยกันต่อ
06 :: Khao Yai National Park
และแล้วเราก็มาถึงอีกหนึ่งจุดหมายหลักของเราในทริปนี้นั่นก็คือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีความอุดมสมบูรณ์มากจนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกในปี 2005 และได้รับสมญานามว่า “อุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียน” และนี้เองทำให้เขาใหญ่เป็นที่ที่มากี่ทีก็ไม่มีทางเบื่อ เพราะความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่หนาแน่นทั้งพืชพันธ์ต่างๆ กว่า 3000 ชนิด ผีเสื้อกว่า 189 ชนิด นกป่ากว่า 350 ชนิดรวมถึงสัตว์ป่าที่เลี้ยงลูกด้วยนม 71 ชนิด โดยอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นี้ก็ใหญ่สมชื่อจริงๆ เพราะกินพื้นที่ครอบคลุมถึงสี่จังหวัดได้แก่นครราชสีมา ปราจีนบุรี นครนายก และสระบุรี เราจึงสามารถมาเที่ยวชมได้ในทุกฤดูทุกช่วงเวลาได้ไม่เหมือนกันเลยในแต่ละครั้ง
จุดแรกที่เราแวะชมคือ อ่างเก็บน้ำสายศร ที่ใช้เป็นอ่างเก็บน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และแหล่งน้ำสำคัญของสัตว์ป่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่แต่ดูเรียบง่ายและเป็นธรรมชาตินี้ มีเสน่ห์น่าดึงดูดเหลือเชื่อ อาจจะเพราะท้องฟ้าสีคราม ปุยเมฆสีขาว หรืออาจจะเพราะกระแสน้ำที่ไหลเอื่อยๆ สีเขียวตรงหน้าก็ไม่รู้ ที่ทำให้เรารู้สึกสงบและยิ่งรักผืนป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลตรงหน้ามากขึ้นไปอีก ที่สำคัญเราเจอเจ้ากวางน้อยตัวเล็กๆ ที่พยายามจะข้ามถนนมากินน้ำในอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ด้วย ยิ่งทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นกับที่นี่ขึ้นไปอีก
เสียงน้ำตกดังต้อนรับเราก่อนที่เราจะตัวน้ำตกเสียอีก คงเป็นเพราะช่วงฤดูฝนด้วยล่ะมั้ง เสน่ห์ของน้ำตกเหวสุวัตจึงยิ่งทวีคูณมากกว่าคราวก่อนที่เรามาซะอีก หลังจากจอดรถและเดินลงตามทางมาไม่เกิน 10 นาที เสียงน้ำตกก็ยิ่งดังชัดเจนขึ้นอีก และเมื่อเราเข้าไปใกล้หยดน้ำเล็กๆ ที่เย็นชื่นใจก็กระทบกับตัวเราจนชื้นไปหมด รวมถึงกล้องและเลนส์ของเราด้วย(ฮ่าๆ) โดยน้ำตกแสนสวยงามที่อยู่ตรงหน้าเรานี้เกิดจากห้วยลำตะคองไหลสู่หน้าผาสูงราว 25 เมตรจนเกิดเป็นแอ่งทางด้านล่าง แต่ที่น้ำตกเหวสุวัตแห่งนี้ทางอุทยานไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำเพราะน้ำที่ตกมาสูงกว่า 25 เมตรนั้นอาจจะทำให้เกิดอันตรายและเกิดน้ำป่าไหลหลากเฉียบพลันได้ แต่ก็นั่นแหละเราไม่จำเป็นต้องลงไปเพื่อเล่นน้ำให้ตัวเปียกด้วยซ้ำหยดน้ำเล็กๆ ทั้งหลายก็ทำให้เราเปียกไปทั้งตัวได้หมดได้แล้ว
จบ 2 วัน 1 คืน แบบสุดมันส์จนเหงื่อไหลอาบแก้มแต่แสนฟินส์ไปเรียยร้อยเราบอกได้เลยว่าเขาใหญ่คือความดีงามที่เราจะต้องมาซ้ำอีกหลายๆๆๆ ครั้งอย่างแน่นอน เพราะมันคือดินแดนที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการและครบรสแบบไม่มีเบื่อ และสำหรับความลุยที่แสนชิวของเราในครั้งนี้ก็ทำเอาเราเหนื่อยจนแทบหมดแรงกายแต่เพิ่มปริมาณแรงใจได้สูงพอที่จะทำให้เรากลับมาแอดเวนเจอร์ต่อในเมืองกรุงได้อีกหลายยก แบบที่จะไม่มีใครรู้ว่าเราไปไปเริงร่าท้าแดดแบบสุดฟินส์มาเพราะไม่มีหน้าหมองๆมีแต่หน้าน่ามองให้เห็น จนกว่าจะได้ดูรูปในโซเซี่ยลนั่นล่ะ เพราะงั้นทริปหน้าถ้ายังไม่รู้จะไปไหนก็ไปหาอะไรทำให้เสียเหงื่อที่เขาใหญ่กันเถอะ