อันยองงง!! แค่ขึ้นต้นพวกแกก็คงรู้แล้วล่ะว่าเราจะพาไปเที่ยวเกาหลี ประเทศที่ไม่ได้อยู่ใกล้และห่างไกลจากคำว่าเพื่อนบ้านอย่างแรง แต่ดันเป็นประเทศที่ส่งผลกับวัฒนธรรม ความชอบ สไตล์ ทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างมากมาย ทำให้ในแต่ละวันแต่ละเดือนมีชาวไทยเดินทางไปเกาหลีกันแบบเนืองแน่นทุกเที่ยวบิน และเราก็เป็นหนึ่งในความเนืองแน่นนั้นด้วย สำหรับเกาหลีรอบนี้เราจะไม่ขอย่างเท้าเข้าสู่กรุงโซล แต่จะขอไปเดินเล่นให้รอบ ณ เมืองที่ล้อมรอบกรุงโซลที่จังหวัดคยองกี และไม่ต้องกลัวว่าจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปถ้าไม่ได้ไปเหยียบเมืองหลวง เพราะจังหวัดนี้ก็ครบเครื่องไม่แพ้กัน ทั้งสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สัตว์บก สมุนไพร และสวนพฤกษศาสตร์ ไปจนถึงห้างที่ใหญ่โตโอฬาร ที่จะมาระรานเงินในกระเป๋าให้เบาหวิว แต่ละที่จะน่าสนใจขนาดไหน บอกได้แค่ว่าหาวันลารอเลยจ้าาา … พี่จ๋า
คยองกี เป็นจังหวัดที่มีประชากรอยู่กันอย่างหนาแน่นมากที่สุดในเกาหลีใต้ มีเมืองซูวอนเป็นเมืองหลวง เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในระดับพิเศษสูงมากจนได้ชื่อว่าเป็น “มหานคร” ซึ่งแต่ก่อนมหานครพิเศษโซล และมหานครอินซอนอดีตก็เคยอยู่ภายใต้จังหวัดคยองกีมาก่อนที่จะแยกตัวออกไป ทำให้กรุงโซลซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศตั้งอยู่ใจกลางของจังหวัดนี้ ถ้าจินตนาการก็จะคล้ายๆ เม็ดถั่วเขียวที่ล้อมรอบสีขาวตรงกลางในเมล็ดของมันนั่นล่ะ และความครบรสครบชาติของมันเองทำให้กลายเป็นจังหวัดที่เหมาะกับการมาเที่ยวของกลุ่ม MICE กลุ่มนักเดินทางที่มุ่งเน้นทางด้านธุรกิจและการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
FLIGHT TO SEOUL WITH THAI AIRWAYS
ไปเกาหลีทั้งทีเราก็อยากให้ได้อารมณ์ดูดีเหมือนไอดอล เลยขอเลือกจองการบินไทยสายการบินระดับประเทศที่ให้ความสบายต่างกัน ที่บินตรงจากสุวรรณภูมิถึงอินชอนประเทศเกาหลีใต้ทุกวันวันละ 2-4 เที่ยวบิน ให้เราเลือกเวลาบินลัดฟ้าไปยังแดนโสมได้ตามความสะดวก ที่สำคัญเค้ายังมีบริการเสิร์ฟอาหารร้อนระหว่างบิน จะได้นั่งสบายแบบเต็มอิ่มและพร้อมออกไปเที่ยวทันทีที่แลนดิ้ง และอีกหนึ่งบริการที่เราว่าน่าจะโดนใจสาย Shopping สุดๆ ก็คือการบินไทยเค้าให้เราโหลดกระเป๋าได้ถึง 30 กิโลกรัม โดยไม่จำกัดจำนวนใบด้วย โอ้โห!! งานนี้จะช้อปหนักแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวน้ำหนักจะเกินแล้วล่ะแก๊ ถ้าสนใจไปจองตั๋วได้เลยที่ thaiairways.com หรือติดต่อสำนักงานขายการบินไทย หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือ THAI Contact Center โทร 0-2356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
WHERE TO VISIT IN GYEONGGI-DO
001 ป้อมซูวอนฮวาซอง (Suwon Hwaseong Fortress)
เริ่มต้นกันที่เมืองซูวอน ณ ป้อมซูวอนฮวาซอง ป้อมปราการที่องค์การยูเนสโกได้สถาปนาให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1997 ที่นี่สร้างขึ้นในช่วง ค.ศ. 1794 ถึง 1796 ในยุคอาณาจักรโชซอนโดยพระเจ้าจองโจพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 22 แห่งราชวงศ์โชซอน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสำหรับปกป้องเมืองใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นบริเวณนี้ วัสดุหลักที่ใช้คือหินและอิฐเผา มีความยาวถึง 5.5 กิโลเมตร บนป้อมประกอบด้วยประตูเมืองทั้งหมดสี่ทิศ และเชิงเทินหรือป้อมบนกำแพงเมืองที่มีไว้ใช้สำหรับเฝ้าระวังอีก 48 หลัง โดยประตูเมืองในทางทิศตะวันออกจะมีกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสนามฝึกยิงธนู รถรางชมเมือง บอลลูนชมเมือง และร้านคาเฟ่ต่างๆ …
002 ฟลายอิ้งซูวอน (Flying Suwon)
จากกิจกรรมมากมายที่มีให้เราเลือกเราจึงขอเลือกการชมวิวที่ความสูง 150 เมตร บนฟลายอิ้งซูวอน บอลลูนฮีเลียมที่จะพาเราชมเมืองแหล่งมรดกโลกจากมุมสูง ทั้งป้อมปราการ ถนนหนทาง และสภาพเมืองได้แบบ 360 องศา จนลืมความเสียวในช่วงที่บอลลูนกำลังลอยขึ้นในเวลาไม่นาน แต่ก็พอที่จะเรียกเสียงฮือฮาทั้งจากความสวยและความเสียวได้มากพอสมควร
003 พระราชวังฮวาซองแฮงกุง (Hwaseong Haenggung)
แม้จะมาครั้งแรกแต่เรากลับรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่อย่างมากจนแอบเผลอคิดไปว่า เอ๊ะ!! หรือเราเคยเติบโตในวังนี้มาก่อน จนเมื่อได้ยินคนข้างๆ พูดว่า “แดจังกึม” นั่นล่ะเป็นอันจบข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ในสามวิ แล้วก็ร้องอ๋อขึ้นมาแทนว่าที่นี่คือสถานที่ถ่ายทำเรื่อง “แดจังกึม” กับเรื่อง “the king and the clown” เป็นพระราชวังที่ถูกสร้างขึ้นโดยกษัตริย์ชองโจ เพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหลังจากว่าราชการเสร็จ ซึ่งปัจจุบันได้รับการขนานนามว่าเป็นพระราชวังที่สวยและสมบูรณ์มากที่สุดในบรรดาพระราชวังทั้งหมดของเกาหลี ภายในพระราชวังแห่งนี้จะประกอบไปด้วยอาคารต่างๆ ซึ่งแต่ละอาคารก็จะมีการจัดแสดงของใช้ภายในห้องด้วย แต่อาคารที่ถูกถ่ายทำละครเรื่องแดจังกึม ก็จะมีการจัดแสดงเครื่องแต่งกายและของใช้ต่างๆ ให้ได้ชมกัน
เพราะฉะนั้นสำหรับใครก็ตามที่โตมาในยุคทองของซีรี่ย์เกาหลีในบ้านเราตั้งแต่ยุคแรกๆ อย่าง แดจังกึม ทงอี อะไรแถบๆ นี้ ก็รับรองได้เลยว่าที่นี่จะเป็นจุดสานฝันที่ดีอีกจุดหนึ่งเลยทีเดียวเพราะเราสามารถเช่าชุดเกาหลีแบบโบราณอย่างชุดฮันบก ชุดนักรบ จากร้านเช่าที่อยู่ใกล้ๆ กับพระราชวังมาใส่เดินเล่นรอบๆ เพื่อเพิ่มอรรถรสได้อีกด้วย
004 เอเวอร์แลนด์ (Everland)
ถ้าความเสียวบนบอลลูนที่ความสูง 150 เมตร ยังไม่สาแก่ใจ ที่เมืองยงอินยังมีอีกหนึ่งความเสียวรอพวกแกอยู่ ภายในสวนสนุกที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลกและใหญ่ที่สุดในเกาหลี ที่มีชื่อว่า เอเวอร์แลนด์ สวนสนุกกลางแจ้งที่ถูกขนานนามว่าดิสนีย์แลนด์เกาหลี ที่มีทั้งหมดห้าโซนด้วย ได้แก่ โกลบอลแฟร์, อเมริกันแอ๊ดเวนเจอร์, เมจิกแลนด์, ยูโรเปี้ยนแอดเวนเจอร์ และซูโทเปีย โดยแต่ละโซนก็จะมีเอกลักษณ์และเครื่องเล่นที่แตกต่างกันไป
โดยทีเด็ดที่พลาดไม่ได้ก็คือ T-Express รถไฟเหาะรางไม้ ที่มีความชันถึง 77 องศา จัดว่าเป็นรถไฟเหาะรางไม้ที่สูงที่สุดในโลก ที่จะพาเราทะยานขึ้นท้องฟ้าพร้อมกับเสียงกระทบกันของรางไม้เพื่อสร้างความเร้าใจก่อนทิ้งดิ่งลงมาจนตับไตแทบมาออกันที่ลิ้นไก่ ส่วนใครที่อยากได้รับแค่ความชิวเบาๆ หรือความสนุกสำหรับเด็กเด็กที่นี่ก็ยังมีสวนดอกไม้ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของแต่ละปีรวมไปถึงซาฟารีที่เราสามารถเข้าไปส่องสัตว์กันได้อีก และในยามค่ำคืนที่ไม่รู้จะไปไหนสวนสนุกแห่งนี้ก็ยังมีขบวนพาเหรดน่ารักๆ ไว้โชว์อีกด้วย
005 หมู่บ้านพื้นเมืองเกาหลี (Korean Folk Village)
หมู่บ้านพื้นเมืองเกาหลี เมืองยงอิน สถานที่ถ่ายทำละครแนวประวัติศาสตร์ หลายเรื่อง อย่าง The king and I, my love from the star, The three musketeers และเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย หลังจากจ่ายเงินค่าผ่านประตูสำหรับผู้ใหญ่ในราคา 15,000 วอนแล้ว เราก็จะสามารถเดินเข้าไปชมส่วนต่างๆ ที่อยู่ภายในหมู่บ้านพื้นเมืองเกาหลีได้ทันที โดยโซนแรกจะเป็นโซน Market Village และโซนที่มีบ้านสไตล์เกาหลีแบบโบราณจากยุคต่างๆ ที่มีมากกว่า 260 หลัง ที่กว้างใหญ่จนถ้าอยากจะดูให้หมดต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งวันเลยทีเดียว
นอกจากสิ่งก่อสร้างแล้วที่นี่ยังมีการแสดงโชว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขี่ม้า เต้นรำ ไต่เชือก และการจำลองการแต่งงานแบบดั้งเดิม ใครสนใจกิจกรรมไหนก็อย่าลืมเช็คตารางเวลาให้ดีๆ จะได้ไม่พลาดนาจา และในวันที่เราไปก็ชนกับช่วงที่เด็กๆ มาทัศนศึกษาทำให้ได้ชมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กๆ ควบคู่ไปกับการแสดงที่น่าตื่นเต้นอีกด้วย
006 วัดวาอูจอง (Waujeongsa)
วัดวาอูจอง สถานที่กำเนิดศาสนาพุทธในเกาหลีที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1970 โดยนักบวชที่หลบหนีจากสงครามเกาหลี ภายในประกอบด้วยรูปสลักที่มีคนนำมาถวายจากทั่วโลกมากกว่า 3000 ชิ้น แต่ชิ้นที่โดดเด่นที่สุดคือพระเศียรของพระพุทธรูปที่ทำจากไม้ แกะสลัก และนำมาทาสีทอง ซึ่งจะอยู่บริเวณกองหินด้านหลังสัตว์น้ำบนความสูง 8 เมตร เป็นรูปสลักที่ได้รับการบันทึกลงกินเนสบุ๊คให้เป็นรูปสลักที่ทำจากไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเมื่อเดินถัดไปบนเนินเขาจะเจออุโบสถที่บรรจุพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ซึ่งแกะสลักจากไม้สน มีความสูง 3 เมตร ยาว 12 เมตร ตั้งอยู่ภายในถ้ำ และอีกหนึ่งไฮไลท์สำหรับคนไทยคือพระพุทธรูปปางสมาธิสีทององค์ใหญ่ซึ่งได้รับพระราชทานมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
007 สวนแห่งแสงดาวอูซู (OooZooo Starlight Garden) และอีชอน อูซูคาเฟ่ (Icheon Ooozooo Café)
สวนแห่งแสงดาวอูซู สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดที่เมืองอีชอนที่ได้นำไฟแอลอีดีจำนวนมหาศาลมา จัดเป็นสวนประดับไฟที่ยิ่งใหญ่อลังการมีทั้งสวนดอกไม้ ป่าหิงห้อย สถานีอวกาศ อุโมงค์ดวงดาว รวมถึงคาเฟ่ลอยฟ้าที่ตั้งอยู่บนสเปซทาวเวอร์ด้วย ซึ่งในช่วงเวลาประมาณ 20:00 น. ทางสวนแห่งแสงดาวก็จะมีการแสดงไฟประกอบแสงสีเสียงให้ชมกันด้วย
แต่ที่เด็ดที่มาทั้งทีก็ควรลองเราขอยกให้คาเฟ่แบบโอเพ่นแอร์ลอยฟ้าแห่งแรกของเอเชีย ที่ตั้งอยู่บนสเปซทาวเวอร์ ซึ่งมีความสูงกว่า 35 เมตร ให้เราได้นั่งหย่อนขารับลมหนาวชมวิวสวนดอกไม้ที่สว่างไสวจากมุมสูงกันแบบเพลินๆ ปนเสียวหน่อยๆ คือทีเด็ดที่ไม่ควรพลาดจริงๆ
008 ถ้ำควังมยอง (Gwangmyeong Cave)
ถ้ำควังมยอง อดีตเหมืองทองที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1912 ตั้งแต่สมัยที่เกาหลีอยู่ใต้อาณานิคมของญี่ปุ่นก่อนจะถูกปล่อยให้ร้างมายาวนานกว่า 40 ปี ที่ปัจจุบันได้กลับกลายเป็น Museum และอาร์ตแกลอรี่ ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เดินชมตลอดทางเดิน 7.8 กิโลเมตร โดยได้แบ่งการจัดแสดงออกเป็นห้องๆ เช่น ห้องพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ห้องถนนสีทอง ห้องพระราชวังทองคำ และห้องน้ำตกที่มีความสูงถึง 3.6 เมตร เป็นต้น โดยแต่ละห้องจะมีการใช้ไฟแอลอีดีหลากสี และกราฟฟิกตี้อาร์ต แต่ห้องที่เราชอบมากที่สุดจะเป็นห้องโถงที่ภายในมีการแสดงแสงสีลงไปบนผนังถ้ำ ทั้งภาพพุหลากสีสัน ภาพของหมู่ดาวต่างๆ รวมถึงภาพของตึกรามบ้านช่อง ซึ่งงานนี้เราเชื่อว่าตื่นตาตื่นใจไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ หรือวัยรุ่นแน่นอน
นอกจากห้องจัดแสดงต่างๆ ภายในถ้ำแล้วที่นี่ยังมีร้านอาหารให้เราได้รองท้อง ห้องบ่มไวน์สุดเลิศหรูที่อยู่ในถ้ำสีทอง ร้านกาแฟให้เรานั่งเพิ่มคาเฟ่อีน ไปจนถึงร้านค้าน่ารักๆ สำหรับซื้อของฝากในสไตล์เกาหลีอยู่ด้านนอกอีกด้วย
009 เขตปลอดทหาร” (Demilitarized Zone – DMZ) และหมู่บ้านพันมุนจอม (Panmunjeom)
เขตปลอดทหารหรือเขต DMZ ตั้งอยู่บนเส้นละติจูดที่ 38 องศาเหนือ หรือที่เรียกกันว่าเส้นขนานที่ 38 เป็นเส้นแบ่งเขตของประเทศเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เพื่อใช้เป็นเขตกันชนระหว่างสองประเทศ โดยเป็นบริเวณที่ไม่สามารถมีใครรุกล้ำเข้าไปได้ แต่บนเส้นพรมแดนทางทหารในเขตปลอดทหารนี้ก็ยังมีสถานที่ๆ ใช้ในการจัดประชุมสุดยอดของสองเกาหลีที่ผ่านมาเรียกว่า พันมุนจอง โดยที่นี่คือสถานที่แห่งเดียวที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้สามารถเข้ามาติดต่อกันได้แบบใกล้ชิดเพื่อพยายามเจรจาถึงสันติภาพระหว่างสองประเทศ
สำหรับเราแล้วการมาเกาหลีในครั้งนี้ที่นี่คือที่ที่เราอยากมามากที่สุด ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นที่ที่สวยงาม แต่มันคือสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ที่โลกในปี 2018 ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ส่วนใครที่อยากมาเที่ยวที่ DMZ และ JSA เราขอแนะนำให้เลือกใช้บริการจากบริษัททัวร์ที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจะดีกว่า (JoongAng Express Tour) เพราะจะสะดวกในเรื่องของการเตรียมเอกสารและการเดินทางมากที่สุด
010 โพชอน เฮิร์บไอแลนด์ (Pocheon Herb Island)
สวนสมุนไพรในร่มขนาดใหญ่ที่สุดในเกาหลีที่ตั้งอยู่ ณ เมืองโพชอน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เพราะมีทั้งพิพิธภัณฑ์สมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี หมู่บ้านซานตาคลอส ตลาดโบราณ โซนที่บำบัดรักษาด้วยสมุนไพร ฯลฯ ให้เราสามารถเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ ชมการแสดง ทำสปา Shopping หรือทานอาหารในบรรยากาศสุดร่มรื่นได้ตลอดทั้งวันไปจนถึงยามค่ำที่จะมีการตกแต่งสวนสมุนไพรด้วยไฟแอลอีดีหลากสีอีกด้วย
ถ้าหากมีเวลาจำกัดเราขอแนะนำให้แกแพลนมาที่นี่ในช่วงเย็นจะได้เดินเล่นทานอาหารให้อิ่มหนำสำราญ แถมยังสุขภาพดีเพราะอาหารของที่นี่จะปรุงจากพืชผักที่อยู่ในสวนของตัวเอง จึงมั่นใจได้ว่าปราศจากสารเคมีต่างๆ และอยู่รอดูสวนยามค่ำไปด้วยเลย จะได้มาทีเดียวได้สองอารมณ์ไปเลยหรือถ้าใครอยากจะดื่มด่ำกับที่นี่แบบที่สุดเค้าก็มีที่พักสำหรับค้างคืนไว้รับรองด้วย
011 สวนพฤกษศาสตร์เกาหลี (The Garden of Morning Calm)
สวนพฤกษศาสตร์เกาหลี คือสวนที่มีการจัดแสดงต้นไม้พื้นเมืองมากกว่า 1300 สายพันธุ์ โดยจัดการแสดงออกเป็นหลายๆ โซน เช่น โซนจัดแสดงภายในอาคาร โรงเพาะชำต้นกล้า สวนหย่อม สวนระบบนิเวศและทางเดินชมสวน ที่นี่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 บนพื้นที่ 65 ไร่ ซึ่งความสวยงามเหล่านี้ก็ได้รับการคัดเลือกจาก CNN ให้เป็นหนึ่งใน 50 สถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามของเกาหลีอีกด้วย โดยในแต่ละฤดูกาลความสวยงามของที่นี่ก็จะแตกต่างกันออกไปตามสภาพอากาศ แต่ช่วงที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวคือเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมเพราะเป็นช่วงที่ดอกไม้จะออกดอกชูช่อสะพรั่งเต็มสวน
012 ฮันฮวาอควาแพลเนต อิลซัน (Hanwha Aqua Planet Ilsan)
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่แห่งแรกที่รวบรวมทั้งสัตว์น้ำและสัตว์บกเข้าไว้ด้วยกันในที่เดียว เป็นสถานที่ในการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลและระบบนิเวศในอิลซัล โดยพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้เป็นอาคารขนาดสามชั้นโดยชั้นแรกจะเป็นโซนร้านอาหารและร้านค้าต่างๆ ส่วนชั้นสองและชั้นสามจะเป็นพื้นที่การแสดงสัตว์ต่างๆ โดยแบ่งเป็นโซน The aqua สำหรับแสดงสัตว์น้ำ The jungle สำหรับแสดงสัตว์บก และ Sky zoo ศูนย์แสดงสัตว์ที่น่าสนใจอื่นๆ
013 วันเมาท์ (ONEMOUNT)
ไม่ไกลกันนักเราสามารถเดินจากพิพิธภัณฑ์พันธุ์สัตว์น้ำไปยังตึกวันเม้าท์ ธีมปาร์คที่แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ คือ Water park สวนน้ำในร่มที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีโดยมีจุดเด่นคือชั้น roof top ที่มีสไลเดอร์วนขนาดใหญ่และสไลด์เดอร์แบบติดๆกันหลายอัน(ให้นึกถึงโฆษณาสวนสยามบ้านเราแต่ก่อนนี้) Snow park สวนสนุกฤดูหนาวแห่งแรกของเกาหลีที่จะเสกหิมะให้พร่างพรมได้ตลอดทั้งปีเพื่อความสนุกในทุกฤดูกาล ประกอบด้วยลานสเก็ต หมู่บ้านซานต้า รถลากเลื่อนและสไลด์เดอร์ นอกจาก Theme ปาร์คแล้วที่นี่ยังมี ONEMOUNT Cafe Street และ Shopping mall ขนาดใหญ่อยู่ด้วย
014 สตาร์ฟิล – โคยัง (Starfield Goyang)
ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2017 ของเมืองโคยังนี้เป็นธีมปาร์คช้อปปิ้งมอลล์ในร่มขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเกาหลี ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่ง Shopping ที่ทำให้ขาช้อปสามารถเพลิดเพลินได้ไม่ว่าภายนอกจะอยู่ในสภาพอากาศใดอุณหภูมิเท่าไหร่ก็ตาม เพราะมันจะไม่อาจเข้ามาขัดขวางการช้อปห้างสรรพสินค้าใต้ดินแห่งนี้ได้ ภายในห้างจะประกอบไปด้วยร้านแบรนด์เนมชื่อดัง โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ คาสิโน ร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้าปลอดภาษี รวมกันกว่า 100 ร้านค้า
นอกจากนี้ที่ชั้นบนสุดของห้างยังมีโซนออกกำลังกายหรือ Sport Monster ที่รวบรวมเครื่องเล่นสไตล์แอดเวนเจอร์กว่า 35 ชนิดไว้ในที่เดียว จะมาเดี่ยวเดี่ยว มาเป็นคู่ หรือมาเป็นหมู่คณะเค้าก็พร้อมรองรับให้เรามาเสียเหงื่อกันแน่นอน
015 ฮยอนแด (ฮุนได) พรีเมียมเอาท์เล็ต สาขาคิมโพ (Hyundai Premium Outlets Gimpo)
ถ้าทุกที่ๆ ผ่านมายังรู้สึกไม่สาแก่ใจเท่าไหร่นัก เราก็มีอีกหนึ่งสถานที่สำหรับสาย Shopping ที่เพิ่งเปิดบริการมาได้ไม่นานอย่างยังฮุนไดพรีเมียมเอาท์เลท สาขา Gimpo ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงโซลมากนัก เป็นเอาเลทที่มีพื้นที่กว้างขวางและมีสินค้าทั้งแบรนด์จากต่างประเทศและแบรนด์ของเกาหลีเองมารวบรวมไว้ในที่เดียว มันจึงเป็นโลเคชั่นสุดท้ายที่เหมาะจะมาปิดทริปมากๆ เลยแก
และนี่ก็เป็นอีกเพียงส่วนหนึ่งที่เล็กๆ น้อยๆ แต่ก็มีมากกว่าที่เราคิด และทำให้เรารู้ว่านอกจากกรุงโซล ปูซาน แล้วเกาหลีก็ยังมีอีกหลายสถานที่ชวนว๊าว ชวนให้เราเก็บกระเป๋าและออกเดินทางเพื่อไปตามหาความฝัน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ศึกษาเรื่องราวต่างๆ อยู่อีกมากมาย การที่เราลองออกไปเที่ยวในที่ๆ ดูเหมือนจะเป็นเมืองรองบ้าง บางครั้งมันก็ทำให้เราก้าวออกจาก comfort zone ของเราอยู่เหมือนกัน และทำให้เรารู้ว่าในโลกของการเเดินทางมันไม่มีคำว่าจุดสิ้นสุดจริงๆ แต่สิ่งที่มันมีแน่ๆ คือจุดเริ่มต้น พวกแกหล่ะได้ออกจากจุดเริ่มต้นแล้วหรือยัง ….