ไม่ว่าจะร้อน ฝน หนาว ภูเก็ตก็เผ็ชเสมอ เราเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่พอนั่งนึกๆ ไปเรื่อยๆ แล้วพบว่าภูเก็ตคือหนึ่งในจังหวัดที่เราไปบ่อยมากที่สุดในบรรดา 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพราะภูเก็ตก็คือภูเก็ต แต่ภูเก็ตก็ไม่เคยเหมือนเดิมเลย ไม่ว่าจะไปสักกี่ครั้งนางก็มีเรื่องที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์ได้เสมอ และวันนี้เรามีแผนเที่ยวเลิศๆ เชิดๆ กับโลเคชั่นใหม่ที่ต้องห้ามพลาดและโลเคชั่นเก่าที่ขาดไม่ได้มาให้พวกแกได้ตามไปเช็คอินฟินๆ กับ 5 สีสัน 5 โลเคชั่นที่จะทำให้หนึ่งวันในตัวเมืองภูเก็ตของแกเด็ดสุดๆ โดยเฉพาะ “Central Phuket” แลนด์มาร์คใหม่ใจกลางเมืองที่ตอบโจทย์ทุกอย่าง เพื่อความเป็นที่สุดของจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่นี่จึงเป็นศูนย์การค้าที่รวมทั้งความ Luxury, Lifestyle และ Family Concept ไว้ในที่เดียวกันกว่า 400 ร้านค้า ที่ครบครันจนเผลอใช้ชีวิตทั้งวันในห้างได้แบบไม่รู้ตัว
จะร้อนจะฝนก็ไม่ต้องกลัวจะมัวรออะไร รีบไปภูเก็ตกันเถอะ …
01 : ย่าน Old Town
ท้องฟ้ามันครึ้ม มันครึ้มออกอย่างนี้มันน่านอนทุกทีที่ได้เจอ เพราะงั้นมีเหร๊อว่าเราจะตื่นเช้าออกไปไหน ก็มองยังไงที่นอนมันก็ดูเร้าใจกว่าเย๊อะ จนสายๆ ได้ที่เราถึงเริ่มตีตัวออกห่างจากเตียงไปยังจุดหมายแรกของเราได้สักที นอกจากทะเลสีเทอร์ควอยแล้วอีกหนึ่งย่านที่คนทั่วโลกอยากจะมาเยือนในภูเก็ตเราขอยกให้ย่านสุดฮิป ย่านเมืองเก่าบริเวณถนนพังงา และถนนดีบุก ที่เหมาะจะแต่งตัวสวยสวยมาเดินทอดน่องชมตึกรามบ้านช่อง ดูงานอาร์ตฮิปๆ และช้อปปิ้งของพื้นเมืองสุดเก๋ไก๊
อีกหนึ่งจุดที่เราแนะนำให้ไปลองเยี่ยมชมในย่านเมืองเก่าก็คือบ้านชินประชาหรือ “อังม่อเหลา” บ้านสไตล์ชิโนโปรตุกีสหลังแรกของภูเก็ต ที่ตั้งอยู่ ณ ถนนกระบี่นี้ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5โดยพระพิทักษ์ชินประชา มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ที่นี่จะมีการจัดข้าวของเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์ให้เหมือนสมัยโบราณแบบเป๊ะๆ ให้เราได้ชมและเรียนรู้ความเป็นอยู่ของคนภูเก็ตในอดีต ซึ่งทุกอย่างยังดูสดใสสวยงามเหมือนไม่ผ่านการใช้งานใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นที่นี่จึงเป็นโลเคชั่นที่เหมาะแก่การมายืนโพสต์ท่าเผลอๆ ถ่ายรูปที่สุด งานนี้สาวๆ จะเดรสขาวลากยาวถึงพื้นมายืนถ่ายรูปก็สวยงาม หรือจะเช่าชุดบาบ๋า-ยาหยาชุดประจำท้องถิ่นของชาวภูเก็ตมาใส่ก็ดีเลิศ!!!
02 : Central Phuket
ตอนเช้าฝนเหมือนจะตกแต่พอกลางวันก็ร้อนตับไตแทบไหลมากองอยู่ด้านนอกเราเลยต้องขอพาร่างมาเดินเล่นรับแอร์เย็นๆ ก่อนจะละลายหายไปกับพื้นที่ “Central Phuket” ฝั่ง Floresta ห้างเปิดใหม่ที่มาพร้อมแนวคิด ‘Luxury meets nature’ ที่เป็นการผสมผสานธรรมชาติให้เข้ากับการใช้ชีวิต ด้วยการออกแบบที่จับเอาเรื่องราวในวรรณคดีมาผสมผสานกับสถาปัตยกรรมจนก่อให้เกิดเป็นศิลปะที่น่าตื่นตาตื่นใจและไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
นอกจากที่นี่จะรวบรวมกว่า 400 ร้านค้าที่น่าสนใจชวนจับจ่ายใช้สอยจนกระเป๋าตังสั่นแล้ว การตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เราเลยจะขอมาแนะนำ 5 จุดสุดชิคที่ฮิปไม่ซ้ำใคร และเหมาะแก่การไปถ่ายรูปเช็คอินแบบรัวๆ ถ้าอยากรู้ว่าจะมีโซนไหนในเซ็นทรัลภูเก็ตน่าสนใจบ้างก็ตามมาเลยจ้า
“The Enchanted Garden” จุดแรกคือจุดที่เราเดินเข้าห้างมาปุ๊บก็จะเห็นปั้บกับงานฝีมือที่ทำจากหวายสุดอลังการดาวล้านดวง ที่ได้เหล่าศิลปินชื่อดังของเมืองไทยมาร่วมสร้างสรรค์สวรรค์ชั้นดาวดึงส์สถานที่ประทับของพระอินทร์ ที่สวยงามชวนอึ้งตะลึงตึงๆ และทำให้นึกว่ากำลังชมสวนของสวรรค์ที่มีนกยูงและสักตว์นานาชนิดรายล้อมอยู่จริงๆ จนอดใจไม่ไหวต้องควักกล้องออกมากดชัตเตอร์ทั้งจากด้านบนและด้านล่างพร้อมกับส่งยิ้มหวานๆ ให้คนรอบข้างสองสามทีเพราะถ้านี่คือสวรรค์ตัวฉันนั้นย่อมเป็นนางฟ้า
ถัดจากงานหวายก็มาที่งานปั้นสุดวิจิตร “The Great Epic” มงลงจนได้ตำแหน่งยืนหนึ่งไปครอง ถ้าที่จักรวาลมาร์เวลทำให้นึกถึงกับตันอเมริกาไอร่อนแมน จักรวาลของนางสีดาก็ต้องนึกถึงพระรามและทศกัณฐ์ ยิ่งเมื่อมายืนในจุดที่สองที่เป็นการจำลองบทประพันธ์ตอนหนึ่ง จากเรื่องรามเกียรติ์ขณะที่พระรามกำลังต่อสู้กับทศกัณฐ์ยักษาผู้รั้งตำแหน่งเจ้าแห่งยักษ์ เค้าเลยจัดหนักด้วยการเนรมิตงานปั้นให้สูงถึงสองชั้น ให้สมกับงานเป็นงานยักษ์ งานนี้ถ้าอยากถ่ายรูปคู่ก็ต้องนอนราบหรือไม่ก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปอีกชั้นหนึ่งเท่านั้นถึงจะได้เห็นส่วนบนแบบชัดๆ จุดนี้บอกได้เลยว่าโดนใจทั้งผู้ใหญ่ เด็กๆ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ แน่นอนจ้า
โซนที่แค่เห็นก็อยากจะหาไม้มาตีเพื่ออธิฐาน นั่นก็คือโซน “Rakang” หรือระฆัง อีกหนึ่งโซนที่สาย Photogenic ไม่ควรพลาด เพราะเขาได้นำเอาระฆังโบราณจำลองกว่า 10 ลูกในขนาดต่างๆ กัน มาแขวนเรียงรายอยู่บนเพดาน และตกแต่งด้วยสีสันให้สวยงามแปลกตา เหมาะแก่การมาหามุมถ่ายรูปแบบใหม่ๆ ไว้ลงอวดชาวอินสตราแกรมเมอร์ที่ซู๊ดดดดดด จุดนี้เรียกได้ว่าสวยน่ามองจนคอเกือบเคล็ด
และสำหรับใครที่ชอบความสนุกตื่นเต้นย่อมพลาดไม่ได้กับแลนด์มาร์คที่สี่บนชั้น G “Tribhum” ที่จะทำให้แกได้เริงร่าไปกลับดรีมปาร์คผจญภัยแบบ 3D แห่งแรกและแห่งเดียวในโลก หนึ่งใน Attraction ระดับ A Must Visit Destination ที่จะเปิดบริการในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพราะฉะนั้นใครที่อยากลองของใหม่ในระดับเวิลด์คลาสก่อนใครในโลก เราขอแนะนำให้รีบจองตั๋วเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อไปมันก่อนใส่ในราคาสุดประทับใจก่อนเพื่อน
จุดเช็กอินสุดท้ายที่จะทำให้แกรู้สึกเหมือนเดินอยู่ใต้ท้องทะเล ณ โซน “Aquaria” โซนโลกใต้ท้องทะเลจำลองที่มีความจุมากที่สุดในประเทศไทยกว่า 9,000,000 ลิตร สถานที่ๆ จะรวบรวมสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลกว่า 180 ชนิด และปลากว่า 15,000 สายพันธุ์ ที่พร้อมจะเปิดประตูสู่โลกใหม่ให้ได้ชมกันในปีหน้า ยิ่งใหญ่ขนาดที่ว่าแค่ฟังยังขนลุกเกรียวสองรอบ บอกเลยว่าปีหน้าต้องตีตั๋วโปรเพื่อบินมาดูแน่
เดินทั้งชมทั้งแชะกันจนเพลินร่างกายก็เริ่มมีเสียงท้องร้องประท้วงขออาหาร เราเลยเดินตามกลิ่นไปจนถึงโซน Taste of the Island แลนด์ออฟของกิน ในบรรยากาศแบบชิโนโปรตุกีสที่มีสีสันสดใสคล้ายกับย่านเมืองเก่าที่เราไปเดินมาเมื่อเช้า แต่เพิ่มความเร้าใจเข้าไปด้วยอาหารนานาชนิดไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยจากร้านอาหารชื่อดังทั้งสี่ภาค เช่น อาหารพื้นเมืองภูเก็ตจากร้าน Kopi de Phuket, อาหารเหนือจากเฮือนภูคำ, อาหารอีสานแหนมเนืองคุณอ้อ และข้าวคลุกน้ำพริกแม่จู้ เรียกได้ว่ามาที่เดียวเสมือนการทัวร์กินได้ทั้งประเทศที่สำคัญเค้ามีบริการเสิร์ฟถึงที่หลังจากสั่งอาหาร พอออเดอร์เสร็จก็สามารถทำการหมุนตัวกลับมานั่งสวยๆ ที่โต๊ะรอคนมาเสิร์ฟได้เลย
แต่เดี๋ยวก่อนซาร่าถ้าอาหารจากทั้งสี่ภาคมันยังรู้สึกไม่ถึงใจ เราขอแนะนำให้เดินไปโซนตลาดน้ำแบบไทยๆ ใจกลางห้าง ที่เสมือนจริงจนแทบกลิ้งออกห้าง กับอาหารทั้งคาว หวาน เครื่องดื่มล้วนจัดเต็ม จนต้องขอปลอดตระขอออกสักสองสามตัวเพราะกลัวกระดุบจะปริก่อนถึงบ้าน นับว่าเป็นอีกเป็นอีกจุดที่ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติได้ไม่น้อย เพราะขนาดคนไทยที่คุ้นเคยกับตลาดน้ำแบบเรายังตื่นเต้นและเพลินกับการชิมขนมแบบไม่หยุดเลย
อิ่มจนแทบจุกก็ต้องขอเดินย่อยเบาๆ กันสักนิ๊สสส ข้างๆ กันเค้าก็มีโซนดีๆ ชวนละลายทรัพย์ที่เรียกว่าโซน Craft Village โซนของฝากและของขึ้นชื่อจากทั่วประเทศ ทั้งผ้าไหมลายโบราณ, ผ้าคราม, ผ้าท้องถิ่นภาคเหนือ, ผ้าพื้นเมืองภาคใต้, เครื่องหนัง, กระเป๋า, หมวก, เครื่องเงิน ใดๆ ที่ดังๆ จากทั้งสี่ภาค ได้ถูกจัดไว้ให้เลือกกันแบบละลานตาชวนเสียตังแบบสุดๆ
มูฟตัวไปยังชั้นบนสุด ซึ่งยังมีร้านอาหารชื่อดังที่หลายร้านมาพร้อมกับเมนูที่เสิร์ฟเฉพาะเซ็นทรัลภูเก็ตเท่านั้น และถึงแม้ว่าใจเราจะอยากชิมแต่กระเพาะของเราก็ยกธงขาวยอมแพ้ไปตั้งแต่ข้างล่างแล้ว เราเลยขอเดินถ่ายรูปเล่นกับการตกแต่งสไตล์ tropical ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด โดยเฉพาะเพดานที่นำเอาเอกลักษณ์ของเมืองภูเก็ตในด้านการประมงและหัตถกรรมมาตกแต่งทำให้ห้างนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใครเพื่อย่อยอาหารแทนจะดีกว่า
ชม ชิม แชะ จนพอใจก็ต้องขอแวะช้อปกันจนขาลากต่อสักนิด เพราะที่นี่เค้ามีแบรนด์ต่างๆ ให้เลือกเยอะจริงๆ ทั้งแบบไฮเอน ไฮสตรีท รวมทั้ง Calvin Klein Jeans สาขาแรกและสาขาเดียวของเมืองไทยก็มีมาให้เลือก ซ้ายก็ดี๊ดี ตัวนี้ก็น่าโดน ก่อนจะออกไปเดินเล่นข้างนอกตอนแดดร่มลมตกก็เล่นเอาหมดไปหลายบาทเพราะช้อปเพลินเกินห้ามใจ แถมยังได้รูปมาอีกเป็นตันเพราะกดชัตเตอร์เพลินเกินห้ามใจเช่นกัน แม้ว่าการมาเที่ยวภูเก็ตแต่ดันมาเดินห้างมันอาจจะแปลกสำหรับหลายๆ คน แต่อยากบอกว่าถ้าแกได้มาเห็นแกจะเข้าใจเลยว่ามันเป็นมากกว่าห้างทั่วๆ ไป เพราะความดีงามของมันทำให้เราสามารถมาเดินเล่นเดินเที่ยวถ่ายรูปแบบจริงๆ จังๆเ สมือนเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวได้เลย มาภูเก็ตกันครั้งหน้าขอบอกว่าต้องมาลองดูแล้วจะรู๊
03 : เย็นตาโฟ หมี่แป๊ะเถว
แดดคล้อยเราก็มีแรงออกมาเดินนอกห้างกันอีกรอบ เดินเล่นเรื่อยๆ เปื่อยๆ เราก็บังเอิญมาเจอเข้ากับอาหารเด็ดที่แม้แต่ชาวภูเก็ตยังยกนิ้วให้กับร้านเย็นตาโฟ หมี่แป๊ะเถว ที่ตั้งอยู่บนถนนสามกองมายาวนานกว่า 50 ปี ตั้งแต่รุ่นอาป๊าจนถึงรุ่นหลานกับตำนานความอร่อยที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะเมนูขึ้นชื่ออย่าง “หยิ่วหูเอ่งฉ่าย” เย็นตาโฟสไตล์กวางเจาที่ใช้หมี่กรอบแทนเส้นอื่นๆ ที่เราเคยกินแล้วท็อปปิ้งด้วยลูกชิ้นกุ้ง ปลาหมึก ลูกชิ้นปลา ก่อนจะตบท้ายด้วยน้ำเย็นตาโฟสูตรพิเศษที่เรียกว่าน้ำตี่เจี่ยวที่ยิ่งกินก็ยิ่งคล่องคอจนต้องขอลูกชิ้นปลาลวกจิ้มมากินเพิ่มอีกหนึ่งชาม
04 : Campus Coffee Roaster
คาเฟ่ในภูเก็ตก็มีพอๆ กับเซเว่นที่เรียงรายกระจายอยู่ทั่วเมือง แต่ร้านคาเฟ่ที่เน้นกาแฟดีๆ ที่อยากแนะนำรอบนี้ก็คือ Campus Coffee Roaster ร้านกาแฟเก่าที่มาเปิดใหม่ในย่านโอทาวน์ติดกับสี่แยกถนนกระบี่ เมนูก็มีให้เลือกหลากหลายแต่ที่เด็ดๆ เลยก็คือกาแฟดริปที่คัดเมล็ดกาแฟอย่างดี ทำให้ได้ออกมาเป็นกาแฟขมที่หอมชื่นใจ ชวนให้หยิบหนังสือเล่มโปรดมานั่งอ่าน และเอางานกองโตมานั่งทำพร้อมๆ กับจิบกาแฟแก้วโปรดเสียจริงๆ และนอกจากจะเป็นร้านคาเฟ่แล้วด้านบนยังเป็นโฮสเทลแสนเก๋อีกด้วยนาจา
05 : The Feelsion Cafe
ท้ายสุดสุดท้ายกับร้านคาเฟ่น้องใหม่ที่เปิดปุ๊บก็ดังปั๊บ ด้วยการตกแต่งอันเป็นเอกลักษณ์ ที่จับเอาสไตล์อินดัสทรีมาผสมผสานกับความกับ ความสวยงามของธรรมชาติได้อย่างลงตัว จนออกมาเป็นมุมถ่ายภาพที่ไม่ว่าจะส่องกล้องไปทางไหนก็ได้รูปสวยๆ ออกมาทุกมุม ส่วนเมนูเครื่องดื่มและขนมหวานก็โดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างขนมไทยและขนมฝรั่งได้อย่างลงตัว แถมยังรสชาติอร่อยกินเพลินๆ จนหมดไปพร้อมๆ กับแบตเตอรี่ของกล้องอย่างไม่รู้ตัว
จบไปแล้วกับภาพกีฬามันๆ ผิด!!! สถานที่มันๆ ที่ชวนให้น้ำลายสอ และชัตเตอร์ร้าว ทั้ง 5 โลเคชั่นที่เราเชื่อว่าจะทำให้หนึ่งวันในตัวเมืองภูเก็ตของพวกแกเต็มไปด้วยความอร่อยและความสนุกสนานแบบชิวๆ เพลินๆ ให้เดินตามจนลืมเวลา วันหยุดคราวหน้าก็อย่าลืมหาตั๋วโปรถูกๆ บินลัดฟ้ามาลงทะเล และชื่นชนบรรยากาศของเมืองภูเก็ตที่จะทำให้แกซี๊ดปากในความครบรสด้วยล่ะ