ประเทศของเราสวยทุกที่ เท่ทุกเวลา ตั้งแต่เหนือสุดจนจรดปลายด้ามขวาน 77 จังหวัดในดินแดนที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำนี้คือแดนดินที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ความอลังการ ความสดชื่น และความมีเสน่ห์เหลือเกิน ตรงนั้นก็ไข่มุกอันดามันสวรรค์เมืองใต้ ตรงนี้ก็สูงสุดแดนสยาม เลยไปก็มีสายน้ำแห่งชีวิต ถัดมาหน่อยก็วัดวาอาราม หิวตรงไหนก็หากินได้ที่ตรงนั้น หลงตรงไหนก็มีคนพร้อมช่วยเหลือ Thailand land of smile ถึงเมืองไทยจะยิ้มให้กันน้อยลงแต่ถ้าได้ออกเดินทางเมืองไทยก็จะทำให้แกยิ้มได้มากขึ้น ยิ่งช่วงหน้าฝนฤดูแห่งความผลิบาน ช่วงเวลาที่ทั่วทั้งภาคเหนือกำลังงอกงาม วันนี้เราเลยขอออกเดินทางตามเม็ดฝนเพื่อสัมผัสเชียงรายในมุมเท่ๆ ที่ไม่เคยรู้ …
แผ่นดินเหนือสุดแดนสยาม ชายแดนสามแผ่นดินแห่งนี้ คือที่ที่รวบรวมรากเหง้าวัฒนธรรมล้
โลเคชั่นแรกกับสถาที่ที่เป็นทั้
นี่ขนาดเราจะไม่ได้พักที่นี่ เพียงแต่แวะมาพูดคุยแลกเปลี่
มาต่อกันที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่
ที่นี่ให้อารมณ์แตกต่างจากพิพิ
คืนแรกเราพักกันที่ ภูใจใส เมาน์เทน รีสอร์ท รีสอร์ทที่บอกกับเราว่าความหรูหราไม่ใช่การมีทีวีจอยักษ์ หรือเครื่องปรับอากาศ แต่เพียงเท่านั้น แต่คือการได้ตื่นขึ้นมาฟังเสียงจากธรรมชาติ ลืมตามาเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ขอบฟ้า สูดอากาศบริสุทธิ์และรับสายลมเย็นๆ จากระเบียงส่วนตัวในห้องพักไม่ไผ่อันแสนอบอุ่นด้วย ธรรมชาติคือความหรูหราที่สุดแล้วสำหรับจิตวิญญาณ และมนต์ขลังของภูเขาก็ช่วยเตือนใจว่าการใช้ชีวิตกับธรรมชาติเป็นไปได้แม้ในยุคปัจจุบัน
แค่คอนเซ็ปท์ก็รู้สึกหรู
หลังจากนอนเต็มอิ่มหลับเต็มตื่นยืนดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ริ
กายพร้อมใจพร้อมเราทำได้!! วันนี้
ตลอดระยะทางก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยดู
ลงจากหลังม้าก็มาต่อกันที่อีกหนึ่งแลนด์มาร์คต้องห้ามพลาดที่ใครผ่านไปผ่านมาแถวแม่จันก็ต้องแวะพัก ที่นี่ก็คือ ไร่ชาฉุยฟง ไร่ชาที่ตั้งอยู่บนความสูงกว่า 1200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล พื้นที่ปลูกชาชั้นดีขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่กลางภูเขาสลับซับซ้อน ทำให้วิวของที่นี่เป็นจุดดึงดูดใจของนักเดินทางที่ต้องแวะมาเยี่ยมชม ถ่ายรูปเท่ๆ อัพโซเชียล
นอกจากมุมถ่ายรูปสุดเท่ท่
จากอำเภอแม่จันเรามุ่งหน้าเข้าสู่ที่พักคืนที่สองในตัวเมืองเชียงราย โดยระหว่างทางก็แวะไปเช็คอินกับคาเฟ่สุตฮิต แต่ถ้ามาก็จะได้มุมชิคไม่ซ้ำใคร Melt in your Mouth ร้านกาแฟสไตล์ยุโรป ริมน้ำกกที่ซ่อนตัวอยู่ในมวลแมกไม้ พร้อมเสิร์ฟทั้งอาหารคาวหวาน กาแฟหอมกรุ่น น้ำผลไม้ปั่น และเค้กต่างๆ ที่ล้วนทำมาจากวัตถุดิบคุณภาพสูง ที่แกสามารถชมวิวไป ชิมเค้กไป และแชะภาพไปด้วยได้ในที่เดียว เพราะมันเป็นที่ที่อาหารอร่อย วิวดี มุมถ่ายภาพเลิศ ตั้งแต่ทางเข้ายันสวนริมน้ำ จะแวะยืนถ่ายรูปนิ่งๆ หมุนตัวให้ดูคล้ายอลิสในวันเดอร์แลนด์ หรือนั่งถือแก้วชาลุคคุณหนูออกมาดื่มชายามบ่าย จะถ่ายตรงไหนก็ออกมาสวยแบบไม่เสียดายชัตเตอร์จริงๆ
หิ้วท้องกลับมายังที่พั
อีกหนึ่งความประทับใจของที่พั
เช้าวันสุดท้ายกับเสียงเรือที่
และถ้าเราจองมาพักที่นี่ นอกจากห้องพัก สเต๊ก อาหารเช้าแล้ว เรายังได้ตั๋วฟรีไปขี่ช้างที่ ปางช้างบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร แบบฟรีๆ กับเงินที่เสียไปแค่เพียงคนล่ะ 700 บาท เท่านั้น นับว่าเป็นราคาแบบนางงามมิ
โดยปกติเส้นทางการนั่งชมช้างที่
ออกจากป่ามาสู่เมืองเราแวะที่ หลานติ๋มคาเฟ่ คาเฟ่ริมถนน ที่ภายนอกดูคล้ายๆ บ้านคนทั่วไปนั่นล่ะ แต่โดดเด่นด้วยการตกแต่งที่ดูโปร่งสบาย อบอุ่น น่านั่งด้วยสีขาวของผนังและสีน้ำตาลอ่อนของไม้ ด้านในจะมีบาร์ชงกาแฟกับบาริสตาน่ารักๆ ยืนรอบริการและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกาแฟแบบต่างๆ ของร้าน เมนูก็ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งชา กาแฟ น้ำหวานอื่นๆ รวมถึงของหวานด้วย สั่งเสร็จก็หมุนตัวเล็กน้อย หันไปถ่ายรูปทางซ้าย ทางขวา ด้านหน้า ด้านบนกันสักหน่อย เพราะร้านนี้เรียบง่ายแต่มุมถ่ายรูปเยอะจริงๆ
ถ่ายรูปเสร็จก็มานั่งไขว้ห้างจิ้
ออกจากหนึ่งคาเฟ่แล้วไปต่อกันอีกหนึ่งคาเฟ่แต่คนละสไตล์ที่ เรียวกังคาเฟ่ คาเฟ่ที่เหมือนยกโรงเตี๊ยมแบบญี่ปุ่นมาไว้ในไทย จนแกอาจจะต้องหันหลังกลับไปมองทางเดินอีกรอบว่าไม่ได้ข้ามทวิภพมาอีกประเทศนึงจริงๆ ใช่มั้ย เพราะมันเหมือนม๊ากกกกก ทั้งตัวโครงสร้าง เฟอร์นิเจอร์ ถ้วยชามต่างๆ ในส่วนเครื่องดื่มก็มีให้เลื
อร่อยเต็มท้องกับขนมและเครื่
ปิดทริปกันแบบอาร์ตๆ ในฐานะสายบุญที่ วัดร่องขุ่น ศาสนสถานที่สีขาวที่ออกแบบและก่อสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่อยากจำลองเมืองสวรรค์ให้มาอยู่บนโลกมนุษย์ โดยสวรรค์สีขาวโพลนนี้ประกอบด้วย ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ สามสิ่งที่อาจารย์รักและเทิดทูน บรรจงสร้างสรรตั้งแต่ทางเข้าที่เป็นสะพานข้ามอเวจี ตัวอุโบสถ บรรยากาศที่ล้อมรอบอุโบสถ ไปจนถึงห้องสุขา
ที่นี่ทำให้ทุกย่างก้าวในวัดเราต่างสัมผัสได้ถึงทุกความตั้งใจและใส่ใจของอาจารย์ที่สะท้อนออกมาจากสถานที่แห่งนี้ ทุกรายละเอียดทุกงานศิลป์ไม่ได้มีแค่จินตนาการอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวกับความหมายที่ต้องการจะสื่อถึงผู้มาเยือนให้เตือนสติคิดสร้างสรรค์หมั่นเพียรทำดี
สามวันหนึ่งคืนผ่านไปแบบชื่นฉ่ำใจเหมือนสายฝนเดือนเมษา อิ่มเอมเหมือนอยู่ร้านบุฟเฟ่ สดชื่นชวนฝันเหมือนบ้านขนมหวาน เท่ทุกท่าทางเหมือนไอรอนแมน แสนประทับใจเหมือนไดอารี่เล่มโปรด แล้วเชียงรายก็ติดโผเส้นทางที่เราหลงรักไปแบบง่ายๆ และเป็นเสมือนกุญแจเปิดใจนำทางให้เราอยากลองเที่ยวจังหวัดอื่นๆ อีกหลายจังหวัดที่ถูกมองข้าม เพราะเราเชื่อว่ายังมีสถานที่อีกหลายแห่งของประเทศไทย ที่จะมอบประสบการณ์ใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆ ผ่านอาหารประจำถิ่น ผ่านวิวทิวทัศน์ที่รายล้อม ผ่านศิลปะ วัฒนธรรมประจำเมือง เหมือนอย่างที่เราได้รับจากเชียงรายอย่างแน่นอน ปะ ออกไปตกหลุมรักประเทศไทยกัน