เราไม่แปลกใจเลยที่พาตัวเองมาไต้หวันรอบที่ 5 ในเวลาไม่ถึงสามปี เพราะนี่คือเกาะเล็ก ๆ ที่เที่ยวได้หลายแนว ทั้งอาหารการกินสุดอลัง แหล่งช้อปปิ้งก็ชวนเสียตังค์ ธรรมชาติก็มีให้สัมผัสแบบเต็มตา วีซ่าก็ฟรี ค่าครองชีพก็กำลังงาม สวยครบจบแบบถ้าเป็นนางงามก็คือพร้อมตอบคำถามรอบ 5 คนสุดท้ายแล้วมงลง!!! ส่วนไต้หวันรอบนี้เราก็เที่ยวแบบเยอะ ๆ เน้น ๆ กับ 7 วันสุดปังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประทับใจที่พร้อมนำมาถ่ายทอดให้พวกเธอฟัง ณ บัดนี้ นี้ นี้ นี้ แชร์โพส แท็กเพื่อน บอกแฟนแล้วค่อยเลื่อนลงไปอ่านนะแกร๊ …
DAY1 : Rainbow Village Taichung — Sun Moon Lake
วันแรกขอเบิกฤกษ์ด้วยสถานที่ที่สดใสใจกลางเมืองไถจง หมู่บ้านสายรุ้ง Rainbow Village หมู่บ้านที่แต่เดิมสร้างขึ้นแบบเรียบๆ เร็วๆ เพื่อให้ทหารของก๊กมินตั๊งและครอบครัวที่ล่าถอยมาจากแผ่นดินใหญ่ และเมื่อผ่านมาในช่วงยี่สิบปีหลังๆ นี้หลายๆ ครอบครัวก็ได้ย้ายออกจากหมู่บ้านไป นาย Huang Yung-Fu ที่ยังอยู่ได้ทำการวาดรูปและระบายสีผนังด้วยสีสันสดใสจนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ที่เรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้อย่างมากมาย
ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากสถานี
จากไถจงเรานั่งบัสยิงยาวสู่แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตติดท้อป Five ที่ใครมาใครไปไต้หวันต้องแวะมา Sun Moon Lake ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุด โรแมนติกที่สุด และสวยงามที่สุดขอไต้หวัน ภาพผืนน้ำที่โอบล้อมด้วยภูเขา และมีเกาะลาลูเกาะเล็กๆ คอยคั่
พอเก็บข้าวของเข้
เพลิดเพลินจำเริญใจเลือดสูบฉี
DAY2 : Sun Moon Lake — Alishan National Scenic Area
สำหรับเราทะเลสาบสุริยันจันทราแห่งนี้ไม่ได้ว้
หลังจากผ่านทางโค้งเลี้ยวขึ้นเขาเป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เราก็เดินทางมาถึ
ก่อนกลับโรงแรมไปนอนซุกตัวในผ้าห่มนอนเล่นมือถือโลดแล่
DAY3 : Alishan National Scenic Area — Xiangshan Elephant Moutain
เช้าวันที่สามวั
หลังจากอิ่มฟินกับวิวที่อยู่ตรงหน้าก็
จากสถานีรถไฟความเร็วสูง Chiayi ประมาณชั่วโมงครึ่งก็มาถึงกรุงไทเป เรารีบเก็บของเข้าที่พักแล้วมุ่งสู่ปลายทางสถานที่เช็คอินเย็นนี้ของเรา Xiangshan Elephant Moutain เขาเซี่ยงซานหรือเขาช้าง จุดชมวิวยามเย็นที่เรียกได้ว่าฮอตในฮอตฮิตในฮิตของจริง เพราะในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นมายังภูเขาลูกเล็กๆ ที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแถบชานเมืองไทเปแห่งนี้แบบถ้าเป็นน้ำก็เรียกได้เลยว่าเป็นสาย ส่วนมากคนนิยมขึ้นมาถ่ายรูปกับเมืองไทเปและตึกไทเป101 สัญลักษณ์ของเมืองไทเป เส้นทางปีนเขาช้างนี้เกือบทั้งหมดจะเป็นบันไดตลอดตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดจบที่แม้ว่าจะกินระยะทางเพียง 500 ถึง 600 เมตรเท่านั้น แต่ย้ำกันอีกครั้งว่าทุกก้าวเดินคือการเดินขึ้นบันไดมันจึงเป็นครึ่งกิโลเมตรที่สาหัสสำหรับคนไม่ค่อยออกกำลังกาย เราจึงใช้เวลาเดินขึ้นถึง 30 นาที ในขณะที่คนอื่นๆ ใช้เวลาเพียง 15- 20 นาที เท่านั้น แต่สุดท้ายแล้วเวลาก็ไม่สำคัญเท่าปลายทางเอาเป็นว่าเราเดินมาถึงยังจุดหมายและได้เห็นภาพพระอาทิตย์ตกลงในเมืองข้างตึกไทเปแบบไม่ต้องเสียงเงินค่าเข้าแม้แต่บาทเดียวจ้า นับว่าคุ้มค่าดีงามแบบกราบเรียนเชิญคนไทยที่จะมาไต้หวันให้มาปีนดูซะ
DAY4 : Jiufen — Houtong Cat Village — Shifen
เริ่มต้นวันกันแบบคึกคักเหมื
นอกจากวิวทิวทัศน์จะสวยงามแล้ว จิ่วเฟิ่นยังโด่งดังในเรื่
จากจิ่วเฟินเรานั่งบัสต่อมายั
พื้นที่ของหมู่บ้านแมวจะมีด้
หลังจากเกือบตายอย่างสงบศพสีชมพูที่หมู่บ้านแมวเราก็พาร่างมาต่อกันที่ Shifen Old Street ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางของคนที่อยากมาอธิฐานขอพรด้วยการปล่อยโคมลอยที่มีหลากสีให้เลือก ซึ่งแต่ละสีก็สื่อถึงการขอพรในเรื่องที่ต่างกันออกไป เช่น ความรัก สุขภาพ การงาน การเงิน แต่สำหรับคนอย่างเราที่มีความต้องการมากมายเหลือล้นก็จัดโคมไฟแบบหลากสีในหนึ่งอัน ไหนๆ จะปล่อยทั้งทีก็ขอพรให้ครบทุกมิติในครั้งเดียวไปเลยยยย
ไม่ไกลจาก Shifen Old Street มากนัก แบบเดินไหว จะมี Shifen Waterfall น้ำตกที่ได้ขึ้นชื่อว่าน้ำตกไนแองการ่าของไต้หวัน เพราะตัวน้ำตกมีลักษณะโค้งเป็นรูปเกือกม้าและมีน้ำไหลลงสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่คล้ายกับน้ำตกไนแองการ่าแบบมินิที่มีความสูงเพียง 20 เมตรกว้าง 40 เมตร ด้วยความสวยงามบวกกับเดินทางสะดวกที่นี่จึงได้รับความสนใจจากนักเดินทางที่อยากมาเดินเล่นและสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดแบบง่ายๆ
DAY5 : Yangmingshan National Park – Yehliu Geopark – Raohe St. Night Market
ไอสไตน์บอกว่าจิ
จากปากทางเข้าเราก็จะได้เห็นน้ำ
ช่วงบ่ายเราไปเดินเล่นกันที่ Yangmingshan National Park ที่ที่เหมาะกับคนเวลาจำกัดแต่อยากสัมผัสธรรมชาติของไต้หวันแบบไม่ต้องเดินทางออกนอกเมืองไปไกลมาก และมีกิจกรรมต่างๆ ให้เลือกทำหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเดินป่า ชมบ่อน้ำร้อน ชมนกชมไม้ ชมดอกซากุระในช่วงกุมภาพันธ์ ชมดอกกุหลาบ 1000 ปีสีขาวช่วงเดือนสิงหาคม ชมสายรุ้งในช่วงฤดูฝน ชมเมฆหมอกในฤดูหนาว และชมวิวภูเขาไฟที่ดับไปแล้วแต่ยังมีไอร้อนพวยพุ่งออกมาพร้อมกับกลิ่นกำมะถันที่ Xiaoyoukeng ส่วนความตั้งใจของเราคือขึ้นไปที่ Qingtiangang ไปเดินลัดเลาะกลางทุ่งหญ้า สะบัดผ้าให้พริ้วไหว หมุนตัวรับไปแดด โบกมือทักทายฝูงควายตรงหน้า แต่ทุกอย่างก็พังไม่เป็นท่าเมื่อสภาพอากาศไม่เป็นใจ ทั้งลมและฝนที่ตกๆ หยุดๆ ทำให้เราต้องตัดใจจากเขาแล้วเดินกลับทางเดิมพร้อมน้ำตาอาบแก้ม
หลังจากตะลอนเที่ยวจนเน็ตเหนื่อยเมื่อยล้ามาทั้งวันเราเลยต้องหามื้อค่ำมาเป็นเครื่องเยียวยาจิตใจกับสตรีทฟู๊ดสไตล์ไต้หวันในตลาดกลางคืนที่เราชอบมากที่สุดในตลาดทุกๆ ที่ที่เคยไปมาในครั้งก่อนก่อน Raohe St. Night Market ย่าน Street Food ยามค่ำคืน ที่ติดท็อป 1 ใน 3 ของไทเป ที่สายชิม สายแดรกทั้งหลายต้องมาล้มตายยกธงขาวกันที่นี่อย่างมากมาย เพราะตลอดระยะทาง 600 เมตรล้วนเต็มไปด้วยร้านอาหารทั้งคาวหวานที่นับจากนิ้วมือนิ้วเท้าของเราและของเพื่อนคาดว่ามีไม่ต่ำกว่าร้อยร้านแน่นอน และร้านที่เราจะพาไปชิมในครั้งนี้แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ใช่ร้านที่ดีที่สุดอร่อยที่สุด เพราะเราก็ยังชิมไม่ครบทุกร้าน แต่เราก็เลือกด้วยหลักการของสายแดรกง่ายๆ ด้วยการเพ่งเล็งตามจำนวนคนที่ยืนรอเป็นหลัก
แม้ท้องจะหิวแต่เราก็ยังยืนยันว่าจะขอเลื
DAY6 : Taroko National Park
อีกหนึ่งสถานที่สำหรับคนชอบเที่
ความใหญ่โตทำให้ที่นี่มีเส้
DAY7 : Taipei Fish Market — Chiang Kai Shek Memorial Hall — White Whale Cafe’&Flowers — Huashan 1914 Creative Park — Ximending
และแล้วการเดินทางแห่งความสุขอั
อิ่มท้องก็ไปเดินเล่นกันต่อที่แลนด์มาร์ค Chiang Kai Shek Memorial Hall อนุเสาวรีย์ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1976 เพื่อยกย่องอดีตประธานาธิบดีเจียงไคเช็ค เป็นสถานที่สำคัญที่ต้องมาของเมืองไทเป เหมือนมาเชียงรายแล้วต้องไปเที่ยววัดร่องขุ่นฉันใดมาไทเปก็ต้องมาอนุสรณ์สถานเจียงไคเชกฉันนั้น ส่วนไฮท์ไลท์หลักหลักที่ถ่ายรูปแล้วดูคูลก็จะเป็นซุ้มประตูตรงทางเข้า หินสุดยิ่งใหญ่ กับอาคารสีขาวขาวหลังคาน้ำเงินเข้มที่มีรูปปั้นท่าน เจียง ไคเช็ค อยู่ด้านใน และขนาบข้างด้วย Concert Hall กับ National Theater ให้เราไปยืนแอกอาร์ตแบบเก๋ๆ ในมุมสุดอลังการ
จากแลนด์มาร์คหลักเราก็มาหานั่งเม้าท์มอยหอยกาบแบบออกรสกันที่ White Whale Cafe’&Flowers ที่สวยจนไม่อาจเดินผ่านไปเฉยๆ เพราะมันคือร้านคาเฟ่ที่มาในธีมร้านดอกไม้สีขาวสะอาดตา ตกแต่งและประดับประดาด้วยดอกไม้สดดอกไม้แห้งนานาชนิด ให้เราได้จิบคาแฟ กินเค้ก เคล้าไปกับกลิ่นหอมของดอกไม้ชวนฝันหวาน
ออกจากคาเฟ่แสนเก๋เรามาต่อกันที่ Huashan 1914 Creative Park ศูนย์ศิลปะและความคิดสร้
ถ้ายังมีเงินเหลือแล้วขี้เกียจไปแลกคืนแนะนำให้มาละลายทรัพย์ที่ย่าน Ximending แหล่งแฟชั่นฮิปๆ ทันสมัย ล้ำสมัยที่เริ่มขึ้นในยุคที่ไต้หวันอยู่ภายใต้อาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่น ช่วงปี ค.ศ. 1922 มีการสร้างโรงภาพยนตร์ ร้านคาราโอเกะ รวมถึงห้างสรรพสินค้า จนปัจจุบันมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านคาเฟ ร้านขนม ต่างๆ มาเปิดกันมากมาย และทั้งหมดที่ร่ายยาวมาก็คือเหตุผลว่าทำไมแกควรจะมาย่านนี้ก่อนกลับไทย
ก่อนกลับไทยถ้าท้องไม่อิ่มก็กลัวน้ำ
เยอะคือดี ดีคือเยอะไม่ใช้จะใช้ได้กับทุกสิ่งนาจา แต่ไต้หวันนี้ยกเว้นให้เค้าแบบพิเศษๆ จริงๆ เพราะมันเยอะแต่สิ่งดีๆ จนรอบที่ 5 แบบมา 7 วันเรายังเก็บได้ไม่ครบ สงสัยต้องต่อรอบ 6 รอบ 7 รอบต่อๆ ไปอีกนั่นล่ะ ยืนยัน นอนยัน นั่งยันว่ามันน่าเที่ยว น่ามาเก็บเกี่ยวความสุขความสนุก ทั้งกิน เที่ยว ถ่ายรูป ทั้งชนบท ทั้งในเมืองก็ปัง ปัง ปัง แต่มันจะปังจริงๆ ก็ต่อเมื่อแกไปสัมผัสด้วยตัวแกเองนั่นล่ะ จะลอกแพลนเที่ยวแบบเป๊ะๆ ทั้งดุ้นหรือตัดต่อเปลี่ยนแปลงก็ได้ตามอัธยาศัย รออะไรแพลนดีๆ ก็มีแล้ว กดตั๋วเลงวันลาหาเสื้อผ้าชิคๆ แล้วไปกันจ้าาา