วันนี้เราจะพาไปประเทศที่ถ้าบอกชื่อครั้งแรกว่าจะไป เชื่อว่าหลายคนที่ได้ฟังจะต้องมองบน ร้องหยี๋ และถามซ้ำเราอีกหลายทีว่า จริงดิ คิดดีแล้วหรอ ไปทำไรอ่ะ มีไรดีด้วยหรอ แกตายแน่ จะกินไรได้วะ ห้องน้ำอีก เปลี่ยนใจเหอะ ไม่ไหวหรอก สารพัดคำถามที่ถูกประดังเข้ามา แต่มันก็จบลงง่าย ๆ ในสิบวินาที จากรูปภาพเพียงไม่กี่ใบที่เราได้มอง เราทนไม่ได้ที่จะเฝ้าดูสถานที่นี้แค่ในภาพถ่ายเท่านั้น จิตวิญญาณนักเดินทางของเรามันเรียกร้องว่า แกต้องไป แกต้องไป แกต้องไป สิ้นเสียงจิตวิญญาณก็เสียงเรานี่ล่ะ ที่บอกเพื่อนว่า คอยดูเสะ เราจะทำให้แกต้องเสียดายที่ไม่ได้เห็นมันด้วยตาแกเอง
ย้อนกลับไปที่สองเดือนก่อนทริปนี้จะเกิดขึ้น มีรุ่นน้องส่งรูปหมู่บ้านอวี่เปิง หมู่บ้านกลางหุบเขาที่เมืองเต๋อชิงประเทศจีนมาให้ดู แวบแรกที่เห็นยอดเขาสีขาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะเราไม่มีความลังเลใดใดทั้งสิ้นที่จะตอบตกลงกับน้องว่าพี่ไปด้วย และยิ่งพอได้ดูรูปทั้งหมดที่น้องส่งมาจนครบก็รู้ทันทีเลยว่าที่ตัดสินใจภายใน 10 วินาที คือคำตอบที่ถูกต้องแล้ว และก่อนเดินทางไปจีนทุกคนการัน
การเดินทางในจีนของเราจะเป็นยังไงเชิญคนไทยมามุงได้เลยจร้า …
Flight :
ทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบินไทย
การบินไทยก็คือการบินไทย เพราะแอร์บัส 330 ที่พาเราบินลัดฟ้าไปคุณหมิง
พอเครื่องแลนดิ้งลงสนามบินคุนหมิง เราก็เดินดุ่ม ๆ ไปยังจุดข
ระหว่างรอรถเราก็ออกมาเดินเล่นแถว ๆ สถานขนส่ง ซึ่งข้าง ๆ ก็จะมีพวกร้านค้าขายของขายอาหารต่าง ๆ อารมณ์เหมือนขนส่งบ้านเรา และที่แห่งนี้คือการเปิดซิงครั้งแรกของเรากับอาหารจีน หลังจากเดินส่องไปมาอยู่นานพวกเราก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายบะหมี่ซึ่งคนค่อนข้างแน่นร้าน เราจึงใช้ความเชื่อที่ว่าคนเยอะแปลว่าอร่อย ตัดสินใจเลือกร้านนี้นี่แหล่ะ และการสั่งอาหารก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงจิ้มมั่ว ๆ จากป้ายเมนู แล้วก็ได้ออกมาตามรูป รสชาติไม่ได้หวือหวาไม่ได้แย่ แต่มันคือการได้ทานหม่าล่าครั้งแรกของเรา
อิ่มท้องมื้อเย็นก็ถึงเวลาขึ้นรถบัสไปแชงกีร่า โดยตามความเข้าใจของเราการมีตั๋วคือการการมีที่นั่งแน่นอนเหมือนบัสบ้านเรา แต่เปล่าจ้าเราขึ้นไปช้าก็เลยถูกขับไล่ให้ไปนอนเบียดกับคนจีนอีกสามคนบนที่นอนชั้นบนด้านหลังสุด ซึ่งรถบัสที่จีนเค้าจะให้ถอดรองเท้าใส่ถุงก่อนขึ้นด้วย ตอนนี้ทั้งกลิ่นบุรี่กลิ่นรองเท้าตลบอบอวลไปหมด เราได้แต่ทำใจและบอกกับตัวเองให้อดทนเพราะเดี๋ยวคงเจ็บและชินไปเอง
ระยะเวลาในการนั่งบัสก็ไม่ไ
อ้าวเฮ้ย!! อาหารจีนก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด ร้านนี้ได้ทำการเปลี่ยนทัศนคติที่เรามีต่ออาหารจีนไปเลย อย่าง
รถบัสออกเดินทางจากแชงกรีล่
พอรถบัสเดินทางเข้าใกล้เต๋อชิ
เรามาถึงเต๋อชิงก็นั่งบัสอี
หลังจากที่แบ่งห้องพักกันลง
อรุณสวัสดิ์ซีดัง ขณะนี้เวลา 07:00 ทุกคนเริ่มทะยอยตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน ถ้าเป็นผู้หญิงหลังจากแปรงฟันล้างหน้าเสร็จก็คงหนีไม่พ้นเรื่องสวยสวยงามงาม กรีดตาเอย มาสคาร่าเอย บลัชออนเอย ไหนจะเขียนคิ้ว ทาลิปสติกอีก เยอะแยะไปหมด ฮ่าฮ่า ส่วนแมนแมนอย่างเราเราก็วิ่งผ่านน้ำและยัดตัวเองใส่เสื้อผ้าอย่างทันที จากนั้นก็ไปเอ็นจอยกับมื้อเช้าแล้วพวกเราก็หยิบกระเป๋าคนล่ะใบ ออกมายืนรอที่ถนนบริเวณด้าน
ตลอดสองข้างทางจากโฮมสเตย์ที่ซีดังขึ้นไปยังจุดเริ่มเดินเต็มไปด้วยหมอก พายุหิมะที่พัดมาเป็นช่วง ๆ อย่างต่อเนื่อง จากภาพคงไม่ต้องบอกว่าหนาวแ
ที่จุดเริ่มเดินเทรคกิ้งไปยังหมู่บ้านอวี่เปิง ตอนนี้เรา 10 คน ได้แบ่งออกเป็นสองทีมคือ 4 คน เลือกที่จะเดินตามความตั้งใ
เมื่อทุกคนก็ได้ลาประจำตำแหน่งซึ่งคัดความเหมาะสมตามโชคชะตากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การเดินทางสู่หมู่บ้านอวี่เ
ประมาณหนึ่งชั่วโมงเครื่องล
หลังจากพักเหนื่อยจุดแรกเรา
จุดพักจุดที่สองบอกเลยว่าฟ้
จากจุดพักจุดที่สองเราเ
ทั้งนั่งลาทั้งเดินเท้าประม
เดินหาที่พักกันเรื่อย ๆ แบบต้องภาวนาไปตลอดทางว่าจงเปิด ๆ และสวรรค์ก็เป็นใจอีกครั้ง เมื่อเราเดินมาจนสุดทางก็เจอ Walker’s Home ซึ่งมีความโล่งอกมากที่มีเจ้าของอยู่และยังเปิดบริการใ
อวี่เปิงเป็นหมู่บ้านที่ถูก
อย่างที่บอกว่านอกจากวิวหมู่บ้านเราก็ไม่สามารถเดินไปช
เมื่อทุกคนกลับลงมาถึงจุดเริ่มเดิน รถบัสที่พวกเราได้เหมาไว้ก็
พอรถวิ่งออกจากเต๋อชิงมาได้
อยู่กันอย่างนั้นร่วมหนึ่งชั่วโมงรถบรรทุกที่ขวางทางเพ
หลับหลับตื่นตื่นจนมาถึงสถานีขนส่งแชงกรีล่า ด้วยความที่บัสมาถึงเลทเพราะรถสิบล้อที่คันดังกล่าว พอขาก้าวล
ห้องพักตามสภาพที่เห็นเลย กว้างขวางกำลังสบาย ๆ มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกค่อนข้างครบครัน เตียงเป็นเตียงแยกขนาดนอนคนเดียวจะหมุนซ้ายขวาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะตกลงมาหัวฟาดพื้น ผ้าห่ม ผ้านวมสภาพห้องคือสะอาด หายใจคล่องอยู่ แต่ความพีคมันอยู่ตรงห้องน้ำนี่ล่ะ ราวกับเป็นเอกลักษณ์ของเมืองจีนไปแล้ว ว่าถ้าคุณไม่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับห้องน้ำแสดงว่ามาไม่ถึง คือถ้าจะอาบน้ำต้องดึงม่านมาปิดฝั่งที่อาบ แต่พออาบเสร็จจะล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัวก็ต้องดึงม่านมาปิดอีกฝั่ง คือถ้ามากะแฟนคงไม่เป็นไร แต่นี่เพื่อนไง๊ กลัวมันจะตกใจกับความยิ่งใหญ่ของมังกรสยาม
ที่พักธรรมดาที่แสนไม่ธรรมดา เพราะมีห้องอาบน้ำแนวโชว์ของเนี่ยแหล่ะ ผิด!!!! เราชอบที่นี่ตรงที่นางมีบันไดให้ปีนขึ้นไปบนหลังคาที่มีลานกว้าง ที่เราสามาถมองเห็นวิวเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์นี้ได้แบบรอบทิศ ยิ่งยามเย็นที่เราสามารถนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินแบบเพลิน ๆ จนลืมความแสบตาไปได้เพราะความงามที่มีตึกรามบ้านช่อง วัดวาอาราม และภูเขาสูงใหญ่เป็นฉากหน้าของลำแสงสีทองที่สาดส่องมาจากพระอาทิตย์ ยิ่งเมื่อตะวันลับขอบฟ้าไปแล้วแสงสีทองจากดวงอาทิตย์กก็กลายเป็นแสงไฟสีเหลืองจากแต่ละบ้านแทน
เช้าวันใหม่สดใสซาบซ่า!! หลังพวกเราอาบน้ำล้างหน้า
หลังจากยืนยิ้มมีชัยในความหนาวได้เพียงไม่นานเราก็ได้มายืนอยู่ใต้เขามังกรหยกที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนได้ ที่นี่เราสามารถซื้อตั๋วนั่งกระเช้า
และในที่สุดกระเช้าของเราก็ไต่ระดับควา
จากความสวยราวกับสวรรค์นี้ก็มีเรื่องอยากจะแนะนำไว้ก่อน เนื่องจากว่าที่นี่ทั้งสูงมากและหนาวมากดังนั้นอ๊อกซิเจนจึงบางเบาราวขนนก ดังนั้นแกควรเดินไปเดินมาและขยับตัวอย่างช้า ๆ ถ้าลั๊ลลาจนเกิดงามเกินเบอร์แบบวิ่งไ
หลังจากชื่นชมความสวยงามของ
และจุดนี้เองคือจุดที่ดีที่สุดที่จะถ่ายรูปกับเจ้าภูเขาหิมะมังกรหยกสุดเท่ห์ เพราะที่นี่เราจะได้เห็นภูเขาหิมะมังกรหยกแทรกตัวระหว่างภูเขาสีเขียวลูกเตี้ย ๆ ที่มีสระน้ำสีเขียวมรกตเป็นฉากอยู่เบื้องหน้า เรียกได้ว่ามันคือวิวธรรมชาติสุดเพอร์เฟกที่แบ่งรับแบ่งสู้กันอวดความงามแบบไม่มีใครยอมใครเลยล่ะ ซึ่งโดยปกติแล้วนักท่องเที่
กลับจากทัวร์เรามาเที่ยวกันต่อที่เมืองเก่าดาหยัน หรือ เมืองเก่าลี่เจียง (Old Town of Ligiang ) ที่นี่มีประวัติยาวนาน นานมาก นานถึง 800 กว่าปี ความโดดเด่นของบ้านเรือนย่า
ย่านโอทาวน์จะมีร้านขายอา
และแน่นอนว่าลัทธิคาเฟ่คูลคูลมันไม่ได้มีแต่ญี่ปุ่น เกาหลี ที่จีนก็ไม่น้อยหน้า ซึ่งย่านโอทาวน์ก็เช่นกันมีค
เมื่อเลือกร้านได้ถูกเรียบร้อยเราก็รีบเดินเข้ามาหาที่นั่งที่พอใจ ก่อนจะสั่งเมนูบราวนี่สุดคลาสิค กับเค้กอีกสักอย่าง มากินเล่นคู่กับกาแฟลาเต้รสขมที่ผสมกับนมสดและน้ำตาลจนหอมหวานลงตัว แม้รสชาติจะไม่ได้โดดเด่น เข้มข้นเท่ากับคาเฟ่ในญี่ปุ่น แต่มันก็ทำให้เรามีความสุขและรู้สึกละมุมจากความพิถีพิถันของการจัดจาน ความสะอาด และความเก๋ไก๋ของร้านได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ตลอดการซอกแซกไปชะโงกตรงนั้นทีตรงนี้ที สิ่งที่เราได้เห็นและรู้สึกสนุกเมื่อหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายก็คือการดำรงชีวิวของคนที่นี่ อันที่จริงผู้คนและการดำเนินชีวิตก็ไม่ได้แตกต่างจากชาวไทยเชื้อสายจีนที่เราพบเจอบ่อย ๆ มากเท่าไหร่นักหรอก แต่ด้วยความที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างออกไปมันก็ดึงดูดความสนใจให้เรากดชัตเตอร์ได้มาพอตัวอยู่ เด็กน้อยตัวเล็ก ๆ กับแก้มทรงซาลาเปาไส้หมูสับ คือหนึ่งในความสดใสของทิวทัศน์ในแถบนี้ก็ว่าได้ รวมถึงคุณลุงที่กำลังพักเหนื่อยอยู่บนรถถีบ และใช้เวลายามว่างพูดคุยกับเพื่อนร่วมทางอย่างออกรสออกชาติส่งเสียงดังลั่นตามสไตล์คนจีน ท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ และความอบอุ่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มีวิถีชีวิตที่น่ารักของผู้คนนี่แหล่ะที่พอจะทำให้เราบรรเทาความหนาวไปได้บ้าง
ความเกร๋กู๊ดของบ้านนี้เมืองนี้ยังไม่หมด เมืองจีนที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนานไม่เคยทำให้เราผิดหวังในเรื่องของศิลปะเลย ที่นี่ก็เช่นกันเพราะไม่ว่าจะเดินไปทางไหนเราก็จะเจอ Street Arts แบ็คกราวคูลคูล ที่สวยงามและดูเข้ากับบรรยากาศแบบจีน ๆ แน่นอนว่ามันใช้เป็นพื้นที่ในการยืนโพสท่าถ่ายรูปชั้นดีได้เลย ไม่เชื่อลองดูภาพเดินผ่านกำแพงแบบไม่ตั้งใจ แบบไม่ตื่นเต้น แบบว่าเหมือนเดินผ่านทุกวัน ดูก็รู้ว่าโดนแอบถ่ายของเราดูสิ จะรู้ว่ามันคลูจริง ๆ นะ
แล้วก็มาถึงจุดเด่นของเมืองลีเจียง ทะเลหลังคา ซึ่งไฮไล์นี้ถือเป็นแลนมาร์คสำคัญที่มาลี่เจียงแล้วจะต้องห้ามพลาด การไปภูชี้ฟ้าแล้วต้องเดินขึ้นไปจุดชมวิวเพื่อดูทะเลหมอกฉันใด การมาลี่เจียงก็ต้องขึ้นไปจุดชมวิวเพื่อชมทะเลหลังคาฉันนั้น งง งงล่ะสิ ว่าทะเลหลังคาคืออะไร ไม่ต้องคิดจินตนาการจนเกินคำให้ยุ่งยาก เพราะมันคือทะเลหลังคาไงล่ะ ฮ๋าฮ่า เราไม่ได้กวนแต่อย่างใด แต่เพราะด้วยความที่บ้านและร้านรวงของที่นี่มีลักษณะคล้ายกันเกือบทุกหลังคือเป็นหลังตามุงกระเบื้องทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่วสีเทาเข้ม ๆ ทำให้ภาพที่มองจากจุดชมวิ
ห่างจากย่านเมืองเก่าไปทางทิศเหนือประมาณ 1 กิโลเมตร เราสามาถเดินชิวชิวท่ามกลางอากาศหนาวไปได้แบบสบายสบาย เพื่อจะได้พบกับสระน้ำมังกรดำ ที่นี่มีจุดเ
รอบรอบสระน้ำมังกรดำเนี่ย เรียกได้ว่าคือความพีคสุด ๆ อยู่เหมือนกัน เพราะมันเป็นความสวยงามที่ธรรมชาติบรรจงสร้างสรรออกมาอย่างลงตัวลงใจที่สุด นอกจากธรรมชาติจะสวยงามแล้ว ที่นี่เค้ายังจัดเก้าอี้ไว้รอบ ๆ สระอีกด้วย เผื่อว่าเดิน ๆ ไปถ่ายรูปไปจะเหนื่อยก็แวะนั่งพักรับลมเย็น ๆ ให้ชื่นใจ จะได้มีแรงเดินต่อไปจนรอบสระอีกด้วย
และทั้งหมดนี้ก็คือทริปที่หนาวที่สุดบนบนประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ทำให้เรารู้ว่าประเทศนี้เต็มไป
ลองไปเที่ยวจีนกันดูนะแกร๊ แล้วจะรู้ว่าความสวยงามแบบอ