สะ – บาย – ดี
“อยากลองเปลี่ยนไปเที่ยวในละติจูด ลองติจูดอื่นบ้างจัง” หากเสียงนี้ดังขึ้นในใจและอยากจะลองหัดเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเรียนรู้โลกกว้างดูสักครั้ง แต่ยังคงกลัวในความเป็นมือใหม่เรื่องเที่ยว เราขอแนะนำให้ไปทำตัวเป็นเด็กน้อยหัดเดินกันที่วังเวียง เพราะที่นี่เที่ยวง่าย สบายใจเหมือนอยู่บ้าน สบายกระเป๋าราวเดินเล่นแถวแม่ฮ่องสอน แต่ก็อย่างเถียงว่างั้นไม่เที่ยวไทยเลยล่ะ จะตีมือให้ เพราะเชื่อมั้ยว่าการเดินทางต่างประเทศแม้ว่าจะเป็นประเทศที่ใกล้เราขนาดไหนมันก็มีต่างบ้างนะเหวย และถึงแม้ทริปนี้จะเป็นการเที่ยวลาวครั้งที่ล้านแต่ให้ตายสิไปกี่ทีก็ให้ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะทั้งอากาศ วิวทิวทัศน์ ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกที่สลับสับเปลี่ยนเวียนหมุนมาเซย์ไฮ
เอาล่ะ สามวันสองคืนต่อจากนี้ จ ะ เ ที่ ย ว ไ ป ไ ห น จะพาทุกคนไปตอกย้ำความปังของวังเวียง ณ สปป ลาว ที่รับประกันว่าทุกคนต้องร้องว้าวและเก็บข้าวของตามเราไปแน่นอน!!
การเดินทางไปวังเวียงก็มีมากมายหลายวิธีไม่ว่าจะนั่งรถทัวร์ หรืออยากจะบินชัวร์ ๆ ไว ๆ ก็จัดไป แต่ถ้าถามว่าวิธีไหนได้ใจในความคลาสสิคสุด ก็คงต้องหยุดตัวเลือกไว้ที่การนั่งรถไฟไปโคราช ตดดังป๊าดไปราชบุรี เห้ยยย ไม่ใช่ละ!! นั่งไปหนองคายต่างหาก ซึ่งเราแนะนำให้เลือกแบบตู้นอนในรอบสักทุ่มหรือสองทุ่มโดยค่าโดยสารนั้นจะประมาณพันกว่าบาท พอขึ้นปุ๊บก็เลือกเพลย์ลิสต์เพลงโปรด อ่านหนังสือดี ๆ หรืองีบหลับ แล้วก็ตื่นมาปั๊บสวัสดีตอนเช้ากันที่หนองคาย ส่วนการเดินทางข้ามชายแดนนั้นหากมีหนังสือเดินทาง (Passport) ที่อายุไม่น้อยกว่าหกเดือนก็เคลื่อนตัวข้ามไปยังลาวเที่ยวสบายสบายอยู่ได้ไม่เกินสามสิบวัน ส่วนถ้าไม่มีนั้นให้ไปทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว (Boarding Pass) ซึ่งจะอยู่ได้ในบริเวณที่กำหนดไม่เกินสามวันสองคืนจ้า
ใครที่วาดฝันไว้ว่าไปวังเวียงหน้าหนาวต้องโดนอากาศเย็นจับใจ เตรียมเสื้อกันหนาวขนเป็ดชิค ๆ เพื่อหนีภัยร้อนหมกไหม้ที่ไทยไปเที่ยวดีกว่า อยากบอกว่า คุณคิดผิดค่ะ!! (ตู่ดดดดๆๆ) เพราะว่าหากประเทศไทยร้อนดุจกระทะทองแดงฉันใด วังเวียงก็ร้อนใกล้เคียงกันไปฉานนน้านนน กล่าวคืออากาศตอนกลางวันจะคล้ายกับบ้านเราหน่อย ๆ แต่จะค่อย ๆ เย็นกว่านิดนึงยามค่ำคืน แต่จุดยืนที่ห้ามเปลี่ยนก็คือไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ๆ ก็จงเตรียมชุดแซ่บ ๆ คู่ใจไปกระโดดน้ำที่บลูลากูน
วังเวียงเป็นชุมชนเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำซอง โดนเด่นเรื่องทัศนียภาพของภูเขาและหน้าผาหินปูนที่ตั้งเรียงรายน่ามาถ่ายรูปสุด ๆ อีกทั้งยังเป็นจุดที่ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์เว่อร์ ๆ คุ้มค่าให้เราไปเที่ยว ชิลล์ ๆ ปล่อยกายสบายใจไปกับความเคลื่อนไหวช้า ๆ ในเมืองแห่งนี้ ทว่าการคมนาคมอาจจะยังไม่ค่อยดีเท่าไร แนะนำให้ขี่แมงกะไซลุยถนนดินลูกรัง ดังนั้นอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นเช่นหน้ากากอนามัยก็ควรพกไว้ในกระเป๋าติดตัวด้วย
บรรยากาศในเมืองยามเช้าของที่นี่จะพาเราเข้าโหมด Slow Life ได้ดี โดยชาวบ้านเค้าจะนำของมาวางขายเรียงรายตามท้องถนน ผู้คนก็จะออกมาช็อปปิ้งสินค้าทั้งผลหมากรากไม้ ของป่า ของพื้นเมือง เป็นตลาดย่อม ๆ ให้เราเดินตะล่อมศึกษาวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น หรือจะอยากลองกินเมนูแปลก ๆ ที่นี่ก็มีให้ลองทั้งนี้ก็ต้องมั่นใจนะว่าลำไส้ของพวกแกสตรองพอ
ในส่วนของที่พักในวังเวียงนั้นก็มีหลากหลายให้เลือก เริ่มจากหลักร้อยทยอยเข้าหลักพันให้เราเลือกสรรกันได้ตามงบประมาณ แต่ถ้าอยากให้เราแนะนำก็จงไปพำนักพักพิงที่ เวียงธารา วิลลา (Vieng Tara Villa) ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณพันปลาย ๆ แต่ได้สิ่งอำนวยความสะดวกครบทั้งน้ำอุ่น ทั้งแอร์ ไหนจะพี่ ๆ ทีมงานที่ดูแลเราเป็นอย่างดีอีกด้วย ความดีงามคือที่พักจะตั้งอยู่กลางทุ่งนาเป็นวิลล่าส่วนตัว รับรองว่าได้ภาพสวย ๆ ชัวร์ไม่ต้องอายใคร แถมตื่นเช้ามาวันใหม่เราจะได้เห็นทะเลหมอกลอยเอื่อย ๆ ไหว ๆ ใกล้ ๆ ภูเขาเขียว ๆ เป็นบรรยากาศที่ดีต่อใจ จะพาเพื่อน พาแฟน พาพ่อแม่ไปรับรองว่ายังไงก็ฟิน
ด้วยความที่ สปป ลาวคือเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง อาหารก็จะใกล้เคียงบ้านเรา เลือกหากินเอาไม่ยากไม่ว่าจะเป็นส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว ลาบหมู หรือเมนูอาหารตามสั่ง ส่วนของกินที่ปัง ๆ แบบ Grab and Go (ถือไปกินไป) ก็คือ ขนมปังฝรั่งเศสผ่ากลางยัดไส้ มีทั้งทูน่า ไข่เจียว ไก่ทอด แฮม เบคอน และอื่น ๆ ถ้าเป็นอาหารป่าก็อาจจะแปลกตาแต่ถ้ากล้าก็ควรลองชิม เช่น รังผึ่งห่อใบตองปิ้ง หมูหมักสมุนไพรห่อใบส้มโอก็รสชาติโอเค แต่ถ้าอยากได้ข้อมูลไอเดียว่ารสชาติอาหารที่ลาวแตกต่างกับที่ไทยขนาดไหน เราว่าส่วนใหญ่อาหารพี่ลาวเขาจะเข้มข้นจัดจ้านกว่านิด ๆ เและที่สำคัญคือปลาร้านางนัวเว่อร์!!!!!!
อย่างที่บอกว่าทริปนี้เป็นทริปเที่ยวชิลล์ ๆ ที่หิ้วกระเป๋าไปได้ง่าย ๆ ด้วยระยะเวลาสามวันสองคืน กับ 7 สถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย เอาล่ะ ถ้าพร้อมจะไปด้วยกันก็สไลด์หน้าจอตาม จ ะ เ ที่ ย ว ไ ป ไ ห น แล้วลิสต์ไว้เลยแกร๊!!!
001 ผาเงิน
ผาเงินคือจุดชมวิวยอดนิยมของวังเวียง ถ้าใครใคร่อยากไปเราขอแนะนำให้ตื่นเช้าสักตีสี่ตีห้ามาแปลงโฉมเป็นแว๊นบอย สก๊อยเกิร์ล ขับมอเตอร์ไซไปยังจุดเริ่มเดินแล้วค่อยเดินขึ้นยอดกันต่อแบบรัวๆ ซึ่งบอกเลยว่าทางเดินขึ้นจุดชมวิวนั้นไม่ถึงกับง่ายแก แต่ก็ไม่ได้ยากมาก ไม่ได้สลับซับซ้อนวกวนอะไร แค่ปีนขึ้นไปเรื่อย ๆ เหนื่อยหน่อย ๆ เท่านั้นเอง ความเลอค่าที่อยากการันตีคือวิวด้านบนจะดีมาก ๆ เราจะได้พบเจอกับหมอกจาง ๆ ที่ขวางเรากับทัศนียภาพเขียว ๆ ด้านล่าง และหลังจากนั้นไม่นานพระอาทิตย์ก็จะโผล่ขึ้นมาโปรยแสงสว่างสีส้มไปทั่วบริเวณ ขออวยเลยว่าเป็นจุดชมวิวที่ประเคนความสุขให้แก่ผู้ไปเยี่ยมเยือนแบบเต็มสุขจริง ๆ
Tips & Trick : แนะนำว่าให้ใส่รองเท้าหุ้มส้นเผื่อความปลอดภัย พกน้ำ พกไฟฉายไปด้วยจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้นเยอะเลย
002 บลูลากูน
บลูลากูน สระน้ำสีฟ้าใส แลนด์มาร์คสุดฮิตที่ทุกคนต้องมาพิชิตที่วังเวียง สถานที่ที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนหลากชาติหลายเผ่าที่เฝ้าจะแช่น้ำเบิกบานกับความเย็น ก่อนจะเอ็นจอยกับการปีนป่ายต้นไม้ใหญ่ขึ้นไปโชว์ท่าตีลังกาลงมาอีกครั้ง และไม่ต้องกลัวว่าจะไม่กล้าโดดเพราะกองเชียร์จะบิ๊วแรงเบอร์ 10 นอกจากบลูลากูนฮอตฮิตในตำนานที่เคียงคู่กับวังเวียงมายาวนานแล้วปัจจุบันนี้เค้าได้มีการค้นพบบลูลากูนใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกหลายจุดให้เราเลือกหยุดเลือกแวะตามที่สะดวก ในบางที่ก็มีอาหารวางขาย มีห่วงยางให้เช่า ส่วนบางที่ก็มี Zip Line ให้เราทดสอบความกล้าท้าความเสียวกันอีกด้วย ส่วนคำแนะนำสำหรับคนที่ไม่อยากพลาดน้ำใส ๆ วิ้ง ๆ ก็จงมาสิงสถิตย์ในเวลาเช้าที่สุด และควรหลีกเลี่ยงการมาเที่ยวช่วงฤดูฝน เพราะว่าตอนคนมาเล่นเยอะ ๆ หรือฝนตกแรง ๆ น้องน้ำเขาก็จะขุ่นมัวตามธรรมชาตินะฮะ
003 ถ้ำปูคำ
ถ้ำปูคำจะตั้งอยู่ติดกับหนึ่งในบลูลากูนยอดนิยม ซึ่งทางขึ้นนั้นจะเป็นทางหินที่เราต้องไต่หน้าผาขึ้นไปประมาณแปดสิบเมตรและใช้เวลาประมาณสิบนาที (ปีนป่ายอีกแล้ว) ซึ่งจุดนี้จะมีค่าเข้าด้วยนาจา ภายในถ้ำจะมีหินงอก หินย้อย ซึ่งเราต้องค่อย ๆ เดินอย่างระมัดระวังเพราะทางจะค่อนข้างลื่นเนื่องจากถ้ำนี้ยังเป็น “ถ้ำเป็น” กล่าวคือเป็นถ้ำที่ยังมีชีวิตทางธรณีวิทยา มีการเจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงของหินภายในถ้ำนั่นเอง นอกจากหินงอกหินย้อยก็จะมีพระพุทธรูปนอนประดิษฐานให้เราไปสักการะ และถ้าโชคดีไปถูกเวลาก็จะได้ป๊ะกับแสงสวย ๆ ที่ลอดป่องถ้ำผ่านมากระทบยังพระนอน หรือกระทบหินสร้างบรรยากาศฟิน ๆ ภาพสวย ๆ ให้เราเก็บมาอวยบนโลกออนไลน์ได้เลย
ปล. ใครไปแล้วเจอปูคำ เขาเชื่อว่าดวงกำลังดีนะจ๊ะ
004 แม่น้ำซอง
แม่น้ำซองเป็นแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่มีความสำคัญกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนละแวกนี้ เพราะเป็นที่ที่เขาหาปลาเพื่อมาทำอาหารในครัวเรือน หรือขายในตลาด และยังเป็นจุดท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดเมื่อมาวังเวียงเช่นเดียวกัน ส่วนความสวยงามนั้นคงไม่ต้องบรรยายกับสายน้ำท่ามกลางขุนเขาใหญ่ มีสะพานให้เดินข้ามไปมา มีร้านรวงใกล้ ๆ ให้นั่งกัน
แม่น้ำซองสายนี้จะมากี่โมงก็เที่ยวได้เพราะมีกิจกรรมให้ทำตลอด เช่น โพสต์ท่าสวย ๆ แบบใกล้ชิดกับแม่น้ำซอง ไหนจะมาล่องห่วงยางยามอากาศร้อน ๆ หรือจะต๊ะต่อนยอนยามเย็นเอ็นจอยวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าพลางเฝ้ามองบรรดาโคมลอยสีส้ม ๆ หรือจะก้มหน้าทานของกินอร่อย ๆ กับเครื่องดื่มคู่ใจก็จัดไปได้เช่นกัน
005 ซากุระบาร์
มาวังเวียงทั้งทีต้องมีนัดกันที่ซากุระบาร์ สถานที่ลั้ลลาแห่งแสงสียามค่ำคืนสุดเอ็กคลูซีฟ แลนด์มาร์คแห่งนี้เป็นจุดนัดพบที่ดี๊ดีย์ของคนทุกสัญชาติไม่ว่าจะไทย ยุโรป เอเชีย คุยกันให้เพลียระบบแปลภาษา ส่วนงานเพลงก็โหม EDM เข้ามาจนยากที่จะยืนนิ่ง ๆ จริง ๆ สำหรับสายปาร์ตี้ที่แท้ทรูทั้งหลายบอกเลยว่าไม่ควรพลาดออย่างแรงเพราะนาน ๆ จะได้ปลดปล่อยสักทีเราก็ควรเต็มที่ตามสไตล์ Work Hard Party Harder!! เอฟวายไอ.สมมุตินะสมมุติ หากยังไม่หยุดมันส์ก็ไปจัดกันต่อได้ที่ จังเกิ้ลปาร์ตี้ ปาร์ตี้ลับฉบับคนแรงเหลือ ซึ่งพอซากุระบาร์ใกล้จะปิด พี่ ๆ แถวนั้นเขาก็จะมาเรียกลูกค้าขึ้นรถไปมันส์กันต่อ ซึ่งขาไปนั้นจะฟรีแต่ขากลับมีเสียตังนะจ๊ะ
006 น้ำตกตาดแก่งยุ้ย
น้ำตกตาดแก่งยุ้ยเป็นแลนด์มาร์คที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของวังเวียง น้ำตกตาดแก่งยุ้ยเป็นน้ำตกขนาดไม่ใหญ่ ที่มีสายน้ำไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้น ๆ ความดีงามคือธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ ด้านบนสุดของน้ำตกสามารถพกกล้องไปเก็บภาพบรรยากาศเขียว ๆ แบบไม่เหนื่อยมาก ส่วนแอ่งน้ำด้านล่างก็สามารถไปแช่เล่นได้ และยิ่งสายน้ำตกกระทบพื้นแรงเพียงใด ละอองน้ำจะสาดกระซ่านเซ็นเป็นกลุ่มไอขาว ๆ เย็นชุ่มฉ่ำสวยงามมากเพียงนั้น ส่วนการเดินทางมาที่นี่นั้นสามารถไปได้ทั้งรถยนต์หรือมอเตอร์ไซ แต่อย่างที่บอกไว้ว่าถนนที่นี่ยังเป็นลูกรังสไตล์ ขี้ฝุ่นขี้ดินจึงฟุ้งแบบไม่ยั้งตลอดทาง ดังนั้นหน้ากากอนามัยที่เตรียมไว้ก็จะได้นำมาใช้ที่นี่อีกครั้งจร้า
007 สะพานส้ม
อีกหนึ่งวิวปิดท้ายทริปที่แสนดีต่อใจ คือ “สะพานส้ม” ที่ ๆ เราจะได้เห็นไอหมอกที่ลอยจากผืนน้ำใส ๆ มาโอบกอดตัวสะพานไว้ให้อารณ์แบบ Feeling in Japan แต่ฮัลโหลซิสส ที่นี่วังเวียงนะแกร๊!! สะพานส้มแห่งนี้เป็นสะพานแขวนที่ทำขึ้นจากเหล็กโดยเชื่อมสองแผ่นดินฟากฝั่งแม่น้ำซองเข้าด้วยกัน ด้านหนึ่งของสะพานนี้นั้นจะพาเราเข้าสู่ถ้ำจัง อีกหนึ่งปลายทางปัง ๆ ที่ทุกคนที่มาวังเวียงนิยมมาเยี่ยมชม ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะมาชาทัศนียภาพตรงสะพานที่แสนชิลล์แล้ว บริเวณรอบข้างยังสามารถไปนั่งเล่นริมแม่น้ำซอง หรือจะเดินชมต้นหางนกยูงสวย ๆ ก็ได้ฮะ
จบกันไปอีกหนึ่งทริปสุดฟิน กินอิ่ม นอนหลับตื่นสบาย พาใจกายมาสัมผัสความเรียบง่ายก่อนจะไปท้าทายกับกิจกรรมสนุก ๆ ที่มีให้ทำทั้งกลางวันและกลางคืน สำหรับเรา สปป ลาวเป็นประเทศที่มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายหลายจุดให้เหล่า Backpacker ได้มาหยุดตรงนี้ที่เธอสักกี่รอบก็ไม่เบื่อ และสำคัญกว่านั้นวังเวียงคือตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวที่ผสมกลมกลืนระหว่างวิถีชีวิตชุมชน ผู้คน และธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกล่อม เป็นประสบการณ์ที่ค่อย ๆ ย้อมใจเราให้เชื่อว่าถ้าป่าสวย น้ำใส จะไปสัมผัสยามใดก็ประทับใจและอยากกลับไปอีกหลายๆครั้ง (ถ้ามีตังค์อะนะแกร๊)