เชียงราย ดินแดนเหนือสุดของสยามประเทศ อาณาเขตอารยธรรมเก๋เก๋แฝงด้วยเสน่ห์ของล้านนาแต่ว่ายังไม่ค่อยมีใครได้รู้จักและหลงรักแผ่นดินนี้มากเท่าไรนัก ซึ่งจริงจริงแล้วแกรรู้ไหมว่าที่แห่งนี้มีอะไรดี๊ดีที่ตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะสายบุญ สายกิน สายฟิน สายเซลฟี่หรือสายไหนไหนก็ไปได้ครบจบที่ อ.เมืองเลยแกร๊
และวันนี้ จ ะ เ ที่ ย ว ไ ป ไ ห น จะไปเชียงรายภายใน 3 วัน 2 คืน ด้วย Concept อยากหลับเต็มตื่นนอนลืมวันลืมคืนเป็นทริปขี้เกียจขี้เกียจเอาไว้แก้เครียดสไตล์ชาวเราจร้า
ตอนแรกก็จะเที่ยวชิลชิล แต่หิ้วกล้องท่องไปสักพักก็ตระหนักว่าเชียงรายช่างเหนือความคาดหมายสุดสุด นี่แค่คุ้ยลุย อ.เมือง ก็ประเทืองจิตประดิษฐ์ใจเราไปแล้ววทั้งที่กิน ที่เที่ยวและทุกทุกที่ที่เราไปเลยแกร๊
และทริปนี้เราจะพิสูจน์เองว่าเชียงรายนายชิคจริงจริงจร้า!!
การเดินทางมาเชียงรายปัจจุบันนั้นก็ง้ายง่าย ถ้าแกรรีบรีบก็สอยตั๋วเครื่องบินบินมาได้เลย หรืออยากนั่งเฉยเฉยก็หิ้วกระเป๋าเข้ารถทัวร์ทำตัวสโลว์ไลฟ์ได้ตามใจ ส่วนการเดินทางในเมืองเมื่อก่อนอาจเที่ยวยาก ยิ่งคนขับรถไม่เปนอาจลำบ้ากลำบาก แต่สมัยนี้ต่อให้มาถึงเชียงรายแล้วขับรถไม่ได้ หรือไม่รู้จะเดินทางอย่างไรก็ไม่ต้องกลัวเพราะ Uber เขามาเปิดตัวที่จังหวัดนี้แล้วจร้า ซึ่งแอปนี้คือคำตอบคลายสงสัยของใครหลายหลายคนที่ชอบถามเราบ่อยเลือกเกินว่าว่า “เดินทางในเชียงรายยังไงห๊ะ?!”
ก็บอกแล้วไง ทริปนี้ใจเรียกร้องว่าต้องมาพัก เราจะไม่รู้จักคำว่าขับรถ เราจะกดแอปเรียก Uber อย่างเดียว อ่ะอ่ะ ตามเราไปสอดส่ายที่เจียงฮายกันเจ้า!!!
- พิพิธภัณฑ์บ้านดำ อ.ถวัลย์ ดัชนี
บินละล่องท่องผ่านน่านฟ้ากรุงมุ่งสู่เชียงรายตั้งแต่เช้า พอเข้าสนามบินปุ๊บ เราก็เปิดมือถือจิ้ม Uber ปั๊บ แล้วก็เลือกสถานที่ปังปังที่ตั้งอยู่ไม่ไกลสนามบินก่อนซึ่งได้แก่ บ้านดำ หรือ พิพิธภัณฑ์บ้านดำจร้า!!
สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งสร้างขึ้นโดย อ.ถวัลย์ ดัชนี ผู้เป็นศิลปินแห่งชาติเลยทีเดียว ที่นี่จะเป็นกลุ่มบ้านแบบล้านนาที่ทาด้วยสีดำล้วนชวนให้ดูน่าค้นหา ภายใต้ทุกหลังคาจะประดับด้วยไม้แกะสลักและประติมากรรม ซึ่งเราจะได้รู้จักหน้าค่าตาของกระดูกช้าง เขากวางและเขาควายของจริง ไม่อิงปูนปลาสเตอร์นะแกร๊!!
ภายในบริเวณบ้านยังละลานตาไปด้วยไม้น้อยไม้ใหญ่คอยให้ร่มเงาแก่เราและคณะ แกรจะถ่ายเซลฟี่จะดูวิถีศิลปะของล้านนาก็เอาให้สาแก่ใจไปด้วยบ้านงามงามนับตามได้ถึง 36 หลังเลย ซึ่งบ้านเหล่านี้ไม่ใช่ที่อยู่ แต่เอาไว้ดูไว้จัดแสดงสิ่งของสะสมต่าง ๆ ของอาจารย์ถวัลย์นั่นเอง และกิมมิคอลังการจะอยู่ที่บ้านหลังสุดท้ายซึ่งใช้ไม้สักสร้างทั้งหลังเพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เป๊ะปังยังคุณค่าแก่ศิลปะล้านนาให้น่าอนุรักษ์สืบปายยยย!!
บ้านดำ เปิดให้เข้าชมเข้าชมฟรี ทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น. นะฮะ
- สวรรค์บนดิน
จากบ้านดำอิ่มหนำศิลปะแบบล้านนาจนสาแก่ใจ เราก็ Uber เพื่อเดินทางสู่แลนด์มาร์คต่อไปที่ สวรรค์บนดิน จร้า แม้ว่าอากาศจะร้อนหน่อยหน่อยแต่ด้วยฟังชั่นแจ้งพิกัดรถของ Uber แสดงว่าคนขับอยู่ใกล้จงใจเย็นเย็นเราเลยเย็นใจทำตัวชิคชิครอรถมา Pick Up ไปเล้ยยย
สวรรค์บนดิน ฟาร์ม แอนด์ โฮมสเตย์ เชียงราย เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 โดยอดีตช่างภาพที่เคยอยู่เมืองกรุง แต่มุ่งอยากดูแลสุขภาพของคุณพ่อด้วยวิถีธรรมชาติ เริ่มจากการปลูกพืชผักหมุนเวียนกันไปไม่กี่ชนิด ก่อนที่จะคิดเพิ่มมูลค่าโดยการแปรรูปเป็นชาสมุนไพรชนิดต่างต่าง จนปัจจุบันสวรรค์บนดินเป็นถิ่นผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรที่หลากหลาย ส่วนใครที่อยากจะพักสักคืนก็สบ้ายสบายด้วยโฮมสเตย์เก๋เก๋ 3 หลังที่ปังด้วยการก่อสร้างเท่เท่กิ๊บเก๋ด้วยปูนเปลือย ที่ที่ซึ่งปรับแก้ชีวิตเหนื่อยเหนื่อยของผู้คนให้มายลความปกติกับวิถีแห่งความเรียบง่ายและสบายใจ
หนึ่งในไฮไลท์ของที่นี่คือคาเฟ่ฮิปฮิป ที่มีชาดีดีให้เราเลือกจิบกันอย่างชอบใจ นอกจากรสชาติจะดี๊ดี กรรมวิธียิ่งดีกว่าด้วย Concept ปลอดภัย ไร้สารพิษ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ชาของสวรรค์บนดินจึงพึ่งพิงสิ่งปรุงแต่งทางเคมีน้อยที่สุด แม้กระทั่งความหวานก็ใช้น้ำตาลจาก “หญ้าหวาน” ซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติจร้า
ส่วนเมนูชาที่ จ ะ เ ที่ ย ว ไ ป ไ ห น แนะนำก็จัดไปที่ ชาอัญชัน เลยเอ็ง!
แต่ทีเด็ดเสร็จลำคอก็ขอมอบมงลงที่ Blue Latte เมนูเก๋เก๋ที่ไม่ได้เทกาแฟลงไป ใช่แล้วแกร๊!! มันไม่มีส่วนผสมของกาแฟในเมนูนี้จริงจริง งงไปงงมาก็ถึงบ้างอ้อและก็ขอบอกพวกแกรว่า “ลาตเท” หรือที่เรารู้จักกันว่า “กาแฟนม” นั้นมาจากการหั่นคำเต็มเต็มจาก “คัฟเฟลลัตเต” ในภาษาอิตาลี ( caffel +latte = กาแฟ + นม ) เหลือแค่ “ลาตเท” ดังนั้นตามพจนานุกรมชาวอิตาเลี่ยนที่แท้ทรู “ลาตเท” คือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของนมเป็นส่วนผสมหลักหลักนั่นเองจร้า
กลับมาที่เครื่องดื่มสีพาสเทลตรงหน้าที่การันตีว่าอร่อยจริงจริง ยิ่งถ้ากินคู่กันกับคุกกี้สูตรเด็ดของร้าน หน้าแกรจะบานออกเพราะสำรอกความสุขฟินฟินตามชื่อสวรรค์บนดินอินกันยันลืมโลกมนุษย์ไปเลยแกร๊!!
- Melt in your Mouth
แลนด์มาร์คสุดท้ายที่เราจะไปสอดส่ายก่อนเข้าที่พักก็คือ Melt in your Mouth ซึ่งเมื่อเช็คจากแผนที่จะใช้เวลาเดินทางคือ 15 นาทีโดยรถยนต์ เราก็ไม่ลุกลี้ลุกลนเปิดการ์ด Uber พาเธอไปโลดดดด ความดีงามของการตามใช้ Online Taxi Service เช่น Uber คือเธอสามารถไปที่ไหนไหนก็ได้ตามกำหนดเวลา ซึ่งช่วยให้นักเดินทางอย่างเราเราบริหารเวลาได้เก๋กู้ด เที่ยวกระฉูดไม่ต้องกลัวตกหล่นเลยจ้า
และ 15 นาทีต่อมาตามเวลาชัวร์ชัวร์ เราก็พาตัวพาใจไปถึง Melt in your Mouth ร้านเค้กน้องใหม่ใจกลางธรรมชาติซึ่งตั้งอยู่ที่ เกาะลอย ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ทำเลคาเฟ่แห่งนี้ก็ดี๊ดีเพราะมีแม่นำ้กกไหลเทียบไปด้านข้างซึ่งสร้างบรรยากาศฟินฟินให้เราได้อินกันจร้า
การตกแต่งร้านก็ออกแนวสไตล์อังกฤษจนเราลืมการใช้ชีวิตในไทยไปแพ้พนึง เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ใช้สีขาวกับน้ำตาลผสมผสานอย่างได้ใจเข้ากันไปกับสีเขียวจากแมกไม้รอบรอบซึ่งตอบโจทย์การนั่งชิวที่สุดเลยฮะ นอกจากนั้นทางร้านยังมีโซน indoor และ outdoor จะชอบพอบรรยากาศแบบไหน ก็หิ้วท้องหิ้วใจไปนั่งสั่งอาหารกันได้เล้ยยย
เมนูคาวหวานก็มีมากมายสำหรับทุกสายการชิมไม่ว่าจะสายชาคาเฟ่ หรือจะพาสต้าแกงฮังเลก็เก๋ไม่หยอก ส่วนเรานั้นก็จัดไปที่สตรอเบอร์รี่เครปเค้กและกาแฟ Signature ของร้านเพิ่มน้ำตาลกันเบาเบาก่อนเข้าที่พักจร้า!!
- ฮักกกโฮมสเตย์
อิ่มอิ่มชิคชิคไม่ต้องจิกหารถเดินทาง เพราะระหว่างทานของหวานเราก็วานเพื่อนเปิด Uber เพื่อเจอกับบริการดีดี ระบุสถานที่ที่จะไปแล้วหันไปกินต่อรอเวลารถมารับเลยจ้า พอเราขึ้นรถปุ๊บก็ม่อยหลับปั๊บ สลบไสลไปในเวลาครึ่งชั่วโมง พี่คนขับก็ไม่โกงเราเพราะเขาปลุกตอนถึงปลายทางตามที่แจ้งใน App เป๊ะเป๊ะ และความดีงามของ Application นี้คือเราไม่ต้องคุยเขี่ยหาเงินทองมากองจ่ายยามถึงปลายทางเพราะนางผูกกับบัตร Credit อยู่แล้วจร้า ตอบโจทย์เวลางัวเงียเพลียจะหยิบกระเป๋าตังสุดสุด
อ่ะอ่ะมัวแต่เม้าท์เรื่อง app นี้เพราะมันดีจริงจริงยิ่งอยากบอกต่อ แต่เราขอกลับมาเรื่องที่พักกันต่อกับ ฮักกกโฮมสเตย์ (อ่านว่า ฮัก – กก) ที่พักเก๋เก๋ทำเลท่ามกลางขุนเขา ณ บ้านกระเหรี่ยงรวมมิตร อ.แม่ยาว จ. เชียงรายจร้า
แต่ก่อนสถานที่แห่งนี้เป็นบ้านเก่าที่เจ้าของเขาเอามาดัดแปลงเป็นที่พักจำนวน 3 ห้อง แต่ถ้าเป็นหน้าหนาวก็จะมีเต็นท์ให้แคมป์ปิ้งกันยาวยาว ซึ่งแต่ละเต็นท์จะมีผ้าเช็ดตัว น้ำดื่ม ตะเกียงไฟเตรียมไว้ให้ ส่วนห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมแยกชายหญิงนะ
ราคาที่พักก็ดี๊ดีเราจะเสียมันนี่แค่ 700 บาท แถมได้ฟาด Set ปิ้งย่างเป็นมื้อเย็นฟรีอีกหนึ่งที่ นอกจากนี้ใครอยากจะทานอะไรเพิ่มเติมก็สามารถหาซื้อมาจัดแจงลงตะแกรงปิ้งได้สบายสบาย กินให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย
นอกจากที่พักจะตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขา บ้านฮักกกโฮมสเตย์ของเรายังใกล้ชิดติดกับแม่น้ำ ตอกย้ำทริปชิล ชิลปลิวใจไปกับธรรมชาติจริงจริง และจะยิ่งพีคไปกว่านั้นเพราะบางวันแกรอาจจะเจอพี่หมอกมาหลอกถึงเตียงยามตื่นนอนตอนเช้าเลยนะ
เอาจริงจริงเราไม่รู้หรอกว่าจะเจอหมอก แต่มันบังเอิญปวดฉี่เลยยอมพลีร่างลุกปลุกตัวเองขึ้นมา เลยได้ภาพหมอกเจ๋งเจ๋งมาฝากพวกเอ็งเลยนะ!! เสร็จธุระก็ผละตัวไปงัวเงียหลับอีกนิด ก่อนเพื่อนจะสะกิดว่ามึงมึงสิบโมงเช้าตื่นมากินข้าวได้แล้ว เราถึงค่อยค่อยต๊ะต่อนยอนร่อนกายหยาบมานั่งช้าช้าตามประสาล้านนาสไตล์รอพี่เจ้าของทำข้าวต้มอร่อยอร่อยมาให้ทานกัน
เสียค่าที่พักแค่ 700 แต่สอยได้ทั้งวิว ทั้งหมอก และขอบอกว่ายังรวมตั๋วไปรัวถ่ายรูปบนหลังช้างที่ปางช้างบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตรอีกนะแกร๊ นับว่าเป็นราคาที่ไม่แสวงหาผลกำไรอย่างแท้ทรูกับแพ็คเกจฟูลออฟชั่นแบบนี้
ที่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตรคือสถานที่ที่รวมชาวกะเหรี่ยงทั้งชาวเขาเผ่าอาข่าและลาหู่ในระแวกใกล้เคียงกัน ซึ่งหมู่บ้านนี้จะมีบริการขี่ช้างเที่ยวชมหมู่บ้านชาวเขา เราจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่า กะเหรี่ยง อาข่า ลาหู่ ลีซอ ม้งและไทลื้อ ได้ชมการแสดงทางวัฒนธรรมดีดี มีของฝากติดไม้ติดมือ ถือว่าเป็นที่ต้องห้ามพลาดแห่งหนึ่งในเชียงรายที่มาได้ง่ายง่ายด้วย Application เท่เท่ไม่เทเราอย่าง Uber จ้า (ฝรั่งชอบที่นี่สุดสุด แล้วคนไทยอย่างเราจะปล่อยให้หลุดผังเที่ยวได้อย่างไรกัน!)
เส้นทางการนั่งชมช้างที่รวมในราคาที่พักคือเริ่มตั้งแต่บริเวณรอบหมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตรและลงแม่น้ำกก ทว่าช่วงที่เราไปนั้นระดับน้ำในแม่น้ำค่อนข้างสูง ก็เลยได้แค่ขึ้นชมวิวภูเขาแต่เราก็ฟินอินพอพอกันนะ ขอแนะนำพวกแกรว่าควรมาที่นี่ตั้งแต่เช้า เพราะถ้าโชคเข้าข้างเรา พวกแกรจะได้ขี่ช้างชมเขา ชมแม่น้ำแบบมีทะเลหมอกล้อมรอบตัวเลยจร้า
ปล. หากไม่ได้เข้าพักที่บ้านฮักกกโฮมสเตย์จะต้องเปย์ค่าบริการที่ครึ่งชั่วโมง 200 บาท/ เชือก / 2 ท่าน
ตามสเต็ป จ ะ เ ที่ ย ว ไ ป ไ ห น ต้องเที่ยวทั่วไทยภายใต้สโลแกนว่า ตื่ น ส า ย ไ ป ไ ห น เราเลยได้แค่ภาพคูลคูลที่ดูมีช้างอยู่หน้าภูเขา แต่พอเอาลงโซเชียลปุ๊บ ไลค์ก็ถล่มทลายปั๊บพร้อมกับคำถามที่ว่า “ที่ไหนเนี่ยยยยน่าไป” เราก็แค่ตอบกลับไป “ที่นี่เชียงรายจร้า!!”
- น้ำเงี้ยวป้าสุข
หลังจากฟินกับสีเขียวเขียวบนเขาก็กลับที่พักมาเก็บกระเป๋าและเรียก Uber มารับเราเข้าใจกลางเมืองเชียงราย ถึงที่พักปุ๊บก็เริ่มตระเวนหาขนมจีนน้ำเงี้ยวแก้เปรี้ยวปากปั๊บ ซึ่งจากคำแนะนำและคำบอกเล่า พวกเราก็ไปกันที่ร้านน้ำเงี้ยวป้าสุขฮะ
ร้านน้ำเงี้ยวป้าสุขตั้งอยู่ที่ ถนนสันโค้งน้อย (สันโค้งน้อย ซอย 5) เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดบริการมานมนานส่วนเมนูอาหารก็มี ขนมจีนน้ำเงี้ยว ก๋วยเตี๋ยวน้ำเงี้ยว ขนมจีนน้ำยา ข้าวกั๊นจิ้นและขนมหวานนะแกร
ป้าสุขเจ้าของร้านที่นี่ก็ใจดีมากมาก ปากก็ทักทายลูกค้า มือก็ตระเตรียมอาหารที่ล้วนแล้วแต่ปรุงสุกแบบร้อนร้อน เช่นน้ำเงี้ยวในรูปด้านล่างที่กำลังเดือดปุดปุดส่งกลิ่นหอมจรน้ำลายเราไหลไม่หยุดเลย
เมนูพระเอกของร้านน้ำเงี้ยวก็คงเป็นขนมจีนน้ำเงี้ยวตามความคาดหมาย แต่เมนูนางเอกที่จะไม่แนะนำไม่ได้เด็ดขาดและต้องห้ามพลาดคือ ก๋วยเตี๋ยวน้ำเงี้ยวจร้า ความพิเศษอย่างแรกของที่นี่คือการเติม “น้ำหน้า” ซึ่งก็คือการตักเอาเฉพาะความเข้มข้นบนผิวน้ำแกงราดลงไปในชามน้ำเงี้ยวอีกที เพื่อให้มีรสชาติเข้มข้นมากขึ้น อย่างที่สองผักกาดดองที่ดองแบบ Northern Style อร่อยได้ใจเวลากินคู่กันมากมาก และอย่างสุดท้ายก็คือ หนังพอง หรือ หนังปอ ของแกล้มรสสัมผัสคล้ายคล้ายแคบหมูไว้กินคู่กับเมนูน้ำเงี้ยวเช่นกันจร้า (ว่ากันว่าหนังปองทำมาจากหนังควายด้วยนะ ฮ่าฮ่า)
ส่วนอีกเมนูที่อยากให้ลองกันดูคือ ข้าวกั๊นจิ๊นซึ่งทำจากข้าวเจ้าคลุกเลือดหมูแล้วนำมาห่อใบตองนึ่ง และจะเสิร์ฟพร้อมพริกแห้งทอด แตงกวา ผักชี ขอบอกเลยว่ารสชาติดี๊ดีกินแล้วมีความสุขมากมากแกร๊
- Laan-Tim’s Cafe’ & Gallery (หลานติ๋ม คาเฟ่)
กินคาวเต็มพุงก็มุ่งกลับมาตั้งหลักที่ที่พักกันก่อน แต่ระหว่างรอเช็คอิน เราก็มานั่งฟินกันที่ Laan-Tim’s Cafe’ & Gallery (หลานติ๋ม คาเฟ่) ร้านกาแฟเก๋เก๋ที่เจ้าของเป็นคนเดียวกับที่พักของเราคืนนี้จร้า หลานติ๋มคาเฟ่เกิดขึ้นมาจากเจ้าของร้านซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ได้กลับมาบูรณะพื้นที่ด้านหน้าของโรงแรมบ้านนอนเพลินซึ่งเคยเป็นโรงเรียนอนุบาลมาก่อน เพื่อที่จะสามารถต้อนรับแขกที่มาเที่ยวได้ทั้งวันโดยอาศัยชื่อของคุณยายติ๋มซึ่งเป็นยายของตนนั้นมาใช้เป็นชื่อร้าน
ตัวร้านได้รับการออกแบบให้เชื่อมต่อกับอาคารด้านในโดยใช้รูปทรงที่เรียบง่ายของทรงจั่วที่เป็นโครงไม้เสียบทะลุไปยังตัวร้าน ทำให้แสงผ่านลอดเข้าไปด้านในดูโล่งโปร่งสบาย ส่วนด้านการตกแต่งก็จะเป็นไม้กับผนังปูนสีขาวดูเบาบางสบายตาให้ลูกค้าสามารถเก็บภาพสวยสวยได้หลายหลายมุมฮะ
มุมน่ารักน่ารักที่ต้องหยุดพักถ่ายรูปก็คือมุมเฟอร์นิเจอร์โต๊ะไม้ในห้องเรียนซึ่งนำโต๊ะเรียนจริงจริงเมื่อสมัยที่แห่งนี้ยังเป็นโรงเรียนอนุบาลเอามาใช้งานต่อในร้านคาเฟ่ เลยกลายเป็นมุมเท่เท่ให้พวกเราเก็บภาพความประทับใจกันไป โดยเฉพาะเมื่อไรที่แสงแดดยามบ่ายฉายทะลุบานหน้าต่างออกมา จะรู้เหมือนว่าเราอยู่ญี่ปุ่นเลยแกร๊
ยามบ่ายแดดอ่อนอ่อน สั่งลาเต้ร้อนร้อนมานั่งชิล ทำงาน ฟังเพลง ครื้นเครงกับเพื่อนไปเรื่อยเปื่อยก็แก้เหนื่อยแก้มึนจากชีวิตอึนอึนได้ดีจริง
- บ้านนอนเพลิน
จากที่บอกว่าทริปนี้คือทริป Slow Life อย่างแท้ทรูก็ขออยู่กันแบบช้าช้า เรานั่งแช่จนบ่ายสามก่อนจะค่อยค่อยเดินข้ามตัวอาคารมาหลังคาเฟ่จนเจอที่พักเก๋เก๋นามว่า “บ้านนอนเพลิน” ตามที่เกริ่นไว้ด้านบนนั่นเอง ที่แห่งนี้คือโรงเรียนอนุบาลเก่าที่เจ้าของนำมาดัดแปลงเป็นห้องพักทั้งหมด 15 ห้องในราคาที่จ่ายได้แบบกระเป๋าตังไม่พร่องเลยแกร
การตกแต่งก็คลาสสิคถูกจริตแฟชั่น แฟนฉัน มากมาก บ้านไม้ผสมปูนร่วมสมัยในยุคย้อนไปสักยี่สิบกว่าปีที่แล้ว เฟอร์นิเจอร์ยุคเก๋า ทีวีตู้รุ่นพ่อแม่เรา เขาก็เอามาวางเข้าทางมุมกล้องสุดสุด บอกเลยว่ามาที่นี่จะประทับใจกับจุดถ่ายรูปที่หลากหลายมากมายจริงจริง
เนื่องจาก Concept ของที่นี่คือที่พักอนุรักษ์ประหยัดไฟ ดังนั้นภายในห้องพักจะไม่มีตู้เย็นจัดไว้ ส่วนใครที่อยากดื่มน้ำเย็นเย็นก็เน้นให้มาใช้ร่วมกันที่ส่วนกลางซึ่งก็มีไมโครเวฟ และที่นั่งชิลชิลให้นักท่องเที่ยวพูดคุยเห็นหน้าค่าตากันและกัน ซึ่งเจ้าของเขาบอกว่าเขาตั้งใจให้หลายหลายคนรู้จักกันและกลายมาเป็นเพื่อนกัน แต่ส่วนเรานั้นก็คิดว่ามันดีต่อใจให้สายโสดต้องไปโดนรัวรัวนะ ฮ่าฮ่า
ที่โรงแรมทั่วไปจะรันหมายเลขห้องไว้เป็นตัวเลข เช่น 101 202 303 แต่ที่นี่บียอนกว่านั้นจ้า เนื่องว่าเคยเป็นโรงเรียนอนุบาลไง ชื่อห้องเลยต้องไว้ลายเก๋เก๋ เขาก็ตั้งตามชื่อห้องเก่าเท่เท่ว่า ห้องพักครู 1/4 บ้าง ห้องอนุบาล 3/1 บ้าง เราว่ามันมีกิมมิคดีจังเลยยย
เข้าห้องไปท่องฝันกัน 1 ชั่วโมงพอเพิ่มพลังแล้วก็ตื่นมานั่งจิ้ม Uber เพื่อไปเจอแลนด์มาร์คต่อไปในโลเคชั่นหรูหรานามว่า ไร่บุญรอด ( สิงห์ปาร์ค ) จร้า
ตั้งแต่เรามาเชียงราย เราก็เดินทางสะดวกสบายไปกับนาย Uber จริงจริง ยิ่งไปกว่านั้น พอเราใช้บริการบ่อยบ่อยเราก็ค่อยค่อยได้ส่วนลดเพิ่มเติมไปด้วย แถมบางทียังมี code ให้เราเอาไปช็อป ไปกิน ไปฟินกับร้านค้าต่างต่างอีกต่างหาก ซึ่งนอกจากข้อดีทางร้านสิทธิพิเศษแล้วยังปลอดภัยไร้กังวลกับระบบติดตามทาง GPS และที่สำคัญที่สุดสำหรับเราคือ พี่พี่ที่มาขับรถให้เขาใจดี พูดจาดี มีความสุภาพสุดสุดแกร๊
- ไร่บุญรอด ( สิงห์ปาร์ค )
ออกจากบ้านนอนเพลิน แล้วก็นั่งรถเพลินเพลินฟังเพลงละเลงวิวผ่านสายตามาตามเส้นถนนหมายเลข 1211 สักเกือบครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงไร่บุญรอดจร้า ซึ่งไร่นี้เป็นของบริษัท บุญรอด ผู้ผลิตเบียร์สิงห์ที่สร้างไว้อย่างยิ่งใหญ่ นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินเจริญใจไปกับ 4 จุดสุดชิคเริ่มจาก จุดทุ่งดอกคอสมอส จุดให้อาหารยีราฟและม้าลาย จุดศูนย์กีฬาและสันทนาการ หรือที่รู้จักว่า บ้านแดงซึ่งมีทั้งจักรยานให้เช่าและ Zip Line ให้เราเล่น และจุดสุดท้ายคือ จุดชมวิวไร่ชา 360 องศาและร้านอาหารภูภิรมย์ และถึงแม้พื้นที่จะกว้างขวาง ที่นี่เขามีรถรางบริการออกทุก 15 นาทีซึ่งราคาตกอยู่ที่หัวละ 50 บาทจ้า
แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็อย่าลืมไปเช็คอินกับพี่สิงห์ กันคนอื่นว่ามาไม่จริงนะแกร๊!!
แม้ว่ากิจกรรมเขาจะเยอะ แต่เวลาเรามีไม่เยอะ ดังนั้นเราจะนั่งปั้นหน้ารับอากาศเย็นเย็น ดูคนเล่นซิปไลน์และไซคลิ่ง (ปั่นจักรยาน) บอกแล้วไงว่าทริปนี้พี่มาชิลล ดังนั้นเราก็เดินตัวปลิวหิ้วกล้องไปส่องหามุมเจ๋งเจ๋งมาฝากพวกเอ็งกันนะ
ถ่ายรูปจนไส้กิ่ว เราเลยมาแก้หิวกันที่ร้านอาหารภูภิรมย์ฮะ ร้านอาหารวิวดี๊ดีที่ชาตินี้ต้องไปให้ได้เพราะว่าเราสามารถชมวิวของไร่บุญรอดแบบช็อต 360 องศาได้ที่นี่ฮะ นอกจากร้านอาหารแล้วยังมีร้านคาเฟ่ ร้านขายของที่ระทึกเอ้ยระลึก และก็ร้านขายผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากผลผลิตในไร่ทั้งไวน์ ชา และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจร้า
ย้อนกลับมาที่ร้านอาหารภูภิรมย์ให้สมความหิว วันนี้เราจัดยำยอดชา ออเดิร์ฟอาหารเมือง แล้วก็แกงป่าไก่เพื่อซดให้คล่องคอหน่อยหน่อย ชิมวิวไป ตักข้าวใส่ปากไป โมเม้นท์แบบนี้ช่างดีต่อใจอยากจะฝากไว้ให้ลองมาให้ได้นะแกร๊!!
กินกันจนหนำใจแล้วค่อยใช้บริการพี่ Uber พากลับเข้าที่พักจากไร่บุญรอดจ้า ซึ่งความสะดวกในการเดินทางแบบนี้ก็เป็นที่ประทับใจของเราสุดสุด เพราะไม่ว่าจะอยู่จุดไหนในเมืองเชียงรายก็เดินทางได้ง่ายง่ายแบบไม่ต้องกังวลเลยฮะ
พอมาถึงที่พัก เราก็คว้าจักรยานกะจะปั่นผลาญพลังงานที่พึ่งทานกันไป ทว่าพี่เจ้าของที่พักดั๊นแนะนำร้านบัวลอยป้าอ้วนที่อยากชวนให้ลองสุดสุด บัวลอยร้านนี้ตั้งอยู่ที่ไนท์บาซ่าเชียงราย หนึ่งในจุดหมายต้องห้ามพลาด เม็ดแป้งนุ่มนุ่ม ชุ่มด้วยน้ำกะทิหวานมันพอดีไม่มีเลี่ยน แต่ถ้ากลัวเอียนก็สั่งบัวลอยไข่เค็มแบบเรามาเข้าปากได้เล้ยยยย รับรองไม่ผิดหวังชัวร์ชัวร์ ฟันธง
กินไปเดินไปพักใหญ่ใหญ่จนมาหยุดสะดุดตากับหอนาฬิกากลางเมืองที่มีไฟส่องงามอร่ามเรืองรองน่ามองมากมาก ซึ่งหอนาฬิกานี้มีนามว่าหอนาฬิกาเปลี่ยนสีพุทธศิลป์เชียงราย หรือ หอนาฬิกาเชียงราย เป็นงานศิลปะที่แฝงด้วยกลิ่นอายทางพุทธศาสนา และเป็นสมบัติล้ำค่าของเมืองเมืองนี้ฮะ และความสวยงามที่พวกแกรเห็นก็เป็นการออกแบบจาก อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่ง ณ เวลาหนึ่งทุ่ม สองทุ่มและสามทุ่มของทุกวัน ไฟที่ส่องสว่างข้างในนั้นจะเปลี่ยนสีพร้อมกับดนตรีบรรเลงเป็นที่ครื้นเครงต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจร้า นับว่าวันนี้พวกเราก็เที่ยวสบายครบทุกสายจริงจริงทั้งสายธรรมชาติ สายคาเฟ่ สายศิลปวัฒนธรรม ต้องขอบคุณ Application ล้ำล้ำอย่าง Uber ที่ทำให้เราพบเจอสถานที่ชิคชิค ได้จิกกล้องท่องเชียงรายสมใจหมายจ้า
สำหรับคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์ฮะ
อรุณเบิกฟ้าให้นกกาโบยบินไปก่อน 8 โมงก็แล้ว 9 โมงก็แล้วพวกเรายังไม่แคล้วอยู่เงียบเงียบและไม่อยากตื่นขึ้นพบใคร จนเวลาปาเข้าไป 10 โมงถึงออกจากคลุมโปงมาอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน เช็คเอาท์แล้วก็เข้า app Uber เกลอเก่าเจ้าเดิม เพื่อให้ไปส่งที่วัดร่องขุ่นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่กลายเปนสัญลักษณ์เชียงรายไปแล้ว ซึ่งข้อดีที่ชัดเจนมากมากของ Uber คือเรียกปุ๊บมาปั๊บไม่ต้องคอยลังเลว่าจะโดนเทจากคนขับรึเปล่าด้วยนะ
- วัดร่องขุ่น
จากบ้านนอนเพลิน เราก็นั่งรถฟังเพลงเพลินเพลินมาตามถนนพหลโยธินประมาณ 20 นาที พี่ Uber ก็จะพาเธอมาเจอกับศาสนสถานชื่อดังอลังการผสานวัฒนธรรมล้านนา จุดเด่นของวัดคือทุกสถานที่ล้วนมีแต่สีขาว เราจะว้าวไปกับสถาปัตยกรรมที่งดงามตามความตั้งใจสร้างของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
ทุกย่างก้าวในวัด เราต่างสัมผัสได้ทุกความตั้งใจและใส่ใจของอาจารย์ที่สะท้อนออกมาจากสถานที่แห่งนี้ ทุกรายละเอียดทุกงานศิลป์ไม่ได้มีแค่จินตนาการอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวกับความหมายที่ต้องการจะสื่อถึงผู้มาเยือนให้เตือนสติคิดสร้างสรรค์หมั่นเพียรทำดี
- เรียวกัง คาเฟ่ (Ryokan Cafe’)
หลังจากชื่นชมสถาปัตยกรรมที่แฝงคติธรรมไว้มากมายแล้ว ใกล้ใกล้กันกับวัดร่องขุ่นนั้นจะมีร้านคาเฟ่แลดูอบอุ๊นอบอุ่นนามว่า เรียวกัง คาเฟ่ (Ryokan Cafe’)
เรียวกัง คาเฟ่ (Ryokan Cafe’) ตั้งอยู่ที่ อบต.บัวสลี ในอาณาบริเวณที่ร่มรื่นย์ชื่นใจไปกับแมกไม้ที่จัดได้คล้ายโรงเตี๊ยมญี่ปุ่นอย่างที่สุดเลยแกร และถึงแม้คาเฟ่แห่งนี้จะเป็นโอพึ่นแอร์ (ไม่มีแอร์) ก็อย่าได้กลัวเพราะต้นไม้นางเยอะมากมาก อากาศเลยเย็นรัวรัวจร้า
…อ้อที่เราบอกว่าใกล้ใกล้ก็ต้องเดินไปตั้ง 3 กิโลนะ เรียกพี่ Uber ไปส่งพวกเธอดีกว่า
การตกแต่งร้านก็ทำออกมาได้คล้ายโรงเตี๊ยมที่จะมีดังโงะขายตามที่เรามักเห็นในการ์ตูนญี่ปุ่นจริงจริงแกร สิ่งปลูกสร้างเล็กเล็กท่ามกลางสวนหย่อมใต้ต้นไผ่และพันธุ์ไม้เขียวเขียว มีเฟอร์นิเจอร์ดูเข้ากันเชียว สมกับเป็นเรียวกังจริงจริงฮะ นอกจากบริการเครื่องดื่มแล้ว ที่นี่ยังมีขายของที่ระลึกแนวญี่ปุ่นคิกขุคิกขุอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นถ้วยชากาแฟ หรือแม้จะเสื้อผ้าอาภรณ์ก็มีจร้า
เดินชมจนพอใจก็ไปสั่งเครื่องดื่มกัน เครื่องดื่มที่นี่ตัวเลือกค่อนข้างเยอะจร้า แต่ที่ขึ้นชื่อลือชาก็ต้องเป็นฮอกไกโด ฮาเซลนัท ซึ่งเสิร์ฟมาพร้อมกับไอติมรสนมฮอกไกโดโฟลทในแก้ว หรือจะชาเขียวก็เฟี้ยวเช่นกัน ส่วนเมนูของเคียงที่เลี่ยงไม่ได้จริงจริงก็คือขนมปังชาเชียวไส้ถั่วแดงที่ทางร้านทำเอง อันนี้เอ็งต้องลองเพราะมันอร่อยตรงใจท้องเราจริงจริงแกร๊
ตอกย้ำความเป็นแจแปนสุดสุดด้วยอีกสองจุดที่จะมีรูปปั้นตัวการ์ตูนญี่ปุ่นทั้งโดเรม่อนและโตโตโระ โดยเฉพาะพี่โตโตโระเนี่ยจะยืนถือร่มอยู่ริมถนนเหมือนในฉากภาพยนตร์อนิเมชั่นของนางเลยจร้า (ตามไปดูกันได้ที่ My Neighbor Totoro) ซึ่งเรียวกัง คาเฟ่นี้มีมุมเท่เท่ให้เราโพสต์ท่าเก๋เก๋ลงโชเชียลเยอะจริงจริง ใครอยากคุมธีม มีทีม Concept ก็อย่าพลาดแต่งตัวเด็ดเด็ดมาถ่ายให้เนียนเหมือนไปเยี่ยมเยียนญี่ปุ่นมาเลยนะแกร๊!!
และเพื่อกันเสียเวลาการเดินทาง เราก็เรียกพี่ Uber ให้มารับไปยังแลนด์มาร์คต่อไปที่อยู่ใกล้สนามบินขึ้นอีกนิดกับ Blessed Cafe จร้า
- Blessed Cafe
ถ่ายรูปฟินฟินอินกับมุมน่ารักน่ารักแนวญี่ปุ่นจนพอใจ พี่ Uber ก็มาถึงแล้วบึ่งพาเราไป Blessed Cafe คาเฟ่เท่เท่ที่จะพลาดไม่ได้ของสายมินิมอลทันทีจร้า ร้านกาแฟเล็กเล็กสเป็กคนรักสีขาวที่ถ่ายรูปมุมไหนก็ว้าวโดนใจไม่ไปไม่ได้จริงจริง การตกแต่งก็ทำด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยน้อยที่ยังคง Concept สีขาวเป็นหลัก แต่เจือด้วยไม้และสีเทาอ่อนอ่อนเพิ่มความละมุนละไมโดนใจบางบางอย่างเรา และยิ่งรู้สโลแกนของร้านพี่เขาที่จะเอาเงินทุก 10 บาทจากราคาในเมนูนำไปเป็นค่าอาหารสำหรับเลี้ยงแมวกว่า 70 ตัว เรายิ่งหลงรักร้านนี้เข้าไปอี๊กกก
ณ Blessed Cafe แกรห้ามเทสองเมนูเด็ดขาดกับ Little Twin เมนูฟินฟินที่ถ่ายรูปก็โคตรสวย รสชาติก็ดีด้วย นี่เราอวยเราขอยอมรับ เพราะเราอยากแกรโดนสักสำรับจริงจริง!!
หลังจากฟินกับ Blessed Cafe ก็คงถึงเวลาเซย์กุ๊ดบายกับเมืองเชียงรายทริปนี้ ทริปชิคชิคในเมืองเงียบเงียบแต่ที่เที่ยวเพียบจริงจริง ซึ่งสิ่งสำคัญสำหรับเราในการเข้าไปเยือนแต่ละสถานที่คือการเปิดใจไปเรียนรู้สิ่งดีดีที่ท้องถิ่นนั้นนั้นมีและปรับตัวไปกับมัน แล้วเราก็เชื่อว่าจังหวัดนี้ต้องมีแหล่งกิ๋บเก๋กิ๋บเก๋อื่นอื่นที่รอวัยรุ่นครุ่นคิดอย่างแกรและเราเข้าไปเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนกลับมาแบ่งปันผ่านโซเชียลแน่นอน
และที่เราได้เที่ยวตัวปลิวหิ้วกล้องไปท่องเมืองครบทุกที่แบบนี้ก็ขอยกความดีให้กับ Uber Application ดีดีที่แก้ปัญหาขนส่งสาธารณะได้ถูกชะตาวัยรุ่นอย่างเรามากมากจร้า
เชื่อเราเถอะว่าการออกเดินทางมันดี๊ดี มันอาจต้องมีเสียตังนิดหน่อย สอยเวลาเราไปบ้าง แต่สิ่งที่พบเจอระหว่างทางอาจเป็นคำตอบของคำถามที่แกรหามาทั้งชีวิตก็ได้นะ
จ ะ เ ที่ ย ว ไ ป ไ ห น เหรอ ตามพวกเราไปสิเธอแล้วจะรู้เอ๊งง!!